ตอนที่427ระเบิดตั้งเวลา   1/    
已经是第一章了
ตอนที่427ระเบิดตั้งเวลา
ตอนที่427ระเบิดตั้งเวลา ในระหว่างที่ทุกคนต่างวุ่นวายกันอยู่ประทินได้พาเด็กน้อยย้ายไปอยู่ในที่ที่อับที่สุดพร้อมทั้งติดตั้งเครื่องติดตามตัวและระเบิดตัวเล็กชุดหนึ่งที่สั่งการด้วยระบบรีโมท ถึงจะเป็นชุดเล็กแต่ก็สามารถทำอันตรายธีมนต์ถึงชีวิตได้เหมือนกัน หลังจากดำเนินการเสร็จประทินก็ได้ถอดดวงไฟทั้งหมดไปทิ้งในกองโคลนมองไปรอบๆนอกจากแสงจันทร์ที่อยู่เหนือศีรษะก็มีแต่ความมืดมิดเหลือเพียงเสียงของใบไม้ที่ถูกลมพัดเท่านั้น หล่อนหาที่นี้มานานมากอยู่ที่ชายเขาลึกลับอบๆมีแต่ต้นไม้ถ้าไม่เดินเท้าขึ้นมาก็จะหาที่แห่งนี้ไม่เจอถ้าจะหาก็ต้องใช้เวลานานพอสมควร เมื่อเช็คดูว่าไม่มีอะไรผิดปกติแล้วประทินก็กลับมาที่บังกะโลแล้วจึงเอาขวดสีเงินออกจากกระเป๋าที่เธอนำมาซึ่งมีขนาดเล็กมากเล็กเพียงครึ่งหนึ่งของฝ่ามือ ภายใต้แสงจันทร์ขวดเงินนั้นเยือกเย็นประทินมองขวดเล็กนั้นตาแสดงความปรารถนารุนแรงเมื่อเธอคิดถึงแผนการขั้นต่อไปเลือดของพลุกพล่านจนทำให้เธอนอนไม่หลับเลยในใจมีความคิดเพียงอย่างเดียวคือรอให้ฟ้าสว่างเร็วๆ บ้านที่ทรุดโทรมอากาศที่เงียบสงบประทินไม่เคยรู้เลยว่าเธอมีความมุ่งมั่นดีขนาดนี้เธอนั่งเฉยๆตลอดทั้งคืนไม่ได้นอนหรือกินอะไรเลยแต่เธอก็ไม่รู้สึกง่วงนอนและหิวในสมองมีแต่แผนการที่วางไว้ ท้องฟ้าเริ่มสว่างขึ้นเธอไปที่มุมและมองสิ่งเล็กๆที่นอนตัวสั่นไม่รู้สึกตัวเธอกระชากคอเสื้อปลุกเขาให้ตื่นจากความฝัน ตาสี่ดวงปะทะกันดวงตาที่ชั่วร้ายและบริสุทธิ์ที่สุดทั้ง2คู่ ประทินเตือนเขาอย่างดุร้าย“อย่าขยับนะบนตัวเธอมีระเบิดถ้าไม่อยากจะมีจุดจบอย่างพ่อของเธอก็รออยู่ที่นี่ดีๆ” ระเบิด! เด็ก5ขวบพอจะรู้จักสิ่งนี้แล้วพอได้ยินอย่างนี้เขาก็เกร็งไม่กล้าขยับเขยื้อนทันที ประทินวางเขากลับไปที่มุมเบาๆแล้วเดินไปที่กระเป๋าใบใหญ่ที่เขานำมาเขาหยิบชุดประโปรงยาวสีนู้ดออกมาจากด้านในและถอดเปลี่ยนโดยที่ไม่แคร์สายตาเด็กน้อยที่นั่งอยู่ด้านหลัง ธีมนต์ตกใจจนรีบหลับตาข้างหูก็มีแต่เสียงที่น่ากลัวของเสื้อผ้าที่เสียดสีกัน หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งการเคลื่อนไหวก็หายไปและทันทีที่เขาได้ยินเสียงของประตูไม้ปิดลงเขาก็เริ่มเปิดตาขึ้นแต่ก็ไม่เห็นเงาของประทินอีกต่อไป …… ประทินเดินลงมาจากถนนบนเขาอีกฝั่งหนึ่งรวมๆแล้วใช้เวลาเกือบชั่วโมงหล่อนถอดรองเท้าที่เต็มไปด้วยดินโคลนทิ้งแล้วเปลี่ยนไปใส่รองเท้าส้นสูงสีแดงที่เตรียมไว้ นอกจากตาที่มีเส้นเลือดแดงๆขึ้นมาก็ไม่สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงอะไรในตัวหล่อนเลย เธอเอื้อมมือออกไปและหยุดรอรถแท็กซี่ก่อนที่เธอจะขึ้นรถเธอมองกลับไปที่ภูเขาด้านหลังเธอแสงไฟส่องผ่านดวงตาของเธอสายตาของเธอคาดเดาไม่ได้เลยบางทีอาจจะมีแต่เธอคนเดียวที่รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ พอขึ้นรถเธอก็หยิบมือถือขึ้นมาเปิดเครื่องและเตชิตก็โทรเข้ามาพอดี เขาชะงักอยู่ครู่นึงก่อนรับสายเสียงในสายเด็มไปด้วยความลนลาน“คิดได้รึยัง” เวลาคืนหนึ่งผ่านไปเสียงของผู้ชายคนนั้นแหบแห้งลงมากคล้ายกับทรายในทะเลทรายที่โดนแดดเผาเขาคงจะกังวลมากที่หาลูกไม่เจอจะเป็นตายร้ายดียังไงก็ไม่รู้หรือจะพูดได้ว่าผู้ชายคนนี้คิดถึงหล่อนมาทั้งคืนก็ว่าได้ ประทินหันหน้ากลับมาในรถไม่มองวิวข้างนอกพวกนั้นอีกต่อไป“ไปถนนชชลธีเลขที่52” ได้เขารีบตอบตกลงจากนั้นก็หันไปส่งสายตากับคนที่กำลังฟังตนคุยโทรศัพท์อยู่ คนฟังรับทราบแล้วรีบค้นหาตำแหน่งจากระบบอินเตอร์เน็ตจนพบอย่างรวดเร็วเป็นร้านอาหารธรรมดาร้านหนึ่งธรรมดาถึงขั้นที่มีแต่ชาวบ้านธรรมดาเท่านั้นที่จะเข้าไป ประทินมองที่ต้นขาใต้กระโปรงของเขามืออีกข้างก็พลางถูบนต้นขาเธอหลับตาเบาๆแล้วพูดว่า "เตชิตเมื่อคืนคุณคิดถึงฉันไหม?" เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่ดูเหมือนว่าจงใจจะยั่วยวนผู้ฟังทุกคนก็รีบหันไปทางเตชิตแต่ใบหน้าของชายนั้นกลับไม่ได้แสดงอาการใดๆนอกจากความเยือกเย็น"คิดถึงคิดถึงที่สุด" คิดที่อยากจะรีบลากคอผู้หญิงคนนี้มาสับเป็นชิ้นๆแล้วให้หมากิน ประทินกลับไม่ได้ใส่ใจเธอหัวเราะขึ้นมาเสียงหัวเราะนั้นทำให้คนขับแท็กซี่อดไม่ได้ที่จะหันมาดู“งั้นก็ดีเดี๋ยวเจอกันนะ” มือถือวางไปเสียงที่ทุเรศทุรังของหญิงสาวหายไปในที่สุด ชนัยจับไปที่ไหล่ของเตชิต“พี่ถ่วงเวลาไว้อีกหน่อยนะอีกไม่เกินหนึ่งชั่วโมงก็จะรู้ตำแหน่งที่แน่นอนของรถคันนั้นแล้วจะ.......” ผมจะไปเตชิตยกมือขึ้นปฎิเสธใบหน้าเคร่งขรึม“คุณส่งคนค้นหาต่อไปผมจะไปก่อน” ชนัยไม่ค่อยเห็นด้วยกับวิธีนี้แต่ก็ต้องยอมให้ไป“ผมให้คนตามพี่ไปด้วยเผื่อเกิดอะไรขึ้นจะได้ช่วยทัน” “เขามองออกว่าเตชิตไม่กล้าเสี่ยงง่ายๆหรอกเพราะตอนนี้เด็กอยู่ในมือของเธอโมโหใส่เธอไม่ได้” ณเวลานี้ประทินเปรียบเสมือนหมาจนตรอกตัวหนึ่งไม่เหลือความเป็นมนุษย์แล้ว ชนัยขมวดคิ้วขึ้นมาครุ่นคิด“ลำพังเขาคนเดียวคงไม่พาลูกมาพบเตชิตหรอกน่าจะเป็นไปได้ว่าเด็กยังอยู่ที่เดิมเตชิตจะไปแบบนี้อันตรายมาก” เรื่องนี้ทำไมเตชิตจะไม่เข้าใจเพียงแต่.... เตชิตมองไปที่เพื่อนเก่าคนนี้"ชนัยฉันพนันไม่ได้แม้ว่าฉันจะตกอยู่ในอันตรายฉันก็ไม่อยากนั่งรอเฉยๆแบบนี้นั่นคือลูกชายของฉัน" ณเวลานี้ชนัยมองดูผู้ชายตัวสูงใหญ่ที่ยืนอยู่ด้านหน้าความรู้สึกไม่เหมือนกำลังดูคนคนนึงแต่เป็นการดูคนกลุ่มหนึ่งเขาบอกเขาอย่างเข้มแข็งและมีพลังว่านั่นคือลูกชายของเขาคนที่เขาจะยอมทุ่มเททุกอย่างให้ได้มันช่างลึกซึ้งมากทำให้เขาจะจดจำเรื่องราวเหล่านี้ชัดเจนไปอีกนานแสนนาน สุดท้ายเตชิตก็ไปเขาขึ้นรถไปคนเดียวเหยียบคันเร่งแล้วก็ออกจากมูตี้คลับเฮาส์ไป ชนัยติดตั้งเครื่องติดตามตัวไว้ที่มือถือของเตชิตนี่คือการประณีประนอมสุดท้ายของเขาถึงแม้ธีมนต์จะสำคัญแต่สำหรับชนัยที่เป็นเพื่อนกับเตชิตมาหลายปียังไงเพื่อนของเขาก็สำคัญกว่าเด็กคนนั้น เตชิตใช้ความเร็ว120ตลอดเส้นทางที่จะไปหาประทินเขาไม่ทันได้วิเคราะห์ด้วยซ้ำว่าทำไมประทินถึงนัดเขาที่นั่นแต่ก่อนที่เขาจะรู้ที่อยู่ของลูกเขาก็ไม่มีสิทธิจะต่อรองอะไรทั้งนั้น ในขณะที่เขารวบรวมสมาธิขับรถอยู่นั้นมือถือที่วางอยู่ที่เบาะนั่งข้างๆก็ดังขึ้นมาตอนแรกเขานึกว่าจะเป็นสายของประทินยกมาดูกลับเป็นสายของนัชชา ‘กริ๊ง’—— เขาเบรกรถอย่างฉุกเฉินทำให้ยางที่สีกันกับถนนยางมะตอยเกิดเป็นควันขาวฟุ้งขึ้นมา เขาจอดรถข้างถนนหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูเบอร์โทรที่ปรากฏอยู่บนจอให้ให้เหงื่อไหลพรากรอถึงนัชชาโทรเป็นครั้งที่สองถึงตัดสินใจกดปุ่มรับสาย“ฮัลโหล” นัชชายืนอยู่ที่โต๊ะทำงานเดิมตอนนี้โต๊ะทำงานถูกจัดไว้อย่างเป็นระเบียบตอนแรกเธอคิดว่าจะโทรไปแจ้งข่าวดีที่จะกลับไปวันพรุ่งนี้แต่เสียงในสายทำให้เธอรู้สึกชะงัก เสียงเขาลนลายทำให้นัชชาอดคิดไม่ได้ว่าต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่ๆ“เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ”
已经是最新一章了
加载中