ตอนที่436 จูบที่ไม่ทันตั้งตัว   1/    
已经是第一章了
ตอนที่436 จูบที่ไม่ทันตั้งตัว
ตอนที่436 จูบที่ไม่ทันตั้งตัว หลังจากพูดกับปรัณด้วยประโยคธรรมดาๆสองสามประโยค นัชชาก็กลับไปที่ห้องผู้ป่วยอีกรอบ เตชิตนอนอยู่บนเตียง ด้วยท่าทางไม่ต่างจากเดิม เพราะว่าร่างกายขยับไม่ได้ ดังนั้นเธอเดินเข้ามา เขาทำได้เพียงพยายามมองมาทางเธอ ลูกตาโฟกัสอยู่ด้านข้าง มองแล้วดูลำบากน่าขัน แต่นัชชาไม่ได้ใส่ใจเลย เดินเข้าไปเอื้อมมือไปลูบปลอบโยนหน้าผากเรียบของเขา “ตราบใดที่ไม่มีไข้ก็ดีแล้ว” เตชิตจ้องมองหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างเตียง ตอนฟื้นขึ้นมาที่เตียงผู้ป่วยไม่มีใคร ในพริบตาเดียวเขายังไม่ทันได้คืนสติก็สับสนขึ้นมา รู้ว่าเธอและปรัณรีบเข้ามาในห้องผู้ป่วย เขาก็วางใจ เพียงแต่อุบัติเหตุนี้ เขากลับทำได้เพียงนอนอยู่บนเตียงเท่านั้น แม้แต่จะกอดเธอก็ทำไม่ได้ ความรู้สึกที่ไร้เรี่ยวแรงและอ่อนแอแบบนี้ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองเหมือนกับคนพิการ นัชชารับรู้ถึงความรู้สึกติดลบของเขา ไม่รู้จะพูดอะไรถึงจะสามารถปลอบโยนเขาได้ ได้ประสบเหตุการณ์ครั้งนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองดูเหมือนจะยิ่งมีค่ามากขึ้น เธออยากจะอยู่เคียงข้างเขา แต่เธอก็รู้อีกว่าผู้ชายที่ปกติทระนงตน ท่าทางตอนนี้ในใจต้องไม่พอใจอยู่แน่นอน ใครอยากให้เผยด้านอ่อนแอออกมาต่อหน้าผู้หญิงที่ตัวเองรักล่ะ? แต่นัชชากลับไม่คิดเช่นนี้ เธอรู้ว่าที่เขากลายเป็นแบบนี้ก็เพื่อลูก เพื่อเธอ ดังนั้นท่ามกลางแววตาประกายของเขา เธอโน้มตัวลงไปใกล้ริมฝีปากดูดีนั่น แล้วจุ๊บลงบนริมฝีปากแห้ง ไม่ได้มีการเคลื่อนไหวมากนัก เพียงแนบเขาลงไปเบาๆธรรมดาแบบนี้ เสียงหัวใจทั้งสองเต้นเป็นเสียงเดียวกันเพราะจูบนี้ นัชชาไม่ได้หยุดไว้นาน กลัวว่าจะมีผลกระทบต่อการหายใจของเขา ตอนนี้ทางเดินอากาศหายใจเขาเสียหาย ต้องใส่ใจอย่างระมัดระวัง เธอยืดเอวขึ้นมา ไม่ได้ออกห่างไปไกล แขนประคองที่ลำตัวด้านข้างเขาอย่างระมัดระวัง กลัวว่าจะไปโดนตรงไหน “เตชิตคะ คุณไม่เป็นอะไรแล้วดีมากๆเลย” ความกังวลเรื่องการฟื้นของเขาสองสามวันติดต่อกันเปลี่ยนเป็นหยาดน้ำตาแวววาว ขนตากะพริบเท่าไหร่น้ำตาก็ไหลเท่านั้น เตชิตเห็นก็อดไม่ได้ที่จะย่นคิ้ว นึกอยากจะยื่นมือไปช่วยเธอเช็ด แต่พอออกแรงเพียงนิดเดียวร่างกายก็ถูกเหน็บชาจู่โจม ทำได้เพียงมองอย่างไร้กำลัง “อย่าร้อง......” น้ำเสียงเรียกน้ำตา เขาพูดออกมาสองพยางค์อย่างอดกลั้นความเจ็บปวด ได้พยายามอย่างเต็มที่แล้ว “โอเค ฉันไม่ร้องแล้ว” นัชชาไม่อยากให้เขาได้ผลกระทบทางอารมณ์ ยกมือขึ้นมาเช็ดหน้าสะเปะสะปะ ฉีกยิ้มที่ดูไม่ได้ออกมา “ธีมนต์ไม่เป็นไรแล้ว คุณวางใจก็ดี ตอนนี้ที่บ้านมีน้ารินกับจินต์อยู่เป็นเพื่อน ด้านนอกก็มีคนของชนัยอยู่ คุณไม่ต้องเป็นห่วง” เธอปิดบังในส่วนของชนุดม กลัวว่าเขาจะคิดเพ้อเจ้อ แล้วทำให้มีผลกระทบต่อโรค เตชิตจ้องเธออยู่ ฟังคำพูดเธออย่างเงียบสงบ ดวงตามีเงาสะท้อนร่างเธอกลับหัว ทั้งๆที่ตัวเล็กขนาดนี้แต่กลับให้พลังเขาอย่างมั่นคงที่สุด “ร่างกายธีมนต์บาดเจ็บอยู่สองสามที่ คุณหมอดูให้แล้ว ไม่ได้มีผลกระทบ เพียงแต่จิตใจมีอาการหวาดกลัว จะค่อยๆดีขึ้นในสองสามวัน” นัชชากลัวเขากังวล จึงบอกเขาในทุกๆเรื่อง “ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือร่างกายของคุณ เรื่องอื่นคุณไม่ต้องไปคิด” เตชิตฟังเธอพูดจบจึงถามขึ้นมา “เมื่อกี้ปรัณคุยอะไรกับคุณ?” นัชชาที่ถูกเขาถามภายในใจก็ ‘ตึกตัก’ ขึ้นมา นึกถึงการกำชับของปรัณเมื่อครู่ ไม่ว่าตอนนี้เธอจะไม่สามารถบอกเขาได้ ถูกเธอหลอกโดยที่ยังนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย ที่จริงแล้วเขาเป็นคนฉลาดหลักแหลม แค่จ้องมองก็ดูออกทะลุปรุโปร่ง นัชชายืนขึ้นยื่นมือไปถึงเข็มฉีดยาทางการแพทย์ข้างกายเขา ที่จริงแล้วเป็นการหลบสายตาของเขาที่มองมา “คุยเรื่องปัญหาที่ต้องระวังตอนที่คุณทำกายภาพ” “มีอีกไหม” น้ำเสียงของเขาอึมครึม ไม่ได้กำลังถาม พวกเขาจะต้องพูดเรื่องอื่น นัชชารู้ว่าตัวเองนั้นปิดบังไม่ได้ ต้องทำเป็นแกล้งโง่ก่อน “พี่ปรัณพูดแล้วนี่ เขาคิดว่าร่างกายคุณในภายภาคหน้าพอทำกายภาพแล้วอาจจะต้องลำบาก แต่จำกัดเวลาประมาณหนึ่งสัปดาห์ ซึ่งไม่นานเกินไป” ดวงตาดำสนิทมองเธอไม่กะพริบตา นัชชารู้สึกประหม่าในใจ แต่ใบหน้ากลับทำเป็นสงบนิ่ง ครึ่งนาทีผ่านไป เธอกังวลจนทำอะไรไม่ถูก ในที่สุดเขาก็เบนสายตาออกไป ถอนหายใจกับตัวเอง โชคดีที่เขาไม่ได้ซักไซ้ถามต่อ ไม่เช่นนั้นไม่รู้ว่าควรปิดบังอย่างไรจริงๆ หลังเตชิตฟื้นขึ้นมา ชนัยและธนัทรอคนมาเยี่ยมเขา เมื่อถึงเวลาเย็น ในที่สุดเขาก็พูดได้โดยไม่ต้องออกแรงมาก ก็สามารถดื่มน้ำเข้าไปได้นิดนหน่อย เตชิตส่งสายตาให้กับปรัณ จึงส่งนัชชาออกไป สามคนในห้องผู้ป่วยมองหน้ากันไปมา สุดท้ายก็เริ่มสนทนากัน “ทางด้านประทินฉันจัดการเรียบร้อยแล้ว ที่จริงต่อมาเธอไม่ได้มีแผนการที่ระมัดระวังอะไร เดาว่าตอนนั้นเธอสะเพร่า คิดแค่ว่าอยากจะเจอนาย” ชนัยเอ่ยเสียงเรียบ ไม่ได้พูดเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด ตั้งแต่ควบคุมตัวประทินได้ เขาไม่ได้ส่งให้ตำรวจ แม้ว่าตระกูลบุญชูตตอนนี้จะกดดันฝั่งตำรวจอยู่ แต่ถึงอย่างไรก็ลักพาตัวเด็ก พวกเขาไม่ได้ประโยชน์อะไร แม้ว่าตำรวจจะมีการปรึกษากัน รวมๆก็คือขายผ้าเอาหน้ารอด ไม่ได้บังคับคำร้องขอ ทุกคนล้วนอยู่ฝั่งชนัย เธอใช้ยาเสพติดเป็นพิษกับเตชิต ชนัยเกือบจะเป็นบ้าตอนที่รู้ เลยสั่งให้คนผสมยาโดยตรง ใช้วิธีเดียวกันแก้แค้น เพิ่มทวีคูณให้กับประทิน สำหรับปล่อยตัวไปเมื่อไหร่ อย่างน้อยรอให้เตชิตออกไปจากห้องผู้ป่วยนี้ก่อนค่อยคิดอีกที “เรื่องอื่นผมไม่กล้าไปยุ่ง นายอย่าเอาถึงชีวิตนะ” แม้ว่าจะเกลียดประทินเข้ากระดูกดำ แต่เตชิตไม่อยากให้ชีวิตชนัยมีรอยด่างพร้อย “เพราะผู้หญิงแบบนี้ มันไม่คู่ควร” ธนัทก็เห็นด้วย “ก็จริงนะชนัย นายต้องระวัง” “วางใจเถอะ ผมรู้อยู่แก่ใจ” ชนัยโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ ดวงตาเรียวดอกท้อเต็มไปแววตาเคร่งเครียด “ผมจะให้เธอใช้ชีวิต ‘อย่างมีสีสัน’ ยิ่งกว่าตาย!” “เตชิต เรื่องพวกนี้ให้เป็นหน้าที่ของพวกเรา ตอนนี้นายดูแลตัวเองให้ดีพอ” ธนัทพูดไปตาก็มองไปทางประตูห้องผู้ป่วย “นัชชาเป็นผู้หญิงที่ดีคนนหนึ่ง สองสามวันมานี้ก็อยู่หน้าเตียงคอยดูแลอยู่ตลอด ไม่ได้ออกห่างสักก้าว เพื่อเธอ นายต้องดูแลตัวเองให้ดี” เรื่องที่เขาพูด ทำไมเตชิตจะไม่รู้? วันนี้เขานอนอยู่ขยับไม่ได้ในสถานการณ์ลำบาก ตอนเปลี่ยนเสื้อผ้าหรือทานข้าว เขาไม่เพียงแต่ไม่พอใจแต่รู้สึกรำคาญ แต่นัชชาก็คอยดูแลเขาตลอดเวลา กลัวว่าเขาจะรู้สึกไม่ดีในใจ ท่าทางระมัดระวังงทำให้เขาเสียใจ นึกถึงเรื่องทั้งหมดนี้ เขาก็วาดโค้งที่ปากบาง “ผมรู้ รอผมหายดีก่อน เจอกันที่มูตี้คลับเฮาส์” ได้ยินเขาพูดแบบนี้ ชนัยกับธนัทก็วางใจลง “ดี! พวกเราจะรอ!” นัชชาถูกปรัณลากเข้าไปคุยในห้องทำงาน เรื่องการใช้ยาต่างๆ แม้ว่าก่อนหน้านี้พยาบาลพูดไปแล้ว แต่กลัวเธอจะลืม เลยย้ำเธออีกครั้ง รอเธอกลับไปห้องผู้ป่วยก็ครึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น ชนัยและธนัทก็ไปแล้ว เหลือเพียงเตชิตคนเดียว “พวกเขาไปแล้วหรอ?” นัชชาเห็นห้องผู้ป่วยที่ว่างเปล่าดูงงๆ ลำคอของเตชิตไม่ได้เจ็บเหมือนตอนตื่นมา ส่งสายตามองไปที่น้ำข้างกาย “ขอผมหน่อย” นัชชาเดินไปรินน้ำให้ทันที เสียบหลอดแล้วยื่นไปข้างปากเขา คิดไม่ถึงว่าเขาจะไม่ดื่ม แต่พลันจุ๊บลงบนหลังมือเธอ ความร้อนของริมฝีปากซึบซาบไปทั่วผิวหนัง ทั้งร่างนัชชาเหมือนถูกไฟฟ้าช็อต ใบหน้าเจือแดง ดวงตาเบิกกว้างเหมือนกระดิ่ง “นี่คุณ คุณ......” แต่คนคนนี้กลับทำนิ่งเฉยเหมือนไม่ได้ทำอะไร ด้วยท่าทางเรียบๆ เสียบแหบแห้งในลำคอในตอนนี้ฟังดูเซ็กซี่มาก “เอื้อมไม่ถึงปาก จูบได้แต่มือคุณ”
已经是最新一章了
加载中