ตอนที่444 ต่อจากนี้ฝากเตชิตไว้กับเธอด้วย   1/    
已经是第一章了
ตอนที่444 ต่อจากนี้ฝากเตชิตไว้กับเธอด้วย
ตอนที่444 ต่อจากนี้ฝากเตชิตไว้กับเธอด้วย นัชชาหายใจเข้าลึกๆ กดฝ่ามือที่กำเริบ แล้วแผดเสียงตะโกนเรียกชื่อเขา “เตชิต!” “หืม?” เปล่งคำเดียงออกมาจากโพรงจมูกอย่างเอื่อยเฉื่อย “อย่าแกล้งสิ พี่ปรัณพูดแล้วว่าตอนนี้ร่างกายคุณน่ะ......ไม่อนุญาต” สุดท้ายก็เขิน จึงพูดออกมารวมๆ เขาจึงตั้งใจแหย่เธอ แน่นอนว่าเธอหน้าบาง แหย่เธออย่างกระตือรือร้น “ไม่อนุญาตอะไร? ผมทำอะไร?” นัชชากัดฟัน ไม่รู้ทำไมหน้าเขาได้หนาขนาดนี้ เขาไม่ได้ทำอะไร แต่ถ้าไม่หยุดไว้ หยุดไม่อยู่จะเป็นยังไงล่ะ! “คุณอย่าแกล้งฉัน” ประโยคเดิมวนไปเวียนมาอยู่ที่ริมฝีปาก สุดท้ายก็วนกลับมาที่สี่พยางค์นี้ เตชิตเห็นว่าใบหูของหญิงสาวแดงขึ้นมา ฉวยโอกาสระหว่างที่เธอเบนความสนใจ ฝ่ามือใหญ่ก็ออกแรงเลื่อนขึ้นไป “ภรรยาตัวเองก็กอดไม่ได้แล้วหรอ?” กินก็ไม่ได้จับก็ไม่ให้จับ ความยุติธรรมยังมีอยู่ไหม? ฝ่ามืออุ่นแห้งแนบเนื้อ ไม่มีผ้ากั้น ก็ยิ่งรู้สึกจริงมากขึ้น เธอหายใจทุ้มต่ำ “โอ้ย! คุณอย่า......คุณเอาออกมาเลย!” เตชิตสัมผัสได้ถึงน้ำเสียงอ่อนโยนของเธอข้างหู จะเอาออกไปได้ที่ไหนล่ะ ออกแรงบีบที่เอวเธอ ทำให้ผู้หญิงอ่อนไหวในอ้อมอกเขาสั่นเทิ้ม เขาไม่ชอบ โน้มศีรษะลงมาเอาปากงับใบหูเล็กของเอ พูดออกมาไม่ค่อยชัดเจน “คนดี อย่าขยับไปมา ผมไม่รับประกันว่าจะไม่ทำอย่างอื่นนะ” ใบหูคือส่วนอ่อนไหวของนัชชาอยู่แล้ว ตอนนี้ถูเขางับเข้าเบาๆ ร่างก็สั่นเทิ้ม ใบหน้าเล็กเห่อแดง ในขณะที่ ‘ข้อหา’ ที่เขาทำนั่นมากมาย ความเชื่อถือในประโยคนั้นแทบเท่ากับศูนย์ “คุณปล่อยฉันไปก่อน พวกเราจะได้ดูโทรทัศน์ได้ คุณทำแบบนี้ต่อไปตัวเองจะลำบากนะ” เธอพยายามโน้มน้าวอย่างมีเหตุผล เป็นห่วงร่างกายเขาจริงๆ เตชิตเลียริมฝีปากล่าง ดวงตาปิดเบาๆเพียงครู่ แต่ตอนปิดตาลง จมูกก็ได้กลิ่นกลายเธอชัดเจน ให้ตายเถอะ ทนไม่ได้เกินความคาดหมาย บรรยากาศค่อนข้างดื้อดึง ความสัมพันธ์แนบชิดระหว่างทั้งสองก็เคยทำมาแล้ว ร่างที่รู้สึกคุ้นเคยกันและกัน ตอนนี้แนบชิดราวกับกดปุ่มสวิตช์ กระตุ้นประสาทสัมผัสทั้งห้า ในใจนัชชาไม่ได้ขึ้นๆลงๆ เผชิญหน้ากับผู้ชายที่ตนรักจะไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบสักนิดได้อย่างไร แต่ไม่ถูกเวลา เธอมีความคิดแบบนี้จึงทำได้เพียงแกล้งทำว่าไม่รู้สึกอะไร ไม่สามารถเล่นไปตามน้ำกับเขาได้ ไม้แข็งไม่ได้ก็ต้องใช้ไม้อ่อน เตชิตบ่อยครั้งจะเป็นคนที่ขี้เล่น เพียงแค่ลูบหัวเขาหน่อย สถานการณ์ตรงหน้านี้......เธอทำได้เพียงยอมแพ้ นัชชาหายใจเข้าทางปาก ยกสายตาสบเข้ากับดวงตาดำสนิทที่บ่งบอกถึงความปรารถนา เสียงเล็กๆสั่นเหมือนปีกยุง ถ้าไม่ตั้งใจฟังจะฟังไม่รู้เรื่อง “คุณเชื่อฟังนะ รอจนร่างกายหายดีแล้ว......” พูดจนถึงตรงนี้ เธอก็หยุดลง ฟันขาวเป็นระเบียบก็ขบริมฝีปากก่อนจะพูดว่า “ฉันจะชดใช้ให้คุณเป็นสองเท่า” พูดประโยคนี้จบ ก็ก้มศีรษะลงไปที่อ้อมอกเขา เธอไม่ค่อยพูดจาแบบนี้มาโดยตลอด เตชิตเกือบนึกว่าตัวเองได้ยินผิด แต่พอเห็นหน้าที่เดิมทีแดงตอนนี้เกือบจะร้อนผ่าวทั้งหน้า เขาก็ยิ่งรู้ว่าตัวเองได้ยินไม่ผิด ชายแก่ถามอีกครั้งอย่างตีสองหน้า “คุณว่าไงนะ? พูดดังหน่อย ไม่ได้ยิน” นัชชารู้ว่าเขาตั้งใจ ตอนแรกต้องใช้ความกล้าอย่างมากในการพูดออกมา พูดครั้งที่สองไม่ได้หรอก “ไม่ได้ยินก็ช่างมันเถอะ ฉันไม่ได้พูดอะไร!” เห็นเธองุดหน้าอย่างขุดเคือง เตชิตรู้สึกว่าน่ารัก กำลังจะส่งเสียง มือใหญ่ก็ลูบหลังศีรษะเธออย่างอ่อนโยน เอาปลายจมูกโน้มแตะปลายจมูกเธอ “ได้ยินแล้ว นี่เธอพูดเองนะ อย่าคิดจะคืนคำล่ะ” เขาพูดอย่างหนักแน่น พูดออกมาอย่างดุดัน ทำให้คนฟังซี่โครงเกิดความชา นัชชาก็รู้สึกเสียใจกับสิ่งที่พูดไปในทันที ไม่ได้บ่นออกไป ปล่อยให้เขาพูดเพ้อเจ้อไป โชคดีที่แม้เขาจะอยาก แต่สุดท้ายก็ยังมีเหตุผล ไม่ได้ทำอะไรออกนอกกรอบ ทั้งสองนั่งอยู่บนโซฟาแบบนี้ จนกระทั่งน้ารินพาธีมนต์กลับมา เธอจึงลุกออกมาจากขาเขา เป็นอิสระอีกครั้ง นัชชาไม่รอให้น้ารินเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่น สามก้าวกับอีกสองก้าวเดินไปถึงชั้นสอง ถ้าไม่ตาบอดก็มองเห็นถึงความเร่งรีบ “พ่อครับ ทำไมแม่วิ่งไปแล้วล่ะครับ?” ธีมนต์มองไปทางชั้นสองอย่างใสซื่อแล้วกะพริบตาปริบๆ นัยน์ตาเตชิตลึกซึ้ง และมองไปตามสายตาของลูกชาย แกล้งส่ายศีรษะอย่างช่วยไม่ได้ “เมื่อกี้แม่จุ๊บพ่อ เลยเขินไปนู่นแล้ว” “อ๋อ อย่างงี้นี่เอง” ธีมนต์เติบโตที่ต่างประเทศ การปฏิบัติต่อเรื่องพวกนี้ก็จะโตกว่าเด็กในประเทศนิดหน่อย ไม่ได้รู้สึกแปลกอะไร แต่น้าริน ได้ยินคุณผู้ชายพูดแบบนี้ อดไม่ได้ที่จะทำสายตาเลิกลั่ก เธอทำงานมาตั้งนานและรู้จักนัชชา จะเป็นคนที่เหมือนกับรุกไม่ปล่อยได้อย่างไร ต้องเป็นคุณผู้ชายที่ทำอะไรกับคุณนัชชาแน่ๆ คุณนัชชาถึงได้รีบวิ่งขึ้นไปชั้นบน แต่เห็นว่าความสัมพันธ์ทั้งคู่ดีขนาดนี้ เธอก็รู้สึกยินดีกับเขาทั้งคู่ เรื่องที่เตชิตออกจากโรงพยาบาลทุกคนก็รู้กันเร็วมาก วันนั้นตอนบ่ายผู้อาวุโสทั้งสองของตระกูลจิวะพงษ์มาจากบ้านพักคนชรา ให้คนขับรถคันใหญ่สองคันเป็นพิเศษ หลังรถเต็มไปด้วยยาบำรุงที่แสนมีค่า นัชชาทานข้าวเสร็จขึ้นไปข้างบนก็ง่วงนิดหน่อย ทุกวนนี้ไม่ได้พักผ่อนอย่างดีมาตลอด ยากมากที่จะได้สัมผัสกับเตียงที่บ้าน ไม่นานก็หลับลง ระหว่างที่งงๆอยู่ก็ได้ยินเสียงคนคุยกันากข้างล่างและเสียงประตูเปิด เธอลงมาจากเตียง นึกว่าเป็นเสียงเตชิตกับลูกเล่นกันเสียงดัง ลงมก็เห็นว่าเป็นคุณพ่อและคุณแม่มา เธอตื่นเต็มตาทันที ยกมือขึ้นมาขยี้ตา ให้แน่ใจว่าไม่มีขี้ตาแล้ว จึงเดินเข้าไปทักทายอย่างเขินๆ “ไม่รู้ว่าพวกท่านมา ไม่ได้จัดของให้เป็นระเบียบเลยค่ะ” ใบหน้าเธอยังง่วงอยู่ ใครก็มองออกว่าเพิ่งตื่นได้ไม่นาน นึกว่าจะทำให้ผู้อาวุโสทั้งสองไม่พอใจ นึกไม่ถึงว่าชนาพรไม่ได้จะกล่าวโทษ แต่กลับรู้สึกผิดมาก “ช่วงเวลาที่อยู่โรงพยาบาลก็ดูแลเจ้าเตชิตจนเหนื่อยเลยล่ะสิ เธอรีบขึ้นไปพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวพวกเราคุยกันประเดี๋ยวเดียว เห็นว่าเขาไม่เป็นอะไรก็จะไปแล้วล่ะ” นัชชาอึ้งไปสักพัก ยกสายตาขึ้นไปมองชนาพรอย่างบังเอิญ ลืมว่าจะพูดอะไรไปช่วงหนึ่ง ชนาพรเห็นเธอยืนอึ้งอยู่ หยิบรังนกที่อยู่บนโต๊ะด้านหลังมาให้เธอ “นี่คือรังนกที่เยี่ยมที่สุดของที่บ้าน เลือกมาให้เธอโดยเฉพาะเลย ดูแลคนป่วยอยู่ที่โรงพยาบาลคงจะเหนื่อย ไม่มีอะไรแล้วก็ให้ป้าที่บ้านตุ๋นให้ทานนะ” นัชชารับมา มองรังนกในมือ ความอบอุ่นล้นมาในใจ ความรู้สึกที่ถูกเอาใจใส่นี่แม้กระทั่งไม่ค่อยเหมือนจริง “ขอบคุณค่ะ......” “ไม่เป็นไร”คุณพ่อเปลี่ยนบทสนทนา สายตามองไปที่สายตาของเขาที่ครั้งแรกมีความรู้สึกสงสารเธอ “พวกเราควรขอบคุณเธอ เพราะฉันเป็นต้นเหตุให้คนอย่างประทินเข้ามาหาผลประโยชน์ ถึงขั้นเกิดเรื่องใหญ่แบบนี้ เธอคอยดูแลเตชิตไม่ไปไหน ก็คือช่วยตระกูลจิวะพงษ์ได้มาก” นึกถึงแต่ก่อนเวลาเกิดเรื่องอะไรคุณพ่อก็จะดื้อมาก จนสุดท้ายก็แนะนำประทินให้เตชิต ทั้งหมดเริ่มมาจากเขา “ทั้งหมดมันผ่านไปแล้ว” เตชิตเปล่งเสียงปลอบโยนความรู้สึกของผู้อาวุโสทั้งสอง “ธีมนต์ไม่เป็นอะไร ผมไม่เป็นอะไร ไม่ต้องคิดมากนะครับ” ชนาพรพยักหน้า พูดได้ไม่ผิด แต่ผ่านเรื่องพวกนี้มาทำให้พวกเขาได้เห็นตัวตนของนัชชาได้อย่างชัดเจน เป็นผู้หญิงที่ดีจริงๆ นอกจากเรื่องแบบนี้ก็ไม่เคยบ่นและโทษสักคำ มีเธอคอยเดินเคียงข้างเตชิต พวกเขาก็วางใจได้ คิดมาถึงตรงนี้ ชนาพรก็จับมือนัชชาขึ้นมา รอยยิ้มและสายตามีพลัง “ต่อไปนี้พวกเราต้องฝากฝังเตชิตไว้กับเธอแล้วล่ะ” ได้ยินดังนั้น ตานัชชาก็เห่อแดง เหมือนกับเด็กน้อยที่ขยันขันแข็งมานานแล้วได้ดอกไม้แดงดอกเล็กมา แม้ว่าเธอไม่เคยประจบเอาใจใครเลย แต่ทีละเล็กทีละน้อยเธอก็แสดงความจริงใจต่อเตชิตไม่เคยโกหก ความเข้าใจผิดสมัยก่อนเคยทำร้ายจิตใจเธอมาก ในวันนี้ผู้อาวุโสตระกูลจิวะพงษ์ทั้งสองได้ยอมรับตน ความเศร้าที่ผ่านไปในขณะเดียวกันก็ผสมไปด้วยความประทับใจมากมาย ทำให้เธอสะอึกสะอื้นออกมา เธอพยักหน้า ทุกคำพูดกลายเป็นคำยืนยัน“ได้อย่างแน่นอนค่ะ”
已经是最新一章了
加载中