ตอนที่ 19 เธอทำให้ฉันผิดหวังมากจริงๆ   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 19 เธอทำให้ฉันผิดหวังมากจริงๆ
ต๭นที่ 19 เธอทำให้ฉันผิดหวังมากจริงๆ “เพ็ญจิต เธอรีบกลับบ้านมากับพี่เดี๋ยวนี้ !!!“ เมื่อประตูเปิดออก ฝ่ามือใหญ่ๆของอรรถพลก็รั้งจับข้อมือของเพ็ญจิตไว้ “ห๊ะ!พี่ พี่มาได้ยังไงกัน?”เพ็ญจิตครั้นได้ยินเสียงของอรรถพลก็ตกใจขวัญเสีย อีกมือก็เอาจับชุดนอนกันไว้ไม่ให้เผยอจนเห็นเนื้อหนังมังสาของเธอ “เพ็ญจิต ทำไมเธอถึงหนีออกทั้งที่ยังไม่พูดไม่จา ทำไมถึงไม่รับแม้แต่สายโทรศัพท์ เธอไม่รู้หรืออย่างไรว่าพ่อกับแม่เป็นห่วงเธอแค่ไหน”อรรถพลรั้งไม่ให้เพ็ญจิตปิดประตูด้วยท่าทีอันเดือดดาลของเขา “พี่คะ พี่ไปเสียเถอะ หนูไม่มีทางกลับไปเด็ดขาด ไม่ว่าหนูจะใช่หรือไม่ใช่ลูกที่แท้จริงของพ่อกับแม่ก็ตาม เรื่องนั้นสำหรับหนูมันไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้หนูมีชีวิตเป็นของตัวเอง มีครอบครัวเป็นของตัวเองแล้ว”เพ็ญจิตหอบเอาเสื้อผ้าเข้าไปในห้องน้ำ ถึงแม้ว่าจะเป็นพี่ชายแต่ทว่าการคุยกันทั้งที่ใส่ชุดนอนแบบนี้เห็นทีคงจะไม่ค่อยดีเสียเท่าไหร่ “เพ็ญจิต ไม่ว่าจะพูดอย่างไร เธอก็ยังคงเป็นคนของบ้านวงศ์อัจฉราอยู่ดี แม้ว่าเธอจะไม่ใช่ลูกที่เกิดจากคุณแม่ แต่เธอก็อาศัยอยู่บ้านวงศ์อัจฉราของเรามายี่สิบกว่าปีแล้ว ทำไมเธอถึงได้ทำให้คุณพ่อคุณแม่เสียใจเช่นนี้เล่า”ใบหน้าของอรรถพลถอดสีอึมครึม เพราะเขาดันกวาดตาไปเห็นเสื้อผ้าของผู้ชายวางอยู่ในห้อง “พี่คะ พี่กลับไปเถอะค่ะ ไว้ผ่านไปสักสองสามวันหนูจะพาสุวิทย์กลับไปด้วยนะคะ“ เพ็ญจิตซึ่งกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ได้ยินเสียงอรรถพลเงียบสงบลงไปชั่วยาม “สุวิทย์หรือ? มันเป็นใครกัน?”ทั้งๆที่เห็นเสื้อผ้าของผู้ชายอยู่ทนโท่ แต่เขากลับไม่อาจเชื่อสายตาได้ ทว่าเมื่อได้ยินเพ็ญจิตเรียกชื่อผู้ชายออกมากับปาก หน้าของเขาก็ถอดสีไม่ชวนให้น่ามอง “แต่งงานแล้วงั้นหรือ? เพ็ญจิตทำไมเธอถึงได้ทำตัวเสื่อมๆเช่นนี้ได้ เธอคิดว่าการอยู่กินชายคาเดียวกับผู้ขายเช่นนี้ก็นับว่าแต่งงานกันแล้วงั้นหรือ? เธอทำให้ฉันผิดหวังมากจริงๆ”อรรถพลหมดหนทางที่จะควบคุมหัวใจที่ถูกฉีดขาดเป็นชิ้นๆได้ จึงตะคอกเสียงดังใส่เพ็ญจิต “พี่คะ หนูกับเขาเราไม่ใช่แค่อยู่ด้วยกันค่ะ เราแต่งงานกันแล้ว หนูกับสุวิทย์เราเป็นสามีภรรยากัน และอีกเรื่องหนึ่งหนูก็โตเป็นผู้ใหญ่แล้วนะคะ หรือต่อให้หนูจะมาอยู่กินกับผู้ชายสองต่อสองมันก็เป็นเรื่องของหนู พี่อย่าเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้เลย” “ไป เธอกลับบ้านไปกับพี่เดี๋ยวนี้!”อรรถพลพุ่งแขนเข้าไปยึดข้อมือของเพ็ญจิตไว้และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “พี่ไปเสียเถอะ ยังไงๆหนูก็ไม่มีทางกลับไปกับพี่แน่ๆ หนูจะรอสุวิทย์อยู่ที่นี่”เพ็ญจิตพยายามจะขัดขืนแต่ทว่าเธอไม่สามารถจะสลัดมือออกมาได้ ไม่เพียงแต่เท่านี้อรรถพลยังจับข้อมือเธอแน่นขึ้นอีกด้วย เพ็ญจิตรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดแต่ทำได้แค่กัดฟันทนเอา “เธอกลับบ้านไปกับพี่เถอะเพ็ญจิต พี่เป็นพี่ชายของเธอ เธอต้องเชื่อฟังพี่สิ”อรรถพลหาได้สนใจท่าทีต่อต้านของเพ็ญจิตไม่ มิหนำซ้ำเขายังจะลากเธอออกมาจากห้องอีกด้วย “ไม่ใช่สักหน่อย คุณไม่ใช่พี่ชายของฉัน ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้ ปล่อย...”เพ็ญจิตโวยวายเสียงดัง มืออีกข้างก็จับประตูไว้แน่น ให้ตายอย่างไรเธอก็จะไม่มีปล่อยเด็ดขาด “เพ็ญจิต หุบปากเดี๋ยวนี้ ยังไงวันนี้แกก็ต้องกลับไปกับฉัน แกไม่รู้หรือไงว่าพ่อกับแม่เป็นห่วงมาแค่ไหน หลายวันมานี้พวกเราไม่มีใครข่มตาหลับได้สักคน ถ้าแกยังพอมีจิตสำนึกอยู่บ้างก็กลับไปกับฉันเดี๋ยวนี้”อรรถพลพยายามลากเพ็ญจิตออกมาอย่างสุดกำลัง “โอ๊ยเจ็บ... พี่ พี่ปล่อยหนูเดี๋ยวนี้ มันเจ็บนะ”เมื่อข้อมือปวดระบมจนเกินจะทนไหว เธอจึงร้องออกมาเสียงดัง เมื่อได้ยินเพ็ญจิตร้องออกมาเสียงดังด้วยความเจ็บปวด อรรถพลถึงรู้ตัวว่าเขาไม่ได้ออมแรงให้กับเธอ จึงรีบปล่อยมือเธอทันที เมื่อเห็นข้อมือบวมช้ำดำเขียวของเพ็ญจิตก็ตกใจมาก จึงเอาแต่พูดขอโทษเธอ “ขอโทษ เพ็ญจิต พี่ไม่ได้ตั้งใจ ขอโทษ พวกเรา...” ฝั่งเพ็ญจิตเมื่อเป็นอิสระก็รีบวิ่งเข้าไปในห้องทันควันหวังจะปิดประตูเสีย ทว่าปฏิกริยาของอรรถพลนั้นไวมาก มือของเขาได้ยื่นเข้ามาขวางประตูเอาไว้เสียแล้ว “พี่ เอามือออกไป หนูไม่มีทางกลับไปเด็ดขาด หรือจะไปก็ต้องรอสามีหนูกลับมาก่อน”เพ็ญจิตไม่อ่อนข้อให้ปิดประตูหนีบมืออรรถพล เธอจึงร้องให้ออกมา “เพ็ญจิต เธอเปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ ถ้าเธอแต่งงานแล้วจริงๆงั้นก็พาเขากลับไปด้วยสิ พี่จะรอเป็นเพื่อนเธอเอง” อรรถพลรับรู้ได้ถึงทิฐิของเพ็ญจิต เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนนุ่มลง “พี่คะ จริงหรือคะ? พี่จะไม่พลากฉันกลับไปตอนนี้ใช่ไหมคะ? พี่จะให้ฉันรอสุวิทย์อยู่ที่นี่จริงๆหรือ?”เพ็ญจิตพูดด้วยน้ำเสียงเปรมปรีดิ์ หากสุวิทย์โกนหนวดกลับมาเสร็จแล้วพวกเขาก็จะได้กลับบ้านไปเจอพ่อกับแม่ด้วยกัน ก็อย่างที่พี่พูด ต่อให้เธอไม่ใช่ลูกที่เกิดจากแม่ แต่ทว่าพระคุณที่ดูแลเลี้ยงดูเธอมากว่ายี่สิบปีนี้ก็มิอาจลืมเลือนได้ ต่อให้ต้องแยกจากพวกเขาออกมาก็ควรจะต้องบอกเหตุผลพวกเขาเสียหน่อย “แน่นอน พี่จะรอเป็นเพื่อนเธอเอง”เมื่อได้ยินน้ำเสียงของเพ็ญจิตอ่อนลงจึงยินยอมทำตามคำของเธอ เพ็ญจิตเปิดประตูออก อรถถพลก็รีบพุ่งตัวเข้าไปทันที “พี่คะ จริงๆแล้ววันนั้นหนูกลับไปเพื่อที่จะบอกทุกคนว่าหนูแต่งงานแล้ว แต่ไม่คิดเลยว่าจะได้ยินแม่กับพี่พูดว่าหนูไม่ใช่ลูกแท้ๆของบ้านวงศ์อัจฉรา”เพ็ญจิตพูดไปก็เห็นว่าอรรถพลดูไม่ค่อยเชื่อสักเท่าไหร่ เธอจึงหยิบทะเบียนสมรสออกมา “นี่มัน...”อรรถพลเมื่อเห็นสมุดสีแดงๆที่เพ็ญจิตยื่นมาให้ ใจก็หายวูบ “นี่คือทะเบียนสมรสของหนูกับสุวิทย์ค่ะ พวกเราแต่งงานกันแล้วจริงๆ ตอนนี้สุวิทย์ออกไปซื้อของอยู่ข้างนอก รอเขากลับมาแล้วหนูจะพาเขากลับไปด้วย” อรรถพลรับทะเบียนสมรสมาด้วยมือสั่นๆ ในขณะที่มืออีกข้างหนึ่งก็กำหมัดแน่น เขาไม่อยากที่จะเชื่อสายตาตัวเอง เขาไม่สามารถรับเรื่องนี้ได้ เพ็ญจิตจะแต่งงานได้อย่างไร เขาใช้แรงกายแรงใจเต็มที่เพื่อจะหยุดยั้งงานแต่งทั้งสามครั้งสามครา แล้วเธอจะแต่งงานแล้วได้อย่างไรกัน “ผู้ชายคนนี้เป็นใครกัน?”อรรถพลเปิดดูทะเบียนสมรสสีแดงด้วยมือสั่นเทา เมื่อเห็นชื่อที่เขียนอยู่บนกระดาษ ดวงตาก็เบิกโพลง คนที่อยู่ในภาพนอกจากแค่มองออกว่าเป็นผู้ชาย หน้าของเขาเป็นอย่างไรก็มองไม่ชัดสักอย่าง “นั่นวิทย์ค่ะ เมื่อครู่เขาออกไปโกนหนวดแล้ว รอเขากลับมาพวกเราก็ไปกันได้”เพ็ญจิตผงกหัว เธอรู้ดีว่ารูปที่อยู่บนทะเบียนสมรสช่างดูไม่จืดจริงๆ แต่ทว่าวิทย์ออกไปโกนหนวดโกดเคราแล้วเธอเชื่อว่าวิทย์ที่กำลังจะกลับมาต้องดูเปลี่ยนไปแน่นอน “ไม่ได้ เธอกลับบ้านไปกับพี่เดี๋ยวนี้เลย”อรรถพลชักสีหน้า เขาโยนทะเบียนสมรสใบนั้นทิ้งด้วยอารมณ์เดือดดาล “พี่คะ พี่เป็นอะไรไป พวกเราตกลงกันแล้วหนิคะ...” เพ็ญจิตก้มตัวลงเก็บทะเบียนสมรส แต่ทว่าอรรถพลกลับออกแรงตบหลังเพ็ญจิต มือของเธอที่เพิ่งจะเอื้อมถึงทะเบียนสมรสกลับล้มลงไปกองอยู่บนพื้น อรรถพลมิได้สนใจใยดีทะเบียนสมรสที่ตกอยู่บนพื้น เขารีบคว้านหาบัตรปะชาชนของเพ็ญจิตและ อุ้มเธอออกไปจากโรงแรมทันที สุวิทย์ที่กลับมาถึงโรงแรมด้วยอารมณ์หน้ามื่นชื่นบาน เมื่อออกจากลิฟท์ก็ลูบคลำใบหน้าตัวเอง ผ่านมาก็ตั้งหลายเดือนแล้วจู่ๆใบหน้าของเขาก็เกลี้ยงเกลาเช่นนี้ช่างไม่คุ้นชินเอาเสียเลย ไม่รู้ว่าถ้าเพ็ญจิตเห็นแล้วจะตกใจแหกปากหรือไม่ เมื่อเดินมาจนถึงหน้าประตู สุวิทย์ยื่นมือออกทำท่าจะเปิดประตูแต่ทว่าดูเหมือนประตูจะเปิดอยู่แล้ว “คุณภรรยาจ๋า คุณตื่นนอนแล้วหรือ?”สุวิทย์ผลักประตู ภายในห้องเงียบสงัดไม่ปรากฏแม้แต่เสียงใดๆ “คุณภรรยา? เพ็ญจิต ... เพ็ญจิต”เมื่อกวาดตาจนเห็นทะเบียนสมรสที่ตกอยู่บนพื้น สุวิทย์จึงรู้สึกตะหงิดๆใจแปลกๆ เขาผลักประตูห้องน้ำแต่กลับไม่พบเพ็ญจิต นี่ทำให้เขาร้อนรนใจยิ่งขึ้น “เพ็ญจิตหายไปไหนกัน?”เขารีบต่อสายไปยังล็อบบี้ของโรงแรม แต่ทางล็อบบี้เองก็กลับไม่แน่ใจเช่นกัน เมื่อนึกขึ้นได้ถึงเรื่องเมื่อคืนก่อน สีหน้าของสุวิทย์ก็มืดลง เขารีบวิ่งรี่ไปหาผู้รับผิดชอบของโรงแรมทันที “ผมไม่รู้หรอกนะว่าคุณมีเหตุผลอะไร ภรรยาของผมหายตัวหายไปจากที่นี่ พวกคุณต้องหาคำอธิบายเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้ผม” สุวิทย์พูดด้วยหน้าดำเคร่งเครียด “คุณคำวงษาครับ ภรรยาของคุณเธอบรรลุนิติภาวะแล้ว หากเธอต้องการจะไปไหนมาไหน ทางเราเองก็ไม่สามารถรั้งเธอไว้ได้” ผู้จัดการโรงแรมพูดกับสุวิทย์ที่กำลัง”ก่อกวนไร้เหตุผล”ด้วยท่าทีอดทนอดกลั้น “เป็นไปไม่ได้ บัตรประชาชนเธอยังอยู่ในห้อง แม้แต่ข้าวของใดๆก็ไม่ได้พกไป ผมต้องการดูกล้องวงจรปิด ผมอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่?” สุวิทย์สีหน้าคร่ำเครียดเมื่อนึกถึงทะเบียนสมรสที่ตกอยู่บนพื้น อีกทั้งไหนจะเสื้อผ้าอาภรณ์ เงินสดของเธอ และในตอนนี้เอง จู่ๆเขากลับนึกขึ้นได้ว่าบัตรประชาชนของเพ็ญจิตดูเหมือนจะไม่อยู่ในห้องแล้ว “ขออภัยจริงๆครับคุณคำวงษา ทางเราไม่อนุญาตให้ใครก็ตามดูกล้องวงจรปิดได้ครับ ได้โปรดอย่าทำให้พวกเราลำบากใจเลยนะครับ” ผู้จัดการโรงแรมอธิบาย “ก็ได้ จะไม่ให้ผมดูใช่ไหม งั้นผมจะแจ้งตำรวจ เธอหายไปจากที่นี่ผมมั่นใจว่าตำรวจต้องช่วยผมหาตัวเธอแน่ๆ” สุวิทย์แสดงท่าทีโกรธจัด หัวของเขาก็พอจะเดาได้ว่า เรื่องนี้ต้องมีส่วนพัวพันกับบ้านวงศ์อัจฉราเป็นแน่ “คุณคำวงษาครับ บางทีภรรยาของคุณอาจจะเป็นคนออกไปเองก็ได้นะครับ พวกเราจะให้คุณดูกล้องวงจรปิด แต่คุณห้ามโวยวายเสียงดังอีกเป็นอันขาดนะครับ”ผู้จัดการหมดทางเลือก ครั้งนี้นับว่าเป็นครั้งแรกที่เขาเผชิญกับคนเลือดร้อนเช่นนี้ เมื่อสุวิทย์เห็นภาพเหตุการณ์วิวาทจากกล้องวงจรปิด และยิ่งเมื่อเขาเห็นว่าอรรถพลอุ้มเพ็ญจิตออกไป สีหน้าเขาก็เขียวคล้ำขึ้นมาทันใด เขาคาดไม่ถึงว่าคนบ้านวงศ์อัจฉราจะอันตพาลหยาบคายขนาดนี้ เมื่อวิเคราะห์จากสถานการณ์แล้วดูเหมือนว่าเพ็ญจิตน่าจะหมดสติอยู่ด้วย เขาไม่อยากแม้แต่จะคาดเดาเลยว่าพี่ชายของเธอใช้วิธีไหนกันแน่ สิ่งเดียวที่เขาอยากจะทำตอนนี้คือการรีบไปบ้านวงศ์อัจฉราโดยเร็วที่สุด สุวิทย์รีบบึ่งไปยังบ้านวงศ์อัจฉรา แต่ทว่าเขากลับถูกกักไว้อยู่หน้าบ้าน อรรถพลเดินออกมาจากประตูเหล็กบานใหญ่ “คุณผู้ชาย หากคุณยังขืนจะไม่ไปอีก ผมคงต้องแจ้งตำรวจ”อรรถพลกล่าวกับสุวิทย์ด้วยสีหน้าเย็นชา “ผมเป็นสามีของเพ็ญจิต ได้โปรดพาเธอออกมาด้วยครับ”มือของสุวิทย์กำหมัดแน่นเมื่อนึกถึงสิ่งที่ผู้ชายตรงหน้าทำกับเพ็ญจิต เขากำหมัดแน่นเสียจนอยากชกเข้าไปสักหมัด “คุณผู้ชายครับ ที่ภรรยาคุณหายไปผมก็เห็นใจอยู่ แต่ผมไม่รู้ว่าใครคือเพ็ญจิตที่คุณพูดถึง ได้โปรดกลับไปเดี๋ยวนี้เถอะครับ”อรรถพลซึ่งยืนอยู่หลังประตูเหล็กเอ่ยขึ้นกับสุวิทย์ ผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้ากับผู้ชายที่ปรากฏอยู่บนทะเบียนสมรสของเพ็ญจิตช่างเหมือนคนละคนกันอย่างสิ้นเชิง แต่ทว่าเขาก็รู้อยู่แก่ใจว่าผู้ชายคนนี้คงเป็นสุวิทย์ที่เพ็ญจิตเอ่ยถึง เขาคาดไม่ถึงว่าใบหน้าที่ปกคลุมไปด้วยหนวดเคลาแท้จริงแล้วจะหล่อเหลาถึงเพียงนี้ แต่อย่างไรก็ตามอรรถพลก็ไม่อาจให้เขาพบกับเพ็ญจิตได้ “นี่คนบ้านวงศ์อัจฉรา หากคุณยังขืนจะแกล้งโง่อยู่เบบนี้ล่ะก็ เห็นทีเรื่องนี้คงต้องให้ตำรวจมาจัดการ ภาพจากกล้องวงจรปิดของโรงแรมก็เห็นได้ชัดว่าคุณเป็นคนพาเพ็ญจิตออกมา”สุวิทย์พูดด้วยอารมณ์โกรธ หากมิใช่ว่ามีประตูเหล็กคั่นอยู่ล่ะก็ป่านนี้เขาคงบุกเข้าไปแล้ว “แล้วจะอย่างไรล่ะ เพ็ญจิตเป็นน้องสาวของผม ซึ่งจริงๆแล้วพวกเราก็ไม่ได้รู้จักคุณ ไม่ว่าคุณจะพูดอย่างไร ผมก็ไม่มีทางได้คุณเจอกับเพ็ญจิตเป็นอันขาด คุณไปเสียเถอะ เพ็ญจิตก็แค่หุนหันหลันแล่นไปก็เท่านั้น เรื่องระหว่างพวกคุณพวกเราคงไม่อาจยอมรับได้” สีหน้าของอรรถพลตรึงเครียด เขาถึงกับลืมเรื่องกล้องวงจรปิดที่โรงแรมไปได้อย่างไรกัน “คุณวงศ์อัจฉรา ผมต้องการจะพบเพ็ญจิต”สุวิทย์ตบประตูเหล็ก เขาต้องการพบจะเพ็ญจิต เขาอยากพาเพ็ญจิตออกมาจากที่นรกๆอย่างนี้ แท้จริงแล้วบ้านอัจฉราก็เป็นพวกวิกลจริต ไม่อาจปล่อยให้เพ็ญจิตทนอยู่ที่นี่ถูกพวกเขากระทำทารุณได้อีกต่อไปแล้ว ไม่มีผู้ใดใส่ใจสุวิทย์ เขาถึงกับขนาดคิดว่าบางทีเพ็ญจิตอาจจะถูกจับขังไว้ก็เป็นได้ เมื่อคิดได้ดังนี้เขาจึงตัดสินใจโทรแจ้งตำรวจให้มาจัดการ ในขณะที่เขาจะรีบกลับไปโรงแรมก่อนเพื่อไปเอาทะเบียนสมรส และเอาโทรศัพท์ที่ไม่ได้ใช้มานานออกมา ตลอดระยะเวลาที่หนีออกจากบ้านมาครึ่งปี เขาก็ปิดเครื่องมาโดยตลอด เมื่อมือถือเปิดขึ้นมา ตื๊ดๆๆ ประเดี๋ยวเดียวก็พบว่ามีข้อความส่งเข้ามาอย่างถ้วมถ้น อีกทั้งยังมีข้อความเสียงส่งทิ้งไว้อีกมากมาย 
已经是最新一章了
加载中