ตอนที่ 20 พบคนรักเก่าอีกครั้ง
1/
ตอนที่ 20 พบคนรักเก่าอีกครั้ง
OMG!สุ่มได้สามีคนหนึ่ง
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 20 พบคนรักเก่าอีกครั้ง
ตนที่ 20 พบคนรักเก่าอีกครั้ง “คุณชายครับ ทางโรงพยาบาลโทรมาบอกเกรงว่าคุณท่านดูท่าจะไม่ไหวเสียแล้วครับ คุณชายรีบกลับมาเถอะครับ” ข้อความเสียงเหล่านั้นฉบับแล้วฉบับเล่าก็ล้วนแต่เป็นลุงกำจรส่งมาทั้งสิ้น และฉบับล่าสุดถึงขนาดว่าถูกส่งมาเมื่อสามเดือนที่แล้ว คุณพ่อเข้าโรงพยาบาลไปนานขนาดนี้แล้วเชียวหรือ? ครั้นนึกถึงงานแต่งของพ่อ มุมปากของสุวิทย์ก็แสยะยิ้มออก รอยยิ้มเย้ยหยันก็ปรากฏอยู่บนริมฝีปาก เมื่อครึ่งปีก่อนในงานแต่งของพ่อ เขาคว้างแก้วน้ำทิ้งในงานแล้วก็หนีออกมาจนถึงเวลานี้เขาก็ไม่เคยหวนกลับไปอีกเลย แต่ทว่าตอนนี้มันไม่เหมือนเดิม อีกแล้ว ตัวเขาเองก็แต่งงานแล้ว เขาสามารถที่จะพาเพ็ญจิตกลับไปด้วยกันได้ แต่โชคร้ายเหลือเกินที่จู่ๆเพ็ญจิตก็ดันถูกคนบ้านวงศ์อัจฉราพาตัวไป แล้วคราวนี้จะทำอย่างไรดี? สุวิทย์เมื่อคิดว่าจะโทรแจ้งตำรวจ แต่ทว่าเพ็ญจิตเองก็เป็นคนบ้านวงศ์อัจฉรา เป็นเสียอย่างนี้แล้วตำรวจจะรับฟังเขาหรือ? แต่หากว่ากลับไปบ้านวงศ์อัจฉราด้วยตนเองอีก ถึงอย่างไรก็ไม่มีทางได้เจอเพ็ญจิตแน่ๆ เขาลังเลใช้ความคิดอยู่นาน สุดท้ายแล้วเขาก็ตัดสินใจโทรแจ้งตำรวจอยู่ดี ไม่ว่าจะอย่างไร ในตอนนี้เพ็ญจิตก็เป็นภรรยาของเขา อีกทั้งเธอยังบรรลุนิติภาวะแล้ว แม้ว่าจะเป็นคนในครอบครัวก็ไม่สามารถจะเข้ามาแทรกแทรงอิสระของเธอได้ “ลุงกำจรครับ พรุ่งนี้ผมจะกลับไป แต่จะกลับไปสองคนนะครับ รบกวนลุงช่วยบอกคุณพ่อด้วย” คำว่าคุณพ่อสองคำนี้ช่างยากเย็นที่จะพูดออกมาเหลือเกิน ตัวเขาเคารพนับถือคุณพ่อเป็นที่สุด แต่คนที่ทำร้ายเขาได้โหดร้ายปางตายมากที่สุดก็คือคุณพ่อเช่นกัน ทั้งๆที่รู้ว่าเขารักผู้หญิงคนนั้น แต่เขายังขืนจะแต่งงานกับผู้หญิงที่ลูกชายตัวเองรักมากจนสุดหัวใจได้ลงคอ “คุณชาย ในที่สุดคุณชายก็โทรกลับมา คุณท่าน...คุณท่านจวนจะไม่ไหวแล้วจริงๆครับ ถ้าคุณชายชักช้ากว่านี้แม้แต่นิดเดียว เกรงว่าหน้าครั้งสุดท้ายก็อาจจะไม่ได้เห็นนะครับ”เสียงลุงกำจรสั่นเทาทำให้เขาไม่กล้าที่จะเชื่อ อย่างน้อยเมื่อครึ่งปีที่แล้วตอนที่เขาจากไป คุณพ่อที่อยู่ในคราบเจ้าบ่าวก็แข็งแรงดูมีชีวิตชีวาอยู่ อีกทั้งเขาก็เพิ่งจะอายุแค่ห้าสิบเอง จะไม่ไหวได้อย่างไร? หรือว่าครึ่งปีมานี้เขาจะทำเรื่องนั้นเกินไปมาก? “ลุงไปบอกคุณพ่อนะครับว่าพรุ่งนี้ผมจะพาภรรยากลับไปด้วย หากเขาไม่อยากเจอก็ให้บอกกันก่อนล่วงหน้า จะได้ไม่ต้องเสียเวลาด้วยกันทั้งสองฝ่าย”สุวิทย์จงใจพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “คุณชายครับ คุณท่านจะไม่ไหวแล้วจริงๆนะครับ ทางโรงพยาบาลก็ออกหนังสือแจ้งเตือนภาวะสุ่มเสี่ยงมาสองสามครั้งแล้ว หากคุณชายยังไม่กลับมาเกรงว่า...ทุกสิ่งทุกอย่างของบ้านคำวงษาคงจะตกอยู่ในเงื้อมมือของผู้หญิงคนนั้นแน่ๆ ” น้ำเสียงสะอึกสะอื้นของลุงกำจรลอดออกมาจากโทรศัพท์ มือของสุวิทย์สั่นเทา ผู้หญิงคนนั้นที่ลุงกำจรพูดถึงคือใครกัน? ไรวินท์งั้นหรือ? “กำจร แกกำลังคุยโทรศัพท์อยู่งั้นหรือ?”สุวิทย์คิดอยากจะวางสายแต่ทว่าปลายสายกลับปรากฏเสียงอันชวนให้เขาฝันร้ายมาตลอดแทรกขึ้นมา “คุณผู้หญิงครับ เป็นสายของโรงพยาบาลครับ พวกเขาอยากเชิญให้คุณผู้หญิงไปที่นั่นสักหน่อย คุณท่านเขา...” “พอเถอะ ที่ฉันแต่งเข้ามาก็ไม่ใช่ว่าอยากจะมาดูแลปรนนิบัติอะไร เขาจะอยู่หรือตายมันเกี่ยวอะไรกับฉัน วันนี้ฉันต้องไปงานเลี้ยง อย่าโทรมาหาฉันอีกเว้นเสียแต่ว่าไอ่แก่นั่นจะตายแล้ว”น้ำเสียงอันแสนเลือดเย็นไร้เยื่อใยทำให้สุวิทย์ถึงกับรุดถอยหลังไปหลายก้าว นี่ใช่ผู้หญิงที่น่ารักอ่อนหวานคนนั้นจริงหรือ? เธอคือไรวินท์งั้นหรือ? ประโยคเหล่านี้เธอเป็นคนพูดออกมาจากปากจริงๆงั้นหรือ? “คุณผู้หญิงครับแต่ว่านายท่านเขา.....” “หุบปาก แกอยากไปก็ไปเองสิ ฉันไม่มีเวลา” จากประโยคเรียบง่ายไม่กี่ประโยคนี้ สุวิทย์ก็ตระหนักได้ว่าที่ลุงกำจรพูดนั้นล้วนเป็นความจริง ชายผู้ให้กำเนิดเขานั้นเห็นทีว่าน่าจะกำลังป่วยอยู่จริงๆเสียแล้ว “ลุงกำจรครับ คุณพ่อของผมอยู่โรงพยาบาลมานานแค่ไหนแล้วครับ? แล้วหล่อนไม่ได้ไปดูแลเขาเลยหรือครับ?”สุวิทย์ไม่รู้ตัวว่าน้ำเสียงของเขาออกจะมีอารมณ์อยู่สักหน่อย และยังไม่รู้อีกว่าเขาถึงขนาดกล่าวถึงหล่อนราวกับคนแปลกหน้า “แค่คุณชายกลับมาก็จะทราบเองครับว่านายท่าน...” “กำจร นี่แกยังจู้จี้จุกจิกอยู่อีกหรือ?”ลุงกำจรกำลังจะเอ่ยปากพูด แต่เสียงของไรวินท์กลับแทรกเขามา เห็นได้ชัดเลยว่าหล่อนคงกู่ไม่กลับแล้วจริงๆ สุวิทย์อยากจะฟังต่อแต่ลุงกำจรดันกดวางสายไป ณ เวลานี้ ในหัวของสุวิทย์มีแต่เรื่องของพ่อกับผู้หญิงคนนั้น ส่วนๆเรื่องอื่นๆก็ไม่ได้อยู่ในหัวเขาเลย เขาต้องรีบกลับไป สุวิทย์ถือทะเบียนสมรสเข้าไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ ทว่าเนื่องด้วยคนยังหายไปไม่ถึง24ชั่วโมง ตำรวจจึงปฏิเสธที่จะรับเรื่องไว้ สุวิทย์จึงอาละวาดยกใหญ่ด้วยความโกรธ “คุณตำรวจ ก็เห็นๆกันอยู่ว่าภรรยาผมหายตัวไป เธอถูกลักพาตัว กล้องวงจรปิดที่โรงแรมก็เป็นหลักฐานได้ ผมขอร้องพวกคุณล่ะ ได้โปรดรีบช่วยภรรยาของผมด้วย”เมื่อนึกถึงเพ็ญจิต นึกถึงพ่อที่นอนป่วยอยู่บนเตียง เขาจึงจำเป็นต้องลดน้ำเสียงต่ำวิงวรขอความช่วยเหลือ “สรุปแล้วเธอหายตัวไปหรือถูกลักพาตัวไปกันแน่?”ตำรวจมองเขาด้วยความสงสัย “ลักพาตัวครับ พวกคุณสามารถไปขอดูกล้องวงจรปิดจากโรงแรมได้ ผมกับภรรยาเราเพิ่งจะแต่งงานกัน แต่พอผมออกไปทำธุระข้างนอก เมื่อกลับมาก็ไม่เจอเธอแล้ว”สุวิทย์พยายามย้ำอีกครั้งว่าเป็นการลักพาตัว ตำรวจถึงได้ยอมตกลงกลับไปที่ โรงแรมกับเขา หลังจากเห็นภาพในกล้องวงจรปิด สุวิทย์จึงพาตำรวจไปยังบ้านวงศ์อัจฉรา “คุณตำรวจครับ เพ็ญจิตเธอเป็นน้องสาวของผมและเธอก็กลับมากับผมจริงๆ แต่เธอเป็นคนยินยอมกลับมาเอง เพียงแต่เธอมีอาการไม่สบายนิดหน่อยก็เท่านั้น ผมถึงได้อุ้มเธอกลับมา ถ้างั้นผมขอถามคุณตำรวจหน่อยซิว่าการที่ผมพาน้องสาวของผมกลับมานั้นมีอะไรตรงไหนไม่ถูกหรือ?”เมื่อเห็นหลักฐานรัดตัวอรรถพลก็หมดหนทางจะปฏิเสธ จึงได้แค่เล่นลิ้นต่อล้อต่อเถียงเท่านั้น “แกโกหก เพ็ญจิตเธอไม่เคยอยากกลับบ้าน เพราะเธอไม่ใช่ลูกหลานบ้านวงศ์อัจฉราของพวกคุณ แกคืนเพ็ญจิตมาเดี๋ยวนี้ ตอนนี้เธอเป็นภรรยาผมแล้ว ผมจะพาเธอกลับบ้าน”สุวิทย์พูดด้วยอารมณ์เดือดจัด “คุณตำรวจ ผมไม่รู้หรอกนะว่าผู้ชายคนนี้เป็นใคร แต่น้องสาวของผมเธอไม่เคยแต่งงานกับใครทั้งนั้น แม้ว่าจะเคยจัดงานแต่งมาก่อนก็ตามแต่ทุกครั้งก็ล้วนแต่เกิดเหตุไม่คาดคิดก่อนทั้งสิ้น ผมสามารถพิสูจน์ได้ว่าน้องสาวผมไม่เคยแต่งงาน และคนที่ถึงขนาดมาอ้างว่าเป็นสามีของน้องผม พวกเราวงศ์อัจฉราหรือแม้แต่เหล่าญาติๆก็ไม่เคยรู้จักเขามาก่อน”อรรถพลมีเหตุผลมากพอที่จะพูดได้ เขาถึงขนาดใช้สายตามองสุวิทย์อย่างก้าวร้าว ฝั่งตำรวจก็พยายามให้สุวิทย์เล่าข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับเพ็ญจิตบ้าง แต่เขาได้แต่ยืนนิ่งเหมือนคนใบ้ นอกจากอายุและรู้แค่ว่าเธออาศัยอยู่ที่นี่แล้วเรื่องอื่นๆเขาก็ไม่รู้เลย “คุณตำรวจ ผมกับเพ็ญจิตเราแต่งงานกันได้สามวัน พวกเรายังไม่ทันได้พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องพวกนั้น”ทั้งๆที่รู้ว่าถ้าพูดคำเหล่านี้ออกไปแล้วต้องไม่มีใครเชื่อแน่ๆ แต่ทว่าเขาก็อยากจะลองดู “สามวัน ? ผมขอถามหน่อยครับว่าคุณกับคุณเพ็ญจิตรู้จักกันนานแค่ไหนครับก่อนจะแต่งงานกัน?”คราวนี้ ทางตำรวจถึงกับจ้องเขาด้วยสายตาฉงน “ไม่ถึง 2 ชั่วโมง”สุวิทย์จ้องไปยังตำรวจ มองไปยังอรรถพล เขารู้ว่าถ้าใช้วิธีการปกติก็ไม่มีทางได้เจอเพ็ญจิตแน่ๆ เห็นทีเขาคงต้องใช้ลูกเล่นหน่อยเสียแล้ว สุวิทย์กลับออกจากบ้านวงศ์อัจฉรา เขาวางแผนจะหาเพ็ญจิตด้วยตัวเขาเอง แต่ทว่าวันนี้ก็มืดแล้วแม้แต่บริษัทนักสืบก็ยังปิดประตูแล้ว หรือว่าเขาต้องรอถึงวันพรุ่งนี้หรือ? ครั้นกลับไปถึงโรงแรม หยิบเสื้อผ้าเพ็ญจิตออกมา มองดูทะเบียนสมรส เขาก็ได้ แต่คิดว่าตอนนั้นเขาควรจะพาเธอออกไปด้วยจริงๆ เขาไม่ควรปล่อยเธอไว้ที่โรงแรมคนเดียว ครั้นจะกลับไปที่บ้านวงศ์อัจฉราอีกครั้งโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะกลับดังขึ้น ที่แท้ก็เป็นลุงกำจรโทรมา “คุณชาย โรงพยาบาลโทรมาอีกแล้วว่าคุณท่านจะไม่ไหวแล้วจริงๆครับ คุณชายจะกลับมาเมื่อไหร่ครับ?”ลุงกำจรพูดด้วยเสียงสะอึกสะอื้นทำให้สุวิทย์ไร้ซึ่งความสงสัยใดๆ “ลุงกำจร พ่อผมอยู่โรงพยาบาลไหนครับ?”สุวิทย์รีบร้อน ตอนแรกเขาอยากจะพาเพ็ญจิตกลับไปด้วยแต่เมื่อได้ยินลุงกำจรพูดอย่างนี้แล้วก็กลัวว่าจะสายเกินไปจริงๆ “คุณชายครับ ผมไม่ได้หลอกคุณนะครับ หากคุณชายไม่เชื่อคุณลองโทรหาโรงพยาบาลดูก็ได้ นี่คือเบอร์ของโรงพยาบาลครับ” ลุงกำจรถึงกับร้องไห้ออกมาจากสายโทรศัพท์ สุวิทย์เองก็ได้แต่ปลอบใจเขา “ลุงกำจรครับ ไม่ใช่ว่าผมไม่เชื่อลุง ผมกำลังจะไปเดี๋ยวนี้แหละครับ”เมื่อพูดจบสุวิทย์ก็ตัดสินใจไปดูพ่อก่อน ถ้าหากว่าพ่อไม่เป็นอะไร พรุ่งนี้เขาค่อยกลับมาก็ได้ ถึงวันเวลานั้นถ้าจะไปหาเพ็ญจิตก็คงยังไม่สายเกินไป เขารีบร้อนขับรถกลับไปอย่างรวดเร็ว ระหว่างทางไปเขาก็อดไม่ได้ที่จะโทรศัพท์ “คุณชายครับ คุณจะไปโรงพยาบาลตอนี้หรือครับ?”ลุงกำจรมีท่าทีประหลาดใจ “ผมจะกลับไปบ้านก่อน” แต่เดิมทีเขาคิดอยากจะไปที่โรงพยาบาลเลย แต่เพราะได้ยินเสียงลุงกำจรเขาก็เปลี่ยนแผน หรือบางทีอาจจะเป็นเพราะเสียงเรียกร้องจากก้นบึ้งของหัวใจตัวเองก็เป็นได้ ภายในใจของสุวิทย์ยังคงสับสนงุนงง ครึ่งปีที่เขาไม่ได้กลับบ้าน นอกจากเรื่องงานแต่งของพ่อแล้ว เรื่องของผู้หญิงคนนั้นก็เป็นเหตุสำคัญเช่นกัน ไม่ได้เจอกันครึ่งปีแล้ว ไม่รู้ว่าหล่อนจะยังสบายดีไหม? เขาอยากจะรู้ว่าเสียงที่หลุดออกมาจากโทรศัพท์ใช่สิ่งที่เขาคิดผิดไปเองไหม นางฟ้าตัวเล็กๆที่แสนอบอุ่นคนนั้นจะกลายเป็นคนเลือดเย็นขนาดนี้ได้เช่นไร เขาไม่เชื่อ ก่อนรุ่งอรุณ ในที่สุดสุวิทย์ก็กลับมาถึงบ้านที่ตนไม่ได้กลับมานานเป็นเวลาถึงครึ่งปี ดูเหมือนว่าลุงกำจรจะรอเขามาโดยตลอด “คุณชาย คุณกลับมาแล้ว เชิญพักผ่อนก่อนเถอะครับ ผมให้คนเตรียมไว้ให้แล้ว สายๆหน่อยพวกเราค่อยไปโรงพยาบาลกันนะครับ” ลุงกำจรมองสุวิทย์ด้วยดวงตาที่เอ่อล้นไปด้วยหยดน้ำตา ในที่สุดคุณชายก็กลับมาแล้ว คุณท่านรอดแล้ว คุณท่านรอดแล้ว “หล่อนล่ะ? ไปดูแลคุณพ่อที่โรงพยาบาลหรือ?”เมื่อนึกถึงคำพูดที่ได้ยินเมื่อเย็นวาน สุวิทย์จึงเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยเย็นชา “เมื่อวานคุณหญิงไปงานเลี้ยงจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่กลับมาครับ”ลุงกำจรถอนหายใจเบาๆ น้ำเสียงแฝงไปด้วยความผิดหวังที่มีต่อคุณหญิง ขณะที่พูดจู่ๆก็ปรากฏเสียงฝีเท้าคนเดินเข้ามาจากนอกประตู ทันใดนั้น สุวิทย์จึงรีบหนีออกจากห้องรับแขกทันที เขาไม่อยากให้หล่อนเห็นว่าเขากลับมาแล้ว อย่างน้อยแค่ตอนนี้เขาไม่อยากพบหน้าหล่อนก็เท่านั้นเอง “คุณหญิงกลับมาแล้ว คุณหญิงทานอาหารเช้าหรือยังครับ?ลุงกำจรกล่าวทักทายไรวินท์อย่างสำรวม “ไม่เป็นไร ฉันปวดหัวนิดหน่อย อย่าให้ใครมารบกวนฉันล่ะ”น้ำเสียงดูเย็นชาห่างเกินราวกับคนแปลกหน้า สุวิทย์ยืนอยู่หน้าหน้าต่างของห้องสมุด มองดูรถเบนซ์ที่วิ่งออกไป ไอความโกรธในใจของเขาก็พลุ่งพล่านไปทั่วร่างอย่างมิอาจควบคุมได้ “คุณชายครับ ตอนนี้พวกเราไปโรงพยาบาลกันได้หรือยังครับ?”สุวิทย์ไม่รู้ตัวว่าเขายืนอยู่หน้าหน้าต่างนานแค่ไหนแล้ว ความสวยงามในวันวานและเรื่องราวในอดีตวนเวียนอยู่ในหัวของเขาไม่จบไม่สิ้น ครึ่งปีมานี้ ไม่ได้มีเพียงแค่ตัวเขาที่เปลี่ยนไป เขาลืมว่าแท้จริงแล้วโลกใบนี้ไม่ได้หมุนรอบตัวเขาเพียงคนเดียว ทุกๆคนต่างก็เปลี่ยนไปเช่นกัน ทั้งพ่อของเขาหรือแม้กระทั่งหล่อนที่เขาเคยรัก “ไปกันเถอะ”ภายในใจรู้สึกหนักอึ้ง มีหลายสิ่งหลายอย่างเกินความควบคุมของเขาไปนานแล้ว ณ ห้องผู้ป่วยพิเศษของโรงพยาบาล คุณพ่อกำลังนอนหลับอยู่อย่างสงบเงียบ แต่ทว่าใบหน้าที่แก่ชราซีดเซียวนั้นกลับเป็น เสมือนกริชดีๆเล่มหนึ่งที่กำลังทิ่มแท่งใจเขาอย่างโหดร้ายทารุณ ทั้งๆที่เป็นลูก แต่เขากลับมิได้ทำหน้าที่ลูกที่ดีเลย “พ่อครับ ผมขอโทษ”มือทั้งสองกุมเข้ากับมือของพ่อ สุวิทย์ยิ่งรู้สึกผิดอย่างหาที่สุดไม่ได้ ในความทรงจำของเขา มือของพ่อนั้นทั้งหนาใหญ่และอบอุ่น แต่ครานี้กลับเย็นเยือกราวน้ำแข็ง ดวงใจอันรู้สึกผิดของเขาอัดแน่นไปด้วยคำขอโทษ มันทำให้ความรู้สึกโกรธเกลียดในใจเขาตลอดครึ่งปีมานี้มลายหายไป “วิทย์...ลูก..ลูกกลับมาแล้ว?” ดูเหมือนว่าผู้ป่วยบนเตียงได้รู้สึกไปแล้ว เขาเบิกตาขึ้นด้วยท่าทีอ่อนแรง “พ่อครับ ผมขอโทษครับ ผมไม่น่าปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนี้กับพ่อเลย ไม่น่าเลย” สุวิทย์พยายามกลั้นความเศร้าโศกในใจไว้อย่างสุดขีด มิน่าเล่าลุงกำจรถึงเป็นห่วงถึงเพียงนี้ เขามันไม่ได้เรื่องเสียจริง พ่อเป็นถึงขนาดนี้แล้วแต่ตัวเขากลับไม่รู้อะไรเลย “ไม่ มันไม่ใช่ความผิดของลูก...ลูกเอ๋ย พ่อ พ่อมองเห็นแม่ของลูก เธอ... เธอรอพ่อมาโดยตลอด” ใบหน้าของพ่อเอิบอิ่มไปด้วยรอยยิ้มดุจดั่งว่านี่เป็นสิ่งที่เขารอคอยมาแสนเนิ่นนาน “พ่อครับ แม่... พ่อรักแม่ผมไหมครับ?”ในหัวของสุวิทย์มีคำถามผุดขึ้นมากมาย ทว่าท้ายที่สุดสิ่งเขาเอ่ยถามออกมากลับกลายเป็นความโหยหาในอดีตของมารดาที่ช่างเจ็บปวดเหลือเกิน “รักสิ ในใจของพ่อมีแต่แม่ของลูกเพียงคนเดียว อำพันธุ์... อำพันธุ์มันเป็นเพียงอุบัติเหตุ แต่...แต่...มันเป็นเพียงอุบัติเหตุแต่กลับพรากชีวิตแม่ของลูกไป พ่อขอโทษ” เมื่อเห็นน้ำตาของพ่อ ความสงสัยที่วนเวียนอนู่ในหัวใจของเขามาตลอด สุดท้ายแล้วก็หาคำตอบเจอเสียที พ่อไม่ได้ทรยศแม่ มันเป็นเพียงอุบัติเหตุก็เท่านั้น เพียงแต่ว่าอุบัติเหตุครั้งนี้ได้พรากเอาชีวิตแม่ของเขาไปเสียแล้ว “พ่อครับ สุขภาพของพ่อแข็งแรงมาตลอด ทำไมจู่ๆถึงได้ล้มป่วยได้หรือครับ?”สุวิทย์เมื่อนึกถึงผู้หญิงที่มัวแต่หลงโลกีย์มิยอมมาดูดำดูดีพ่อคนนั้นแล้วความเคลือบแคลงใจก็เพิ่มทวีมากขึ้น
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 20 พบคนรักเก่าอีกครั้ง
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A