ตอนที่22 คนรักเก่าแสดงความรักอีกครั้ง   1/    
已经是第一章了
ตอนที่22 คนรักเก่าแสดงความรักอีกครั้ง
ต๭นที่22 คนรักเก่าแสดงความรักอีกครั้ง “วิทย์คะ พ่อของคุณเขาไม่เคยแตะเนื้อต้องตัวฉันเลยนะคะ ไม่เคยเลย”ราวกับว่าไรวินท์ได้เตรียมตัวทุกอย่างมาเป็นอย่างดีแล้ว เมื่อเห็นสุวิทย์ทำตัวไม่รู้ร้อนรู้หนาว หล่อนจึงพูดขึ้นมาอีกครั้ง “ออกไป ไสหัวออกไป -”สุวิทย์แผดเสียงดังก้อง เขาไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้น เขาไม่มีภาระหน้าที่ใดๆที่ต้องรับผิดชอบผู้หญิงคนนี้ หล่อนมิถือว่าเป็นคนของบ้านคำวงษาอีกต่อไปแล้ว อีกประการหนึ่ง ตัวเขาเองก็มีสิ่งที่เขาต้องจัดการอยู่เหมือนกัน “วิทย์คะ ในใจของฉันมีแค่คุณคนดียวนะคะ คุณรู้ไหมว่าตลอดระยะเวลาครึ่งปีที่คุณหนีไปฉันมีชีวิตอยู่อย่างไร วิทย์ คุณเชื่อฉันเถอะนะ ถึงแม้ว่าฉันจะขึ้นชื่อว่าแต่งงานกับพ่อของคุณไปแล้ว แต่ระหว่างฉันกับเขา เราไม่เคยมีอะไรเกินเลยเกิดขึ้นเลย ที่เขามาแต่งงานกับฉันก็เพียงเพื่อจะแยกเราสองคนให้ห่างจากกันก็เท่านั้นเอง วิทย์คะ.....” ท่ามกลางเสียงด่าทอด้วยโทสะของสุวิทย์ ไรวินท์กลับเอาแต่ร้องไห้ หล่อนไม่เพียงแต่ไม่ไป มิหนำซ้ำกลับยังใช้สายตาที่แฝงความโศกเศร้าเสียใจจ้องมองไปยังเขาอีก สุวิทย์มิได้สนใจใยดีหล่อนอีกต่อไป เขาหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาจะเดินจากไป แต่ขณะที่เดินผ่านไรวินท์กลับถูกหล่อนยื้อจับขาเอาไว้ “ปล่อยมือ!”สุวิทย์พยายามสั่งตัวเองไม่ให้ก้มลงไปมองหล่อน สำหรับผู้หญิงคนนี้ เขาสามารถเชื่อใจได้อีกต่อไปแล้ว “วิทย์คะ ฉันไม่สามารถอยู่ได้โดยไม่มีคุณนะคะ พวกเรามาเริ่มต้นกันใหม่ได้ไหม?”“ไรวินท์จับใบหน้าของเขาพลางร้องไห้สะอึกสะอื้น “ปล่อยผมเดี๋ยวนี้....” สุวิทย์อารมณ์เสียจนจะเกินทน มันผ่านไปแล้ว ทุกอย่างมันได้ผ่านไปแล้ว ไม่สามารถจะมาเริ่มต้นอะไรใหม่ได้แล้ว ต่อให้สิ่งที่หล่อนพูดจะเป็นเรื่องจริงแต่มันก็เป็นอดีตไปเสียแล้ว ไรวินท์ร้องไห้ไป มือของหล่อนเกาะเขาไว้ไม่ยอมปล่อย เขาจึงทำได้เพียงแต่เดินลากหล่อนออกมาข้างนอกด้วยอย่างนี้ “ไรวินท์ ผมจะเตือนคุณอีกแค่ครั้งเดียวนะ ออกไปให้พ้นจากสายตาผมเดี๋ยวนี้ และอย่ากลับมาให้ผมเห็นหน้าอีก ถ้าไม่อย่างนั้นล่ะก็ ผมไม่รู้นะว่าครั้งหน้าผมจะทำอะไรกับคุณ” สุวิทย์สบัดไรวินท์ออกไปขณะอยู่หน้าลิฟท์ ระดับความอดทนของเขามีขีดจำกัด พ่อเขาเพิ่งจะตายไปหมาดๆ ผู้หญิงคนนี้ยังกล้ามาหลอกล่อเขาอีก เขาไม่มีทางที่จะยกโทษให้หล่อนได้เลยจริงๆ “วิทย์คะ ฉันรักคุณจริงๆนะคะ”เมื่อไรวินท์มองเห็นประตูลิฟท์กำลังปิดเข้าหากันจึงแหกปากแผดเสียงออกมาดังก้อง ด้วนเสียงรบกวนทุกอย่างออกไปข้างนอก สุวิทย์รู้สึกเหนื่อยเหลือเกิน เหนื่อยเสียจนไม่อยากคิด ไม่อยากนึกถึงมันอีกแล้ว แต่เดิมทีเขาคิดว่าความเหนื่อยล้าทางร่างกายจะช่วยทุเลาความเหนื่อยล้าภายในใจ คิดไม่ถึงเลยว่าแท้จริงแล้วมันกลับสร้างแรงกดดันให้เขาเพิ่มมากขึ้นอีก หลังออกมาจากบริษัท เขาก็เอาแต่เดินเล่นอยู่บนถนน จนถึงฟ้ามืดลงมา มองดูเมืองที่กลายเป็นแปลกหน้าอย่างกระทันหัน เขาไม่สามารถหาที่พักผ่อนได้เลย ที่นี่เป็นถนนที่เต็มไปด้วยผับบาร์ที่มีชื่อเสียง เสียงเพลงอันเร้าใจก็ดังลอยออกมาจากผับบาร์เหล่านั้น เขาเดินเข้าไปยังหนึ่งในร้านเหล่านั้นอย่างมึนๆ นับตั้งแต่วันที่ไรวินท์ไปหาสุวิทย์ที่บริษัท หลังจากนั้นพอเลิกงาน เขาก็จะมานั่งจมปลักอยู่ในบาร์ เขาไม่ได้ดื่มเบียร์และก็ไม่ได้ไปหว่านเสน่ห์ใส่สาวที่ไหน เขาเพียงแค่นั่งอยู่ในนั้นอย่างเงียบๆก็เท่านั้น เขาสั่งเครื่องดื่มมาแค่แก้วเดียวแล้วก็นั่งอยู่ในนั้นอย่างเงียบๆจนร้านปิด และก็มีบางครั้งที่เขาเผลองีบอยู่ในนั้นบ้าง เพียงแต่ในเวลาเข้างานของทุกวัน เขาก็จะปรากฏตัวที่บริษัทตรงตามเวลาทุกครั้ง ไรวินท์ก็ยังไม่ยอมรามือ ทุกๆกลางวัน หล่อนจะหอบหิ้วอาหารกลางวันไปเสนอหน้าที่บริษัท แต่ก็ไม่มีใครสนใจหล่อนสักคน ตอนช่วงแรกๆ พนักงานรักษาความปลอดภัยยังไม่ยอมให้หล่อนเข้าไป แต่หล่อนก็หาเรื่องโวยวายอึกทึกครึกโคม จนตอนนี้ไม่มีใครสนใจหล่อนอีกต่อไปแล้ว ถึงเวลาพักกลางวันอีก เหล่าพนักงานออกไปหาข้าวทานกัน ภายในตึกออฟฟิศก็จะเงียบสงบลง ไรวินท์โผล่หน้าไปยังห้องทำงานของสุวิทย์อีก หล่อนหยิบกล่องข้าวออกมาวางบนโต๊ะชา สุวิทย์แม้แต่ปรายตาไปมองหล่อนก็ยังหาได้ทำไม่ “วิทย์คะ วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่ฉันเอาข้าวมาให้คุณ ในเมื่อคุณรังเกียจที่จะเห็นฉันถึงเพียงนี้ ถ้างั้นฉันยอมไปก็ได้ค่ะ ขอเพียงแค่คุณมีความสุข ขอแค่คุณมีชีวิตที่ดี ฉันยอมได้ทุกอย่าง กลับบ้านเถอะนะคะ คุณอย่าทรมานตัวเองอีกเลย ถ้าเกิดมีใครต้องผิดหรือถ้าคุณจะเกลียด ก็เกลียดแค่ฉันเพียงคนเดียวเถอะค่ะ”น้ำเสียงไรวินท์เย็นยะเยือกและดูหดหู่ “ช่างน่าเสียดายจริงๆที่คุณไม่ได้ไปสอบเข้าโรงเรียนการแสดง ไหนๆวันนี้ก็เป็นวันสุดท้ายแล้ว ถ้าอย่างงั้นตอนนี้ก็เชิญหยิบเอาข้าวของของคุณแล้วไสหัวไปด้วยแล้วกัน”ตลอดหลายวันมานี้สุวิทย์คิดว่าตัวเองสามารถสงบสติอารมณ์ลงมาได้บ้างแล้ว ผ่านมาถึงหนึ่งเดือนแล้ว ความอดทนของหล่อนช่างมีอยู่มากเหลือเกิน ถ้าหากตอนแรกยังดื้อด้านเหมือนอย่างตอนนี้ ถ้าหากตอนแรกหล่อนสามารถยืนหยัดได้ขนาดนี้ และถ้าหากตอนแรกหล่อนมีความอดทนถึงเพียงนี้ล่ะก็ พวกเขาจะเดินมาถึงจุดนี้ได้อย่างไรกัน “วิทย์คะ ฉัน...ฉันรู้ว่าคุณไม่สามารถยอมรับฉันได้อีกต่อไป ฉันพูดจบฉันก็จะไปแล้วค่ะ ตอนเย็นกลับบ้านไปทานข้าวกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาก็คงจะดี หรือจะเป็นมื้อแห่งการเลิกลากันก็ได้ ให้ถือเสียว่านี้เป็นการเลี้ยงส่งฉัน ต่อจากนี้ฉันจะไม่ปรากฏตัวให้คุณเห็นอีก”ใบหน้าของไรวินท์ปรากฏรอยยิ้มเจื่อนๆ มองดูแล้วช่างน่าสงสารยิ่งนัก “ไม่มีความจำเป็น หากคุณคิดว่าต้องการให้จุดประทัดเลี้ยงส่งล่ะก็ เชิญไปบอกให้ลุงกำจรเตรียมให้เถอะ สำหรับคุณแล้วผมไม่เหลือความอดทนอดกลั้นใดๆอยู่อีกแล้ว”ภายในใจของสุวิทย์ลุกเป็นไฟเมื่อมองเห็นผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า ความรักหวานฉ่ำตลอดหนึ่งปี เขาเคยคิดมาตลอดว่าตัวเองจะแต่งงานกับผู้หญิงคนนี้แน่ๆ เขาเคยคิดว่าความรักระหว่างพวกเขาจะสามารถอดทนฝ่าฟันขวากหนามได้ แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่าสุดท้ายแล้วมันจะเป็นเพียงคำโกหกหลอกลวงที่แสนเลวร้าย “ฉันรู้ว่าคุณโทษฉัน เกลียดฉันและถึงขนาดตั้งแง่กับทุกคำพูดของฉัน แต่เรื่องจริงมันก็เป็นเช่นนี้ ฉันรู้ว่าฉันไม่ควรพูดร้ายคนที่ตายไปแล้ว แต่นั่นมันก็เป็นความจริง ฉันยังจำได้อยู่เลยว่านั่นมันเป็นวันก่อนวันเกิดของพ่อคุณ เดิมทีคุณบอกว่าจะพาฉันไปพบพ่อของคุณในวันเกิดของท่าน ดังนั้นฉันเลยตั้งความหวังไว้มากตอนที่รับสายโทรศัพท์ของพ่อคุณ ฉันยังจำได้อีกว่าวันนั้นฉันตั้งใจแต่งตัวมากโดยหวังว่าจะทำให้พ่อคุณจะประทับใจในตัวฉัน พวกเรานัดเจอกันที่ร้านกาแฟ แวบแรกที่เห็นเขาฉันรู้สึกว่าพ่อของคุณดูเป็นคนใจดีมีเมตตา...แต่หลังจากที่ฉันดื่มน้ำผลไม้กลับรู้สึกมึนๆยังไงชอบกล หลังจากนั้นฉันก็จำอะไรไม่ได้เลยอีก ตอนที่ตื่นขึ้นมาในโรงแรม อีกทั้งบนเตียงยังมีชายแปลกหน้านอนอยู่อีกด้วย...”ไรวินท์น้ำตานองหน้าและยิ้มออกมาอย่างขื่นขม ทำให้คนอื่นไม่อาจสงสัยได้ สุวิทย์ยังคงนิ่งขรึม เขามิได้ขัดหล่อนเหมือนอย่างแต่ก่อน เขาฟังไรวินท์เล่าเรื่องวันวานด้วยน้ำเสียงเศร้าโศกพร้อมกับท่าทางนุ่มนวลของเธอ “พูดจบแล้ว ฉันก็รู้สึกสบายใจขึ้นมากเลย ทุกวันนี้ ฉันยังนอนฝันร้ายอยู่ทุกคืน...”ไรวินท์พูดไปน้ำตาเม็ดใหญ่ก็ไหลตกกระทบเข้ากับพรม สุวิทย์มิได้เอ่ยคำใดๆออกไป หล่อนเช็ดน้ำตาด้วยท่าทางสะอึกสะอื้น “ฉันไปแล้วนะ หลังจากนี้คุณอย่าลืมกินข้าวให้ตรงเวลา ตอนเย็นถ้าต้องทำงานจนเลิกดึกๆดื่นๆ ก็อย่าลืมกำชับลุงกำจรให้เตรียมอาหารมื้อดึกเอาไว้ให้ล่ะ”ไรวินท์พูดกำชับอีกครั้งแล้วยอมเดินจากออกมาอย่างอาลัยอาวรณ์ “ทำไมตอนนั้นคุณถึงไม่บอกผม?”ในขณะที่มือของไรวินท์จับเข้ากับลูกบิดประตู เสียงของสุวิทย์ที่เปล่งขึ้นมาก็ลอดผ่านเข้าไปในหูของหล่อน “ฉันเองก็อยากพูด แต่ฉันไม่มีความกล้าพอ คุณเคยบอก....เคยบอกว่าความสวยงามครั้งแรกเหล่านั้นควรจะเก็บไว้จนกระทั่งวันแต่งงาน แต่...แต่ฉันไม่ได้บริสุทธิ์อีกต่อไปแล้ว ฉันไม่คู่ควรกับคุณ...อีกทั้ง...พ่อของคุณ...พ่อของคุณเขายังมีวีดีโอนั้นอยู่ ฉันไม่สามารถ...”ไรวิทย์ร้องไห้ออกมาแล้วหมุนตัวโผตัวเข้าไปในอ้อมกอดของสุวิทย์ “ถ้างั้นตอนนี้ล่ะ ทำไมตอนนี้ถึงได้พูดออกมา?”สุวิทย์เปล่งเสียงถาม ตอนนี้เขาอ่อนล้าเหลือเกิน เขาไม่อยากสืบสาวราวเรื่องว่าใครทำผิดต่อใคร เขาอยากเชื่อแต่เพียงแค่เสียงหัวใจของเขาเองเท่านั้น “ฉันไม่รู้ ฉันเพียงแต่ไม่อยากจากคุณไปไหนอีก วิทย์คะ ฉันไม่อยากให้คุณไม่ต้องการฉัน ไม่อยากให้คุณทอดทิ้งฉันไป...”ไรวินท์ร้องร่ำไห้ มือทั้งสองข้างก็คว้าจับตัวสุวิทย์ไปทั่ว “สายไปแล้ว ทุกอย่างมันสายไปแล้ว ระหว่างเราสองคน...”สุวิทย์เมื่อเห็นใบหน้าที่เจิ่งนองไปด้วยน้ำตาก็อดไม่ได้ที่จะโน้มหัวลง ริมฝีปากสีแดงสดและสีขาวซีดผสานทับซ้อนเข้าด้วยกันแล้วกัดงับกันไปมา ช่วงนาทีอันเร่าร้อนได้ถูกจุดประกายขึ้น เนคไทของสุวิทย์ถูกกระชากออก เสื้อเชิ้ตก็ถูกเปลื้องจนตกลงไปกองอยู่บนพรม บนหน้าอกก็ปรากฏเป็นรอยเลือดขึ้นเป็นจ้ำๆ ยามนี้ความอุดมสมบูรณ์ของไรวินท์มาปรากฏอยู่ตรงหน้า ช่างงดงามเสียจนหาที่จบมิได้ สุวิทย์ครางออกมาด้วยเสียงทุ่มต่ำแล้วมุดลงเข้าคลอเคลีย... กระโปรงยาวถูกเลิกขึ้นไปจนถึงเอว ความเร่าร้อนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเกิดขึ้นอย่างมิอาจหลบหนีได้ “กรี๊งๆ...”เสียงโทรศัพท์เป็นเหมือนอ่างน้ำเย็นที่สาดเข้ามาดับความใคร่ในตัวสุวิทย์ ครั้งเห็นเสื้อผ้าอาภรณ์ของไรวินท์ถูกเปลื้องออกมา เขาก็รีบผละหล่อนออกอย่างอกสั่นขวัญหาย “เธอออกไปเดี่ยวนี้”สุวิทย์ถอนหายใจ อีกแค่นิดเดียวเขาก็เกือบจะตกลงไปในนรกเสียแล้ว อีกแค่นิดเดียวก็เกือบจะทำความผิดที่มิอาจให้อภัยได้เสียแล้ว “วิทย์ ฉันขอโทษ พรุ่งนี้ฉ...ฉันจะไปแล้ว เย็นนี้คุณจะกลับไปกินข้าวที่บ้านไหม?”หลังจากไรวินท์จัดการเสื้อผ้าเรียบร้อยก็หันไปมองทาง สุวิทย์ที่มัวแต่เอามือเท้าอยู่กับโต๊ะมิยอมเงยหน้าขึ้นมา “ผมรู้แล้ว คุณไปเสียเถอะ”น้ำเสียงของสุวิทย์กลับมาเรียบเฉยอีกครั้ง จนกระทั่งเสียงประตูเปิดและปิดจบลง เขาจึงกำหมัดทุบโต๊ะลงไปอย่างแรง อีกแค่นิดเดียวเขาก็จะทำมันเสียแล้ว แค่คิดเดียวก็เกือบจะทำแล้ว ผู้หญิงคนนั้นยังไงก็เป็นภรรยาของพ่อ ทำไมเขาถึงได้ สุวิทย์ตบตัวเองเข้าไปหนึ่งฉาดให้แก่ความอัปยศของเขา เมื่อถึงห้องพักผ่อนได้อาบน้ำอาบท่าก็ถึงจะสงบสติอารมณ์ลงได้ หลังจากเลิกงานสุวิทย์ก็นั่งลังเลอยู่ในรถ นับตั้งแต่พ่อของเขาจากไปเขาก็ไม่เคยกลับไปอยู่บ้านเลยแต่ทว่าพรุ่งนี้ผู้หญิงคนนั้นก็จะย้ายออกไปแล้ว หรือเขาควรจะกลับไปส่งเธอสักหน่อย? ครั้นได้ยินเสียงรถยนต์ ไรวินท์ก็ดีใจเป็นอย่างมาก เย็นนี้หล่อนแต่งหน้าจัดเต็ม อาหารเย็นก็จัดเตรียมขึ้นอย่างพิถีพิถัน ภายในบ้านนอกจากหล่อนแล้วก็มิได้มีคนอื่นอยู่ด้วย ส่วนพวกลุงกำจรก็ถูกหล่อนขจัดออกกันไปหมดแล้ว “วิทย์ คุณกลับมาแล้ว เดี๋ยวฉันไปเตรียมน้ำให้คุณอาบนะคะ”ไรวินท์โผลออกมาช่วยจัดรองเท้าให้สุวิทย์ “ไม่ต้อง แล้วลุงกำจรล่ะ?”ภายในบ้านเงียบวังเวงทำให้สุวิทย์มิอาจห้ามให้ตัวเองขมวดคิ้วเข้าหากันได้ “ลุงกำจรออกไปซื้อของข้างนอกแล้ว อาจจะกลับมามืดหน่อย คุณไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเถอะ อีกประเดี๋ยวก็จะกินข้าวได้แล้ว”ไรวินท์เดินยิ้มกระย่องอย่างอายๆเข้าไปในครัว เมื่อกลับมาถึงห้องสุวิทย์ก็รู้สึกเสียใจเล็กน้อย ครั้งนี้เขาไม่น่ากลับมาเลย ชายหนุ่มได้แต่บอกตัวเองด้วยความสังหรณ์ใจ เย็นนี้มีอะไรบางไม่ปกติ ลุงกำจรกับน้าจิลพวกเขาไปไหนกันเสียแล้วล่ะ? ไหนจะคนขับรถ พวกเขาหายไปไหนกัน? “วิทย์คะ เสร็จหรือยังคะ? กับข้าวเรียบร้อยแล้วนะคะ”สุวิทย์ล้มลงไปบนเตียง ยังไม่ทันพูดจบเสียงไรวินท์ก็ดังรอดเข้ามา เขารีบเด้งขึ้นมานั่งแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว ในที่สุดก็รีบรุดออกไปจากห้องก่อนไรวินท์จะเดินเข้ามา หลังจากประสบเหตุเมื่อกลางวันนี้แล้ว เขายังคงกล้าๆกลัวๆอยู่เล็กน้อย กลัวผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ และกลัวว่าจะไม่สามารถควบคุมหัวใจของตัวเองได้ “รอพวกลุงกำจรกลับมาก่อนเถอะ ไหนๆพรุ่งนี้เธอก็จะไปแล้ว ทุกคนก็ควรจะมาทานข้าวด้วยกันสักมื้อ”สุวิทย์เดินลงมาก็พบว่าไฟห้องรับแขกและห้องทานอาหารได้ดับลงแล้ว มีเพียงแสงเทียนไขส่องประกาย หยาดเหงื่อก็ไหลออกไม่อย่างมิอาจห้ามได้ ในช่วงเวลาคลุมเคลือเช่นนี้เขารู้สึกว่าอาจมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นก็เป็นได้หากอยู่นานกว่านี้ สัญชาตญาณบอกเขาว่าควรจะรีบออกไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุดแต่ทว่าสายตากลับกวาดไปเห็นสิ่งนั้นโดยอัตโนมัติเสียแล้ว... ให้ตายเถอะ หล่อนถึงขนาดกับเปลี่ยนมาใส่ชุดนอนลายลูกไม้กันเลยทีเดียว ร่างอันบอบบางก็แผ่กลิ่นหอมโชยออกมาอย่างจางๆ “ผมเพิ่งนึกได้ว่าวันนี้ผมมีนัดทานข้าวกับคนอื่นแล้ว ดังนั้นอาหารมื้อนี้วันหลังค่อยว่ากันใหม่เถอะ”สุวิทย์คิดอยากจะหลีกหนี แต่ไรวินท์ กลับพุ่งตัวเข้ามาอย่างนุ่มนวลแล้วโอบกอดเข้าไว้อย่างแน่นจากด้านหลัง “วิทย์คะ อย่าไปนะคะ คุณเคยบอกว่าคุณอยากจะพาฉันไปดินเนอร์ใต้แสงเทียนในวันเกิดของฉันหนิคะ วันนี้เป็นวันเกิดของฉัน คุณลืมแล้วหรือคะ?”ใบหน้าของไรวินท์ก็แนบชิดคลอเคลียเสื้อผ้าปลุกเร้าเส้นประสาททุกส่วนของสุวิทย์ วันเกิดของหล่อน วันนี้เป็นวันเกิดของหล่อนงั้นหรือ?
已经是最新一章了
加载中