ตอนที่26 อย่านะ ปล่อยฉันนะ   1/    
已经是第一章了
ตอนที่26 อย่านะ ปล่อยฉันนะ
ต๭นที่26 อย่านะ ปล่อยฉันนะ ! “เพ็ญจิตเธออย่าเพิ่งรีบร้อนไป พวกเรามาค่อยๆคุยกันดีไหม?”อรรถพลปิดประตูห้องหนังสือลง เขาไม่อาจรับประกันได้ว่าสิ่งนี้จะสามารถรั้งเพ็ญจิตไม่ให้วิ่งหนีไปหาผู้ชายที่นามสกุลคำวงษานั่นได้ เพ็ญจิตจ้องมองไปยังพี่ชาย มองดูเขาเปิดตู้หนังสืออย่างชำนาญการ และมองดูเขาเปิดลิ้นชักที่โต๊ะทำงานของคุณพ่อ “พี่คะ พี่รู้ว่าหนูไม่ใช่ลูกของพ่อกับแม่ตั้งแต่เมื่อไหร่กันคะ?”เพ็ญจิตมองไปยังตำแหน่งที่นิ้วมือของอรรถพลชี้อยู่ มันเป็นรูปหมู่ใบไม่ใหญ่มากนัก ทว่ากลับพอมองเห็นได้ว่าคนตรงกลางของรูปนั้นเป็นสตรี มองดูเผินๆแล้วคงอายุมากกว่าเพ็ญจิตไม่เท่าไร รูปร่างหน้าตาก็ดูคล้ายเพ็ญจิตอยู่หลายส่วน “เพ็ญจิตสิ่งนี้มันไม่สำคัญหรอก หากเธออยากเจอคุณน้าพี่จะพาเธอไปเอง แต่เธอต้องเซ็นต์อย่ากับเขาซะ เธอไม่ควรจะทำลายทั้งชีวิตของตัวเองด้วยความหุนหันพลันแล่นเช่นนี้”อรรถพลกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมจริงจัง เขาเคยเห็นทะเบียนสมรสนั่นมาก่อนแล้ว มันเป็นของจริงและเขาไม่อยากจะนึกถึงมันอีก เพ็ญจิตกับไอ่หมอนั่นไม่ได้มีความสัมพันธ์กันฉันสามีภรรยากันอย่างจริงๆ เขารู้แค่เพียงว่าเขาต้องปกป้องเพ็ญจิต นับจากวันนี้เป็นต้นไป เขาจะไม่ยอมให้เพ็ญจิตต้องแบกรับความเจ็บปวดใดๆอีกเป็นอันขาด “พี่คะ อย่างน้อยสุวิทย์ก็ดีกว่าผู้ชายทั้งสามคนนั้นนะคะ ฉันเชื่อใจเขา เขาไม่มีทางโกหกฉัน”เพ็ญจิตสั่นหัว ถึงแม้ว่าการแต่งงานของพวกเขามันออกจากกะทันหันไปเสียหน่อย แต่ครั้งนี้เธอจริงจังมาก เธอเชื่อว่าสุวิทย์เองก็คงไม่ต่างกัน “เชื่อใจงั้นหรือ เธอเอาอะไรไปเชื่อใจเขา? เธอยังไม่รู้อะไรสักอย่างก็เชื่อใจผู้ชายคนนี้แล้วงั้นหรือ? เธอไม่ใช่เด็กอายุสามขวบห้าขวบสักหน่อย เธออายุเต็มยี่สิบสองแล้ว เพ็ญจิต อย่าทำตัวไร้เดียงสาขนาดนี้เลยได้ไหม?”อรรถพลเห็นเพ็ญจิตเชื่อใจผู้ชายคนนั้นได้ง่ายดายถึงเพียงนี้ก็บังเกิดอารมณ์ฉุนเฉียว “พี่คะ ก็อย่างที่พี่พูดนั่นแหละค่ะฉันอายุยี่สิบสองแล้ว ฉันรู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่? อีกทั้งนี่ก็เป็นการแต่งงานของฉัน ฉันขอตัดสินใจเอง”เพ็ญจิตพูดด้วยสีหน้าจริงจังฉุนเฉียว แล้วจ้องอรรถพลเป็นการโต้กลับ “ตัดสินใจอะไร? ตัดสินใจโดยการเลือกผู้ชายที่ไหนไม่รู้จากข้างถนนมาแต่งงานด้วยน่ะหรือ?”เพ็ญจิต ต่อให้หลายปีมานี้คุณแม่ท่านจะปฏิบัติต่อเธอไม่ค่อยจะดีสักเท่าไร เธอก็ไม่ควรทำลายตัวเองให้เสื่อมเสียได้เช่นนี้ เมื่อเธอพบหน้าคุณน้าและหากท่านถามถึงเรื่องนี้ เธอจะตอบว่าอย่างไรกัน? อรรถพลตบรูปภาพอย่างแรงพลางตวาดเสียงออกมา “ท่านเป็นคนคลอดหนูออกมาแต่กลับทิ้งหนูไป ก็ยิ่งไม่มีสิทธิใดๆมาต่อว่าหนูได้ และยิ่งไปกว่านั้นหนูเองก็ไม่ใช่ลูกแหง่ติดนมแม่แล้ว หนูอายุเลยวัยที่จะต้องการแม่มาแล้ว”เพ็ญจิตแสดงท่าทีแข็งกร้าว ไม่ว่าจะอย่างไรก็ดีตอนนี้เธอจะไม่ยอมอ่อนข้อเป็นอันขาด เรื่องของแม่สามารถค่อยๆตามหากันทีหลังได้แต่ตอนนี้เธอต้องออกไปจากที่นี่ให้ได้ก่อน เธอต้องการไปหาสุวิทย์ ป่านนี้วิทย์คงเป็นกังวลมากแล้วแน่ๆ “เธอเป็นถึงขนาดนี้ได้อย่างไรกัน?”อรรถพลจ้องเพ็ญจิต เขาพบว่าแค่ช่วงไม่กี่ปีที่เขาไปอยู่ต่างๆประเทศน้องสาวที่บอบบางนุ่มนวลของเขาเปลี่ยนไปได้ถึงเพียงนี้ “พี่คะ หนูรู้ว่าพี่กลับมาเพื่อร่วมงานแต่งของหนู หนูไม่ยอมให้พี่เสียเวลามาฟรีๆหรอกค่ะ หนูจะต้องไปหาสุวิทย์ก่อน ถ้าหากทุกคนไม่เข้ามาขัดขวางป่านนี้พวกเราคงจะเข้าพิธีแต่งงานกันไปแล้ว”เพ็ญจิตมองไปยังผู้เป็นพี่ชายแล้วค่อยๆเดินถอยหลังไปทางประตูทีละน้อยๆ “ไม่จำเป็น มันไม่มีความจำเป็น เพ็ญจิต พี่ไม่ได้กลับมาเพื่อมาร่วมงานแต่งเธอแต่พี่มาเพื่อที่จะหยุดงานแต่งเธอและพาเธอไปด้วยต่างหาก” อรรถพลสังเหตุเห็นความเคลื่อนไหวของเพ็ญจิต ทว่าเขากลับไม่ได้ขยับตัวไปไหน “ขอบคุณค่ะพี่ หนูรู้ว่าพี่เป็นพี่ชายที่ดีที่สุดในโลก ถ้าหากวันนี้หนูยังไม่ได้ต่างงานล่ะก็หนูคงจะหนีไปกับพี่อย่างมีความสุข แต่ว่าหนูแต่งงานแล้ว มันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว ต่อให้ต้องหนีไปจริงๆ หนูก็จะหนีไปหาสุวิทย์”เพ็ญจิตพยายามที่จะฉีกยิ้มเข้าสู้กับพี่ชาย หากเขากลับมาเร็วกว่านี้แค่วันเดียวล่ะก็ เธอคงจะจากประเทศนี้ไปอย่างมีความสุขแล้ว แต่ตอนนี้คงเป็นไปไม่ได้แล้ว “ต่อให้พี่กลับมาช้ากว่านี้อีกแค่วันเดียวมันก็ไม่มีผลกระทบใดๆทั้งสิ้นเพราะพวกเราไม่มีใครยอมรับการแต่งงานครั้งนี้ของพวกเธอ พี่ยังเป็นพี่ชายของเธอคนเดิมที่เล่นพ่อแม่ลูกกับเธอได้ การแต่งงานครั้งนี้พี่จะช่วยทำให้มันจบลงเอง ” อรรถพลรู้ดีว่าเพ็ญจิตไม่มีทางยอมอ่อนข้อให้อย่างง่ายดายจึงพูดอย่างตรงไปตรงมาด้วยความใจจริง “ไม่ใช่สักหน่อย ต่อให้ทุกคนไม่ยอมรับก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร ขอเพียงแค่กฏหมายยอมรับ ตัวพวกเรายอมรับก็เพียงพอแล้ว พี่คะ ขอบคุณสำหรับทุกอย่างที่พี่ทำเพื่อหนู แต่หนูต้องไปหาสุวิทย์”เพ็ญจิตหมุนตัวและวิ่งไปยังประตูด้วยความรวดเร็ว แต่ไม่ว่าจะพยายามบิดเท่าใดก็บิดไม่ออกสักที “เพ็ญจิต เธออยากได้กุญแจไหมล่ะ?”อรรถพลที่นั่งอยู่หน้าโต๊ะหนังสือโยนกุญแจในมือขึ้นไปในอากาศพลางยิ้มให้เพ็ญจิต “พี่คะ ทำไมพี่ถึงเลวทรามได้ขนาดนีกันคะ?”มือของเพ็ญจิตหยุดนิ่งอยู่กับที่ ครั้นหันหัวไปมองก็กระแทกเข้ากับลูกกุญแจทีลอยอยู่ในอากาศอย่างรุนแรง “เพ็ญจิต เธอควรจะสงบจิตสงบใจสักลงหน่อย เธอเคยเคารพรักพี่ชายคนนี้มาตลอด แต่เพื่อชายแปลกหน้าคนนั้นแล้วยามนี้เธอถึงกับเรียกพี่ว่าเป็นคนเลวทรามกันเลยทีเดียว เธอรู้ไหมว่ามันทำให้พี่เสียใจแค่ไหน พี่รู้ว่าเธอถูกกระทำมามากแค่ไหนดังนั้นพี่ไม่โทษเธอหรอก”อรรถพลลุกขึ้นยืน เขาตัดสินใจจะจัดการเรื่องงานแต่งระหว่างเพ็ญจิตกับผู้ชายที่นามสกุลคำวงษาอะไรนั่นให้เร็วที่สุด หลังจากนั้นไม่ว่าเพ็ญจิตจะยินยอมหรือไม่เขาก็จะพาเธอไปจากที่นี่ ขอแค่เพียงไปจากที่นี่ ไปอยู่ในสิ่งแวดล้อมใหม่ๆ เขาเขื่อว่าเพ็ญจิตจะต้องปรับตัวได้ในเร็ววันแน่ “พี่คะ พี่ปล่อยหนูเถอะค่ะ หนูยาอกออกไป พี่ไม่สามารถ......ไม่สามารถขังหนูไว้ที่นี่ได้...” เมื่อเห็นพี่ชายยืนขึ้น เพ็ญจิตก็ยิ่งอยากจะพุ่งตัวออกไป แต่ว่าอรรถพลกลับใช้มือเพียงหนึ่งข้างกระชากเธออย่างแรง เพ็ญจิตล้มลงไปกองอยู่กับพื้นในชั่วพริบตา เขารีบออกไปโดยเร็ว ซ้ำยังใส่กุญแจขังเธอไว้จากข้างนอก เพ็ญจิตถูกขังไว้ในบ้านอีกครั้ง เพียงแต่เปลี่ยนจากในห้องนอนมาเป็นห้องหนังสือก็เท่านั้นเอง ภายในห้องรับแขก คุณอุดมและคุณวาสนานอกจากทั้งสองคนจะขจัดปัญหาที่ค้างคาใจกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ยามนี้บนใบหน้าของคุณวาสนายังเปล่งรัศมีเงางามราวกับสาววัยแรกแย้มอีกด้วย “อรรถพลเอ๋ย ที่ลูกจับเพ็ญจิตขังไว้แบบนี้มันก็ไม่ถูกวิธีนะลูก ไม่ว่าจะพูดอย่างไร เธอก็เป็นน้องสาวของลูก ถ้าไม่อย่างงั้นพวกเราก็พาผู้ชายคนนั้นมาพูดคุยกันสักหน่อยสิ”คุณวาสนาที่นั่งซบอกของผู้เป็นสามีพูดเกลี้ยกล่อมลูกชายอย่างนุ่มนวล “แม่ครับ รูปร่างหน้าตาของหมอนั่นออกจะ... เรื่องนี้พ่อกับแม่อย่าเข้ามายุ่งเลยครับ ผมจะจัดการเอง ”อารมณ์ของอรรถพลไม่สู้ดีนัก เขานึกเสียใจที่ไม่ได้หยิบทะเบียนสมรสนั้นกลับมาด้วย แต่ทว่าเขาก็ไม่มีหน้ามากพอจะไปหาผู้ชายที่นามสกุลคำวงษานั่นอีก “อรรถพล ลูกเคยเจอผู้ชายคนนั้นแล้วหรือ?”คุณวาสนาถามขึ้นอีก “ก็วันที่เพ็ญจิตกลับมาวันนั้น ผมเจอเห็นผู้ชายคนนั้นอยู่หน้าประตูบ้าน แต่ทว่าหนวดเคราบนหน้าทำให้มองเห็นหน้าไม่ค่อยชัด” “ เป็นผู้ชายคนนั้นหรือ?”คุณอุดมขมวดคิ้วถามลูกชาย หากเป็นผู้ชายคนนั้นจริงๆ เขาก็ไม่เห็นด้วยเหมือนกัน “ครับ”อรรถพลตกตะลึงไปชั่วครู ตอบกลับอย่างคลุมเครือ เขาไม่ได้คิดจะบอกพ่อกับแม่เรื่องรูปลักษณ์ของผู้ชายที่นามสกุลคำวงษาหลังจากที่เขาโกนหนวดเคราแล้ว เพื่อที่จะป้องกันไม่ให้พ่อกับแม่เห็นดีเห็นงามเข้าข้างเพ็ญจิต “แต่ว่าพวกเขาแต่งงานกันแล้วไม่ใช่หรือ? แล้วลูกจะทำอย่างไร? ”คุณอุดมมองลูกชายด้วยความสงสัย ต่อให้จะอย่ากันก็ยังต้องให้เจ้าตัวเป็นคนไปยื่นเรื่องเองถึงจะสามารถทำได้ แต่ดูจากท่าทางของเพ็ญจิตแล้วจะให้เธอไปยื่นขออย่าเองก็เกรงว่าจะไม่มีทางยอมเป็นแน่ “พ่อครับ หรือว่าพ่อยอมรับการแต่งงานครั้งนี้แล้วงั้นหรือครับ? ไม่ใช่ว่าเพ็ญจิตเพียงแต่โกรธแม่ก็เท่านั้นหรือครับ รอผ่านไปสักสองวัน รอให้เธออารมณ์เย็นกว่านี้ลงหน่อย เดี๋ยวเธอก็นึกเสียใจได้เองแหละครับ แทนที่จะปล่อยเธอต้องพบเจอความอึดอัดแบบนี้ ไม่สู้พวกเราช่วยกันหาทางออกให้กับเธอจะดีกว่าหรือครับ”อรรถพลพูดไปก็พลางหยิบแก้วน้ำตรงหน้าแล้วเทออกมาด้วยท่าทางโหดร้าย “ก็ดี งั้นสองสามวันนี้คงต้องขังเพ็ญจิตเอาไว้ก่อนสักพัก ลูกก็รีบจัดการเรื่องนี้ให้เร็วที่สุดแล้วกัน ช่วงสองสามวันนี้พ่อจะลองติดต่อแม่ของเพ็ญจิตดูเสียหน่อย ดูซิว่าจะหาเธอเจอไหม”คุณอุดมผงกหัวด้วยความรู้สึกผิดที่มีต่อเพ็ญจิต เมื่อครั้งแรกที่กัลยายกลูกให้แก่เขา บัดนี้จึงได้กลายเป็นอย่างนี้ไปเสียแล้ว “ผมทราบครับ ถ้างั้นผมจะลองไปคุยกับคนที่นามสกุลคำวงษานั่นก่อนครับ พ่อครับ แม่ครับ พ่อกับแม่คอยสอดส่องเพ็ญจิตเธอหน่อยนะครับ”อรรถพลกำชับ ยิ่งนานวันอุปสรรคก็ยิ่งเพิ่มทวี เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงเขาต้องไปเจรจากับผู้ชายคนนั้นโดยเร็วที่สุด ครั้นเมื่อออกจากบ้านมา อรรถพลถอนหายใจเฮือกยาว จะให้เขายอมอ่อนข้อให้ผู้ชายคนนั้นนะหรือ มันไม่มีทางเกิดขึ้นเป็นอันขาด จะเป็นไปได้ไหมที่ทะเบียนสมรสนั่นจะเป็นของปลอม? จอดรถลมข้างถนนและจุดบุหรี่สูบหนึ่งม้วน เขายังต้องการคิดอีกสักหน่อย ม้วนแล้วม้วนเล่าจนกระทั่งสูบบุหรี่หมดไปครึ่งห่อ เขายังหาข้อสรุปไม่ได้แล้วจึงเดินกระฟัดกระเฟียดไปจนถึงโรงแรมรุ่งอรุณโฮเทล ครั้นมองเห็นคนที่เดินเข้ามาในโรงแรม อรรถพลตัดสินใจจะหาคนกลางมาเจรจากับสุวิทย์ เขาโทรหาเพื่อนที่อยู่ในประเทศของเขา ทว่าในขณะนี้ทุกคนกำลังทำงานกันอยู่ หากมีอะไรก็ต้องรอจนกว่าเพื่อนเขาจะเลิกงานก่อน หลังจากดูเวลาก็พบว่าเพื่อนเขาใกล้จะเลิกงานในอีกไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง ครั้นถามถึงสถานที่ทำงานชัดเจนแล้วเขาจึงไปหาร้านอาหารนั่งรออยู่ใกล้ๆ จนเวลาประมาณหกโมงในที่สุดเพื่อนของเขาก็ปรากฏตัวเสียที ทั้งสองทักทายกันเล็กน้อยแล้วสุวิทย์จึงรีบเปิดประเด็นอย่างตรงไปตรงมา เรื่องของเพ็ญจิตครั้งนี้ยิ่งแก้ได้ไวเท่าใดก็ยิ่งดี มิฉะนั้นต่อให้พาเพ็ญจิตไปต่างประเทศแล้ว เขาก็ยังไม่อาจจะวางใจได้อยู่ดี เพ็ญจิตต้องอย่าขาดกับคนสกุลคำวงษานั่นเท่านั้น “ขูเกียรติ ฉันมีเรื่องบางอย่างจะรบกวนนายหน่อย นายรู้ใช่ไหมว่าฉันมีน้องสาวที่เพิ่งเรียนจบเมื่อไม่นานมานี้ เธอเคยมีประสบการณ์อันแสนเจ็บปวดในด้านความรักมาไม่น้อย และเมื่อเร็วๆนี้ก็ดันเกิดปัญหานิดหน่อย นายก็รู้ว่ามีเรื่องบางอย่างที่ในฐานะพี่ชายอย่างฉันไม่สามารถออกหน้าได้ โดนเฉพาะในเรื่องความรัก”อรรถพลดื่มให้เพื่อนเขาหนึ่งแก้วเพื่อเป็นการให้เกียรติ “อรรถพล แกจะทำตัวเป็นไม้ตีเป็ดแมนดาริน¹อย่างที่คนอื่นๆเขาทำกันน่ะหรือ? นี่มันยุคไหนกันแล้ว?ถ้าหากพวกเขามีความรักให้กันจริงฉันคิดว่าก็อย่าไปห้ามพวกเขาเลยจะดีกว่า”ผู้เป็นเพื่อนเมื่อได้ฟังดังนั้นก็หัวเราะออกมา “ก็ถ้าหากพวกเขาชอบกันจริงหรือมีความรักให้กันจริงล่ะ พวกเราบ้านวงศ์อัจฉราก็คงจะมีความสุขมาก กลัวก็แต่ว่าจะไม่ได้รักกันจริงนั้นแหละ นายก็รู้ว่าหากผู้หญิงคนหนึ่งตกลงปลงใจแต่งงานผิดคนแล้วก็เหมือนกับโดยทำลายไปทั้งชีวิต”อรรถพลยิ้มออกมาอย่างกระอักกระอ่วน “ก็จริงอยู่ งั้นแกก็เล่าเรื่องน้องสาวแกมาซิ แต่ฉันไม่รับปากนะว่าจะช่วยได้ปล่าว”ผู้เป็นเพื่อนรีบพูดดักหน้าไว้ก่อน หากเป็นเรื่องอื่นเขาก็ยังจะพอรับปากได้ แต่กับเรื่องรักๆใครๆ เรื่องลิขิตสวรรค์ ก็ต้องให้เจ้าตัวเป็นคนตัดสินใจตามความสมัครใจเอง ยากนักที่คนนอกจะเข้าไปจัดการได้ “เรื่องมันเป็นอย่างนี้ แม่ของฉันค่อนข้างหัวโบราณหน่อย เธอคิดว่าแม้ว่าผู้หญิงจะมีการศึกษาดีเพียงใด แต่ก็ยังควรจะแต่งงานกับผู้ชายดีๆสักคนหนึ่ง ดังนั้นช่วงที่น้องสาวฉันใกล้จะเรียนจบจึงพยายามจัดเตรียมเรื่องการแต่งงานอย่างไม่หยุดหย่อน อีกทั้งพื้นเพสกุลรุนชาติของพวกเขาก็นับว่าไม่เลวเลยทีเดียว...”อรรถพลเล่าเรื่องราวงานวิวาห์ทั้งสามครั้งของเพ็ญจิตอย่างคร่าวๆ ผู้เป็นเพื่อนที่ฟังอยู่ก็ตะลึงแล้วตะลึงด้วยท่าทีประหลาดใจ “น้องสาวแกช่างโชคร้ายขนาดนี้ได้อย่างไร ทำไมถึงประสบพบเจอเจอกับเรื่องเฮงซวยขนาดนี้ได้ เธอคงไม่ได้กำลังคิดสั้นเพราะเหตุนี้หรอกนะ?” “ใช่ไหมล่ะ เมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อน ตอนวันแต่งงานครั้งที่สาม ด้วยบันดานโทสะเธอจึงไปลากผู้ชายคนหนึ่งจากข้างถนนมาแต่งงานด้วย ไม่ต้องพูดถึงรูปร่างลักษณะของผู้ชายคนนั้นเลย นายคิดว่ามีคนดีๆที่ไหนเขาจะตกลงไหมล่ะ”อรรถพลถอนหายใจมทันใด “ก็ใช่ หากเป็นคนปกติก็คงจะรีบลากขาหนีออกมาอย่างไม่ต้องสงสัย แล้วหลังจากนั้น...”ชูเกียรติพูดพลางเงยหน้ามองอรรถพล จากนั้นก็อ้าปากค้างใหญ่ “ก็อย่างที่นายคิดนั่นแหละ ยังมีคนไม่ปกติอย่างนั้นอยู่จริงๆ เขาไม่เพียงแต่ตอบตกลงแต่งงาน มิหนำซ้ำทั้งสองคนยังถึงขั้นไปจดทะเบียนกันที่อำเภอกันแต่เช้าตรู่อีกด้วย อรรถพลมองเพื่อนพยักหน้าหงึกๆ แล้วถอนหายใจ “F**k ในโลกนี้ยังมีผู้ชายแบบนี้อยู่จริงๆหรือ? หรือว่าบางทีเขาอาจจุรู้จักน้องสาวแก? อาจจะรู้ว่าบ้านแกฐานะดีเลยอยากถือโอกาสปลอกลอกเอาจากครอบครัวแก?”ชูเกียรติได้ยินดังนั้นก็อดที่จะตกใจกลัวแทนไม่ได้ “ไม่หรอก...” 
已经是最新一章了
加载中