ตอนที่29 ในใจถูกทำให้ว่างเปล่า
1/
ตอนที่29 ในใจถูกทำให้ว่างเปล่า
OMG!สุ่มได้สามีคนหนึ่ง
(
)
已经是第一章了
ตอนที่29 ในใจถูกทำให้ว่างเปล่า
ตนที่29 ในใจถูกทำให้ว่างเปล่า “พี่คะ หนูปวดใจมาก พี่รู้สึกว่าหนูกำลังหวังลมๆแล้งๆไหมคะ? กับผู้ชายที่เพิ่งจะรู้จักกันแค่ไม่กี่วัน หนูก็ยอมเชื่อใจเขาแล้ว หนูมันโง่จริงๆ... ”เพ็ญจิตร่ำไห้ “ไม่หรอก อย่างที่พี่พูดนั่นแหละว่าเธอแค่ไร้เดียงสาเกินไป เธอแค่เชื่อผู้ชายคนนั้นมากเกินไป ไอหมอนั่นมันไม่ได้จริงใจเอง บางทีเขาอาจจะเสียใจอยู่ก็เป็นได้ เพ็ญจิต อย่าเสียใจไปเลย คิดเสียว่าพวกเธอไม่มีวาสนาต่อกันก็พอ คิดเสียว่าเขาไม่มีโชควาสนามากพอ พวกเรากลับบ้านกันเถอะ ” อรรถพลรู้สึกเป็นกังวลเล็กน้อย เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเพ็ญจิตจะชอบผู้ชายคนนั้นเข้าจริงๆ พวกเขารู้จักกันแค่สามวันไม่มีทางที่จะชอบกันได้แน่ๆ อย่าพูดถึงเรื่องความรักเลย ทว่าการแสดงออกของเพ็ญจิตในตอนนี้ ใครๆก็ดูออกว่าเธอกำลังอกหัก หรือว่าสาเหตุมันจะมาจากรูปร่างหน้าตาของผู้ชายคนนั้นกันนะ? “พี่คะ เป็นไปได้ไหมคะที่บางทีเขาอาจจะติดธุระอยู่?”เพ็ญจิตเอนกายซบอรรถพลด้วยความอ่อนแอ และพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “ก็อาจจะเป็นไปได้ เพ็ญจิต เธอรอมานานเกินไปแล้ว ถ้าหากเขาจริงใจจริงๆเขาก็คงจะกลับมาตั้งแต่แรกแล้ว พวกเรากลับบ้านกันไปก่อนเถอะนะ”อรรถพลพยุงเพ็ญจิตออกไปนอกโรงแรม เขาเป็นห่วงมากเพราะสีหน้าของเพ็ญจิตดูแย่มาก เท่าที่เขาจำความได้เขาไม่เคยเห็นเพ็ญจิตอ่อนแอบอบบางถึงขนาดนี้มาก่อน และสิ่งที่ทำให้เขายิ่งเป็นกังวลมากขึ้นก็คือความรักแรกพบที่เพ็ญจิตมีให้ต่อชายคนนั้น เขาไม่มีทางยอมให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นเป็นอันขาด หรือว่าเพ็ญจิตจะรักผู้ชายคนนั้นเข้าจริงๆ? แต่ว่าถ้าหากเป็นดั่งที่เพ็ญจิตเคยพูดมาทั้งหมดจริงๆ เธอน่าจะยังไม่เคยเห็นโฉมหน้าแท้จริงของไอหมอนั่น หรือต่อให้มองจากรูปภาพ แม้แต่หน้าของไอหมอนั่นก็ยังเห็นไม่ชัดแล้วเพ็ญจิตจะไปชอบเขาได้อย่างไร หรือบางทีเขาอาจจะแค่คิดมากไปเอง? “พี่คะ หนูเหนื่อยมาก ทำไมสวรรค์ถึงเล่นตลกกับหนูแบบนี้อีกแล้ว หนูเหนื่อยมากแล้วจริงๆ หนูยังไม่อยากกลับไป หนูยังอยากรอ ยัง...” ยิ่งพูดน้ำเสียงของเพ็ญจิตก็ยิ่งเบาบางลง น้ำหนักที่อยู่บนแขนเขาก็ยิ่งเพิ่มหนักมากขึ้น เขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติได้อย่างชัดเจน อรรถพลอุทานออกมาด้วยความตกใจ แล้วจึงรีบพยุงเธอกลับไปนั่งบนโซฟาดังเดิม “พี่คะ ฉันรู้สึกทรมานมาก”เพ็ญจิตเอนตัวล้มไปลงไปอีกด้านหนึ่ง อรรถพลกระวนกระวายใจมาก ครั้นจับมือชองเพ็ญจิตจึงพบว่ามือของเธอเย็นมาก เลยใช้มืออังไปที่หน้าผากของเธอ มันร้อนจนน่าตกใจ เขาไม่สนใจท่าทีขัดขืนหน่อยๆอันอ่อนแอของเพ็ญจิตต่อไปอีกแล้ว เขาอุ้มเธอขึ้นแล้ววิ่งพุ่งออกจากโรงแรมไปที่ลานจอดรถ “พี่คะ หนูไม่อยากไป หนูจะรอวิทย์อยู่ที่นี่”ตอนที่อรรถพลอุ้มเธอวางในรถ ดวงตาของเพ็ญจิตก็หลั่งไหลหยาดน้ำตาออกมา เธอยังคงดื้อดึงไม่อยากไป “เพ็ญจิต เธอไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่ออีกหรือไง? นี่มันเวลาไหนกันแล้วเธอยังมีกระจิตกระใจคิดถึงเขาอยู่อีก ถ้าหากเขาสนใจเธอจริงๆงั้นเขาจะรีบรนจากไปไวถึงขนาดนี้เชียวหรือ?”อรรถพลเดือดจัด เขาพยายามยับยั้งท่าทีปฏิเสธของเพ็ญจิต “พี่คะ ถ้างั้นหนูรบกวนพี่ไปทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ที่ล็อบบี้ให้หน่อยได้ไหมคะ? ถ้าวิทย์กลับมาก็ให้เขาโทรไปที่บ้าน”ในใจของเพ็ญจิตยังไม่ลดละความพยายาม เธออยากเจอสุวิทย์ ต่อให้พวกเขาจะเลิกกันอย่างน้อยก็น่าจะบอกเหตุผลมาสักหนึ่งข้อ เธอไม่เชื่อว่าสุวิทย์จะเป็นคนแล้งน้ำใจไร้คุณธรรมขนาดนั้นได้ “เพ็ญจิต เธอฟังที่พี่พูดดีๆนะ ตอนนี้เธอต้องไปโรงพยาบาล ส่วนเรื่องผู้ชายคนนั้นถ้าหากเขาชอบเธอจริง เขาต้องมาหาเธอแน่”อรรถพลโกรธจัด เขาอุ้มเพ็ญจิตเข้าไปในรถอีกครั้งด้วยแรงที่มี “พี่คะ หนูไม่เชื่อว่าเขาจะทิ้งหนูไปโดยไม่สนใจใยดีเช่นนี้ พี่...”เพ็ญจิตร้องไห้ เธอรู้ว่าพี่ชายกำลังโกรธแต่เธอก็ยังไม่ยอม เธอไม่เชื่อว่าตัวเองจะถูกทิ้งไปง่ายๆอย่างนี้ “งั้นเธอก็หลบอยู่ที่นี่ดีๆล่ะ พี่จะเข้าไปกำชับที่ล้อบบี้แล้วทิ้งเบอร์ไว้ให้”อรรถพลรู้นิสัยของเพ็ญจิตดี เธอไม่มีทางยอมถอยแน่ๆ เมื่อเห็นเพ็ญจิตที่จับไข้อยู่ตรงหน้า เขาไม่อาจจะรีรอให้เสียเวลาได้อีก ส่วนเรื่องสุวิทย์ เขาเขื่อว่าเขาคงไม่มีทางกลับมาไวขนาดนั้นหากจะทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้สักหน่อยจะเป็นไรไป ครั้นเห็นอรรถพลย้อนกลับไปที่โรงแรม น้ำตาของเพ็ญจิตก็มิอาจหยุดไหลได้ ในใจของเธอยังเรียกหาแต่สุวิทย์ เธออยากจะรู้ว่าทำไม?หรือบางทีอาจจะเป็นเพราะท่าทีขัดขวางของครอบครับเขาเลยยอมแพ้?ยอมเลิกล้มไปเสียได้? บางทีอาจจะเป็นอย่างที่พี่ชายพูดจริงๆก็ได้ว่าเขาเพียงแค่อยากจะเล่นสนุกกับเธอก็เท่านั้นเอง? ภายในใจของเพ็ญจิตสับสน ในหัวเธอเองก็คิดยุ่งเหยิงวุ่นวายไปหมด ในขณะที่เดียวกันร่างกายก็รู้สึกทรมานเหมือนจะหายใจไม่ออกอย่างไรไม่รู้ เธอพยายามที่จะสูดอากาศหายใจเข้าแต่ทว่าดูเหมือนอากาศทั้งหมดจะถูกปิดกั้นเอาไว้ เธอมองเห็นภาพสุวิทย์กำลังเดินเข้ามา... เมื่ออรรถพลเดินกลับมาอีกครั้งเห็นเพ็ญจิตเป็นลมล้มฟุบอยู่ที่เบาะหลังก็ตกใจมาก เขาลุกลี้ลุกลนขับรถผ่าไฟแดงไปจนถึงโรงพยาบาลและอุ้มเพ็ญจิตไปยังแผนกฉุกเฉินอย่างรวดเร็ว “หมอครับ หมอครับ น้องสาวผมเป็นลมครับ...” เจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลล้วนตกใจตื่นตระหนกเพราะอรรถพล พวกเขารีบพาเพ็ญจิตเข้าไปในห้องฉุกเฉินอย่างทันควัน โชคที่เพ็ญจิตไม่ได้เป็นอะไรมาก คุณหมอจึงรู้สึกโมโหเดือดดาลกับกาที่อรรถพลทำตัวโวยวายเป็นกระต่ายตื่นตูมเมื่อครู่อย่างมาก “คุณผู้ชายครับ ที่นี่มีคนไข้ที่อาการสาหัสอยู่อีกมาก วันหน้าวันหลังขอความกรุณาคุณอย่าตะโกนโวยวายเช่นนี้อีกนะครับเพราะมันรบกวนขนไข้คนอื่นๆ” “คุณหมอครับ คุณหมอจะช่วยตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียดอีกสักรอบจะได้ไหมครับ ถ้าเกิดไม่มีอะไรจริงๆแล้วน้องสาวของผมจะสลบไปได้อย่างไร หรือไม่ถ้างั้นก็ให้พวกเราพักรอตรวจอาการอยู่ที่โรงพยาบาลก็ได้ครับ? ”อรรถพลไม่สบายใจมาก เขาเป็นกังวลเสียจนไม่ได้สนใจรอยยิ้มเย้ยหยันของคุณหมอ ที่แท้แล้วก็เป็นเพราะเพ็ญจิตเธอเสียใจมากเกินไปผนวกกับอาการขาดสารอาหาร หลายวันมานี้ เธอเอาแต่นั่งเศร้าเสียใจ ไม่ยอมกินข้าวกินปลา มิน่าเล่าถึงได้เป็นลมไปแล้งไปเสียได้ “คุณผู้ชายครับ ที่นี่เรามีคนไข้ที่ป่วยอยู่อีกมากนะครับ เตียงนอนเองก็มีจำกัด ขอความกรุณาคุณอย่าทำให้ต้องสิ้นเปลืองทรัพยาของโรงพยาบาลเลยนะครับ น้องสาวของคุณแค่ประสบภาวะโลหิตจางก็เท่านั้น แค่กลับไปดูแลตัวเองให้มากขึ้นสักหน่อยก็จะดีขึ้น ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องนอนโรงพยาบาลหรอกครับ”คุณหมอรู้สึกหงุดหงิดรำคาญเล็กน้อย คุณหมอมองจ้องลึกเข้าไปในตาของเขาแล้วเดินจากไปโดยที่ไม่ได้พูดอะไรอีก อรรถพลรีบเดินตามหลังไป ส่งเสียงเรียก“คุณหมอครับ คุณหมอ”คุณพยาบาลไม่อาจทนดูเขาได้อีกต่อไป จึงพูดออกตัว “คุณผู้ชายคะ ในเมื่อคุณหมอบอกว่าไม่จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาล ถ้างั้นก็ไม่จำเป็นต้องที่จะนอนโรงพยาบาลแล้วค่ะ คุณรีบไปดูน้องสาวคุณจะดีกว่า หลังจากให้น้ำเกลือเรียบร้อยแล้วก็สามารถกลับไปพักผ่อนได้ค่ะ ถ้าหากคุณไม่สบายใจก็สามารถไปที่โรงพยาบาลอื่นดูได้นะคะ” “พี่คะ หนูไม่มีเป็นอะไรแล้วค่ะ”เพ็ญจิตเห็นพี่ชายวิตกกังวลเช่นนี้ ในใจก็รู้สึกผิดจึงพูดออกมาด้วยเสียงเบาๆ ฝั่งทางบริษัทที่อเมริกาของอรรถพลมีงานยุ่งๆมากมายจึงโทรมาเร่งเร้าเขาหลายครั้งหลายครา แต่ทว่าเพ็ญจิตก็ยังไม่ยอมไป เขาจึงทำได้เพียงนั่งเครื่องบินไปแล้วกลับมาพักอยู่ที่บ้านอยู่นานกว่าหนึ่งเดือน เพ็ญจิตถึงจะยอมตัดใจได้อย่างหมดสิ้น ตลอดระยะเวลานี้เธอไปพบคุณหมออยู่นับครั้งไม่ถ้วน แต่ทว่าก็ไม่มีข่าวคราวใดๆ ดูท่าแล้วสุวิทย์คงจากเธอไปแล้วจริงๆ หรือบางทีเขาก็อ่จจะมีคนรักอยู่แล้วก็เป็นได้ ภายใต้การเกลี้ยกล่อมของพ่อกัยแม่ ในที่สุดเพ็ญจิตก็ยอมตัดสินใจตามพี่ชายไปอเมริกา แล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่ทั้งหมด “พ่อคะ แม่คะ หนูขอบคุณบุญคุณที่พ่อกับแม่เลี้ยงหนูมาตลอดนะคะ”หน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ของตระกูลวงศ์อัจฉรา ดวงตาทั้งสองข้างของเพ็ญจิตแดงก่ำ นี่เป็นเวลาถึง 49 วันแล้วหลังจากเธอจดทะเบียนสมรสในวันนั้น นอกเหนือจากช่วงสัปดาห์แรกแล้ว ในทุกๆวันเธอมักจะเสียเวลาไปกับการเฝ้ารออย่างไร้ความหวัง จนถึงวันนี้ เธอจำเป็นที่จะต้องตัดใจและจากไป บางทีระหว่างเธอกับสุวิทย์คงจะไม่มีวาสนาต่อกันจริงๆ เดิมทีเธอคิดจะอยู่ที่นี่และรอเขาไปตลอด ในใจคิดว่าคงมีสักวันที่วิทย์จะกลับมา แต่หลายวันมานี้เมื่อเห็นสีหน้าเสียใจของแม่แล้ว เสี้ยนหนามแหลมคมก็บังเกิดขึ้นภายในใจเธอแท่งแล้วแท่งเล่า และทุกๆวันตอนเช้าตรู่ เธอจะกลับไปรอตรงที่เดิมที่เธอเคยพบกับสุวิทย์ ในทุกๆวันจะมีคนเดินทางสัญจรผ่านที่นี่ไปมามากมาย ทว่ากลับไม่มีใครเป็นสุวิทย์เลยสักคน “เพ็ญจิต ไปอเมริกากับพี่เถอะ ลืมผู้ชายคนนั้นไปเสียเถอะ เธอกับผู้ชายคนนั้นไม่เคยมีความรักใดๆต่อกัน เวลาก็ล่วงเลยมานานขนาดนี้แล้ว เขาหนีหายและไม่เห็นกลับมาอีก และต่อให้ตอนนี้เธอจะหาเขาเจอ เเต่ถ้าเจอแล้วจะยังไง?”อรรถพลมองน้องสาวด้วยความปวดใจ เขาน่าจะกลับมาให้เร็วกว่านี้ ถ้าหากเร็วกว่านี้อีกสักวันก็คงไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ในเวลาเดียวกันนอกจากความเจ็บปวดแล้วในใจเขายังนึกอิจฉา ความรักกว่ายี่สิบปีที่เขามีต่อเพ็ญจิตกลับไม่อาจเทียบได้กับความรักฉาบฉวยเพียงสามวันของผู้ชายคนนั้น “พี่คะ หนูแค่...แค่รู้สึกเสียใจ ในเมื่อไม่สามารถรักษาสัญญาได้ ถ้างั้นเขาจะรับปากหนูทำไม? ทำไมถึงยอมจดทะเบียนกับหนู? ในเมื่อรักษาสัญญาไม่ได้ ทำไมยัง...ยังยอมมาคบกับหนู?”เพ็ญจิตซบหัวลงบนอกพี่ชายแล้วร้องไห้สะอึกสะอื้น เธอก็เองก็ตอบไม่ได้ว่าทำไม เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองกำลังรออะไรอยู่ เธอแค่รู้สึกหดหู่ ภายในใจว่างเปล่าถึงขนาดกับหาทิศใดไม่เจอ เธอไม่มีครอบครัว ไม่มีสามี ไม่มีอะไรเลย ถึงแม้ว่าบ้านหลังนี้จะยังเป็นบ้านหลังเดิม พ่อกับแม่ก็ยังเป็นพ่อกับแม่คนเดิม ทว่าความรู้สึกมันเปลี่ยนไปแล้ว เธอไม่สามารถรู้สึกกับผู้เป็นแม่ได้ดั่งในอดีตอีกต่อไปแล้ว จากไปงั้นหรือ? ไปอเมริกากับพี่ สามารถเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้ที่นู่นงั้นหรือ? แต่ถ้าเกิดเธอไปแล้วสุวิทย์กลับมาหาเธอล่ะ? แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้รักกัน แต่ทะเบียนสมรสใบนี้ก็ยังมีผลตามกฏหมาย “เพ็ญจิต สัญญากับพี่นะว่าเธอจะไม่คิดถึงเรื่องนั้นอีกแล้ว? ช่วงเวลาที่พวกธอรู้จักกันนับรวมกันยังไม่ถึง100ชั่วโมงเลย ต่อให้เขาจะสัญญากับเธอ บางทีก็อาจจะเป็นเพราะอารมณ์ชั่ววูบหรือบางทีเขาอาจจะนึกเสียใจอยู่ก็ได้? บางทีเขาอาจจะรู้สึกละอายใจเวลาที่อยู่ต่อหน้าเธอ หรือ.....เขาอาจจะมีเรื่องด่วนจริงๆ” อรรถพลอยากปลอบใจเพ็ญจิต และไม่อยากทำร้ายความรู้สึกเธออีก จึงพยายามนึกหาคำพูดที่อ่อนโยนมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ คำพูดที่จะทำให้เธอพอรับกับความเป็นไปได้ “พี่คะ ต่อให้พี่จะพูดอย่างนี้ แต่ท...ทะเบียนสมรสของพวกเราก็ยังมีผลอยู่ ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามต่อให้ต้องการจะดำเนินเรื่องอย่าก็ต้องกลับมาพบหน้ากันอยู่ดี”เพ็ญจิตพูดทั้งน้ำตาที่คลออยู่เต็มเบ้า เธอยังคงทำใจไม่ได้ที่จะจากไป อย่างน้อย อย่างน้อยก็ให้เธอได้พบกับสุวิทย์อีกสักครั้ง อย่างน้อยก็ควรจะจดทะเบียนอย่ากัน ไม่เช่นนั้น หลังจากนี้จะทำอย่างไรต่อไป? “เพ็ญจิต ตอนนี้เธอหยุดคิดถึงเรื่องนี้เถอะดีไหม์ พี่ถามพ่อมาแล้วว่าแม่แท้ๆของเธอน่าจะอยู่ที่อเมริกา เธออยากตามหาแม่ใช่ไหม งั้นพวกเราก็ไปตามหาแม่เธอกันก่อนแล้วกัน ส่วนเรื่องทะเบียนสมรสนี้ค่อยจัดการกันทีหลังก็ได้ บางทีเมื่อเวลาผ่านไปผู้ชายคนนั้นอาจจะกลับมาหาเธอก็เป็นได้” อรรถพลพูดเกลี้ยกล่อมอีกครั้ง ถ้าหากพูดแม้แต่เรื่องแม่แท้ๆของตัวเองก็ยังใช้ไม่ได้ผล ถ้างั้นเขาคงเหลือแค่จับเธอมัดใส่กระสอบอุ้มไปอเมริกาเสียแล้วแหละ โดยสรุปแล้วจุดประสงค์ที่เขากลับมาครั้งนี้มีเพียงหนึ่งเดียว คือการพาเพ็ญจิตไปจากที่นี่ พาออกไปจาก‘ความโหดร้ายทารุณ’ของแม่ ภายในการโน้มน้าวของอรรถพล ในที่สุดเพ็ญจิตก็ตัดสินใจยอมจากที่นี่ไปเป็นการชั่วคราว โดยไม่ใช่เพื่อสิ่งอื่นใด แต่เพื่อที่จะไปตามหาแม่แท้ๆของตัวเองก็เท่านั้น เธอมีหนึ่งคำถามที่อยากจะถามและต้องการให้แม่ที่แท้จริงเป็นคนตอบ
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่29 ในใจถูกทำให้ว่างเปล่า
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A