ตอนที่ 31 ถูกอรรถพลจับได้เสียแล้ว   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 31 ถูกอรรถพลจับได้เสียแล้ว
ต๭นที่ 31 ถูกอรรถพลจับได้เสียแล้ว ภายในห้องน้ำ เพ็ญจิตยืนอยู่หน้ากระจกและถอดเสื้อคลุมออก เมื่อเห็นส่วนโค้งเว้าเข้ารูปของตัวเองได้หายไปแล้วใบหน้าก็ถอดสีซีดเผือด มือของเธอลูบท้องเบาๆ เธออ้วนขึ้นจริงๆและยิ่งไปกว่านั้นตรงนี้ยังอ้วนขึ้นจนให้เห็นได้ชัดอีกด้วย เมื่อก่อนหน้าท้องของเธอเคยแบนราบแต่ครั้งนี้กลับดูป่องๆขึ้นเล็กน้อย และทันใดนั้นเธอก็รู้สึกเหมือนโดนไฟช๊อตแปล๊ตจึงรีบชัดมือออกอย่างรวดเร็ว ดวงตาของเธอเบิกโพลงก้มลงมองหน้าท้องของตัวเอง ผิวหนังของเธอเหมือนจะกำลังยุบๆพองๆอยู่อย่างไรอย่างนั้น หน้าของเธอซีดเผือด เธอใช้มือคลำที่ท้องอีกครั้งอย่างกล้าๆกลัวๆและมันก็ดูเหมือนจะมีปฏิกริยาตอบสนอง ภายในท้องของเธอมีการตอบรับอย่างชัดเจน ในนี้ต้องมีอะไรอยู่แน่ๆ... ขาทั้งสองข้างของเพ็ญจิตอ่อนแรงจนเธอร่วงลงไปกองอยู่กับพื้น จนถึงตอนนี้เธอเพิ่งจะคิดได้ว่าประจำเดือนของตนที่เคยมาตรงเวลาอยู่เสมอดูเหมือนว่าจะขาดไปได้สักพักใหญ่แล้ว นานแล้วที่เธอคอยตั้งคำถามกับตัวเองว่าเธอไม่ใช่เด็กสาวอายุสิบกว่าขวบอีกต่อไปแล้ว ตลอดสองสามเดือนมานี้เธอเสียใจมามากเกินไป เธอเหนื่อยมามากเกินไป จนละเลยสังเกตุการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับร่างกายตัวเองไปได้ แต่ทว่าก็ไม่ได้หมายความว่าเธอไม่รู้เรื่องนี้เลยแต่อย่างใด เธอกับสุวิทย์มีความสัมพันธ์กันฉันสามีภรรยาแล้ว อีกทั้งช่วงเวลาตลอดสองสามวันในตอนนั้นก็ไม่ได้นับว่าอยู่ในระยะปลอดภัยเสียด้วย หากจะตั้งท้องก็คงเป็นเรื่องธรรมดา ชายหญิงอยู่ด้วยกัน น้ำเชื้อผสมหลอมรวมเข้ากับสิ่งนั้นของผู้หญิงก็ล้วนเป็นเรื่องปกติทั่วไป แต่เพราะสถานการณ์ของพวกเขานั้นต่างจากคู่สามีภรรยาคู่อื่นๆ ดังนั้นเธอจึงมองข้ามสิ่งนี้ไป เธอตั้งท้องแล้ว เธอตั้งท้องมาได้สี่เดือนแล้วอีกทั้งยังพบการเคลื่อนไหวของเด็กน้อยในครรภ์อีกด้วย นี่เธอเลอะเลือนถึงขนาดเพิ่งมารู้เอาได้ตอนนี้เลยหรือ เพ็ญจิตทั้งอยากร้องไห้ทั้งอยากหัวเราะออกมาพร้อมๆกัน ภาพในกระจกปรากฏเป็นใบหน้าอันพิลึกพิลั่นออกมา ใบหน้าทิ่ยิ้มร่าในขณะที่น้ำตายังคลออยู่เต็มเบ้า “เพ็ญจิต เธอเป็นอะไรไป? อย่าโกรธเลย พี่แค่แซวเล่นๆเอว เธออย่าโกรธเลยได้ไหม? พี่ผิดไปแล้ว...”อรรถพลตบประตู เพ็ญจิตเช็ดน้ำตา จัดแจงใส่เสื้อผ้าให้ดีแล้วส่องไปที่กระจกอีกครั้งเผื่อให้แน่ใจว่าตนเองดูเป็นปกติดีแล้วจึงได้ตัดสินใจเปิดประตูออก “พี่คะ หนูโกรธซะที่ไหนกันล่ะคะ หนูก็แค่อยากเข้าห้องน้ำก็เท่านั้นเอง เหอะๆ ฉันทำให้พี่ตกใจซะแล้ว”เพ็ญจิตพูดพลางหันไปทำหน้าทะเล้นใส่อรรถพล “ยัยตัวแสบนี่ พี่ตกใจแทบแย่ พี่นึกว่าเธอจะร้องไห้ซะแล้ว”อรรถพลจับจมูกเธอพลางกระหยิ่มยิ้ม เขาเพิ่งมองเห็นว่าตาทั้งสองข้างของเพ็ญจิตดูเหมือนจะแดงๆนิดหน่อย แต่ในเมื่อเพ็ญจิตพูดว่าไม่มีอะไร เขาก็จะไม่ถามเธออีก “พี่คะ พี่ไปพักผ่อนก่อนเถอะค่ะ พอดีหนูรู้สึกไม่สบายกระเพาะนิดหน่อยค่ะว่าจะออกไปซื้อยาแล้วจะรีบกลับมาค่ะ”เพ็ญจิตยิ้มแล้ว เธอสามารถช่วยจมูกเธอกลับมาได้แล้วจึงเดินออกไปเปลี่ยนรองเท้า “เพ็ญจิต ถ้าเธอรู้สึกไม่สบายก็พักผ่อนอยู่ที่บ้านเถอะ เดี๋ยวพี่ไปเอง”อรรถพลเมื่อได้ยินดังนั้นจึงรีบเดินตามเพ็ญจิตออกมาด้วยทันที “ไม่เป็นไรค่ะ พี่ทำงานมาเหนื่อยๆแล้ว รีบพักผ่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวหนูจะรีบกลับมา”เพ็ญจิตโบกมือเป็นการปฏิเสธ เมื่อได้ยินเสียงประตูปิดลงดัง’ปัง’ในใจของอรรถพลก็ยิ่งรู้สึกเป็นกังวลไม่สบายใจ ต้องโทษตัวเขาเองนี่แหละที่อยู่ดีๆก็ดันไปบ่นว่าเธออ้วนอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย แต่แท้จริงแล้วเธอก็ไม่ได้อ้วนเลยสักนิด เขารู้สึกว่ารูปร่างเธอในตอนนี้ดูกำลังพอเหมาะพอดี ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่ดูผอมแห้งเกินไป อรรถพลยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกผิดจนอยากจะตามเธอออกไป แต่คิดไปคิดมาร้านยาของชุมชนก็ตั้งอยู่ใกล้แค่นี้ อีกประเดี๋ยวเดียวเธอก็น่าจะกลับมา ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจนั่งรออยู่ที่โซฟา ทว่ารออยู่นานรับครึ่งชั่วโมงเพ็ญจิตก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะกลับมา เขารู้สึกเป็นกังวลมาก ยิ่งช่วงนี้ความปลอดภัยในสังคมก็ไม่ค่อยจะสู้ดีอยู่ด้วย ยัยเด็กซื่อบื้อนั่นคงไม่ใช่ว่าเจอพวกคนไม่ดีเข้าแล้วกระมัง? ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งไม่สบายใจจึงหยิบกุญแจเตรียมจะออกไปตามหาเพ็ญจิต “อ๊าย พี่ พี่ทำใจฉันตกใจแทบแย่”เมื่อตะกี้เพ็ญจิตเพิ่งจะสอดลูกกุญแจเข้ากับประตู แต่ยังไม่ทันได้บิด ประตูก็ดันเปิดออกมาก่อน อีกแค่นิดเดียวเธอก็เกือบจะกระโดดโหยงด้วยความตกใจเสียแล้ว “เพ็ญจิต เธอนั่นแหละที่ทำให้พี่ตกใจแทบแย่หายออกไปตั้งนานไม่ยอมกลับมาสักที”อรรถพลโล่งใจ ทั้งเขาและเพ็ญจิตต่างคนก็ต่างตกใจกัน “ไม่ใช่สักหน่อย ก็แค่ พี่คะ พี่รีบนอนเถอะค่ะพรุ่งนี้ยังต้องไปทำงานนะคะ”เพ็ญจิตพูดขึ้นขณะถอดเปลี่ยนรองเท้า แล้วจึงเดินก้มหน้าก้มตาเข้าห้องไป “เพ็ญจิต อาการปวดท้องของเธอดีขึ้นบ้างหรือยัง?”อรรถพลรู้สึกตะหงิดๆว่าวันนี้เพ็ญจิตดูผิดปกติราวกับว่าพยายามปกปิดอะไรบางอย่างอยู่อย่างไรอย่างนั้น “ดีขึ้นบ้างแล้วค่ะ พี่คะ หนูจะนอนแล้วนะคะ พรุ่งนี้ยังต้องไปเรียน ราตรีสวัสดิ์ค่ะ”เพ็ญจิตปิดประตูพลางพูดราตรีสวัสดิ์ให้อรรถพล “ดีขึ้นบ้างแล้วจริงๆนะหรือ? ถ้ายังปวดอยู่ล่ะก็พี่ว่าพวกเราไปโรงพยาบาลกันเถอะ”อรรถพลเมื่อเห็นสีหน้าของเพ็ญจิตดูแย่ว่าปกติมากก็รู้สึกเป็นเป็นเป็นห่วงอยู่ไม่น้อย “พี่คะ หนูไม่เป็นอะไรจริงๆค่ะ พี่อย่าโวยวายไปเลยนะคะหนูขอร้อง หนูเหนื่อยแล้วค่ะ ขอนอนก่อนนะคะ”เพ็ญจิตพูดไปก็พลางหาวอ้าปากกว้างอย่างไร้มารยาท เธอไม่สนใจอรรถพลและรีบปิดประตูห้องทันที ครั้นเห็นประตูปปิดลงสนิท ภายในใจของอรรถพลก็นึกสงสัยดูเหมือนว่าเขาจะไม่เคยได้ยินเรื่องโรคกระเพาะของเพ็ญจิตมาก่อนเลย แต่ดูจากสีหน้าของเธอแล้วก็คงกำลังป่วยอยู่จริงๆ แต่ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจ อรรถพลตัดสินใจต่อสายโทรทางไกลระหว่างประเทศซึ่งพอดีกับช่วงเวลากลางวันของประเทศปลายสาย อีกทั้งคุณวาสนาก็อยู่บ้านพอดี “แม่ครับ เพ็ญจิตเธอป่วยเป็นโรคกระเพาะหรือครับ”อรรถพลรีบพูดขึ้นเมื่อได้ยินเสียงของแม่จากสายโทรศัพท์ “โรคกระเพาะหรือ? เพ็ญจิตป่วยเป็นโรคนี้หรือ? น้าวณี...” “ผมเข้าใจแล้ว แม่ครับ ผมขอวางสายก่อนนะครับ”อรรถพลเมื่อได้ยินเสียงแม่เรียกน้าวณีแล้วก็รู้ว่าโทรไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามดูท่าแล้ววันพรุ่งนี้เขาคงต้องไปโรงพยาบาลเป็นเพื่อนเพ็ญจิตหน่อยแล้ว เพราะสีหน้าของเธอเมื่อกี้นั้นช่างดูน่าตกใจเสียจริง เดิมทีเขาคิดอยากจะถามเพ็ญจิต แต่เมื่อนึกถึงท่าทีหาวหวอดๆของเธอเมื่อกี้แล้วก็เลยเลิกล้มไป อรรถพลยืนอยู่หน้าห้องของเพ็ญจิตอยู่สักพักหนึ่งถึงได้ยอมกลับห้องของตนเองไปในท้ายที่สุด ภายในห้องนอน หลังจากที่อรรถพลล้างหน้าล้างตาเสร็จเรียบร้อยแล้วก็มานอนถ่างอยู่บนเตียง เขายังคงคิดไม่ตกเรื่องเพ็ญจิต เขาลุกขึ้นจากเตียงและเปิดประตู้ห้องก็ดันเจอเพ็ญจิตกำลังค่อยๆเดินย่องเท้าไปทางห้องน้ำ ภายในใจจึงนึกสงสัย ต่อให้แค่ไปเข้าห้องน้ำก็ควรทำท่าลับๆล่อๆเช่นนี้ คืนนี้เพ็ญจิตเป็นอะไรกันแน่? เขาอยากจะถามเธอให้ชัดเจน แต่เมื่อคำนึงถึงทีท่าของเพ็ญจิตแล้วเขาก็ถอยหลังกลับเข้าไปในห้องดังเดิมแล้วแง้มประตูเปิดทิ้งไว้เล็กน้อย เขาคอยดูราดราวผ่านทางช่องประตูนี้ เวลาผ่านไปประมาณสิบนาทีให้หลัง เพ็ญจิตเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยท่าทางราวกับเพิ่งเจอผีมาอย่างไรอย่างนั้น แม้กระทั่งไฟในห้องน้ำยังลืมปิด อรรถพลก็ยิ่งนึกสงสัยมากขึ้นทวีคูณ เมื่อเห็นเพ็ญจิตเดินเข้าห้องไปแล้วจึงรีบตามเข้าไปสำรวจภายในห้องน้ำ แต่ก็ไม่เจอความผิดปกติแต่อย่างใด? หรือว่าเพ็ญจิตจะป่วย? อรรถพลกังวลใจเป็ยอย่างยิ่ง ช่วงหลังจากทานข้าวเย็นเธอยังดีๆอยู่เลยทำไมจู่ๆก็ถึงได้ป่วยแล้วซะล่ะ? หรือว่าเธอจะรู้สึกไม่สบายกระเพาะ? ยิ่งคิดก็ยิ่งเป็นห่วง แต่ตอนนี้ก็ดึกมากแล้วเขาเองก็ไม่กล้าไปเคาะประตู อรรถพลเป็นห่วงมากเสียจนนอนไม่หลับทั้งคืน พอรุ่งเช้าขณะที่เขาตื่นนอนแล้วก็พบว่าเพ็ญจิตตื่นขึ้นมาตั้งแต่เช้าแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นเธอยังกำลังจะออกจากบ้านอีกด้วย อรรถพลเมื่อเห็นท่าทางลุกลี้ลุกลนของเพ็ญจิตก็ยิ่งรู้สึกว่าผิดปกติ เขาจึงเอ่ยถาม”เพ็ญจิต วันนี้เธอจะไปโรงเรียนเช้าขนาดนี้เลยหรือ?” “อือ วันนี้ที่โรงเรียนมีเรื่องนิดหน่อย พี่คะหนูไปก่อนนะคะ”ท่าทางเพ็ญจิตดูราวกับกลัวว่าจะเจออรรถพลอย่างไรแปลกๆ เมื่อได้ยินเสียงเขาเธอแทบจะบินนี้ออกจากบ้านไปทันที เมื่อเห็นเพ็ญจิตเป็นเข่นนี้แล้ว อรรถพลก็ยิ่งรู้สึกเป็นห่วงมากขึ้น เขารีบไปหยิบกุญแจแล้วตามออกไปแม้แต่เสื้ออาภรณ์ก็ยังไม่ยอมเปลี่ยน ตอนที่เขาเดินไปถึงโรงรถก็มองเห็นเพ็ญจิตกำลังขึ้นแท็กซี่ไปพอดี อรรถพลตามเพ็ญจิตไปตลอดทาง ภายในใจก็มีแต่ความเคลือบแคลง นี่ไม่ใช่ทางไปโรงเรียนแต่อย่างใด ทิศทางมันไม่ถูกต้องแล้ว อรรถพลพยายามระงับความเคลือบแคลงที่อยู่ในใจแล้วขับตามรถแท็กซี่ไปอย่างใจจดใจจ่อโดยกลัวว่าจะคลาดกัน ครั้นเห็นรถแท็กซี่จอดลงตรงหน้าโรงพยาบาลและเห็นเพ็ญจิตเดินเข้าไปข้างใน เขาก็ยิ่งเป็นห่วงกระวนกระวายใจมากขึ้น เพ็ญจิตป่วยจริงๆ ไม่เช่นนั้นจะรีบออกมาโรงพยาบาลตั้งแต่เช้าตรู่ขนาดนี้หรือ? แต่ทำไมถึงไม่ยอมปริปากบอกเขาผู้พี่ชายคนนี้สักคำ? อรรถพลรีบจอดรถและตามเข้าไปในโรงพยาบาล แต่ครานี้เขาคลาดจากร่องรอบของเพ็ญจิตเสียแล้ว โรงพยาบาลใหญ่โตขนาดนี้ มิหนำซ้ำเขายังไม่รู้อีกด้วยว่าเพ็ญจิตไปพบหมอแผนกไหน อรรถพลหมุนตัวไปมาอยู่ตรงโถงใหญ่ แต่ก็ยังไมพบเพ็ญจิต จึงทำได้แค่ไตร่ถามเอาจากเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาล หลังจากเขาเสียเวลาถามซักไซร้อยู่นานก็จึงรู้ว่าเพ็ญจิตไปแผนกสูตินารีเวช ในใจเขาเต้นตุ๊บๆ ราวกับจะมีอะไรร่วงหล่นลงมา อรรถพลรีบตรงไปยังแผนกสูตินารีเวทราวกับถูกเผาไหม้ด้วยเพลิงแห่งความกังวล เมื่อเห็นเพ็ญจิตกำลังนั่งรอการตรวจอยุ่เขาก็รีบถอยหลังก้าวออกมา อีกแค่นิดเดียวก็เกือบถูกเพ็ญจิตมองเห็นแล้ว เขาแอบมองเพ็ญจิตอยู่หลังกระถางต้นไม้ ก็เห็นเพ็ญจิตใช้มือลูบท้องตัวเองอย่างนุ่มนวลดูแล้วเหมือนกับ...ผู้หญิงมีครรภ์? อรรถพลตกตะลึงกับความคิดของตัวเอง หรือที่แท้แล้วเพ็ญจิตจะ... เมื่อเห็นเพ็ญจิตเดินเข้าห้องตรวจไป อรรถพลจึงโผล่ตัวออกมาแต่ก็ถูกพยาบาลจับตัวไว้เสียก่อน “คุณผู้ชานคะ คุณไม่ได้อ่านป้ายนั้นหรือ? พยาบาลรั้งตัวเขาไว้และใช้นิ้วชี้ไปยังป้ายซึ่งเขียนว่าผู้ชายห้ามเข้า อรรถพลชี้นิ้วไปยังห้องตรวจอย่างกระอักกระอ่วน“ขอโทษครับ ผมเป็นครอบครัวของคนไข้ที่เพิ่งเข้าไปเมื่อกี้ครับ” “ถึงอย่างงั้นก็ต้องรออยู่ข้างนอกค่ะ”พยาบาลดันตัวเขาออกไปด้านนนอก ครั้นเวลาผ่านไปนานทุกๆนาทีแต่ทว่าแพ็ญจิตก็ยังไม่ออกมา อรรถพลก็ยังคงนึกไม่ออกว่าเพ็ญจิตกับไอ่คนนามสกุลคำวงษาอะไรนั่นก็เลิกรากันไปถึงสี่เดือนแล้ว หากเธอจะตั้งท้องจริงๆก็น่าจะท้องตั้งแต่แรกแล้ว เหตุใดถึงเพิ่งมารู้ตัวเอาตอนนี้ แต่ถ้าหากเธอตั้งท้องจริงๆ นอกจากสุวิทย์แล้วก็คงเป็นคนอื่นไปไม่ได้ หรือว่า... ครั้นนึกถึงรูเรื่องปร่างของเพ็ญจิตที่ดูอ้วนขึ้น สีหน้าของอรรถพลก็ถอดสีอึมครึมชั่วร้ายออกมา ไม่ว่าอย่างไรก็ตามก็ไม่สามารถเก็บเด็กคนนี้ไว้ได้ หลังเวลาผ่านไปประมาณสิบห้านาที ก็เห็นเพ็ญจิตเดินออกมาอย่างอายๆ อรรถพลดึงรีบเดินเข้าไปทักเธอทันที “เพ็ญจิต เธอดีขึ้นหรือยัง?” เมื่อได้ยินเสียงของอรรถพลรอยยิ้มบนหน้าของเพ็ญจิตก็หดหายลงไปรายกับถูกปุยเมฆกลืนกิน เธอทองอรรถพลอย่างกล้าๆกลัวๆมือทั้งสองข้างก็ประคองอยู่ที่ท้อง และพูดด้วยเสียงสั่นเทา“พี่ พี่...พี่มาได้ยังไงคะ?” “เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ทำไมเธอถึงไม่ยอมบอกฉัน?”เมื่อเห็นแววตาหวาดกลัวของเพ็ญจิต อรรถพลก็รู้สึกโกรธอย่างอดไม่ได้ นี่มันท่าทีอะไรกัน? ไม่ว่าจะพูดอย่างไรเขาก็เป็นพี่ชายของเธอ เธอใช้แววตาหวาดระแวงอย่างนี้มองเขาได้อย่างไรกัน? “หนู...หนูก็เพิ่งรู้เมื่อวาน พี่คะ หนูอยากคลอดเด็กคนนี้ออกมา”เพ็ญจิตก้มหัวและพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น เมื่อได้ยินน้ำเสียงแน่วแน่ถึงเพียงนี้ของเพ็ญจิตแล้ว เขาก็อดไม่ได้ที่จะมีน้ำโห แต่เขายังคงอดทนกลั้นไว้“เพ็ญจิต เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ทำไมเธอถึงไม่ปรึกษากันก่อนจะตัดสินใจ?” “พี่คะ นี่คือลูกของหนู หนูมีสิทธิที่จะตัดสินใจได้เอง”เพ็ญจิตปัดมือของอรรถพลที่ยื่นเข้ามาช่วยด้วยท่าทางตั้งแง่ “เพ็ญจิต เธอใจเย็นก่อนแล้วฟังที่พี่พูด เด้กคนนี้พวกเราไม่สามารถ...เพ็ญจิต เพ็ญจิต...”อรรถพลเดินไปพูดไปอยู่ด้านหลังคาดไม่ถึงว่าเพ็ญจิตจะวิ่งเข้าแอบเข้าไปในลิฟท์เสียแล้ว 
已经是最新一章了
加载中