ตอนที่ 33 การจู่โจมที่คาดไม่ถึง
1/
ตอนที่ 33 การจู่โจมที่คาดไม่ถึง
OMG!สุ่มได้สามีคนหนึ่ง
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 33 การจู่โจมที่คาดไม่ถึง
ตนที่ 33 การจู่โจมที่คาดไม่ถึง “ฉันไม่เห็นด้วย ต่อให้เธอจะไม่อาจรับเรื่องนี้ได้อยู่สักพัก เธอก็ไม่สามารถย้ายออกไปได้ เพ็ญจิตถ้าหากเธอไม่ได้ชอบฉัน หลังจากนี้ฉันก็จะไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก พวกเราจะเป็นพี่น้องกันดังเดิมแต่เธอห้ามย้ายออกไปไหนทั้งนั้น”อรรถพลจับไหล่ทั้งสองข้างของเพ็ญจิตอย่างกระวนกระวาย เขารู้ว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้น ตลอดเวลามานี้เขาได้แต่กลัวว่ามันจะทำให้เพ็ญจิตตกใจ แต่นึกไม่ถึงว่าท้ายที่สุดแล้วจะยังเกิดเรื่องแบบนี้อยู่อีก “พี่คะ พี่เคยบอกว่าหลังจากมาอยู่อเมริกาแล้ว หนูสามารถทำอะไรก็ได้ที่หนูอยากทำ อีกอย่างหนูก็โตแล้ว ไม่ใช่เด็กน้อยอีกต่อไป หนูจะย้ายออกไปอยู่ข้างนอก”เพ็ญจิตมองอรรถพลและพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น เธอรู้ดีเพราะวันนี้พี่ชายได้ออกมาไปแล้วว่าตราบใดที่เธอยังอยู่ที่นี่ ตราบใดที่สุวิทย์ไม่ได้ปรากฏตัวออกมา เขาก็จะยังยกมันมาพูดซ้ำแล้วซ้ำอีก เธอไม่ต้องการให้สายใยความเป็นพี่น้องนี้เสื่อมลง แต่ทว่าเรื่องของความรู้สึกนั้นก็ไม่อาจจะควบคุมได้เพียงฝ่ายเดียว “ก็ใช่ แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนเดิม เธอกำลังท้องกำลังไส้แล้วจะดูแลตัวเองโดยลำพังได้อย่างไร ฉันไม่ยอมให้เธอย้ายออกไปเป็นอันขาด” อรรถพลเมื่อเห็นเพ็ญจิตตัดสินใจเช่นนี้ก็ยิ่งเดือดดาลมากขึ้น เขาบิดแขนของเพ็ญจิตโดยหวังให้เธอยอมปริปากพูดว่าจะไม่ย้ายออกไป “พี่คะ หนูเหนื่อยแล้ว หนูขอตัวกลับไปพักผ่อนที่ห้องก่อนนะคะ”เพ็ญจิตดึงแขนออกมาและเดินหนีไป “เพ็ญจิต เธอฟังฉันพูดให้จบก่อน ทำไมเธอถึงยอมรับพวกผู้ชายอย่างไอ้อิศรา ไอ้ปริญนั่นได้ หรือแม้กระทั่งผู้ชายที่หน้าตาแทบมองไม่เห็นอย่างนั้นเธอก็ยังรับได้ แล้วทำไมเธอถึงยอมรับฉันไม่ได้กัน?”อรรถพลดึงรั้งเพ็ญจิตไว้ เขาต้องการให้เธอตอบเขาอย่างตรงไปตรงมาให้จงได้ “พี่คะ พี่เป็นพี่ชายของหนู เป็นมาตั้งแต่เด็กๆ ก่อนหน้านี้เองก็เป็น ตอนนี้ก็เป็นและในอนาคตก็จะยังเป็นอยู่ พวกเราเป็นอย่างเหมือนก่อนไม่ดีหรือคะ? ทั้งคุณพ่อ คุณแม่ พี่แล้วก็หนู พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน”เพ็ญจิตพูดปัด และมองไปยังอรรถพล มีเรื่องบางเรื่องที่มิอาจผันเปลี่ยนไปได้ตลอดกาล ต่อให้พวกเขาจะไม่ใช่พี่น้องกันทางสายเลือด แต่ภายในใจของเธอแล้ว ความรู้สึกตลอดยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมานั้นก็ไม่อาจแปรเปลี่ยนเป็นอื่นได้ “ไม่ใช่อย่างงี้ พวกเราไม่มีความสัมพันธ์กันทางสายเลือด เพ็ญจิตตลอดเวลาสิบกว่าปีมานี้ พี่ทำทุกอย่างก็เพื่อเธอ พี่รู้ว่าตอนที่เธอโทรมาหาพี่ว่าเธอจะแต่งงาน เธอเสียใจมากแค่ไหน แต่พี่ก็ไม่สามารถกลับไปหยุดมันไว้ได้ ดังนั้นพี่ก็เลยไปสืบเรื่องของไอ้อิศราจนเจอแฟนเก่าของมัน แล้วก็สามารถขัดขวางงานแต่งของพวกเธอไว้ได้ ครั้งที่สองที่เธอกับปริญจะแต่งงานกัน พี่ถึงรู้ว่าแม่จงใจให้เธอแต่งงานออกไป...” อรรถพลมองเพ็ญจิต เขาเล่าเรื่องแผนการที่เขาทุ่มเทพยายามทำเพื่อขัดขวางการแต่งงานของเพ็ญจิตกับผู้ชายคนอื่นๆ หรือแม้กระทั่งเรื่องของอัครพลเองก็เช่นกัน เพียงแต่เขามิได้ล่วงรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นกับอัครพลก็แกล้งเล่นละครตบตาก้เท่านั้นเอง “พี่...พี่ทำอย่างงั้นได้อย่างไร? พี่คะ พี่ทำได้อย่างไร พี่รู้ไหมว่ามันทำให้หนูเจ็บปวดมากแค่ไหน ครั้งแล้วครั้งเล่า พี่เคยรู้ไหมว่าคนอื่นเขาจะมองหนูยังไง? แล้วพี่เคยคิดไหมว่าหนูจะเสียใจแค่ไหน?” เพ็ญจิตมองอรรถพลด้วยความไม่กล้าที่จะเชื่อ ตลอดเวลาที่ผ่านมา เธอคิดมาตลอดว่าเธอนั้นโชคไม่ดีถึงได้ไปพบไปเจอผู้ชายที่ไร้ความรับผิดชอบแบบนั้นครั้งแล้วครั้งเล่า ที่แท้แล้ว... ที่แท้แล้วเรื่องทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพี่ชาย “พี่ขอโทษ ให้โอกาสพี่เถอะนะ พี่จะชดใช้ให้เธอเป็นอย่างดี เพ็ญจิต เธอเชื่อพี่นะว่าที่พี่ทำไปทั้งหมดก็เพื่อเธอ”อรรถพลคว้าเพ็ญจิตที่ร้องร่ำไห้เข้ามาในอ้อมกอดโดยมิสนใจสิ่งใด เขาขอโทษและพยายามปลอบประโลมเธอ “ไม่ มันเป็นเพราะคุณ คุณทำลายงานแต่งของฉัน ทำให้ฉันกลายเป็นตัวตลกของทุกคน แล้วยังทำให้ฉันต้องสูญเสียครอบครัวสูญเสียทั้งพ่อแม่แล้วก็พี่ชาย ฉันเกลียดคุณ...” เพ็ญจิตร้องไห้แหกปากโวยวายอยากดิ้นออกจากอ้อมกอดของอรรถพล แต่ทว่าอรรถพลกลัวว่าจะสูญเสียเธอไปจึงยิ่งกอดเอแน่นขึ้นจนเธอไม่สามารถดิ้นออกไปไหนได้ “ไม่ได้ เธอเกลียดฉันไม่ได้ ที่ฉันทำไปทั้งหมดก็เพื่อเธอนะ เพ็ญจิต พี่รักเธอ...” อรรถพลถูกคำพูดของเพ็ญจิตกระตุ้นใจเขาโน้มหัวลงพยายามขโมยจูบเพ็ญจิต เพ็ญจิตเอียงหลบแต่ทว่าอรรถพลที่ถุกแรงยั่วยุจากคำพูดของเธอนั้นได้ขาดสติไปเสียแล้ว เขางับปากจุมพิตริมฝีปากของเพ็ญจิต เธอลืมตาโบกโพลงจ้องอรรถพลที่กำลังไร้ซึ่งสติยั้งคิดใดๆ และด้วยความสะอิดสะเอียน เธอจึงกัดปากของเขาอย่างแรง “อ๊า... ...”อรรถพลถอนริมฝีปากออกด้วยความเจ็บปวด ฝ่ามือข้างขวาของเพ็ญจิตเงื้อออกด้วยความโกรธ เสียงดัง“เพี๊ยะ” หลังจากนั้นเธอจึงรีบพุ่งตัวเข้าห้องไป เมื่อเห็นเพ็ญจิตร้องไห้วิ่งเข้าห้องไป อรรถพลก็ล้มตัวลงบนโซฟาด้วยความเจ็บปวดใจ ทุกสิ่งอย่างถูกเขาพังทำลายจนย่อยยับหมดแล้ว นับตั้งแต่เพ็ญจิตมาถึงอเมริกาทุกอย่างก็เป็นไปตามที่เขาคิดมาเสมอ ทีละก้าวๆ ต้องโทษเขาเองที่วู่วามเกินไป มันเป็นความผิดของเขาเอง หลังจากคิดอยู่ในห้องโถงเป็นเวลานาน อรรถพลก็ตัดสินใจจะขอโทษเพ็ญจิต ในเมื่อเธอไม่ชอบถ้าอย่างงั้นพวกเขาก็ยังสามารถเป็นพี่น้องกันต่อไปได้ เขาสามารถรอได้ สามารถรอจนกว่าเธอจะยอมรับ ตรายใดที่เธอไม่ย้ายออกไป ตราบใดที่เธอยังให้โอกาสเขาดูแลพวกเขาสองแม่ลูก เขาจะไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก พวกเขาจะยังคงเป็นพี่น้องกันต่อไป “เพ็ญจิต พี่ขอโทษ พี่ผิดเอง ในเมื่อเธอไม่ชอบพี่ถ้างั้นพวกเราก็เป็นแคพี่น้องกันเถอะ เธอไม่จำเป็นต้องย้ายออกไปไหน พี่รับปากเธอว่าจากนี้ต่อไปพวกเราจะเป็นพี่น้องกัน และจะไม่มีทางเกิดเรื่องอย่างคืนนี้อีกเป็นอันขาด ขอโทษ พี่ขอโทษ” ฝั่งเพ็ญจิตที่อยู่ในห้องนอนกำลังจัดกระเป๋าเสื้อผ้าอยู่ หลังจากที่เธอเดินผละอรรถพลแล้วเข้าห้องนอนมา เธอก็ร้องไห้ปานจะขาดใจอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเอาแต่บ้วนปากไม่ยอมหยุด แต่เดิมทีเธอคิดจะเดินไปแปรงฟันในห้องน้ำ แต่ทว่าอรรถพลยังอยู่ด้านนอก เธอกลัวว่าจะต้องประหน้ากับเขาอีก หลังจากร้องไห้จนเหนื่อยเธอจึงเริ่มจัดกระเป๋าเสื้อผ้า อรรถพลรออยู่ข้างนอกตลอดทั้งคืนแต่เพ็ญจิตก็ไม่ยอมออกมา พอรุ่งสางเขาจัดเตรียมอาหารเช้า เคาะประตูเรียก แต่เพ็ญจิตก็ยังไม่ยอมเปิด อรรถพลก็ยิ่งนึกเสียใจมากขึ้นอย่างหาที่สุดไม่ได้ เขารู้ว่ายามนี้เพ็ญจิตคงยังไม่อยากเผชิญหน้ากับเขา หสกเขาไม่ออกไปเอง เกรงว่าเพ็ญจิตก็คงไม่ยอมออกมาจึงอ้างเหตุผลให้มีเรื่องจำต้องออกไป ไม่คาดคิดเลยว่าเมื่อเขากลับมาเพ็ญจิตก็จากไปเสียแล้ว อรรถพลจึงลองส่งข้อความไปหาเพ็ญจิตเพื่ออธิบายและขอโทษแต่เธอกลับไปตอบแม้แต่ครั้งเดียว เขาไปหาที่โรงเรียนอยู่หลายครั้งแต่ทุกครั้งเพ็ญจิตก็ไม่ยอมออกมาพบเขา อรรถพลรู้สึกท้อแท้ใจ เขารู้ว่าครั้งนี้เพ็ญจิตคงตัดสินใจแน่วแน่แล้วเป็นแน่ และก็รู้อีกว่าต่อให้ขู่เข็ญบังคับเธอตอนนี้ก็คงไม่ได้ผลอีกแล้ว แต่เพ็ญจิตก็ตั้งครรภ์ถึงสี่เดือนแล้ว เมื่อต้องเห็นท้องเธอใหญ่ขึ้นทุกวันๆ เขาไม่อาจไม่สนใจเธอได้เลยจริงๆ เขาต้องการจะรออีกสักหนึ่งเดือน หรือสองเดือน รอให้อารมณ์ของเพ็ญจิตจางเย็นลงก่อนแล้วเขาค่อยมาขอโทษอีกครั้งและเกลี้ยกล่อมขอให้เธอกลับบ้าน คาดไม่ถึงเลยว่า อีกไม่กี่เดือนหลังจากนั้นเขาจะรับจดหมายจากเพ็ญจิตที่ส่งมาจากอิตาลี ที่แท้แล้ววันนั้นที่เพ็ญจิตจากบ้านออกไป เธอตัดสินใจออกจากอเมริกาและวางแผนจะเริ่มต้นทุกอย่างใหม่ทั้งหมด การที่เขียนจดหมายฉบับนี้มาก็หวังเพียงแค่ให้พี่ชายไม่ต้องเป็นห่วงเธอ ในใจของเธอพี่ชายจะยังคงเป็นพี่ชายเสมอ เรื่องทั้งหมดในคืนนั้นเธอคิดเสียเสียว่าฝันไป พี่คะ: โปรดให้อภัยที่หนูจากไปโดยไม่ได้ร่ำรา ไม่ว่าพี่จะเคยทำอะไรมาก่อน เรื่องราวร้ายๆในวันวานหนูจะลืมมันไปให้หมดเพราะพี่จะยังเป็นพี่ชายของหนูเสมอ และจะเป็นตลอดไป พี่เคยบอกว่าหนูสามารถเลือกใช้ชีวิตในแบบที่หนูต้องการเองได้ สามารถทำเรื่องที่หนูอยากทำได้ ดังนั้นหนูเลยตัดสินใจมาอยู่ที่อิตาลี หนูอยากเริ่มต้นทุกอย่างใหม่ทั้งหมด หนูจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่นี่และเริ่มต้นไล่ตามความฝันของตัวเองอีกครั้ง พี่ไม่ต้องเป็นห่วงหนูนะคะ หนูโตเป็นผู้ใหญ่แล้วสามารถดูแลตัวเองได้ อยู่นี่ที่ ทุกอย่างดีมากจริงๆ พี่ไม่ต้องเป็นห่วง และอีกอย่างหนึ่ง หนูอยากบอกว่า ‘ขอโทษนะคะ’สำหรับเรื่องในคืนนั้นหนูไม่ควรตบหน้าพี่เลย ในใจของหนู พี่ยังคงเป็นพี่ชายเสมอ รักษาเนื้อรักษาตัวดีๆนะคะพี่ชาย น้องสาวนิรันดร : เพ็ญจิต แม้ว่าจดหมายจะไม่ได้ยาวมากนัก แต่ทว่าน้ำตาของอรรถพลกลับไหลเจิ่งนองไปทั่วหน้า เขารู้แล้วว่าระหว่างเขากับเพ็ญจิตตลอดชีวิตนี้คงเป็นได้เพียงพี่น้อง หากเธอมองจากภายนอกแค่เพียงผิวเผิน เธออาจดูอ่อนแอบอบบางดั่งสายลม อีกทั้งยังว่านอนสอนง่าย แต่ทว่าในกระดูกเนื้อแท้ของเธอนั้นกลับแฝงไปด้วยทิฐิอยู่มาก ขอเพียงแค่อย่าสัมผัสเข้ากับขีดความอดทนเธออก็พอไม่ว่าอะไรเธอก็จะทำเมินเฉยไปได้ แต่ถ้าหากแตะต้องขีดจำกัดภายในใจของเธอเข้าแล้วล่ะก็ไม่ว่าอะไรก็มิอาจหวนคืนกลับมาได้อีกแล้ว อรรถพลไม่ได้เขียนตอบจดหมายแต่กลับส่งรูปถ่ายส่งไปแค่เพียงหนึ่งใบ แท้จริงแล้วเขาต้องการจะบอกกับเพ็ญจิตแค่เพียงว่าเขามิอาจเต็มใจยอมรับคำว่า ‘น้องสาว’สองคำนี้ได้ แต่เขารู้กระจ่างดีว่าทั้งชีวิตนี้พวกเขาคงเป็นได้แค่พี่น้องเท่านั้น หากเขาไม่ยอมล้มเลิก เขาก็คงจะเสียเพ็ญจิตไปตลอดชีวิตจนแม้แต่ความเป็นพี่น้องก็คงจะไม่มีอีกต่อไปแล้ว อรรถพลไม่รู้ว่าเพ็ญจิตตั้งมั่นแน่วแน่มากเพียงใดถึงได้จากอเมริกาไป เขาไม่รู้ว่าว่าภายในใจของเพ็ญจิตบอบช้ำมากเท่าใด เธอเคยมีชีวิตที่มีครอบครัวพร่อมหน้าพร้อมตาตลอดยี่สิบสองปี แต่แค่เพียงในเวลาอันรวดเร็ว เธอกลับไม่เหลืออะไรอยู่อีกแล้ว ต้องเริ่มต้นทุกอย่างใหม่ทั้งหมด ไม่เพียงแต่เท่านี้ในท้องยังอุ้มเด็กน้อยอยู่อีกคน เงินเก็บที่เธอนำติดตัวมาอิตาลีก็รั้งแต่จะเหลือน้อยลงทุกที ท้องก็ป่องใหญ่ขึ้นทุกวันๆ เพ็ญจิตจึงลาออกจากการเรียน วางแผนว่าหลังจากลูกน้อยเติบใหญ่ขึ้นอีกสักสองปีค่อยกลับมาเรียนใหม่ แต่ต้องรีบแก้ไขปัญหาชีวิตเสียก่อน เธอต้องเตรียมพร้อมไว้สำหรับลูกน้อย ไหนจะค่านมผง ค่าคนงาน ในเมื่อเธอไม่ใช่ทายาทบ้านวงศ์อัจฉราก็ย่อมไม่มีเหตุผลใดที่จะต้องใช้เงินของบ้านวงศ์อัจฉราอีกต่อไป และยิ่งไปกว่านั้นเธอแต่งงานแล้วก็ยิ่งไม่เหตุผลที่จะต้องการเงินจากทาง’บ้านภรรยา’อีก เธอต้องยืนหยัดอยู่ให้ได้ด้วยตัวเอง ขณที่อยู่ที่อิตาลี เพ็ญจิตเลือกมาเป็นครูสอนภาษาจีนชั่วคราวที่โรงเรียนสอนภาษาแห่งหนึ่ง โชคดีที่ตอนเรียนมหาวิทยาลับเธอเคยเลือกเรียนภาษาอิตาลีมาก่อน ชีวิตความเป็นอยู่ที่นี่นับว่าง่ายๆสบายๆผ่อนคลายอีกทั้งรายได้ก็ยังถือว่ไม่เลวเลยทีเดียว ห้าปีผ่านไป ณ สนามบินแห่งหนึ่งในประเทศ สาวงามสะดุดตาเป็นพิเศษปรากฏกายเดินออกมา เธอคือเพ็ญจิต ตลอดระยะเวลาห้าปีที่อิตาลี สองปีแรกเธอวุ่นวายอยู่กับการดูแลลูกน้อยจนกระทั่งลูกชายของเธอเข้าเรียนถึงได้กลับมา ครั้นตอนที่ไปถึงอิตาลีในช่วงแรกเธอคิดเป็นอย่างดีแล้วว่าจะสลัดเรื่องในอดีตทิ้งไปให้หมดแล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่ เมื่อห้าปีที่แล้ว เพ็ญจิตอุ้มท้องของเธอไปจนถึงอิตาลี ไม่ได้ติดต่อสื่อสารกับใครทั้งนั้น พยายามแบกรับทุกอย่างไว้เพียงลำพัง อีกทั้งยังให้กำเนิดคู่ฝาแฝดสุวิทย์น้อยที่น่ารักน่าชังอีกถึงสองคน ลูกๆอายุสี่ขวบครึงแล้ว เพ็ญจิตอยากจะมอบของขวัญพิเศษเนื่องในโอกาสครบรอบวันเกิดปีที่ห้าให้แก่ลูกๆเสียหน่อย นั่นก็คือ พ่อของพวกเขา และที่เธอกลับมาครั้งนี้ก็เพื่อที่จะมาตามหา สุวิทย์ – ผู้ชายที่หายตัวไปถึงห้าปี การกลับมาครานี้เธอไม่ได้มุ่งตรงกลับบ้าน แต่กลับไปที่เซี่ยงไฮ้แทน เพียงเพราะข่าวคราวเดียวของสุวิทย์ในปีนั้นก็คือที่อยู่บนบัตรประจำตัวประชาชนซึ่งก็คือเมืองเซี่ยงไฮ้แห่งนี้ อีกทั้งยังดันบังเอิญไปเจอข่าวบนอินเทอร์เน็ตว่าบริษัท L.Yกรุ๊ปจำกัดอันมีชื่อเสียงโด่งดังอย่างมากในประเทศกำลังจัดงานประกวดการออกแบบครั้งใหญ่ เธอจึงลงสมัครทางออนไลน์และผ่านเข้ารอบแรก และรอบรองชนะเลิศ ครั้งนี้จึงมาที่บริษัท L.Y กรุ๊ปจำกัดเพื่อเข้าร่วมแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศอีกด้วย ห้าปีแล้วที่พี่ชายก็เองก็เดินทางกลับมาจากอเมริกาเพื่อรับช่วงดูแลบริษัทก่อสร้างต่อจากคุณพ่อ ตลอดห้าปีมานี้ เพ็ญจิตได้ลืมเลือนเรื่องที่เกิดขึ้นในค่ำคืนวันคริสมาสต์ไปแล้ว แต่ถ้าพูดกันตามจริงเธอแค่ใส่กุญแกขังมันไว้ในก้นบึ้งความทรงจำเสียมากกว่า ในปีนั้นตอนที่เธอจากประเทศอเมริกาออกมา เธอเองก็ลังเลใจอยู่มากจริงๆ แต่พี่ชายก็คือพี่ชาย เธอยังจำได้ว่าครั้งแรกที่ประจำเดือนของเธอมา พี่ชายเป็นคนช่วยไปซื้อมาอนามัยมาให้ ในหัวใจของเธอพี่ชายก็คือพี่ชายที่สามารถพึ่งพาได้เสมอ เธอไม่อยากเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์เช่นนี้ไป เพ็ญจิตวางแผนว่ารอให้เธอมีหน้าที่การงานมั่นคงแล้วค่อยกลับบ้าน เธออยากจะเซอไพรซ์คุณพ่อคุณแม่เสียหน่อย เมื่อรถแท็กซี่จอดลงที่ด้านล่างบริษัท L.Y.กรุ๊ปจำกัด และเนื่องด้วยเวลาที่กระชั้นชิดเพ็ญจิตจึงไม่มีเวลามากพอจะเอากระเป๋าสัมภาระไปเก็บที่โรงแรมได้ทัน “พลัง ผู้เข้าแข่งขันทั้งหมดที่ผ่านรอบรองชนะเลิศมาถึงกันครบกันแล้วใช่ไหม?” ณ ห้องทำงานของท่านประธานบริษัท สุวิทย์กำลังดูภาพบรรยากาศการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศผ่านทางวีดีโอถ่ายทอดสด และนึกไม่ถึงว่าจะเห็นที่ว่างอยู่ “ท่านประธานครับ ยังมีผู้สมัครอีกท่านหนึ่งครับที่ยังมาไม่ถึง ตอนนี้ยังมีเวลาเหลืออีกสามนาทีกว่าจะถึงเวลาเข่งขัน พวกเราจะรออีกต่อไปหรือไม่ครับ?” “ถ้างั้นก็รออีกสามนาทีเถอะ หากเธอมาสายก็ไม่ต้องเข้าร่วมการแข่งขัน คนที่ไม่รู้จักรักษาเวลา ผมไม่คิดว่าจะสามารถเป็นนักออกแบบเสื้อผ้าที่ดีได้” สุวิทย์เสียงขรึม “ท่านประธานครับ แต่ว่าคุณกีวี่เป็นคนที่ยอดเยี่ยมมากที่สุดจากบรรดาผู้เข้าแข่งขันทั้งหมดนะครับ หากเพียงเพราะการมาสายแค่นี้...”
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 33 การจู่โจมที่คาดไม่ถึง
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A