ตอนที่ 34 ใบหน้าที่ดูคุ้นๆ
1/
ตอนที่ 34 ใบหน้าที่ดูคุ้นๆ
OMG!สุ่มได้สามีคนหนึ่ง
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 34 ใบหน้าที่ดูคุ้นๆ
ตนที่ 34 ใบหน้าที่ดูคุ้นๆ “ยังเหลืออีกหนึ่งนาที”สุวิทย์ทำท่าดูนาฬิกาและพูดขัดผู้ช่วยขึ้นมา “ขอโทษค่ะ ฉันมาสายเสียแล้ว”เมื่อเสียงแว่วดังขึ้น บนหน้าจอก็ปรากฏภาพหญิงสาวหนึ่งคนกำลังลากกระเป๋าเดินทางมา เมื่อพินิจดูจากเสื้อผ้าที่เธอใส่ก็มองออกได้ว่าเธอเป็นคนมีรสนิยมอยู่มากที่เดียว “โชคดีเสียจริง ท่านประธานครับตอนนี้พวกเราเริ่มได้แล้วใช่ไหมครับ?”พลังถอนหายใจยาว “อือ นำประวัติของผู้เข้าแข่งขันที่มาถึงคนสุดท้ายคนนั้นส่งมาให้ผมด้วย”สุวิทย์ออกคำสั่งแก่ผู้ช่วย สุวิทย์จ้องไปยังหน้าจอ ดูจากป้ายของที่อยู่บนกระเป๋าเดินทางของเธอก็เห็นได้ว่าเธอเพิ่งมาจากสนามบิน ผู้หญิงคนนี้ช่างเปล่งประกายราวกับอัญมณีที่เลอค่าทำให้ทุกสิ่งอย่างที่อยู่ตรงหน้าสว่างไสว โดยเฉพาะใบหน้านั้นที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ อีกทั้งเส้นมยาวนุ่มสลวยซึ่งทิ้งตัวลงมาคลุมอยู่ไหล่ของเธออย่างสบายๆ ดูท่าแล้วเธอคงเป็นแค่คนที่ไม่ค่อยใส่ใจรายละเอียดเล็กๆน้อยๆเป็นแน่ สุวิทย์จ้องไปยังใบหน้านั้นและมองเธอนั่งลงด้วยท่าทางนิ่งๆสบายๆแล้วยกปากกาขึ้นมา ใบหน้านี้ช่างดูคุ้นตาเหลือเกิน สุวิทย์พยายามประมวลผลในหัวอย่างสุดความสามารถ ช่างไร้เหตุผลเสียจริง หญิงสาวที่ดูมั่นใจและมีเสน่ห์เช่นนี้ หากเขาเคยเจอก็คงไม่มีทางลืมได้ลงเป็นแน่ “ท่านประธานครับ นี่คือประวัติของคุณกีวี่ครับ”ไม่กี่นาทีหลังจากนั้นพลังก็หยิบประวัติของกีวี่เข้ามา “เพ็ญจิต....เพ็ญจิต... ทำไมถึงคุ้นๆจังนะ?”สุวิทย์จ้องรูปภาพ ท่ว่าเหมือนกับว่าเขาสูญเสียความทรงจำไปอย่างไรอย่างนั้น เขารู้สึกประทับใจเธออยู่เนืองๆแต่กลับนึกไม่ออก เวลาไหลผ่านไปทามกลางเสียงกระซิบของสุวิทย์ วันนี้สมองของเขาดูเหมือนจะใช้ไม่ค่อยได้เป็นพิเศษ การแข่งขันรอบชิงชนะเลิศได้จบลงแล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะยังคงนึกไม่ออกอยู่ “ท่านประธานครับ การแข่งขนรอบนี้จบลงแล้วนะครับ เราต้องนำผลงานของสามสิบอันดับแรกมาไหมครับ?” วันนี้พลังดูกังวลเล็กน้อย ประธานดูแปลกๆไปจากเมื่อก่อน นับตั้งแต่เพ็ญจิตปรากฏตัวขึ้น ท่านประธานก็แสดงอาการออกเป็นเช่นนี้ “ให้กรรมการตัดสินก่อน แล้วค่อยนำผลงานของลำดับต้นๆไม่กี่ลำดับมาให้ผมดูก็ได้”สายตาของสุวิทย์ยังคงจับจ้องไปที่แฟ้มประวัติของเพ็ญจิต ครั้นเห็นสุวิทย์เอาแต่จ้องไปที่ประวัติของเพ็ญจิต พลังจึงอยากพูดขึ้น “ท่านประธานครับ คุณเพ็ญจิตเรียนอยู่ที่ประเทศอิตาลี เธอเพิ่งจะกลับมาครับ” “อือ ดุเหมือนแวดวงภายนอกจะประมาณระดับของเธอสูงมากเลยนะครับนี่” เมื่อสุวิทย์เห็นผู้ช่วยพูดขึ้นดังนั้น ก็ปิดแฟ้มประวัติด้วยความเขินอายเล็กน้อย “ใช่ครับ ผลงานการออกแบบของเธอได้รับรางวัลเหรียญเงินจากรายการแข่งขันด้านการออกแบบครั้งใหญ่ที่ยุโรปเมื่อปีที่แล้วครับ ดูจาดสไตล์ของเธอแล้วค่อนข้างจะเหมาะกับตลาดฝั่งเอเชีย นี่อาจจะเกี่ยวเนื่องกับเรื่องที่เธอเป็นคนจีนนะครับเนี่ย” พลังเอ่ยขึ้น ในฐานะผู้ช่วยเขาจำเป็นต้องรู้เรื่องเหล่านี้ โชคดีที่ปกติแล้วเขามักจำทำการบ้านมาอย่างเพียงพอเสมอ ณ ด้านนอกประตูใหญ่ของบริษัท L.Y.กรุ๊ปจำกัด เพ็ญจิตที่เพิ่งจะเสร็จสิ้นจากการแข่งขัยเดินลากกระเป๋าเดินทางอกมา ภายในเวลาประมาณไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง ตอนนี้เธอจำเป็นต้องเอากระเป๋าเดินทางไปไว้ที่โรงแรมก่อนจากนั้นจึงค่อยให้ไปหาบ้านอยู่ เมื่อกลับถึงโรงแรม เพ็ญจิตก็หยิบข่าวเกี่ยวกับบ้านเช่าที่ปริ้นจากอินเทอร์เน็ตเมื่อก่อนหน้านี้ออกมาแล้ววางแผนว่าก่อนถึงเวลาทำงานเธอจะไปดูทีละที่ๆและแก้ไขปัญหาเรื่องที่อยู่นี้เสีย แน่นอนว่า บ้านนั้นจะต้องไม่เล็กเกินไป แม้ว่าตอนนี้เธอจะอยู่เพียงแค่คนเดียว แต่ทว่าหลังจากหาพ่อของนวันธรและไนยชนพบก็จำเป็นต้องรับลูกๆกลับมาอยู่ด้วยกัน วันที่สอง ในขณะที่เพ็ญจิตกำลังไปดูบ้านก็ได้รับโทรศัพท์จากฝ่ายบุคคลของบริษัท L.Y.กรุ๊ปจำกัดแจ้งให้เธอไปรายงานตัวและเซ็นต์สัญญาที่บริษัทในวันจันทร์ ก่อนถึงวันเข้างานเพียงหนึ่ง สุดท้ายเพ็ญจิตก็สามารถหาบ้านเช่าหนึ่งหลังสองห้องนอนได้ แม้ว่าจะตั้งอยู่ไกลจากบริษัทไปเสียหน่อยแต่ว่าบ้านหลังนี้ก็ราคาถูกไม่น้อยเลยสำหรับเธอ เพ็ญจิตวางแผนว่ารอหลังจากที่เธอลงหลักปักฐานได้มั่นคงแล้วค่อยไปยังสถานนีตำรวจท้องถิ่นค้นหาคนที่ชื่อเสียงเรียงนามเดียวกันออกมาให้หมด จากนั้นก็ค่อยๆเปรียบเทียบทีละคนๆ เธอเชื่อว่าจะสามารถหาสุวิทย์พบได้อย่างแน่นอน ครั้นมาทำงานที่บริษัท L.Y.กรุ๊ปในช่วงแรกๆ เพ็ญจิตยังคงไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับวงจรชีวิตพนักงานออฟฟิศกับการเข้างานเก้าโมงเช้าเลิกงานห้าโมงเย็นเช่นนี้ได้ ช่วงสี่ห้าปีที่เธออาศัยอยู่อิตาลี ด้วยเหตุที่จะต้องเลี้ยงดูลูกๆดังนั้นชั่วโมงทำงานของเธอจึงมีความยืดหยุ่นมาก ผ่านไปหนึ่งอาทิตย์ ในที่สุดเพ็ญจิตก็คุ้นชินกับมันเสียแล้ว วันนี้ทางบริษัทจัดงานพิธีมอบรางวัลและในขณะเดียวกันก็ถือเป็นงานต้อนรับพนักงงานใหม่ที่เพิ่งเข้ามาทำงานที่บริษัทอีกด้วย ได้ยินมาว่าวันนี้ท่านประธานจะเป็นคนมามอบรางวัลด้วยตัวเองอีกด้วย ถึงแม้ว่าก่อนจะกลับมาเพ็ญจิตจะเคยค้นคว้าศึกษาเกี่ยวกับโครงสร้างและระบบผู้บริหารของบริษัทมาบ้าง แต่ทว่าสำหรับท่านประธานหนุ่มที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุน้อยท่านนี้เธอเองก็ยังไม่ค่อยจะรู้จักอะไรเขามากนัก ภายในงานพิธีมอบรางวัล เมื่อเพ็ญจิตได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของท่านประธานเป็นครั้งแรกก็รู้สึกหลาดใจเล็กน้อย เธอที่นั่งอยู่ข้างล่างเวทีไม่เคยคาดคิดเลยว่าท่านประธานจะชื่อว่าสุวิทย์ มุมลึกภายในใจเธอบังเกิดความหวังขึ้นอย่างอดไม่ได้ แต่เมื่อท่านประธานขึ้นมากล่าวบรรยายบนเวที ความหวังเพียงเล็กๆในใจของเธอก็ดับวูบลง บางทีก็คงจะแค่ชื่อแซ่เหมือนกันเท่านั้นกระมัง แม้ว่าชื่อจะเหมือนกัน แต่กลับต่างกันอยู่มากโข ดูจากรูปร่างหน้าตาและฐานะของท่านประธานแล้วเขาสามารถติดโพลสิบหนุ่มดาวเด่นได้อย่างแน่นอน ครั้นนึกเปรียบเทียบกับใบหน้าที่มีหนวดรุงรังของผู้เป็น’สามี’ในภาพความทรงจำแล้วนั้น เพ็ญจิตก็ส่ายหัวไปมาอย่างอดไม่ได้ ช่างไม่สามารถเทียบกันได้เลย “ก่อนอื่น ขอเรียนเชิญท่านประธานของพวกเราขึ้นมามอบรางวัลด้วยตัวเองให้แก่คุณเพ็ญจิตผู้ชนะการประกวดในครั้งนี้” การมอบรางวัลเริ่มต้นขึ้นที่ผู้ชนะเลิศก่อน เมื่อเสียงประกาศมอบรางวัลของพิธีกรบนเวทีดังขึ้น เพ็ญจิตกลับยังคงนั่งนิ่งวิญญาณหลุดลอย ตลอดห้าปีมานี้ไม่มีสักเสี้ยววินาทีเดียวที่เธอไม่คิดถึงสามีที่อยู่กับเธอได้เพียงแค่สามวัน โดยเฉพาะช่วงนาทีที่เธอ คลอดนวันธรและไนยชนใบหน้านั้นยังคงสลักลึกอยู่ในหัวของเธอ “คุณเพ็ญจิต คุณเพ็ญจิตถึงเวลารับรางวัลของคุณแล้ว” คนที่นั่งอยู่ข้างๆเพ็ญจิตใช้มือสะกิดเธอเบาๆ “อ้อ! ขอโทษค่ะ” เมื่อพิธีกรบนเวทีประกาศเรียกอยู่นานแต่กลับไม่มีใครปรากฏตัวขึ้นจึงคิดอยากจะหยุดการรอคอยอันยาวนานนี้แต่ทว่ากลับถูกสุวิทย์ห้ามไว้ “ท่านประธาน บางทีวันนี้คุณเพ็ญจิตอาจจะไม่อยู่ ถ้างั้นพวกเราข้ามไปที่ขั้นตอนต่อไปเลยนะครับ” พิธีกรเสนอแนะกแก่สุวิทย์ “รออีกสักหน่อย บางทีคุณเพ็ญจิตอาจจะกำลังเข้าห้องอยู่” แท้จริงแล้วเขามองเห็นเพ็ญจิตแล้วในขณะที่พูด เขาไม่อาจไม่ยอมรับได้ว่าหญิงสาวที่ดูทันสมัยแฟชั่นคนนี้ได้ดึงดูดความสนใจเขาไปเสียแล้ว ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาล้วนแต่มุ่งมั่นจดจ่ออยู่แต่กับงาน โดยเฉพาะหลังจากที่เขาประสบพบเจอกับไรวินท์ สำหรับเขาแล้วพวกผู้หญิงเป็นแค่สื่งมีชีวิตที่ตรงข้ามกับผู้ชายก็แค่นั้น ที่แปลกก็เห็นจะมีแต่ผู้หญิงที่ชื่อเพ็ญจิตคนนี้ที่ดึงดูดสายตาของเขาตั้งแต่แรกเห็น อีกทั้งยังรู้สึกราวกับว่าทั้งสองเคยพบเจอกันที่ไหนสักแห่ง ท้ายที่สุดเมื่อเห็นเพ็ญจิตเดินขึ้นมาบนใบหน้าของสุวิทย์ก็ปรากฏรอยยิ้มชื่นชมจางๆ “คุณเพ็ญจิตครับ ยินดีด้วยนะครับที่คุณได้รางวัลอันดับหนึ่งในการแข่งขันครั้งนี้ ในขณะเดียวกันวันนี้เองก็เป็นวันเซ็นต์สัญญาอย่างเป็นทางการ บริษัทของพวกเราขอจ้างคุณเป็นหัวหน้านักออกแบบครับ” สุวิทย์มอบรางวัลให้แก่เพ็ญจิตและในขณะเดียวกันก็เซ็นต์สัญญาจ้างกับเธอด้วย “ขอบคุณค่ะท่านประธาน สามารถเข้าทำงานบริษัทที่มีชื่อเสียงระดับประเทศได้เช่นนี้ก็นับว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่งค่ะ” หลังจากทั้งสองฝ่านเซ็นต์ชื่อเสร็จแล้ว เพ็ญจิตก็ยื่นมือจับกับสุวิทย์ ในเสี้ยวขณะที่ทั้งสองยื่นมือสัมผัสกัน กระแสไฟอันแรงกล้าจากมือทั้งสองก็ไหลแผ่ซ่านไปทั่วทุกส่วนไขกระดูกในร่าง “คุณเพ็ญจิต เราเคยเจอกันที่ไหนหรือเปล่าครับ?”ในฐานะประธานบริษัทคนหนึ่ง การจะพูดจาในเวลานี้ถือได้ว่าเป็นเรื่องไม่สมควรอย่างเห็นได้ชัด ทว่าเมื่อคำพูดไม่คิดเช่นนี้ได้หลุดออกจากปากไปแล้ว ทั้งสองจึงต่างจ้องกันด้วยความตะลึงใจ “ขอบคุณค่ะ ท่านประธานช่างโดดเด่นถึงเพียงนี้ หากเคยพบกันล่ะก็ฉันคิดว่าฉันต้องประทับใจในตัวคุณแน่ๆ” เพ็ญจิตยิ้มเล็กน้อยและชักมือกลับมา เธอรู้สึกเหนียมอายสำหรับอาการเคลิ้มของตนเมื่อครู่ ต่อหน้าผู้คนมากมายขนาดนี้เธอถึงกับสติหลุดไปได้ เพ็ญจิตเดินลงจากเวลาพลางอมยิ้มเล็กๆ ในช่วงขณะที่เธอหมุนตัว กระแสไฟในหัวของสุวิทย์ก็โหมกระหน่ำขึ้นพัดเอาความทรงจำที่เกาะฝุ่นของเขาให้เปิดออกในทันใด “เพ็ญจิต - - ” สุวิทย์กระซิบเรียกขึ้นอย่างมิรู้ตัว ยามนี้ เพ็ญจิตที่เพิ่งลงจากเวทีเมื่อได้ยินเสียงเรียกจึงหันหัวกลับไปมองอย่างอดไม่ได้ แต่เมื่อเห็นสุวิทย์ไม่ได้เอ่ยคำใดอีกจึงรีบเดินกลับไปยังที่นั่งของตนโดยเร็ว ครั้นงานประชุมยังไม่ทันจะสิ้นสุดสุวิทย์ก็ปลีกตัวออกมาจากงานเสียก่อนอีกทั้งยังออกมาจากบริษัทอีกด้วย เขาขับรถไวราวกับจะบินกลับบ้าน ในชั่วพริบตานั้นเขานึกออกแล้ว เพ็ญจิต เด็กผู้หญิงที่คะยั้นคะยอให้เขาแต่งงานด้วยเมื่อห้าปีก่อนเหมือนจะชื่อนี้ แต่เขาเองก็ยังไม่ค่อยแน่ใจ ดังนั้นจึงรีบห้อตะบึงกลับมาที่บ้านแล้วตรวจดูให้แน่ใจเสีย เมื่อห้าปีก่อน เพราะการจากไปอย่างกระทันหันของพ่อทำให้เขาลืมเลือนเรื่องสถานะสมรสไปชั่วคราว หลังจากจัดการเรื่องงาน ศพของพ่อเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็ต้องรับมือบริษัทที่กำลังจะโดนหุบจากเหล่าผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ดังนั้นเขาจึงยุ่งวุ่นวายขึ้นไปอีก ครั้งนึกถึงเธอขึ้นมาได้เขาก็กลับไปหาเพ็ญจิตที่เมือง B อีกครั้งแต่เธอกลับไม่อยู่เสียแล้ว สุวิทย์นั่งลงบนพื้นในมือถือทะเบียนสมรสทั้งสองเล่ม เขายังจำภาพเหตุการณ์เมื่อสี่ปีก่อนตอนที่เขาหาเธอไปที่บ้านวงศ์อัจฉราได้ วันนั้นเขากลับไปหาเพ็ญจิตที่เมืองBพร้อมกับความมั่นใจที่เต็มเปี่ยมโดยวางแผนว่าจะรับเพ็ญจิตกลับมาอยู่ข้างๆกัน แต่คิดไม่ถึงเลยว่าแม่เลี้ยงของเพ็ญจิตกลับบอกเขาว่าเพ็ญจิตได้จากไปแล้ว กระทั่งพวกเขาเองก็ไม่ทราบว่าเธอหายไปไหน พูดแค่ว่าหลังจากที่เพ็ญจิตรู้ที่มาที่ไปของตนแล้วจึงตัดสินใจจากออกไป ตอนนั้นเขาก็รู้ได้อย่างชัดเจนว่าวาสนากำลังโกหกเขาอยู่ แต่เมื่อเขาสังเกตุราดราวอยู่ใกล้ๆบ้านวงศ์อัจฉราอยู่นานหลายวันก็ยังไม่พบเพ็ญจิต เขาถึงขนาดไปขอตรวจดูที่สำนักทะเบียนราษฏ์ก็ได้รับผลว่าเพ็ญจิตไม่อยู่ที่นี่แล้ว แม้แต่รายชื่อในทะเบียนบ้านก็ย้ายไปแล้ว นับจนถึงตอนนี้เขายังไม่เคยลืมเลือนความรู้สึกสิ้นหวังเช่นนั้นของตนหลังจากรับรู้ข่าวนี้ได้เลย เธอจากไปเช่นนั้นโดยไม่สนใจใยดีแม้กระทั่งเรื่องการแต่งงานของพวกเขาเลย เธอใจร้ายขนาดนั้น หากไม่ใช่เพราะทะเบียนสมรสสองเล่มนี้ หากไม่ใช่เพราะโทรศัพท์ที่เพ็ญจิตลืมทิ้งไว้ เขาคงอดคิดไม่ได้ว่าการแต่งงานที่แสนมีความสุขตลอดสามวันนั้นคงเป็นแค่ความฝัน วันนี้ สุวิทย์ไปได้กลับไปที่บริษัทอีก ตั้งแต่ตอนกลางวันจนถึงช่วงพลบค่ำเขาเอาแต่จ้องทะเบียนสมรสที่อยู๋ในมือหวนคิดถึงช่วงเวลาที่รู้จักกับเพ็ญจิตในครั้งแรก คิดถึงตอนจดทะเบียนสมรส และกระทั่งช่วงชีวิตที่แสนสุขตลอดสามวันนั้น เขาจำเหตุผลที่เพ็ญจิตเลือกเขาในตอนนั้นได้รางๆ แค่เพียงเพราะเขาเป็นชายโสดคนแรกที่เธอหลับตาเลือกๆมา แม้ว่าสภาพของเขาในตอนนั้นจะไม่อาจทำให้คนเคารพชื่นชมได้แต่เพ็ญจิตกลับยังลากเขาไปจนทะเบียนด้วย นับตั้งแต่ที่เธอถูกคนนามสกุลวงศ์อัจฉรานั่นพาตัวออกไปจากโรงแรมจนถึงตอนนี้ก็เป็นเวลาถึงห้าปีแล้ว ตลอดห้าปีมานี้เธอไปอยู่ในกันนะ? สุวิทย์อยากจะถามเธอเสียจริงๆ แต่ทว่าเมื่อคิดถึงพิธีมอบรางวัลในวันนี้เพ็ญจิตทำกับเขาราวกับคนแปลกหน้า เขาจึงรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาเล็กน้อย ในปีนั้นบอกอยากจะไปก็ไป แล้วตอนนี้จะกลับมาทำไม? ซ้ำยังเลือกมาทำงานที่บริษัทของเขา เธอทำเพื่ออะไรกัน? หรือว่าเพ็ญจิตจะรู้ตัวตนที่แท้จริงของเขาแล้วเลยจงใจ ‘ซ่อนตัว’มาอยู่ข้างกายเขากัน? ห้าปีแล้ว อันที่จริงเรื่องการแต่งงานของพวกเขานั้นสามารถยื่นเรื่องถอดถอนมันได้ เพียงแต่เขาไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน อีกทั้งยังดูเหมือนว่าเขาจะไม่เคยได้รับคำร้องขอจดทะเบียนอย่าจากเพ็ญจิตมาก่อน เธอลืมเรื่องการแต่งงานครั้งนี้ไปแล้วจริงๆหรือว่าแค่ไม่สนใจใยดีมันเลยกันแน่? เมื่อคิดถึงหญิงสาวที่เอาแต่ร้องไห้สะอึกสะอื้นเมื่อห้าปีที่แล้ว คิดถึงหญิงที่ช่างบอบบางอ่อนแอ สุวิทย์ก็ตัดสินใจไม่เปิดเผย ความสัมพันธ์ของพวกเขา เขาอยากจะมองดูความเป็นไปของเธออย่างเงียบๆ ดูซิว่าเธอมีจุดประสงค์อะไรกันแน่ ยังไงๆมันก็ผ่านมาถึงห้าปีแล้ว ทำไมจู่ๆเธอถึงปรากฏตัวออกมา? หากเขาจดทะเบียนหย่าตอนนี้มีหวังหุ้นของบริษัท L.Y.กรุ๊ปจำกัดและทรัพย์สินเงินทองของเขาคงถูกเธอแบ่งออกไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ คิดไปคิดมา สุวิทย์ก็เก็บทะเบียนสมรสไว้ในตู้นิรภัยดังเดิม เช้าวันที่ต่อมา สุวิทย์ไปทำงานอย่างปกติ เพียงแต่ว่าเขาสั่งให้ผู้ช่วยนำข้อมูลของเพ็ญจิตมาให้เขาอีกครั้ง เมื่อดูข้อมูลของเธอคิ้วของสุวิทย์ก็ขมวดแน่นเข้าหากัน คิดไม่ถึงเลยว่าตอนนั้นเธอจะไปถึงอิตาลี มิน่าเล่าตอนนั้นไม่ว่าหาหาเท่าไหร่ ไม่ว่าจะรอนานแค่ไหนก็ไม่พบเธอ “ท่านประธานครับ คุณดูประทับใจคุณเพ็ญจิตเป็นพิเศษนะครับ” พลังเห็นสุวิทย์จ้องรูปภาพของเพ็ญจิตอย่างเหม่อลอยจึงถามขึ้นด้วยความสงสัย
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 34 ใบหน้าที่ดูคุ้นๆ
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A