ตอนที่ 37 คุณดูไม่ออกหรือว่าผมกำลังจีบคุณอยู่   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 37 คุณดูไม่ออกหรือว่าผมกำลังจีบคุณอยู่
ต๭นที่ 37 คุณดูไม่ออกหรือว่าผมกำลังจีบคุณอยู่? “อือ แต่ว่าฉันรู้สึกว่าฉันดีขึ้นมากแล้ว ท่านประธานคะ ถ้าหากไม่มีเรื่องอื่นแล้วฉันขอวางสายกาอนนะคะ ?” เพ็ญจิตจ้องโทรศัพท์ด้วยความไม่เข้าใจ และก็ไม่รู้ว่าท่านประธานเกิดคลุ้มคลั่งอะไรขึ้นมาอีก ไม่น่าเชื่อว่าจะมีเจ้านายที่ไหนไม่ชอบให้ลูกน้องทำงาน แปลกจริงๆ เดิมทีคิดอยากจะตอบแทนบุญคุณที่เขาช่วยดูแลเมื่อวานนี้สักหน่อย คิดไม่ถึงเลยว่ากลับต้องมารองรับอารมณ์เขาอย่างไร้เหตุผลเช่นนี้ หรือว่าเธอควรทำแต่เรื่องของตัวเองให้ดี เจ้านายนี่ไม่สามารถขัดใจเขาได้จริงๆ หรือว่าควรจะหนีปไกลๆหน่อยถึงจะดี สุวิทย์ถืออาหารเข้าเข้ามาที่บริษัท เดิมทีคิดอยากส่งอาหารเช้าไปให้คนห้องข้างๆ แต่ทว่าตอนหยิบขึ้นมามันก็เย็นชืดหมดแล้วจึงวางมันกลับลงไป ผู้หญิงคนนี้นี่ทำให้คนโมโหได้เก่งจริงๆ เดิมทีเขาคิดอยากจะโยนอาหารเช้านั่นทิ้งไปซะแต่เมื่อนึกถึงนิสัยจอมสะเพร่าของเธอแล้วเขาก็ทำไม่ลง “คุณนิตา นำอาหารเช้าไปอุ่นให้หน่อยครับแล้วก็เอาไปให้คุณเพ็ญจิต” สุวิทย์ออกคำสั่งเรียกเลขา “ท่านประธานคะ ตอนนี้สิบโมงเช้าแล้วนะคะ” นิตาทอดสายตาไปที่อาหารเช้าแล้วพูดขึ้นเบาๆ “บอกให้เอาไปให้คุณก็เอาไปให้สิ จะพูดมากทำไมนักหนา” สุวิทย์ไม่พอใจ คุณนิตานำอาหารเช้าไปส่งที่ห้องทำงานของเพ็ญจิตด้วยความไม่เต็มใจ “คุณเพ็ญจิตคะ ท่านประธาน ’มอบ’นี่ให้คุณค่ะ ทานให้อร่อยนะคะ” “คุณนิตาคะ ดูเหมือนว่าตอนนี้จะยังไม่ถึงเวลาอาหารกลางวันนะคะ?” เพ็ญจิตเมื่อเห็นโจ๊กร้อนๆ และไข่ไก่ที่วางอยู่บนโต๊ะ ก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ เมื่อเห็นคุณนิตาเป็นเช่นนี้แล้วเธอก็ไม่กล้าจะกินอาหารเช้านี่ ยิ่งไปกว่านั้นเธอเองก็กินมาแล้วเมื่อเช้าตอนนี้เลยยังไม่หิว “อาหารนี่ท่านประธานเป็นคนส่งมาให้คุณ จะกินหรือไม่กินคุณก็ตัดสินใจเองแล้วกัน” คุณนิตาทำหน้านิ่วแล้วสะบัดเอวจากไป เดิมทีเพ็ญจิตคิดอยากจะต่อสายไปยังห้องทำงานของท่านประธาน แต่เมื่อนึกถึงคำของคุณนิตาแล้วเธอก็ล้มเลิกไป อารมณ์ของท่านประธานนั้นช่างแปลกประหลาด อยากจะให้ก็ให้สิ ไม่เห็นจะเป็นเรื่องใหญ่อะไรพอตอนกลางวันก็ค่อยเอามากินเป็นอาหารกลางวันก็ได้ เมื่อถึงเวลาทานอาหารกลางวัน เพ็ญจิตตัดสินใจว่าจะไม่ทำให้ “ ความหวังดี”เป็นเรื่องสูญเปล่า แต่ทว่าเมื่อหยิบอาหารเช้าที่เย็นชืดเตรียมจะไปอุ่นให้ร้อนเสียหน่อย ประตูห้องทำงานก็ถูกผลักเปิดออกมาเสียแล้ว “ท่านประธาน หลังจากนี้ถ้าคุณจะเข้ามาจะช่วยเคาะประตูก่อนได้ไหมคะ” เพ็ญจิตอับจนหนทางเมื่อเห็นสีหน้าของสุวิทย์ที่ค่อยๆดำทมึฬขึ้นอย่างช้าๆ “เธอคิดว่าจะกินไอ่นี่จอนกลางวันหรือ” สุวิทย์มองอาหารเช้าที่อยู่ในมือของเพ็ญจิตด้วยสีหน้าไม่พอใจ “ฉัน...โจ๊กนี่ไม่เลวเลย อุ่นนิดหน่อยก็ได้แล้ว” เพ็ญจิตเคอะเขินเล็กน้อย ก็เห็นๆอยู่ว่าไม่เป็นอะไร แต่เมื่อโดนสุวิทย์จ้องก็รู้สึกราวกับว่าเธอทำอะไรผิดไปสักอย่าง “ไป ไปกินข้าวกลางวันกัน” สุวิทย์พูดไปก็พลางลากมือของเพ็ญจิตไป เพ็ญจิตใช้ไหวพริบสลัดมือออก “ท่านประธานคะ ฉันยังมีพวกแบบร่างที่ยังต้องดูอีกค่ะ ตอนกลางวัน...” “ถ้าหากคุณไม่มีคุณสมบัติที่จะรับผิดชอบงานของตัวเอง ผมก็ไม่รังเกียจที่จะเปลี่ยนหัวหน้าคนใหม่”ขณะสุวิทย์พูดเขาก็เดินเข้าไปหยิบอาหารเช้าในมือของเพ็ญจิต “ท่านประธานคะ ก่อนที่พวกเราจะออกไปทานอาหารกลางวัน ฉันสามารถถามเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวสักหนึ่งข้อได้ไหมคะ?” เพ็ญจิตก้าวถอยหลังลงไปหลายก้าว เธอรู้สึกตัวแข็งทื่อเฉื่อยชา และรู้สึกว่าท่านประธานปฎิบัติต่อเธอแตกต่างออกไป เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงการเข้าใจผิดที่ไม่จำเป็น เพื่อที่จะหลบเลี่ยงความสับสนใดๆที่ไร้ประโยชน์ เธอคิดว่าเธอควรจะพูดให้ชัดเจน “พูดสิ” สุวิทย์ยื่นมือไปหยิบอาหารเช้าในมือของเพ็ญจิต และโยนมันออกไป เพ็ญจิตอยากจะแย่งกลับมาแต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว จึงทำได้แค่ยืนมองอาหารเช้าที่ลอยเป็นแนวโค้งตกลงไปกลางถังขยะ “ท่านประธานคะ การสิ้นเปลืองเป็นสิ่งที่น่าละอายนะคะ คุณรู้ไหมว่าบนโลกนี้ยังมีคนอีกมากมายเท่าไหร่ที่แม้แต่ข้าวก็ยังกินไม่อิ่ม” เพ็ญจิตจ้องสุวิทย์ด้วยความโมโห “สิ่งที่เธออยากพูดก็คือเรื่องนี้หรอ?” สุวิทย์เปลี่ยนเรื่องเสียดื้อๆ “แน่นอนว่าไม่ใช่ค่ะ ฉันอยากจะถามท่านประธานว่าคุณสนใจฉันใช่ไหมคะ?” เพ็ญจิตเงียบไปครู่นึงใบหน้าก็แดงขึ้น เพ็ญจิตหวังว่าเธอจะคิดมากไปเอง เธอยอมที่จะขายหน้า ยังไงๆวันนี้เธอก็ต้องถามให้ชัดเจนให้ได้ “ใช่ ผมอยากจีบคุณ” นัยน์ตาดำของสุวิทย์เปล่งประกายวับวาว เขายกคิ้วหลิ่วตา “หื๊อ” เพ็ญจิตรู้สึกราวกับว่ามีคนมาจุดระเบิดในใจเธอ เธอฟังผิดไปใช่ไหม ท่านประธานพูดเอาอะไรมาพูดว่า’ใช่’? เขายังพูดว่าอยากจีบเธออีก? บางเธออาจจะเป็นหวัดหนักขึ้นก็ได้? ทำไมถึงรู้สึกมึนหัวเช่นนี้ “ผมจีบคุณมันยอมรับยากมากหรือไง?” เมื่อเห็นท่าทางการแสดงออกของเพ็ญจิต สุวิทย์ก็ถอนหายใจภายในใจ ท่าทางของเธอตอนนี้กับหญิงสาวใจกล้าที่มาขอเขาแต่งงานเมื่อห้าปีก่อนนั้นช่างแตกต่างกันเหลือเกิน “ใช่ ไม่ใช่ ท่านประธาน... ฉันคิดว่า ฉันควรจะบอกคุณว่าฉันแต่งงานแล้ว” เพ็ญจิตตบหน้าตัวเอง เธอกลับมาเพื่อที่จะตามหาพ่อของนวันธรและไนยชน ไม่ใช่กลับมาเพื่อแสวงหาความรักใดๆ “ผมรู้ แต่นั่นก็ไม่ใช่อุปสรรคที่ผมจะจีบคุณ” รอยยิ้มบนหน้าของสุวิทย์ฉีกกว้างขึ้น ราวกับกำลังจ้องมองความพ่ายแพ้ของเพ็ญจิตอยู่ “ท่านประธาน มุกนี้ไม่ตลกเลยสักนิดเดียวนะคะ คุณออกไปเถอะค่ะ ฉันไม่มีทางไปทานอาหารกลางวันกับคุณหรอก” เพ็ญจิตหมดหนทางที่จะควบคุมใบหน้าที่ร้อนผ่าวของเธอได้ ทว่าครั้งนี้ไม่ใช่เพียงเพราะเขินอาย แต่เป็นความโมโหอย่างสุดขีด นี่มันผู้ชายประสาอะไรกัน เขาถึงกับพูดคำเหล่านั้นออกมาได้ “เพ็ญจิต ถ้าหากว่าเธอไม่ได้สนใจผู้ชายสักคนหนึ่งจริงๆ ผู้หญิงฉลาดๆควรจะรู้ว่าจำทำลายความพยายามของเขาอย่างไร ไม่ใช่ยิ่งกระตุ้นความเหือดกระหายในชัยชนะของเขา” สุวิทย์ที่พูดอยู่ก็เอนตัวไปบ้างหน้า ทิ้งรอยจูบบางเบาราวกับขนนกลงบนหน้าผากของเธอ จากนั้นก็ฉวยโอกาสตอนที่เธอเผลอคว้ามือของเธอ “ไปกันเถอะ เรื่องกินสำคัญที่สุด คุณไม่จำเป็นต้องคิดถึงเรื่องอื่นแล้ว แค่คุณยอมรับมันก็พอแล้ว” “ปล่อยฉัน คุณพูดเรื่องเหลวใหลอะไรกัน? อะไรที่เรียกว่าแค่ยอมรับก็พอแล้ว ฉันพูดไปหมดแล้วนะว่าฉันแต่งงานแล้ว ฉันมีสามีแล้ว” เพ็ญจิตอยากจะชักมือออกด้วยความโมโห แต่ก็ไม่ทันได้คิด สุวิทย์กระหยิ่มยิ้มเล็กน้อย รอยยิ้มนั่นติดตราตรึงใจของเพ็ญจิต เธอยังคงเรียกสติกลับมาไม่ได้สุวิทย์ก็เอนตัวเข้ามา นิ้วยาวเชิดคางของเธอขึ้นแล้วประทับริมฝีปากลงไปอย่างนุ่มนวลโดยมิรอให้เธอขัดขืน ครั้นริมฝีปากทั้งสองสัมผัสแนบชิดกัน ความรู้สึกนึกคิดของเพ็ญจิตก็หายวับว่างเปล่าไปในพริบตา ครั้นตั้งสติขึ้นมาได้ก็กลับมิได้ผสักไสเขา แค่เพียงตอบสนองรสจูบเขาอย่างไม่รู้ประสา รอยจูบนี่ช่างดูคุ้นเคยเหลือเกิน ราวกับ... ราวกับรสสัมผัสในความทรงจำ เพ็ญจิตรู้สึกสับสนเล็กน้อย สุวิทย์เกี่ยวเอวของเธอ บดขยี้เสียดสีบนริมฝีปากของเธออย่างนุ่มนวล ค่อยๆเริ่มไม่พอใจกับการสัมผัสริมฝีปากทีละเล้กละน้อย ปลายลิ้นสอดแทรกเข้าไปในริมฝีปากของเธอ รสสัมผัสเสียดสียังนุ่มนวลแนบแน่นดังเดิมแล้วจึงค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นลุกล้ำมากขึ้นอย่างรวดเร็ว สติสตังของเพ็ญจิตถูกริมฝีปากและลิ้นของเขาขโมยไปจนหมดสิ้น สุวิทย์จ้องไปยังนัยน์ตาพร่ามัวของเธอ และยอมปล่อยเธอไปอย่างไร้ร่องรอบ ริมฝีปากบางผละออกจากปากของเธอ “เพ็ญจิต มาเป็นแฟนผมเถอะ” เขากดเสียงต่ำอย่างยั่วยวนใจ “อือ อะไรนะ?” เพ็ญจิตที่กำลังตกอยู่ในภวังค์แห่งความรักไม่ทันได้ตั้งใจฟังว่าเขากำลังพูดอะไรก็เออออไปอย่างงงๆ ครั้นตอบตกลงไปเรียบร้อยถึงเพิ่งจะรู้สึกตัวได้ ความพร่ามัวที่อยู่บนหน้าก็หายไปในทันใด แล้วจึงรีบผละสุวิทย์ออกไปอย่างแรง “สุวิทย์ คุณ... ” เขาถึงกับทำเรื่องบัดสีกับเธอ เอก็บอกเขาไปหมดแล้วไงว่าเธอแต่งงานแล้ว หรือว่าเขาคิดว่าเธอกำลังล้อเล่นอยู่กันแน่? สุวิทย์อารมณ์ดีเสียจนฉีกยิ้มออกมา ดวงตาก็กวาดมองไปทั่วเรือนร่างกายเธอ “ผมไม่ถือ คุณไม่ต้องเกรงใจหรอก” เขาพูดเป็นนัย “... ...” เพ็ญจิตถูกทำให้อึ้งเสียจนพูดไม่ออกอยู่นาน เธอต้องไม่หลงใหลเผลอไผลกับเรื่องน่าบัดสีบัดเถลิงของเขาได้ แม้ว่าสามีของเธอกับท่านประธานที่อยู่ตรงหน้านี้จะชื่อเหมือนกัน แม้ว่าเขาจะไม่ได้หล่อเหลาเหมือนคนที่อยู่ตรงหน้านี้ก็ตาม แต่เพ็ญจิตเธอไม่ใช่คนจิตใจโลเลได้ใหม่ลืมเก่า เธอไม่มีทางทรยศการแต่งงานของตัวเองได้เด็ดขาด “ไปเถอะ ที่รัก ถ้าหากคุณไม่รังเกียจที่จะถือให้ตัวเองเป็นอาหารกลางวันแทนล่ะก็ ปม...” “หน้าไม่อาย สุวิทย์ คุณอย่าคิดนะว่าคุณเป็นประธานแล้วฉันจะต้องยอมคุณ ถ้าหากคุณยังขืนจะทำอีกครั้งล่ะก็ ฉัน ... ฉัน” เพ็ญจิตพูดว่าฉันอยู่นาน แต่ก็ยังคิดไม่ออกว่าจะใช้วิธีไหนมาต่อกรกับเขาดี “ผมบอกไปแล้วไงว่าผมไม่ถือ คุณไม่ต้องเกรงใจ” รอยยิ้มในตาของสุวิทย์ก็เบิกกว้างมากขึ้น นัยน์ตาทั้งสองเปล่งประกายระยิบระยับ “สุวิทย์ ฉันจะบอกอีกครั้งนว่าฉันแต่งงานแล้วและ...” เดิมทีเพ็ญจิตคิดอยากจะพูดออกไปว่าตนเป็นถึงแม่ลูกสอง แต่ดูจากอาการของสุวิทย์แล้วเขาคงไม่ยอมเลิกล้มง่ายๆแน่ คนแบบนี้หากพูดด้วยเหตุผลกัยเขาก็คงไม่มีประโยชน์ เขามันก็คือผู้ชายเจ้าชู้คนหนึ่ง แค่หลังจากนี้ต้องรักษาระยะห่างจากเขาก็คงพอแล้ว “เพ็ญจิต คุณอยากจะยืนอยู่ตรงนี้คุยเรื่องนี้กับผมอยู่ตรงนี้หรือ? คุณคิดจะแบกท้องหิวๆนี่มายืนคุยว่าอยากหรือไม่อยากเป็นแฟนกับผมไหมอย่างงั้นหรือ?” เมื่อเห็นเพ็ญจิตโมโหเช่นนี้ สุวิทย์กลับอารมณ์ดีมากเสียงั้น เขาไม่เคยคิดเลยจริงๆ ว่าพรากจากกันมาถึงห้าปีแล้ว เพ็ญจิตจะยังคงจำได้ว่าตัวเองมีสามีเป็นตัวเป็นตนแล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เขาคงต้องแต่งงานกับ ’แฟน’คนนี้เสียแล้ว “เอาล่ะ สุวิทย์ วันนี้ฉันจะขอพูดให้ชัดเจนนะว่าระหว่างพวกเราเป็นได้แค่เจ้านายลูกน้องเท่านั้น ไม่มีทางเป็นอย่างอื่นไปได้แล้ว” เพ็ญจิตจ้องสุวิทย์ด้วยความโกรธเดือดดาล สุวิทย์ทำราวกับว่าเธอเป็นลูกไก่ในกำมือ เขาไม่ได้สนใจเลยสักนิด ซ้ำยังเดินโอบเอวเธอเข้าไปในลิฟท์ แล้วพาขึ้นรถ นั่งไปจนถึงร้านอาหาร เพ็ญจิตถึงเพิ่งจะตกใจกับตัวเองว่าเธอถูกเขายั่วโมโหเสียจนขาดสติไปได้ นี่นับว่าเป็นครั้งแรก ในรอบหลายปีมานี้ยังไม่เคยมีใครทำให่เธอเสียการควบคุมณ์ได้ขนาดนี้มาก่อน หลังจากเพ็ญจิตตระหนักได้ถึงความผิดปกติของตัวเอง เธอก็ดื่มน้ำติดกันหลายแก้วแล้วจ้องสุวิทย์ด้วยสายตาเย็นชา “เพ็ญจิต แม้ว่าเวลาเธอโกรธมันจะทำให้น่าดึงดูดใจ แต่ความโกรธก็ไม่เป็นผลดีต่อร่างกายเธอนะ อีกอย่างหนึ่งการเป็นแฟนผมมันแย่ขนาดนั้นเลยหรือ” สุวิทย์ยิ้ม พลางมองเพ็ญจิตที่ดื่มน้ำอึกใหญ่ “ท่านประธาน หากคุณยังพูดคำว่า”แฟน”คำนี้อีกล่ะก็ อย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจ” เพ็ญจิตอยากจะสาดน้ำไปที่หน้าเขาจริงๆ เธอไม่คิดเลยว่าความผ่อนคลายและสภาพอารมณ์ดีๆของตัวเอง หลังมาจากพบกับประธานที่ “อันธพาล”คนนี้แล้วจะถึงกับมลายหายไปจนหมดเนื้อหมดตัว สุวิทย์ไม่ได้อธิบายอะไร นี่นับว่าเป็นมื้ออาหารครั้งที่สองที่พวกเขาสามีภรรยามาทานด้วยกันอย่างจริงๆจังๆ ครั้งแรกน่าจะเป็นมื้อเช้าหลังจากจดทะเบียนสมรสเมื่อห้าปีก่อน เมื่อมองแล้วเพ็ญจิตดูแตกต่างไปมากเหลือเกิน ยากเกินที่จะเอาเธอกับหญิงสาวที่ขี้อาย แถมยังขี้กังวลเมื่อห้าปีก่อนมาเทียบกันได้ “เพ็ญจิต สามีคุณคงดีกับคุณมากเลยสินะ” สุวิทย์พูดขึ้นเพื่อที่สร้างบรรยากาศให้ดูอบอุ่นขึ้น “แน่นอนค่ะ” เพ็ญจิตตกตะลึงไปครู่หนึ่ง เธอคิดไม่ถึงว่าสุวิทย์จะเปลี่ยนเรื่องคุยอย่างกระทันหัน และเมื่อมองท่าทีของเขาแล้วก็ดูจะไม่ได้มีนัยความหมายอื่น อีกทั้งสีหน้าของเขาก็ดูดีขึ้นเล็กน้อย “คุณเล่าได้ไหมว่าเขาจีบคุณยังไง? หรือไม่ก็เล่าว่าเขาขอคุณแต่งงานยังไงก็ได้?” สุวิทย์หั่นสเต็กไปก็แกล้งถามไปตามใจชอบ “ท่านประธานค่ะ นี่มันเรื่องส่วนตัวของฉัน ฉันคิดว่าเรื่องนี้ไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆกับเรื่องงานนะคะ” ใบหน้าเล็กๆของเพ็ญจิตที่เพิ่งจะผ่อนคลายได้เมื่อสักครู่ ก็นิ่วขมวดแน่นขึ้นอีกครั้ง “โอเค พวกเราทานข้าวเถอะ”สุวิทย์ยิ้มหัวเราะ แค่ดูจากการแสดงออกของเพ็ญจิตก็ตัดสินได้แล้วว่าตลอดหลายปีมานี้เธอคงไม่ได้คบผู้ชายคนไหนมาแน่ เมื่อคิดเช่นนี้แล้วในใจเขาก็รู้สึกเป็นสุขมากยิ่งขึ้น “ท่านประธานคะ คุณสร้างความลำยากให้ฉันจริงๆนะคะ ฉันคิดว่าระหว่างพวกเรานอกจากการเป็นเจ้านายลูกน้องแล้วก็ไม่ควรมีความสัมพันธ์แบบอื่นอีก หวังท่านประธานจะช่วยไตร่ตรองหน่อย มื้อนี้ฉันเลี้ยงเองเพื่อเป็นการขอบคุณที่ท่านประธานมาดูแลเมื่อวานนี้” เพ็ญขิตไม่ได้กินข้าว เธอวางเงินบนโต๊ะแล้ววุกขึ้นเดินออกมา 
已经是最新一章了
加载中