ตอนที่ 42 เจ้านายครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 42 เจ้านายครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ
ต๭นที่ 42 เจ้านายครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ เมื่อประตูปิดลง เพ็ญจิตก็ยืนพิงประตูร้องเสียงหลงเบาๆ ครั้งหน้าต้องรักษาระยะห่างกับเขาเสียแล้ว ไม่เช่นนั้น ก็จะถูกเขาล่อลวงยั่วยวนได้เอาเสียง่ายๆอีก สุวิทย์ไม่ได้กลับห้อง เขาพุ่งตัวเข้าไปอาบน้ำเย็นอีกครั้ง อุณหภูมิกายาช่วงล่างของเขาถึงจะเย็นลง เพ็ญจิตนี่ช่วงเป็นหญิงที่มีเสน่ห์ยั่วยวนเสียจริง หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ไม่ช้าก็เร็วไฟรักเผาไหม้ร่างกายเขาจนมอดม้วยแน่ สุวิทย์ถอนหายใจตนคิดว่าหากแช่น้ำเย็นเสียหน่อยก็คงจะสงบจิตสงบใจลงได้บ้าง แต่ดันไม่เป็นดั่งที่คิด ในหัวคิดถึงแต่ภรรยาที่ที่นอนอยู่ห้องข้างๆทั้งคืน น้องชายของเขาก็ไม่ยอมสงบนื่งเสียที เอาที่ตั้งชูชันจนถึงรุ่งเช้าถึงได้นอนหลับลง ในทางกลับกัน เพ็ญจิตที่อยู่อีกห้องหนึ่งเมื่อกลับถึงห้องนอน ก็ต่อสายโทรศัพท์หาลูกๆ อารมณ์ของเพ็ญจิตดีมากผ่านไปแค่ครู่เดียวก็นอนหลับลง ในความฝัน พวกเขาทั้งครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตาไปใช้เวลาช่วงวันหยุดด้วยกันที่ริมชายหาด ความฝันอันสวยงามนี้ดำเนินต่อไปจนถึงเช้าตรู่ ครั้นนึกถึงอาหารมื้อเย็นของสุวิทย์เมื่อคืนวานนี้ เพ็ญจิตก็รีบตื่นขึ้นมาแต่เช้า ตัดสินใจจะตอบแทนเขาด้วยการทำเบรคฟาสต์สไตล์ตะวันตก แต่ทว่าเมื่ออาหารเช้าถูกทำไว้เสร็จพร้อมแล้ว สุวิทย์กลับยังไม่ตื่น เดิมทีเพ็ญจิตคิดอยากจะไปเคาะประตู แต่เมื่อคิดถึง “ความเร่าร้อน”ของสุวิทย์ เธอจึงล้มเลิกไป หากเรียกเขามาทานอาหารเช้าล่ะก็ พวกเขาก็ต้องออกจากบ้านพร้อมกัน หากถูกใครเห็นเข้าก็อาจจะในไปเม้ามอยกันลับหลังได้ ถ้าเช่นนั้นก็แยกไปกันที่บริษัทจะดีกว่า เขาเป็นถึงประฑาน ต่อให้เข้าทำงานสายก็คงไม่มีใครว่าเขาหรอก สายนิดสายหน่อยจะเป็นไรไป เพ็ญจิตทานอาหารเช้าเสร็จก็แปะโน๊ตไว้บนประตูห้อง เชื่อว่าหากสุวิทย์ตื่นขึ้นมาก็คงเห็นเป็นแน่ แล้วตนเองก็มุ่งตรงไปทำงานด้วยท่าทางปกติดั่งเดิม สุวิทย์กลับไม่สามารถตื่นนอนขึ้นมาเองได้ด้วยธรรมชาติ แต่ถูกปลุกด้วยเสียงโทรศัพท์จากผู้ช่วยพลัง ด้วยเหตุที่สายๆของวันนี้เขามีประชุมกับประธานบริษัทเอสซีซีกรุ๊ปจำกัดแห่งอเมริกา “ท่านประธานครับ คุณจะถึงบริษัทกี่โมงครับ เวลาการประชุมกับบริษัทเอสซีซีกรุ๊ปเหลืออีกแค่ครึ่งชั่วโมงแล้วนะครับ” สุวิทย์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหูด้วนความงุนงง เมื่อได้ยินสัยงของพลัง ก็พ่นคำหยาบภาษาอังกฤษออกมาประโยคหนึ่ง และรีบเด้งตัวขึ้นมาจากฟูกนอน แต่กลับคิดไม่ถึงว่าเขาจะเคลื่อนไหวเร็วเกินไปจนล้มขมำลงบนพื้น “ท่านประธาน คุณยังสบายดีไหมคัรบ? จะให้ผมไปรับท่านไหมครับ?” ครั้นพลังได้ยินเสียงล้มลงพื้นดังออกมาจากปลายสาย ก็ตนกตกใจและถามขึ้นด้วยเสียงเบาๆ“ไม่เป็นไร ถ้าหากอีกครึ่งชั่วโมงผมยังไม่ถึงบริษัท คุณก็เข้าประชุมไปก่อน ผมจะรีบกลับไปที่บริษัทให้เร็วที่สุด” สุวิทย์พูดด้วยเสียงต่ำ แล้วพุ่งรีบตัวเข้าไปยังห้องน้ำรวดเร็วดั่งไฟ เมื่อตอนที่ออกมาจากห้องน้ำก็เห็นโน๊ตที่แปะไว้บนประตู ก็สบถเสียงต่ำ รีบหุ่งตัวไปยังห้องทานอาหาร หยิบแซนวิชบนโต๊ะขึ้นมาและกัดด้วยความเร่งรีบไปคำหนึ่ง โชคดีที่ช่วงเวลานี้ได้เลยช่วงเวลาเร่งด่วนมาแล้ว มิเช่นนั้นเกรงว่าไม่ว่าอย่างไรก็คงไม่มีทางไปถึงบริษัทได้ภายในครึ่งชั่วโมงเป็นแน่“ปัง - - ” เพ็ญจิตที่ถือแบบร่างอยู่และกำลังจะลงจากตึก ก็บังเอิญเจอกับสุวิทย์ที่ขึ้นมาพอดี ทั้งสองคนเดินชนกันอย่างไม่คาดคิด“ท่าน ท่านประธาน” หลังจากเห็นชัดว่าเป็นสุวิทย์ เพ็ญจิตอ้ำๆอึ้งๆพูดไม่ออก มองจากสีหน้าท่าทางของสุวิทย์แล้วดูท่าเขาคงไม่พอใจเอาเสียมากๆ “คุณภรรยา บัญชีของวันนี้ พวกเราค่อยมาเคลียร์กันตอนเย็น” สุวิทย์โน้มตัวลงกัดฟันพูดอยู่ข้างหูเพ็ญจิต “ท่านประธาน กรุณาสงวนกริยาด้วยค่ะ ที่นี่เป็น...”“ท่านประธานครับ ประธานบริษัทเอสซีซีกรุ๊ปมาถึงแล้วครับ” ครั้นสุวิทย์ยังอยากจะพูดอะไรบางอย่าง พลังก็มาพอดี” “ผมจะถึงแล้ว เตรียมเอกสารไว้พร้อมแล้วใช่ไหม?” สุวิทย์ยืดตัวขึ้นตบบ่าเพ็ญจิต “คุณนักออกแบบเพ็ญจิต วันหลังระวังหน่อย ผมมั่นใจนะว่าไม่มีผีที่ไหนเดินตามหลังคุณมา” เพ็ญจิตรู้สึกว่าหนังหัวชาไปทั้งหัว คำเตือนเป็นนัยของสุวิทย์ทำให้เธอใจเต้นตุ้มๆต่อมๆ มื่อได้ยินคำของผู้ช่วยพลังเมื่อครู่เธอก็ตระหนักได้ว่าวันนี้ตนได้ทำความผิดอย่างใหญ่หลวงเข้าเสียแล้ว ถ้าหากโครงการนี้ไม่สามารถเจรจาตกลงทำสัญญากันได้ เกรงว่าเธอคงได้สิ้นชีพเสียจริงๆเป็นแน่ มิน่าเล่าเมื่อกี้เขาถึงได้พูดว่าจะคิดบัญชีกัยเธอ ฮื่อๆๆๆๆ ทำอย่างไรดี? หรือว่าควรจะหนีไปตั้งแต่ตอนนี้เลย ? เพ็ญจิตเดินใจเต้นตุ้มๆต่อมๆกลับไปยังห้องทำงาน แต่ทว่าวันนี้บนเก้าอี้จะดูเหมือนเต็มไปด้วยเข็มแหลมคมทิ่มแทงอยู่ นั่งเท่าไหร่ก็นั่งไม่สบาย ทุกครั้งเมื่อเสียงโทรศัพท์บนโต๊ะดังขึ้น เธอก็สะดุ้งราวกับถูกไฟช็อต จนกระทั่งถึงช่วงเวลาพักกลางวัน หัวใจที่เป็นกังวลจนตกไปถึงตาตุ่มดวงนี้ถึงจะค่อยๆกลับคืนสู่สภาวะปกติได้อย่างช้าๆ เมื่อถึงเวลาเช้างานตอนบ่าย เพ็ญจิตก็สงบจิตสงบใจได้มากขึ้นแล้ว ตอนบ่ายสุวิทย์ไม่ได้ “เรียกเข้าพบ” สถานการณ์คงจะเป็นไปได้ด้วยดี เมื่อคิดได้ดังนี้อารมณ์ของเพ็ญจิตก็มีชีวิตชีวามากขึ้น แต่ทว่าเมื่อกำลังยกปากกาวาดรูปขึ้นมา จู่ๆก็กลับได้มีคนมาเคาะประตู“เข้ามาได้” เพ็ญจิตพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงปิติยินดี ถ้าหากเป็นสุวิทย์ก็คงไม่มีทางเคาะประตูเป็นแน่ ดังนั้นวันนี้ก็คงไม่มีเรื่องอะไร“ผู้ช่วยพลัง ทำไมเป็นคุณได้ล่ะ?” เมื่อเห็นพลังที่ผลักประตูเข้ามา เพ็ญจิตก็อึ้งไปสักพัก ในสมองของเธอว่างเปล่าไร้ปฏิกริยาใดๆ จนผู้ช่วยพลังเริ่มพูด “คุณนักออกแบบเพ็ญจิตครับ ท่านประธานให้คุณไปพบที่ห้องทำงานครับ”“ท่าน... ผู้ช่วยพลัง โครงการความร่วมมือของท่านประธานกับบริษัทเอสซีซีกรุ๊ปเมื่อเช้าเจรจาเป็นอย่างไรบ้างคะ?” เมื่อได้ยินคำว่า “ประธาน” สองคำนี้ เพ็ญจิตก็เริ่มเป็นกังวลขึ้นมา “โดยทั่วไปแล้วก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรนะครับ เมื่อตอนกลางวันท่านก็ไปทานข้าวกับประธานบริษัทเอสซีซีกรุ๊ป พูดคุยกันอย่างสนุกสนานดีครับ” เมื่อโครงการใหญ่นี้ตกลงลงนามกันได้ พลังเองก็อารมณ์ดีเป็นพิเศษจึงอดไม่ได้ที่จะพูดมากไปเสียหน่อย “ถ้างั้นก็ดี ๆ- - ” เมื่อได้ยินดังนี้ เพ็ญจิตจึงสบายใจลงได้ ในเมื่อก็เซ็นต์สัญญากันเรียบร้อยแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็คงไม่มีเรื่องอันใด เธอก็วางใจทั้งหนึ่งร้อยยี่สิบดวงได้อย่างสมบูรณ์ “ท่านประธาน คุณเรียกพบฉันหรือ?” เมื่อเพ็ญจิตมาถึงด้านนนอกห้องทำงาน พบว่าคุณนิตากำลังอยู่ด้านในพอดี ดังนั้นจึงเคาะประตูอย่างเป็นมารยาท ซ้ำยังใช้คำว่า “คุณ” อีกด้วย“อืม คุณนั่งรอสักครู่ก่อน คุณนิตา เอกสารเหล่านี้คุณนำไปถ่ายเอกสารก่อน แล้วค่อยส่งไปนะครับ” สุวิทยเปล่งเสียง ยื่นเอกสารในมือส่งให้คุณนิตาและกล่าวกำชับเธอให้จัดการธุระ “รับทราบค่ะ” เมื่อคุณนิตาออกไป สายตาแหลมคมราวกับนกอินทรีย์ก็จ้องสำรวจใบหน้าของเพ็ญจิต อยู่สองสามวินาทีราวกับเป็นการเตือน ราวกับกำลังหาความสุขบนความทุกของคนอื่น “ผู้ช่วยพลัง ผมกับเพ็ญจิตมีเรื่องต้องคุยกัน หากมีใครก็ตามต้องการจะพบผมให้บอกว่าผมไม่อยู่” สุวิทย์สั่งการกับผู้ช่วยพลังที่อยู่ด้านนอกประตู เมื่อได้ยินดังนั้นเพ็ญจิตก็อดหนังหัวชาไม่ได้ ดูท่าทางแล้ว สุวิทย์คงจะคิดบัญชีกับเธอจริงๆ หากเธอชิงยอมรับผิดเสียก่อน จะพอช่วยลดโทษลงได้บ้างไหมนะ ? “ท่านประธานคะ เรื่องเมื่อเช้านี้ ฉัน...ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉัน...” ครั้นเพ็ญจิตเห็นสุวิทย์ปิดประตูแล้วหมุนตัวกลับมาพร้อมกับส่งสายตายั่วยวนอันตราย ก็ยิ่งเป็นกังวลมากขึ้น “ไม่เป็นไร คุณพูดต่อสิ” สุวิทย์หนีตาอันสวยงามส่งมาทางเพ็ญจิต ในทุกอย่างก้าว เพ็ญจิตล้วนสัมผัสได้ถึงแรงกดดันอันมหาศาล “ฉัน...ฉันเคาะประตูแล้วนะ แต่คุณไม่ได้ยิน” เมื่อเห็นสุวิทย์ยิ่งเพิ่มระดับความอันตรายมากขึ้น เพ็ญจิตก็ตัดสินใจเล่าความเท็จ อย่างไรๆเขาก็หลับอยู่ คงไม่มีทางรู้หรอก ก็ตอนที่เขาหลับเป็นตายนั้นเลยไม่ไดด้ยินเสียงเคาะประตู “นั้นก็เป็นเพราะใครบางคน”แกล้ง”ผมตลอดทั้งคืน ผมแช่อาบน้ำเย็นอยู่ทั้งคืนจนถึงรุ่งเช้าถึงจะผลอยหลับไปด้วยความเหนื่อย คุณว่า พวกเราจะคิดบัญชีนี้กันอย่างไรดี?” เมื่อสุวิทย์พูดไปก็เดินเข้ามาแบประชิดกายของเพ้ญจิต หลังของเธอถอยจนติดกับโต๊ะทำงานของเขาจนไม่มีทางจะให้ก้าวถอยได้อีกแล้ว “นั่นมันก็เป็นปัญหาของคุณ ใครใช้ให้คุณหื่นขนาดนั้นกันล่ะ ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลย อีกอย่าง..อุ๊บ...”การคัดค้านของเพ็ญจิตกลับถูกสุวิทย์กลืนกินลงไป รสจูบของสุวิทย์ทั้งป่าเถื่อนและรุนแรง แสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของยึดครองริมฝีปากของเธออย่างแนบแน่น แค้นกัดดูดดื่มราวกับจะกลืนเธอลงไปในท้อง ริมฝีปากและลิ้นเคล้าคลอพัวพัน ฝ่ามือที่ตึดไท้ทอยด้านหลังของเธอไว้แน่นก็มิยอมหยุกซอกไซร้ไปมา นวดถูทำเอาผมเผ้าของเธอกระเซอะกระเซิง มืออีกข้างนึ่งของเขาโอบเอวของเธอไว้แน่น ลูบไล้คลอเคลีย แล้วคว้าเอาตัวเธอเข้ามาในอ้อมกอดประชิดแนบติดกัยกายของเขาอย่างป่าเถื่อนรุนแรง สตินึกติดของเพ็ญจิตที่หายวับไปในชั่วขณะหวนคืนกลับมา และถูกรสจูบอันร้อนแรงของเขาดูดหายกลับไปอีกครั้งราวกับดำดิ่งจมหายไปในทะเลลึก เศษซากสามัญสำนึกที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดนั้นรู้ดีว่าเธอควรจะผลักไสเขาออกไปเสียตอนนี้ ประเดี๋ยวนี้ แต่ว่า ร่างกายของเธอกลับไม่อาจผละออกจากเขาได้เลย ซ้ำยังหิวกระหาย ความปรารถนาลึกๆปลุกตื่นขึ้นมาในกายของเธอ บรรยากาศที่คุ้นเคยจนมิอาจเป็นนับว่าเป็นความรู้สึกแปลกประหลาดได้อีกแล้ว สตินึกคิดที่โกลาหลงุนงงถูกรอบจูบอันร้อนแรงของเขาปั่นป่วนก่อกวนจนยุ่งเหยิง จนเธอเผลอลืมว่าที่นี่คือห้องทำงานของท่านประธานสุวิทย์ ลืมว่ายามนี้คือเวลาทำงาน รอยจูบของสุวิทย์ค่อยๆเริ่มมิพอใจกับการซอกไซร้เย้าแหย่ ณ ช่องว่างที่ริมฝีปาก ที่ไหนสักแห่งในร่างกายบวมโตและเจ็บปวด ตะโกนร้องเรียกให้ปลดปล่อย ปรารถนาจะสอดแทรกเข้าในกายของเธอ ปรารถนาที่จะได้ยินเสียงของเธอร้องครวญครางเบาๆอยู่ข้างกาย เธอจับร่างกายของเธอกดลงไปที่โต๊ะด้านหลัง ฝ่ามือใหญ่โบกสะบัดกวาดเอาเอกสารตกลงไปกองอยู่กับพื้น โต๊ะทำงานที่สะอาดเหมือนใหม่ถูกปัดกวางจนโล่งโจ้ง เขายกขาของเธอขึ้น จับสะโพกของเธอวางพาดไว้บนโต๊ะ “ไม่... อย่า...ไม่ได้” สัมผัสเย็นยะเยือกดุจน้ำแข็งล่างสะโพกทำให้จิตวิญญาณของเพ็ญจิตหวนคืนกลับมาแต่เมื่อเขาใช้แรงจูบคลอเคลียอีกครั้งก็กลับโผลบินหายไป “คุณภรรยา อย่าขัดขืนผมเลย ปล่อยไปตามอารมณ์ของคุณเถอะ ลิ้มรสความเร่าร้อนของคุณกับผม และความอยาก...” ในขณะที่สุวิทย์กัดติ่งหูของเธอก็พูดยั่วยวนล่อลวงที่ข้างหูเธอไปด้วย ฝ่ามืออันเร่าร้อนดั่งกองเพลิงนั่นคว้าจับชายเสื้อของเธอแน่นแล้วดึงเอาเสื้อท่อนบนของเธอออก เผยให้เห็นถึงก้อนเนื้อใหญ่ๆขาวอมชมพูอันยั่วยวนใจ หน้าอกหน้าใจถูกบีบเค้นก้อนขาวๆดั่งหิมะทั้งสองที่บิดเปลี่ยนเสียทรงกระตุ้นเสียจนลมหายใจของเขายิ่งหายใจก็ยิ่งหยสมากขึ้น เขาจ้องเขม่นไปยังนัยน์ตาตำทั้งสองข้างที่เปล่งประกายลุกโชนดั่งกองไฟของเธอ ร้อนรนเสียจนทั้งกายของเธอกลิ้งคลุกไปมาบนพื้นอย่างอดรนทนไม่ไหว เธอไม่อยากจะทัดท้านอย่างไร้ประโยชน์อีกต่อไปแล้ว จึงหลับตาลง ลิ้มรสถึงแรงปรารถนาของกันและกัน ลิ้มรสถึงความเร่าร้อนของสุวิทย์ แม้ว่าสตินึกคิดของเธอจะโผลบินจากไปแล้ว แต่สัญชาติญาณความเป็นหญิงกลับทำให้เธอขวยเขิน ยกมือขึ้นจะปิดหน้าอกอย่างไม่รู้ตัว แต่ทว่ามือยังไม่ทันจะถึงทรวงอกกลับถูกผละออกอย่างแรง สุวิทย์ค่อยๆยันตัวขึ้นมา ริมฝีปากอันร้อนเร่าทั้งสองข้างประทับลงบนดอกไม้แดงที่หน้าอก ดูดดื่มกัดกินอยากคลั่งไคล้ ราวกับมีกระแสไฟฟ้าไหลช็อตไปทั่วทุกไขข้อกระดูก เธอร้องครวญคราแผ่วเบาอย่างอดไม่ได้ และบิดตัวอยากจะหลบหนี น้ำเสียงเพราะพริ้งพราวเสน่ห์ เสียงกระซิบพึมพำแห่งความใคร่ ทำให้นัยน์ตาดำของเขายิ่งดำดิ่งลุ่มลึก ฝ่ามือใหญ่สอดเข้าไปในกระโปรงของเธอ แล้วกระชากเนื้อผ้าบางๆนั้นลงมา... “วิทย์คะ ได้ยินว่าคุณตกลงร่วมมือทำโครงการกับ SCC ได้แล้ว...”“........อ่า อ่า......” จู่ๆความอ่อนช้อยงดงามภายในห้องก็ถูกไอเบื๊อกวิ่งพรวดพราดเข้ามาขัดจังหวะ เสียงแห่งความสุขกระจ่างชัดเจนเมื่อครู่ก็ถูกเสียงกรีดร้องตะโกนโวยวายทำลายสิ้น สุวิทย์รีบผุดตัวขึ้นคว้าเสื้อคลุมขึ้นมาปิดหน้าอกหน้าใจของเพ็ญจิตไว้มิดชิดอย่างรวดเร็วทันใจ แล้วหันหัวมาเล็กน้อย นัยน์ตาดำที่ถูกตัณหาครอบงำทอประกายมืดมัวเย็นยะเยือกราวกับน้ำแข็ง ริมฝีปากทั้งสองข้างกัดเปล่งเสียงออกมาสองคำ”ปสันน์ !” สั้นๆ มีพลัง เต็มไปด้วยความตกใจ ! “อ๊ะ? เอ่อ....เอ่อ...คือว่า...คือ...” ปสันน์ที่อยู่ในอาการตนกตกใจพูดขึ้นอย่างสะเปะสะปะ แล้วจึงหมุนตัวกลับไปอย่างอึ้งๆ ดวงตาทั้งสองข้างก็หันกลับมาเหลียวมองที่หน้าอกของเจ้านายไม่หยุดอย่างอดไม่ได้ แหม่ชีวิตของเจ้านายนี่ช่างทันสมัยเสียจริง แต่ก็ไม่เคยเห็นเขากับผู้หญิงคนนั้นร้อนแรงถึงเพียงนี้มาก่อน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงที่ห้องทำงานเลย อยากจะเห็นชัดๆเหลือเกินว่าผู้หญิงในอ้อมอกของเขาเป็นใครกันแน่ หัวของเขากระแทกเข้ากับบานประตูอย่างแรงโดยมิทันระวัง ปรากฏเสียงร้อง “โอ๊ย” ออกมาอย่างดัง 
已经是最新一章了
加载中