ตอนที่ 44 ท่านประธานร้ายยิ่งกว่าสัตว์
1/
ตอนที่ 44 ท่านประธานร้ายยิ่งกว่าสัตว์
OMG!สุ่มได้สามีคนหนึ่ง
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 44 ท่านประธานร้ายยิ่งกว่าสัตว์
ตนที่ 44 ท่านประธานร้ายยิ่งกว่าสัตว์ แต่ปสันน์ที่เอาแต่พูดน้ำไหลไฟดับกลับมิได้เข้าใจความหวังดีของพลัง ยกขาทั้งสองข้างพาดโต๊ะทำงานเปลี่ยนอิริยาบถ ร่างกายก็ย่อนั่งลงบนเก้าอี้ หาท่าที่สบายๆ ใบหน้าฉงนสงสัยจ้องไปที่พลัง ยังคงส่งเสียงแหกปากพูดมิยอมหยุด “นี่ พลัง นายว่า หรือว่าตริงๆแล้วท่านหวหน้าเขาจะไม่ค่อยเข้าใจเรื่องการทะนุถนอมอ่อนโยนต่อสตรี? ตั้งหลายชั่วโมงขนาดนี้แล้ว ยังอยู่ที่โต๊ะที่ทั้งเย็นทั้งแข็งนั่นอีก อารมณ์รสรักของเขามันออกจะ จุ๊ๆ....” “ออกจะอะไร ?” เสียงต่ำนุ่มนวลเปล่งอยู่ข้างหูเบาๆ ถ้อยคำทั้งเนิบนามและอ่อนโยน ปสันน์สบัดมือไปทางด้านหลัง พ่นออกมาสี่คำ”ร้ายยิ่งกว่าสัตว์ !” “ฮ่า ! ” พลังกลั้นไว้ไม่อยู่ เผลอหัวเราะออกมา หางตาก็ชำเลืองไปมองใบหน้าของเรีนยนิ่งไร้อารมณ์ของสุวิทย์ที่อยู่ด้านหลังปสันน์ พยายามอดกลั้นจนท้องแข็ง แสดงทีท่าเคร่งขรึมจริงจังดังปกติ เปล่งเสียงเรียกด้วยความเคารพ “ท่านประธาน !” ท...ท่านประธาน ? เมื่อเห็นใบหน้าพยายามกลั้นขำจนบูดเบี้ยวของพลัง มือไม้ของปสันน์ก็แข็งทื่อกลางเวหา ปากที่เปิดเผยอก็หุบแทบไม่ทัน ใบหน้าถอดสีซีดเผือดอย่างรู้ผิด หยาดเหงื่อรินไหลพลักๆที่หน้าผาก ปกคลุมไปด้วยเหงื่อไคลบางๆ “หัว...หัวหน้า...” ปั้นหน้ายิ้มเศร้าสลดพลางหันตัวไปอย่างช้าๆ ปสันน์รีบเก็บขาที่พาดอยู่บนโต๊ะอย่างอัตโนมัติ มิกล้าสบตาผู้เป็นหัวหน้า “แหะ...แหะๆ บ...บังเอิญจัง! ” ฮือๆๆ เขาไม่น่าเอาการเอางานเข่นนี้เลยจริงๆ หลังจากลงเครื่องบินแล้ว เขาน่าจะรีบหลับบ้านไปนอนหลับยาวๆสักตื่น มาช้ากว่านี้อีกสักหน่อย ก็คงไม่มารนหาเหาใส่หัวเช่นนี้ ฮือๆๆ นี่มันโศกนาฏกรรมชัดๆ หากไม่กลัวเจ็บล่ะก็ ป่านนี้ปสันน์คงตบปากตัวเองไปแล้ว จะได้ไม่ต้องพูดจาไร้สาระอีก “นายกลับมาไวไปนะ” มือสองข้างกอดอก สุวิทย์ก้มลงเข้าหาเขาจากด้านบน พูดด้วยเสียงต่ำ จนปสันน์ที่ได้ยินขนที่หลังทุกเส้นถึงกับลุกตั้งชัน“อืม คือ..คือว่า....พวกคุณเสร็จ..เสร็จธุระ...เอ่อ...ไม่สิ...พวกคุณออกมาแล้ว?” ปสันน์ย่หน้า หดตัวย่อนั่งลงไปทางเก้าอี้อย่างไม่รู้ตัว ซ้ำยังมีทีท่าระมัดระวัง เขาใข้สายตาแอบชำเลืองมองไปยังสุภาพสตรีที่ยืนอยู่ข้างกายสุวิทย์ แล้วก็อ้าปากค้างเป็นรูตัว “O” อีกครั้ง “กีวี่...คุณกีวี่? ทำไมถึงเป็นคุณไปได้?...” “ขอโทษนะคะ ท่านรองประธานเคยพบฉันมาก่อนหรือคะ?” เธอตกใจ สำรวจตรวจตราปสันน์แต่ก็นึกไม่ออก “เมื่อปีที่แล้วที่งานการประกวดการออกเสื้อผ้าประจำชาติที่ปารีส บางทีคุณอาจจะจำไม่ได้แล้ว” ปสันน์ประหลาดใจมาก เมื่อปีที่แล้วตอนที่อยู่ปารีส เขาเคยเชื้อเชิญเธอไปแล้ว เพียงแต่ตอนนั้นกลับถูกเธอปฏิเสธ ในตอนนั้น เพ็ญจิตได้รับรางวัลใหญ่ คนที่อยากเซ็นต์สัญญากัยเธอก็มีเยอะ เพ็ญจิตจึงไม่อาจจดจำว่าเคยเกิดเรื่องเช่นนี้ได้ เพียงแต่ในท้ายที่สุดเธอก็มาที่นี่จนได้ อาจกล่าวได้ว่า ทุกอย่างได้ถูกกำหนดไว้ตั้งแต่แรกแล้วก็ได้ “ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง ท่านประธาน ในเมื่อไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ฉันขอตัวกลับห้องทำงานก่อนนะคะ” เพ็ญจิตพูดดวยสีหน้าเรียบเฉย เมื่อครู่ที่ปสันน์เรียกเธออย่างกะทันหัน ทำให้เธอสะดุ้งตกใจโหยง กลัวว่าเขาจะรู้เรื่องนวันธรและไนยชน ยามนี้เมื่อได้ยินคำอธิบายของเขา ก็สบายใจได้ในที่สุด “แคก...แคกๆ ท่านประธาน เธอไปแล้วครับ” เมื่อเห็นปสันน์เริ่มจะเหยียบเส้นห้ามอีกแล้ว พลังจึงกระแอมเสียงเป็นการเตือน สติสตางค์ของปสันน์หวนคืนกลับมา รีบหุบปากลง เอ่ยกล่าวขึ้นด้วยใบหน้าสงสัยเต็มทน “วิทย์ ฉันเหมือนจะจำได้ว่าคุณเพ็ญจิตคับคล้ายคับคาว่าจะมีแฟนแล้ว ดูเหมือนว่าจะเป็นนักออกแบบเหมือนกันด้วยนะ” ด้านหลังปสันน์ แม้ว่าเสียงจะดังแว่วเข้าหูของ เพ็ญจิต ทว่าเพ็ญจิตก็มิได้ใส่ใจ เธอรู้ดีกว่าคนที่ปสันน์พูดถึงคือใคร ? อย่างน้อยก็เคนภายนอกก็รู้กันเช่นนั้นแหละ เธอชินเสียแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นเจมส์ก็รักเด็กๆทั้งสองคนมาก ตลอดเวลาที่อยู่อิตาลีทั้งห้าปี เวลาส่วนใหญ่แล้วล้วนเป็นเขานี่แหละที่คอบช่วยเหลือเธอ ก็ดีเหมือนกันที่ปสันน์เข้ามาขัดจังหวะ ไม่เช่นนั้นอีกแค่นิดเดียวก็เกือบจะถูกเขา...อยู่บนโต๊ะทำงานนั้นแล้ว ฟ้ามีตา มีผู้หญิงกี่คนแล้วล่ะที่เคยนอนอยู่บนนั้น แม้ว่าสุวิทย์จะเคยกล่าวคำว่า “รักษาตัวให้ไร้มลทิณ” แต่ก็เป็นเรื่องยากที่เพ็ญจิตจะเชื่อได้อย่างสุดใจ เห็นท่าทางของเขาที่อยากจะกดเธอลงเตียงทั้งวันทั้งคืนแล้ว ตลอดเวลาห้าปีมานี้ หากไม่มีสาวที่ไหนเลยจริงๆก็คงแปลก “ไร้สาระ เพ็ญจิตแต่งงานแล้ว หากจะมี ก็คงจะเป็นสามี” สุวิทย์มองบนใส่ปสันน์ ทั้งเขาก็ไม่ได้เก็บคำมาใส่ใจคิดเล็กคิดน้อย “งั้นหรอ? พลัง ใช่ผมที่ฟังผิดหรือเปล่า หรือว่าเป็นเพราะหัวของหัวหน้าได้รับการกระทบกระเทือน? ”เมื่อเห็นสุวิทย์เดินกลับห้องทำงานของตนเอง ปสันน์ก็ส่ายหัวยุกยิกไปมา “หัวของคุณได้รับการกระทบกระเทือนแล้ว ดีๆอยู่แท้ๆ ทำไมคุณถึงต้องกดขี่ท่านประธานเขาล่ะครับ” พลังส่ายหัว อดไม่ได้ที่จะเห็นใจปสันน์“ฉันก็แค่พูดความจริงเอง เมื่อปีที่แล้ว ฉันห็นว่ามีผู้ชายอยู่กับเธอจริงๆ ซ้ำยัง...” “ขอร้องล่ะครับ ท่านรองประธาน ถ้าคุณเบื่อๆ ก็ลองไปพูดกรอกหูท่านประธานอีกสักรอบสิครับ จริงๆแล้วเรื่องแฟนเก่าของคุณรักออกแบบก็ไม่เห็นจะมีอะไร คบได้ก็เลิกได้ ถ้าคุณพูดไปไม่ใช่ว่ามีแต่จะหาเรื่องใส่ตัวเอานะ” “ใครเลิกกัน?” ในขณะที่พลังกำลังพูดโน้มน้าวปสันน์ นิตาเองก็กลับมาพอดี เห็นปสันน์ก็พูดหัวเราะฮ่าๆ “รองประธานคะ คุณถูกแฟนทิ้งอีกแล้วเหรอ”“นั่นเป็นไปไม่ได้เด็ดขาด นิตา เฮ้ พลังนายดูสิ นิตากับคุณนักออกแบบคนสวยของพวกเราดูคล้ายกันมากเลยนะว่าไหม? จริงๆแล้วรูปปากกับจมูกนั้น” ราวกับว่าปสันน์หาของเล่นสนุกๆได้แล้ว ทำเสียงจุ๊ๆเข้าใกล้คุณนิตา “ปสันน์ ไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้” ปสันน์หุบปากเข้าสนิท สุวิทย์ตะเบ็งเสียงต่ำด้วยความโกรธดังออกมาจากข้างใน “หึ ! ครั้งนี้นายตายแน่ พลัง หากผมยังไม่ออกไปภายในสิบนาที จำไว้ว่าให้โทรหา 120 (รถพบาบาล)ได้เลย” สีหน้าปสันน์อมทุกข์ขื่นขม ก่อนเดินเข้าห้องท่านประธานก็ส่งสายตาเว้าวอนน่าสงสารให้แก่พลัง “พลัง รองประธานทำอะไรไป ?” นิตามองสีหน้าขื่นขมของปสันน์ที่เข้าห้องไปอย่างไม่เข้าใจ “คุณพูดถึงรองประธานหรือ สรุปสั่นๆได้หนึ่งประโยค : เห็นในสิ่งที่ไม่ควรจะเห็น พูดในสิ่งที่ไม่ควรจะพูด” พลังพูดจบก็ก้มลงจัดการธุระของตัวเอง แต่ว่าประโยคนี้กฃับสะกิดต่อมอยากรู้อยากเห็นของนิตาเข้า “ผู้ช่วยพลัง ในออฟฟิศของพวกเรามีเรื่องอะไรที่ไม่ควรจะเห็นหรอ?” นิตาเขยิบตัวมาถามเสียงเล็กเสียงน้อยอยู่ข้างพลัง “คุณนิตา ความอยากรู้อยากเห็นของคุณมันอาจจะฆ่าตัวคุณตายก็ได้นะ อย่าถามให้มากความเลย” พลังเลิกหน้าขึ้นมองไปยังห้องของท่านปะธาน แล้วหันไปมองที่ห้องทำงานของเพ็ญจิตอีกที หลังจากนั้นก็พูดพลางส่ายหัว สายตาของนิตาหันไปตามสายตาของพลัง ในขณะที่เขาจ้องไปยังห้องทำงานของเพ็ญจิต ตามที่พอจะเข้าใจ จนอดตามถามเพิ่มเติมไม่ได้ “พี่พลัง ตกลงมันเรื่องอะไรกัน คุณพูดสักหน่อยเถอะนะ ถ้าไม่งั้นฉันจะขาดใจตายแน่ๆ” เมื่อเห็นนิตาเขยิบเข้ามาใกล้ พลังก็เหลือบตาไปยังห้องของท่านประธานอีกรอบหนึ่ง ครั้นเห็นประตูยังคงปิดอยู่สนิท ก็คาดเดาว่าอีกชั่วโมงครึ่งก็คงไม่เปิดออกมา ครานี้ถึงได้พูขึ้นด้วยเสียงค่อยๆ “เมื่อตอนที่รองประธานกลับมา ไม่ทันระวังวิ่งพรวดพราดเข้าไปในห้องของท่านประธาน” “นี่...นี่ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลยหนิ ไม่ใช่ว่าครั้งไหนๆท่านประธานก็วิ่งตรงพรวดพราดเข้าไปในห้องท่านประธานหรอกหรอ” นิตานิ่งไปครู่หนึ่ง กล่าวขึ้นด้วยความไม่เห็นด้วย “นั่นมันไม่เหมือนกัน เมื่อก่อนคุณนักออกแบบไม่ได้อยู่ที่ห้องของท่านประธาน” พลังพลั้งปากพูดออกมา “คุณนักออกแบบ? คุณเพ็ญจิต คุณกำลังพูดว่ารองประธานเห็นคุณเพ็ญจิตอยู่ในห้องของท่านประธาน และเห็นในสิ่งที่ไม่ควรเห็น มันคือ? ” นิตากระซิบกระซาบ เสียงหัวเราะสุขสดใสหายวับไปกับตา สายตาที่จ้องมองไปยังห้องของเพ็ญจิตหลายนาทีทำให้ผู้คนยากจะเดาอารมณ์อันสลับซับซ้อนได้ออก หลังจากเพ็ญจิตกลับไปยังห้องทำงานก็ลงมือจัดการกับแบบร่างจนเสร็จ เมื่อเห็นเวลาเลิกงานก็คตัดสินใจรีบนุดออก เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้สุวิทย์จับได้ ตอนที่ออกมายังเห็นพลังกับคุณนิตากระซุบกระซิบกันอย่างดูลึกลับ เลยกล่าวทักทายไปตามประสา “ผู้ช่วยหลัง คุณนิตา พวกคุณยังไม่ไปกันอีกหรอคะ ฉันยังมีธุระ ขอตัวก่อนนะคะ”“ครับ เดี๋ยวผมก็จะเลิกงานแล้วครับ” พลังมองนาฬิกาที่ข้อมือ ลุกขึ้นยืน คิดอยากจะรีบๆหนีหายวับไปให้เร็ว “พลัง คุณยังไม่ได้พูดเลยนะ ตกลงมีเรื่องอะไรกันแน่?” คุณนิตาดูร้อนรน รั้งแขนของเขาไว้“นิตา ผมขอตัวเลิกงานก่อนนะ ถ้าคุณไม่อยากเป็นเหมือนรองประธาน ก็รีบๆเลิกงานก่อนดีกว่า”พลังพูดพลางถอนมือนิตาออก หยิบกระเป๋าเอกสารขึ้น แล้วรีบเดินจากไปในทันที “พลัง ผู้ช่วยพลัง พี่พลัง...” นิติดึงรั้งพลังไว้ แต่พลังกลับสบัดไหลลื่นราวกับปลาดุก แค่ชั่วพริบตาเดียวก็วิ่งหายไปไม่เห็นแม้แต่เงา ยั่วโมโหจนทำให้เธอกระทืบเท้า รองประธานเข้าไปจนเกือบจะครบหนึ่งชั่วโมงแล้ว ทำไมถึงยังไม่ออกมาอีก ? นิตาค่อยๆพิรี้พิไรเก็บโต๊ะไป ก็มองไปทางห้องทำงานของท่านประธานไป นี่ก็เลิกงานมาแล้วครึ่งชั่วโมง ท่านประธานกับท่านรองที่อยู่ข้างนยังไม่ยอมออกมาเลย ? ก่อนหน้านี้ท่านรองไปเห็นอะไรเข้ากันแน่? เมื่อกี้นี้หลังเอาแต่อ้ำๆอึ้งๆพูดแต่ว่า “เห็นในสิ่งที่ไม่ควรเห็น พูดในสิ่งที่ไม่ควรพูด รองประธานก็ทำทีท่าราวกับเผชิญกับหายนะครั้งใหญ่” ตกลงแล้วเห็นอะไรกันแน่? เกี่ยวข้องกับคุณเพ็ญจิตไหม? “ไอ๊หยา มันเรื่องอะไรกันแน่เนี่ย?” นิตาตบกบาล ไปเถอะ ถ้าไม่ได้ความกระจ่างแจ้ง อย่างน้อยตอนกลางคืนก็ต้องนอน แต่ถ้าไม่ไป ตกลงแล้วท่านประธานกับท่านรองคุยอะไรข้างข้างในกันแน่? เป็นเรื่องทางการ หรือเป็น ‘เรื่องส่วนตัว’ก่อนหน้านี้กัน? ยกมือขึ้นอยากจะเคาะประตู แต่ก็ไม่ทันได้สมปรารถนา เมื่อมือสัมผัสเข้ากับบานประตู ประตูก็กลับแง้มเปิดออกมาอย่างไม่ทันคาดคิด นิตาตกใจ รีบเก็บมือทันที และไม่ได้เคาะประตูอีก เสียงของท่านรองดั่งรอดผ่านซอกประตูออกมาจากด้านใน“วิทย์ ครั้งนี้แกคงไม่ได้เอาจริงหรอกใช่ไหม ?” “ทะเบียนสมรสมันปลอมกันได้ด้วยหรอ?” สุวิทย์กรอกตามองบน นึกถึงเรื่องนัดหมายของเพ็ญจิต รู้สึกโมโหจนเข็ดฟันขึ้นมาจริงๆ เดิมทีก็เป็นสุวิทย์เขาเองนี่แหละที่อยากจะประกาศเรื่องภรรยาให้โลกรู้ แต่ตอนนี้กลับอยากปิดงำไว้เสียได้ “แต่ง...แต่งงาน? วิทย์ นายไม่ได้เป็นไข้ใช่ไหม นาย...นายรู้จักคุณเพ็ญจิตมานานเท่าไหร่? เข้าใจเธอดีหรือ? นายรู้ไหมว่าเธอมีแฟนแล้วหรือยัง? แล้วนายรู้ไหม...” ปสันน์เมื่อได้ยินดังนั้น ก็ร้องตะโกนตกอกตกใจ ในเวลาเดียวกันก็ใช้มืออังหน้าผากของสุวิทย์ แต่กลับถูกเขาปัดออก “เธอไม่มีทางมีแฟนได้หรอก ปสันน์ นายช่วยสงบปากสงบคำหน่อย เรื่องนี้อย่าเพิ่งเที่ยวป่าวประกาศอกไป รอจนกว่า...อีกสักสองเดือนเถอะ ปีใหม่ก็ใกล้เข้ามาแล้ว” สุวิทย์คิดหนัก ช่วงเวลาสองเดือนก็น่าจะเพียงพอแล้ว จะประกาศความสัมพันธ์ของเขากับเพ็ญจิตในช่วงปีใหม่ สองเดือนนี้ เขาจะต้องทำให้เพ็ญจิตพูดคำนั้นออกมาได้อย่างแน่นอน “สอง...สองเดือน ? วิทย์ แก...แกล้อเล่นรึเปล่า?” ปสันน์ท่าทางราวกัยนกแก้ว พูดไปก็พลางดึงข้อนิ้วไป
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 44 ท่านประธานร้ายยิ่งกว่าสัตว์
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A