ตอนที่ 45 ในที่สุดก็มีร่องรอยของผู้หญิงคนนั้นสักที
1/
ตอนที่ 45 ในที่สุดก็มีร่องรอยของผู้หญิงคนนั้นสักที
OMG!สุ่มได้สามีคนหนึ่ง
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 45 ในที่สุดก็มีร่องรอยของผู้หญิงคนนั้นสักที
ตนที่ 45 ในที่สุดก็มีร่องรอยของผู้หญิงคนนั้นสักที “หากไม่ใช่ว่าวันนี้นายทำเรื่องดีๆของฉันพังแล้ว บางทีก็ไม่ต้องรอถึงสองเดือนหรอก” สุวิทย์พูดกล่าวโทษ โอกาสงามในวันนี้ อีกนิดเดียวก็เกือบจะเสร็จสมบูรณ์แล้ว เฮ้อ สายใยอัน”แน่นแฟ้น”ของความเป็นเพื่อนตายได้พังทะลายลงแล้ว“ไม่น่านะ? พวกคุณอยู่ด้วยกันในห้องตั้งสามชั่วโมง อย่างน้อนก็น่าจะเปิดศึกได้อีกหลายยกหน่า หรือจะบอกว่านายไม่...” “หุบปาก ปสันน์ ถ้านายกล้าพูดคำนั้นออกมาล่ะก็ ฉันจะให้นายได้รู้จักกับ...หึๆ...”สุวิทย์พูดไป ก็กำหมัดแน่นเสียงดัง กร็อบๆ นิตาที่อยู่ด้านนอกประตูใจเต้น “ตุกๆ” มิน่าเล่าพลังถึงไม่กล้าพูด ที่แท้แล้ว....ที่แท้แล้วในห้องทำงานท่านประธานกับผู้หญิงคนนั้นถึงกับ...น่ารังเกียจที่สุด ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ไปได้? มิน่าล่ะท่านประธานถึงได้พยายามผสักไสเธอออกไป ที่แท้แล้วก็เพื่อที่จะได้ทำเรื่องอย่างว่ากับผู้หญิงคนนั้น “OK OK ฉันไม่เข้าใจว่านายหมายความว่าอะไร แต่ว่าตอนที่สาวงามเดินออกมา ใบหน้าก็ดูเปล่งปลั่งสดใสดู ไม่เหมือนกับว่ามิได้พออกพอในเลยสักนิด เว้นเสียแต่ว่า...” “ปสันน์ นายนี่มัน...” สุวิทย์พูดพลางหยิบแฟ้มเอกสารบนโต๊ะโยนออกไป ปสันน์เองก็ไม่ใช่พวกอ่อนหัด ด้วยร่างกายที่เตี้ยก็เลยหลบได้ทันท่วงที จนแฟ้มเอกสารลอยไปกระแทกกับประตู “อ๊าย ! -- ”นอกจากเสียงแฟ้มเอกสารตกกระทบลงพื้นแล้ว ยังมีเสียงของผู้หญิง แล้วก็เสียงดัง “เพล้ง” “ใครอยู่ข้างนอก ?” สายตาสุวิทย์เย็นยะเยือก พูดตะโกนออกไป ปสันน์ที่อยู่ใกล้ประตู มือไว แค่พริบตาเดียวก็คว้าประตู้ปิดออกมา นิตาที่กำลังเสียขวัญคิดอยากจะหนีก็เชิง จะเข้ามาก็ไม่ใช่ ทำได้แต่นั่งลงเก็บแก้วกาแฟที่ตกแตก “ขอโทษค่ะ ฉันกำลังจะเลิกงาน ไม่รู้ว่าท่านประธานกับท่านรองจะคุยกันอีกนานเท่าไหร่ ดังนั้นก็เลยชงกาแฟ คิดไม่ถึงว่า... ขอโทษค่ะ...” นิตาก้มลงเก็ยเศษแก้วไปก็อธิบายไป “อือ งั้นถ้าคุณเก็บเสร็จแล้วก็ไปได้ ปสันน์ ไปเถอะ พวกเราไปดื่มกาแฟกันสัแก้ว” สุวิทย์กลับมิได้สนใจอะไรนัก หยิบเสื้อคลุมกับกุญแจรถ ปสันน์ที่ก้มตัวช่วยนิตาเก็บเศษแก้ว และทิ้งเศษศากความวุ่นวานของที่นี่ไว้ให้นิตา “วิทย์ แกรู้สึกบ้างไหมว่าสายตาที่คุณนิตามองแกมันดูพิเศษ ?” หลังจากเข้ามาในลิฟท์ ปสันน์ก็พูดไปตามสัญชาตญาณของตัวเองอีกครั้ง “แกสงสัยว่าคุณนิตาแอบฟังที่พวกเราคุยกัน ?” แววตาของสุวิทย์เปลี่ยนไปเล็กน้อย พูดพลางถลึงตาใส่“เป็นไปได้โคตรๆเลย เวลาเลิกงานมันผ่านไปตั้งนานแล้ว....อีกอย่าง นายไม่รู้สึกว่ามันบังเอิญไปหน่อยหรือไง?” ปสันน์ยักไหล่ โชคดีที่พวกเขาไม่ได้คุยกันเรื่องความลับทางธุรกิจอะไร “ก็เป็นไปได้ ดูท่าคงถึงเวลาที่จะต้องเปลี่ยนเลขาใหม่ซะแล้ว” สุวิทย์ขมวดคิ้วเล็กน้อย ถอนหายใจเบาๆเขาไม่ชอบทำงานโดยใช้ความรู้สึกส่วนตัว ดังนั้นเวลาอยู่ที่บริษัท ตำแหน่งเลขาของเขานี้ จึงผลัดเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว นิตามารับหน้าที่ที่ห้องท่านประธานยังไม่ทันจะถึงครึ่งปี ดูจากตำแหน่งหน้าที่เลขาแล้วก็นับไม่ว่าไม่สั้นเลย “จะเปลี่ยนอีก ? วิทย์ แทนที่จะเปลี่ยนเลขาบ่อยๆ ไม่สู้เลือกเลขาที่เป็นผู้ชายไปเลยล่ะ จะได้หมดปัญหาไป” ปสันน์ถอนหายใจ สุวิทย์ต่อสายหาฝ่ายบุคคล ให้ประกาศรับเลขาท่านประธานคนใหม่ ครั้งนี้ขอให้เป็นผู้ชายสายทางนี้ยังไม่ทันวาง โทรศัพท์ก็ดังขึ้นมา เมื่อพินิจดูเบอร์ที่โทรมาอย่างชัดเจน สุวิทย์ก็ผิดหวังเล็กน้อย ไม่ใช่เพ็ญจิต “คุณสุวิทย์ ก่อนหน้านี้คนที่คุณให้ผมสืบประวัติหาพบเรียบร้อยแล้วนะครับ ไม่ทราบว่าคุณจะสะดวกเมื่อไหร่ครับ ผมจะได้ส่งข้อมูลไปให้คุณ” “ถ้างั้นคุณก็ส่งมาตอนนี้เลย” สุวิทย์ดูนาฬิกา“ได้ครับ กรุณารอสักครู่นะครับ ผมจะถึงให้เร็วที่สุด” เมื่อทางนั้นวางสายโทรศัพท์ สายตาของสุวิทย์ก็ฉายแววอาฆาตเยือกเย็น ห้าปีมาแล้ว ในที่สุดก็พบสักที ไรวินทร์ ดูซิว่าเธอจะหนีไปไหนได้? เมื่อห้าปีก่อน หลังจากคุณพ่อป่วยตายไป ไรวินทร์ก็หายไปจากทรัพย์สินจากบ้านและบริษัททั้งหมด เธอหรีหายสาบสูญไป ในตอนนั้นมัวแต่ยุ่งอยู่กับงานของบริษัท มีปัญหสเกี่ยวกับการใช้จ่ายด้านการเงิน ไม่มีกระจิตกระใจจะไปหาเธอ สุดท้ายก็พบร่องรอยสักที เมื่อคิดถึงไรวินทร์ผู้หญิงคนนั้นแล้ว สุวิทย์ก็รู้สึกโกรธเคียดแค้นขึ้นมา หัวใจดวงนั้นที่เคยหวั่นไหวเพราะเธอ จนถึงวันนี้ยังเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำร้าวราน ถ้าหากไม่ใช่ผู้หญิงคนนั้น พ่อของเขาก็คงไม่จากไปเร็วขนาดนี้ ถ้าหากไม่ใช่เพราะผู้หญิงคนนั้น ชีวิตของเขาคงโรยไปด้วยดอกกุหลาบ และถ้าหากไม่ใช่เพราะผู้หญิงคนนั้น บางทีเมื่อห้าปีที่แล้ว เขาคงไปหาเพ็ญจิตก่อนที่เพ็ญจิตจะจากไป “ท่านประธาน มีผู้ชายท่านหนึ่งมาขอพบท่านค่ะ ไม่ทราบว่าอนุญาติให้เขาขึ้นไปไหมครับ?” สุวิทย์กำลังพินิจพิเคราะห์ว่าเขาจะเปชิญหน้ากับไรวินทร์ได้อย่างไร โทรศัพท์ก็ดังขึ้น ที่แท้ก็เป็นสายจากแผนกรักษาความปลอดภัยด้านล่าง “ให้เขาขึ้นมา” สุวิทย์หยิบเอกสารบนโต๊ะขึ้น ก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เคยคิดว่าจะเป็นไรวินทร์เสียอีก ไม่คิดว่าจะเป็นผู้หญิงคนนั้นไปได้ “ชยานี เธอแต่งงานไปเมืองนอกแล้ว? ? ” สุวิทย์ดูรายละเอียดในข้อมูล แววตาก็ยิ่งเย็นยะยเอกยิ่งกว่าเดิม ผู้หญิงคนนั้น เธออาศัยโชคลาภอะไร ทำลายงานแต่งของคนอื่น เธอมีสิทธิ์อะไรถึงยังอยู่ดีกินดีอยู่ได้ “คุณสุวิทย์ ผมสืบพบว่า เธอมีลูกสาวหนึ่งคนและกลับมาประเทศแล้ว หากคุณต้งการ พวกเราจะช่วยสืบให้” นักสืบชวิศพูดอบู่ด้านข้าง “ต้องการแน่นอน หวังว่าพวกคุณจะสืบหาร่องรอยได้ให้เร็วที่สุด” สุวิทย์ปิดแฟ้มข้อมูลลง ผู้หญิงที่ทำลายครอบครัวของคนอื่น ไม่ควรมีความสุข เขาจะให้เธอได้ลิ้มลิงรสชาติของความเจ็บปวดทรมานเหมือนกับเขา “แน่นอนครับ คุณสุวิทย์ งั้นผมขอตัวก่อน ห่กต้องการอะไรก็โทรหาผมได้ตลอด” ชวิศลุกขึ้นยืนพลางเอ่ยขึ้น “เยี่ยม และนี่คือรางวัลตอบแทน” สุวิทย์พูดพลางเซ็นต์เช็คให้อย่างหน้าใหญ่ใจโต หลังจากสุวิทย์ออกมาจากออฟฟิศ เดิมทีคิดอยากจะโทรศัพท์หาเพ็ญจิตเสียหน่อย แต่เมื่อเห็นว่าดึกแล้วจึงล้มเลิกไป ฝั่งเพ็ญจิตหลังจากกลับมาถึงที่พัก ก็นึกถึงเรื่องราวเมื่อตอนกลางวัน ใจของเธอยังเต้นตึกๆ ไม่เคนคิดมาก่อนเลยว่าสุวิทย์จะเป็นสามีที่อยู่บนทะเบียนสมรสคนนั้นของเธอ ยามนี้ เขามาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าของตน จะทำอย่างไรดี? สารภาพกับเขาตรงๆเลย : เฮ้ คุณสามี ฉันคลอดลูกชายออกมาสองคนนะ แบบนี้เธอเองก็พูดไม่ออกเหมือนกัน ยิ่งไปกว่านั้นหากจู่ๆก็พูดถึงเรื่องลูกชายอายุสี่ขวบกับเขาแล้ว เขาจะสามารถรับได้ไหม ? ไหนจะไนยชนและนวันธร พวกเขาจะสามารถรับคุณพ่อที่ยังหนุ่มยังแน่นอย่างสุวิทย์ได้ไหม? ภายในใจของเพ็ญจิตเต้นตุ้มๆต่อมๆ นอนพลิกตัวกลับไปกลับมาบนเตียง หลับไม่ลงเสียที เธอหยิบโทรษัพท์ขึ้นมาอยากจะโทรหาสุวิทย์ ลองตรวจสอบความคิดเขาของเกี่ยวกับลูกๆดูสักหน่อย แต่กดตัวเลขไปไม่กี่ตัว ก็หยุดชะงักลง เช้าวันที่สอง รอบตาของเพ็ญจิตดำเป็นหมีแพนด้า เดิมทีคิดว่าจะลางาน แต่เมื่อคิดถึงเรื่องเมื่อวาน เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงไม่ให้ใครรู้เข้า พยายามปลุกจิตวิญญาณให้กระปรี่กระเปร่า แต่งหน้าจัดเต็ม และสวมแว่นตาไปบริษัท “คุณเพ็ญจิตคะ รอฉันด้วย” ขาข้างหนึ่งของเพ็ญจิตเพิ่งจะก้าวเข้าไปในลิฟท์ ด้านหลังก็ปรากฏเสียงเรียกกระหืดกระหอบลอยมา เพ็ญจิตกดหยุดลิฟท์ทันทีตามสัญชาตญาณ รอจนเจ้าตัวเข้ามา หลังจากนั้นเธอก็ยิ่งเสียใจมากกว่าเดิม ที่แท้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน คนที่เข้ามาก็คือเลขาของสุวิทย์ นิตา “สวัสดีค่ะคุณนิตา” เพ็ญจิตก้าวถอยหลังไปหน่อยนึง และยกมือดันแว่นตาที่อยู่ตรงดั้ง ราวกับกลัวแว่นตาจะตกลงมาอย่างไรอย่างนั้น “เอ๊ะ คุณเพ็ญจิต ทำไมวันนี้คุณถึงใส่แว่นตาล่ะคะ?” “เมื่อวานฉันไม่ระวังทำคอนเทค เลนส์หายค่ะ” เพ็ญจิตพูดปด แต่อย่างไรก็ห้ามให้คนอื่นรู้เด็ดขาดว่าเมื่อคืนเธอนอนไม่หลับ “อ่อ ตกอยู่ที่ออฟฟิศท่านประธานหรือคะ?” คิดไม่ถึงเลยว่านิตากลับพูดตามคำของเพ็ญจิต“ไม่ ไม่ใช่ค่ะ เมื่อวานตอนที่ฉันอาบน้ำอยู่ไม่ทันระวังก็เลยทำตกน่ะ” เมื่อเพ็ญจิตได้ยินดังนั้น ใจก็หายวับ คุณนิตาคนนี้นี่จริงๆเลย อะไรไม่ควรพูดก็กันพูดขึ้นมาซะได้ “งั้นหรอคะ? เมื่อวานตอนเลิกงาน ตอนที่ฉันเก็บกวาดออฟฟิศของท่านประธาน ฉันเหมือนจะเห็นอยู่บนโต๊ะทำงานของท่านประธาน...”“เป็นไปไม่ได้” เพ็ญจิตพลั้งปากพูดออกมา เธอไม่ได้สายตาสั้นสักหน่อย และไม่ได้มีนิสัยใส่คอนเทค เลนส์ด้วย ทำไมถึงได้ตกอยู่ที่โต๊ะทำงานของสุวิทย์ได้เล่า นอกเสียจาก... “เฮอๆ คุณเพ็ญจิต ได้ยินรองประธานพูดว่า เมื่อวานเขาเห็น...”“เมื่อวานเป็นเรื่องเข้าใจผิด ฉันกับท่านประธานไม่มีอะไรกันทั้งนั้น ไม่ทีอะไรทั้งนั้น...” เมื่อเพ็ญจิตเห็นใบหน้ายิ้มแย้มของนิตา ถึงตระหนักไดว่าตนได้ติดกับเข้าแล้ว “ฮ่าๆ คุณเพ็ญจิต ท่านประธานของพวกเราทั้งยังหนุ่มยังแน่น ทั้งหล่อ แล้วก็มีเงินเยอะมากมาย การตกหลุมรักท่านประธานก็เป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่แค่ในบริษัทของพวกเรา แม้แต่คนข้างนอกก็ไม่รู้ว่ามีสาวกี่คนที่ตกหลุมรักเขา ก็แค่นั้นแหละค่ะ ไม่ว่าจะอย่างไรที่นี่ก็เป็นสถานที่ทำงาน อีกทั้งยังเป็นเวลางาน หวังว่าคราวหน้าคราวหลังคุณเพ็ญจิตจะสามารถระงับอารมณ์ไว้ได้บ้างสักหน่อย ” คุณจิตาพูดไป รอยยิ้มก็แปรเปลี่ยนกลายเป็นใบหน้าเย้ยหยัน“ฉันเล่าสักหน่อย คุณนิตาคะ เมื่อวานเป็นเรื่องเข้าใจผิดจริงๆนะคะ ระหว่างฉันกับท่านประธานไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นเลย” เมื่อได้ยินคำพูดเย้ยหยันของคุณนิตา ใบหน้าของเพ็ญจิตก็ร้อนผ่าวขึ้นมา เรื่องเมื่อวานนี้มันเป็นอุบัติเหตุจริงๆ แต่ว่าสิ่งที่คุณนิตาพูดมาก็ไม่ผิด หากไม่ใช่เพราะปสันน์ปรากฏตัวเข้ามาอย่างพรวดพราด ก็เกรงว่าเมื่อวันเธอคงเสียตัวอยู่บนโต๊ะทำงานของสุวิทย์เข้าจริงๆ“คุณเพ็ญจิตคะ คุณเองก็อย่าเข้าใจผิดไปนะคะ ฉันก็แค่หวังดีก็เท่านั้นเอง สิ่งที่เตือนก็หาใช่ว่าจะไม่เกดขึ้นจริง ถ้าหากโดยพวกคนขี้เม้าขี้นินทาในบริษัทพบเข้าล่ะก็ ไม่รู้ว่าเรื่องมันจะไปไหลถึงไหนต่อไหน อย่างเช่น คุณเพ็ญจิต ได้รับรางวัลชนะเลิศก็เพราะท่านประ...” “คุณนิตาครับ คุณมาที่ห้องทำงานของผมสักประเดี๋ยว” สีหน้าของเพ็ญจิตสอดสีซีดเผือด ในขณะที่ไม่รู้ว่าจะถอนตัวอย่างไร เสียงของรองประธานปสันน์ก็ลอยแว่วมา ช่วยเธอได้ทันเวลาฉวยโอกาสช่วงเวลาที่นิตาหันตัวไปพูด เพ็ญจิตก็รีบเดินหนีออกจากที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็ว “ท่านรองประธาน คุณเรียกพบฉันมีเรื่องอะไรคะ ?” นิตามุ่บปาก เดินกระฟัดกระเฟียดไปที่ห้องทำงานของปสันน์ สำหรับคนที่ยังมีสติริ้ดชอบชั่วดีอยู่ เธอเชื่อว่าเมื่อครู่นี้ เพ็ญจิตคงสามารถเข้าใจได้ หากเธอโง่เสียจนไม่รู้จริงๆ ถ้าเช่นนั้นก็คงไม่มีทางช่วยแล้ว มิน่าเล่าเธอถึงไม่ค่อยเกรงอกเกรงใจเลย “คุณนิตา นี่คือคำสั่งโยกย้ายของคุณ นับแต่วันนี้เป็นต้นไป เธอมาทำงานเป็นเลขาที่ชั้นเก้า” ปสันน์หยิบใบคำสั่งที่มีลายเซ็นต์ของสุวิทย์พลางพูดขึ้น “ทำไมคะ? รองประธาน ฉันเชื่อว่าฉันปฏิบัติหน้าที่ฐานะเลขาท่านประธานได้อย่างดี และในระหว่างทำงานก็ไม่ได้กระทำความผิดใดๆ ทำไมถึงโดนโยกย้ายได้ล่ะคะ?” เมื่อได้ยินว่าจะต้องย้ายออกจากออฟฟิศท่านประธาน สีหน้าของนิตาก็เปลี่ยนสี และพยายามถามซักไซร้ “คุณนิตา นี่เป็นคำสั่ง คุณสามารถเลือกได้” ปสันน์ขมวดคิ้วแน่น ในมุมมองของเขาแล้ว เขาไม่มีปัญหาใดๆกับคุณนิตา แต่ว่าเธอเป็นเลขาของวิทย์ ถ้าวิทย์รู้สึกว่าไม่เหมาะสม ก็คือไม่เหมาะสม ไม่ใช่สิ่งที่เธอจะตัดสินเอาเองได้ “เลือก? เลือกยังไง?” นิตาสงสัย จ้องปสันน์ตาเป็นมัน“คุณสามารถเลือกได้ว่าจะไปสำนักงานเลขอ หรือก็สามารถเลือกลาออกได้เหมือนกัน” ปสันน์พูดราวกับกำลังหยอกเล่น“นี่เป็นคำสั่งของท่านประธาน ?” นิตาหน้าดำคร่ำเครียด เธอมิอาจยอมได้ ต่อให้จะพูดอย่างไร เธอเข้ามาที่บริษัทก่อนเพ็ญจิตก็นานอยู่ เพ็ญจิตเป็นนักออกแบบ เธอเป็นเลขาของท่านประธาน ระหว่างพวกเธอไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน? ทำไมท่านประธานถึงต้องการย้ายเธอไป?
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 45 ในที่สุดก็มีร่องรอยของผู้หญิงคนนั้นสักที
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A