ตอนที่ 46 สุวิทย์ไปส่งเพ็ญจิตที่โรงพยาบาล   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 46 สุวิทย์ไปส่งเพ็ญจิตที่โรงพยาบาล
ต๭นที่ 46 สุวิทย์ไปส่งเพ็ญจิตที่โรงพยาบาล ปสันน์พูดปลอบใจ “นิตา เป็นคำสั่งของใครมันไม่สำคัญหรอก แม่ว่าเธอจะอยู่ที่นั่น เงินเดือนของคุณก็ยังได้อยู่เท่าเดิม เพียงแค่เปลี่ยนคำแหน่งงานไปก็เท่านั้นเอง อีกอย่างอารมณ์ของสุวิทย์ก็แปรปรวนเก่งซะด้วย ทำงานอยู่ข้างกายเขาไม่ง่ายดายนักหรอกนะ อยู่ด่านล้าง กลับกลายจะเป็นตัวของตัวเองมาก” นิตาหยิบใบคำสั่งขึ้น พูดขึ้นอย่างไม่พออกพอใจ “งั้นหรอ? ท่านรองประธาน อารมณ์ท่านประธานของพวกเรามักขึ้นๆลงๆ หรือว่าเป็นอารมณ์แปรปรวนของคุณเพ็ญจิตกันแน่ ?”“นี่...นิตา คุณคิดมากเกินไปแล้ว วิทย์ไม่ใช่คนที่เอาเรื่องส่วนตัวมาปนกับงาน” ปสันน์ขมวดคิ้วติดกันแน่น ไม่อาจหลับหูหลับตาเออออไปด้วยได้ “ฮึ ท่านรอง ฉันกับท่านประธานอยู่กันดีๆมาโดยตลอด แต่นับตั้งแต่คุณเพ็ญจิตเข้ามา ฉันทำอะไรก็ผิดไปหมด พูดไปพูดมาแล้ว ทั้งหมดนี่ไม่ใช่ว่าเป็นเพราะ...” “คุณนิตา ฉันอยู่นี่นะคะ ฉันมีเรื่องนิดหน่อยอยากให้คุณช่วย รบกวนคุณช่วยฉันจัดการเรื่องนี้สักหน่อบ รอจนกว่าท่านประธานมาทำงานแล้วค่อยมอบให้เขานะคะ” ในขณะที่นิตากำลังกล่างโทษ กลับคิดไม่ถึงมาเพ็ญจิตจะเดินเข้ามาพอดี “คุณเพ็ญจิต เกรงว่าฉันคงช่วยคุณไม่ได้แล้ว ฉันถูกย้ายไปที่สำนักงานเลขาแล้ว” นิตาพูดไป ก็ยักคิ้วแล้วเอนกายเข้ามาเพ็ญจิต ซ้ำยังกล่าวประโยคทำลายบรรยากาศ “คุณเพ็ญจิต ดูท่าแล้วคงมีแต่ตัวคุณนั่นแหละที่ทำได้” เพ็ญจิตอึ้งตะลึงอย่างไม่อิโหน่งอิเหน่ เธอขยับแว่นตาบนสันจมูก หรือว่าเธอพูดอะไรผิดไปงั้นหรือ ? “คุณเพ็ญจิต เลขาคนใหม่ใกล้จะมาเร็วๆนี้แล้วครับ ถ้หากคุณรีบ เดี๋ยวผมช่วยคุณเอง” ปสันน์เห็นเพ็ญจิตเหม่อล่องลอย จึงพูดออกตัวขึ้นมา “ไม่ค่ะ ไม่เป็นไรค่ะ ฉันทำเองก็ได้ เพียงแต่อีกประเดี๋ยววานท่านรองช่วยเอาให้ท่านประธานหน่อยเท่านั้นเองค่ะ” เพ็ญจิตเพิ่งจะเรียกสติฟื้นคืนกลับมาได้จากความงุนงง เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงการเจอกับสุวิทย์ เธอจัดการธุระในมือเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็เลยขอลางานออกมาจากบริษัทก่อนหนึ่งก้าว หลังจากเจอกับ “ความรุนแรง”เมื่อวานนี้มาแล้ว ในใจของเธอตอนนี้ยังคงไม่อยู่กับเนื้อกับตัวว้าวุ้นโหวงเหวง ยังไม่รู้ว่าจะต้องสารภาพเรื่องลูกๆกับเขาหรือไม่ เพ็ญจิตที่วันนี้โดดงานอีกครั้ง เมื่อกับคราก่อน เธอไม่ได้รีบพุ่งตรงกลับบ้าน แต่กลับเดินล่องลอยไปตามถนนอย่างไร้จุดหมาย การได้เจอกับสุวิทย์อีกครั้ง ทำให้เธอตกใจมากไม่น้อย เขาในยามนี้ไม่เพียงแต่มีรูปลักษณ์เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อน นิสัยใจคอก็เปลี่ยนไปอย่างกับอะไรดี ไม่เหมือนกับแต่ก่อนเลยสักนิด สุวิทย์ที่เป็นเช่นนี้จะยอมรับเธอได้หรือ ? จะยอมรับลูกๆอายุสี่ขวบของเธอได้ไหม ? พวกเขาเมื่อห้าปีก่อน ก็รู้จักกันเพียงแค่สามวันเอง จะมี “ความรัก”ได้จริงๆหรือ ? ตลอดห้าปีมานี้ เขาเป็นตัวของตัวเองจริงๆ ยังคงยึดมั่นในความคิด และยังคงรอเธอมาโดยตลอดอยู่ไหม ? ในไม่ช้านี้ ความลังเลเหล่านี้จะได้รับคำตอบแล้ว ห้าปีมาแล้ว ถ้าหากสุวิทย์มีใจให้จริง ก็คงจะหาตนเจอ ถ้าหากวันนี้ตนไม่ได้ปรากฏตัวออกมา และผ่านไปอีกห้าปี สุวิทย์จะมีครอบครัวแล้วหรือเปล่า ? เมื่อห้าปีก่อน สุวิทย์ทั้งรู้ชื่อแซ่ของเธอ ทั้งรู้ที่อยู่ของเธอ ถ้าหากเขามีใจให้เธอจริง ก็ต้องสืบพบแน่ว่าเธอไปเมืองนอกแล้ว แต่ตลอดห้าปีมานี้ ดูเหมือนว่าเขาไม่ได้ลงมือสืบหาอะไรทั้งนั้น ถ้าหากวันนี้เธอยไม่ได้ปรากฏตัว ไม่ได้ออกตามหาเขา เขายังจะจำเธอได้ไหม? ยามนี้ คำตอบมันชัดเจนแล้ว ไม่มีความลังเลอีกต่อไปแล้ว ในใจของเพ็ญจิตมีคำตอบอยู่แล้ว เธอตัดสินใจบอกตัวตนผู้เป็นพ่อของสุวิทย์กับลูกๆ แต่ในส่วนของสุวิทย์นั้น เธอจะยังไม่บอกเขาวันตรุษจีนใกล้เข้ามาแล้ว ตามธรรมเนียมของประเทศจีนแล้ว ช่วงตรุษจีนจะมีวันหยุดยาวเจ็ดวัน ถึงตอนนั้นเธอจะกลับไปอิตาลีและบอกเรื่องนี้กับลูกๆ ถามความเห็นของลูกๆดูอีกสักหน่อย ฟังความคิดของพวกเขาดูสักหน่อย ดูซิว่าอยากจะรู้จักผู้เป็นพ่อนี้ไหม?“ท่านประธาน ฉันไม่ยอมรับคำสั่งนี้” นิตาโยนเอกสารคำสั่งลงบนโต๊ะทำงานของสุวิทย์ด้วยความโมโหเดือดดาลจัด รอยยิ้มบนใบหน้าของสุวิทย์หดหายไปอย่างเร็ว ปริปากกับนิตาอย่างเย็นชา : “นี่เป็นคำสั้ง คุณสามารถเลือกได้”“ลาออกใช่ไหมคะ ฉันไม่ทำ คุณต้องอธิบายเหตุผลกับฉัน ว่าฉันทำผิดอะไรกันแน่?” นิตารับช่วงพูดต่อจากสุวิทย์ แล้วไตรถามขึ้นอย่างไม่สมเหตุสมลเป็นครั้งแรก “ผมเป็นประธาน การจะโยกย้ายตำแหน่ง จำเป็นต้องมีเหตุลด้วยหรือ ? นิตา คุณอย่าคิดเองเออเอง” สุวิทย์ทำน้าดำคร่ำเครียด แม้ว่าเธอจะทำงานดี แต่ในฐานะพนักงาน เขาไม่ควรมีความรู้สึกกว่าที่เจ้านายควรจะเป็น และยิ่งไม่ควรอยากจะได้ตำแหน่งภรรยาท่านประธานอย่างตาเป็นมัน การแสดงออกของเธอมันัดเจนเกิดไปแล้ว “เป็นเพราะว่าคุณเพ็ญจิตใช่ไหมคะ? ฉันมีตรงไหนที่สุ้เธอไม่ได้? ท่านประธานรับเธอได้ ทำไมถึงรับฉันไม่ได้?” นิตากัดริมฝีปาก เธอมิอาจทนได้ จึงถือโอกาสสารภาพไปให้รู้แล้วรู้รอด“นิตา นี่แหละเหตุผล คุณล้ำเส้นเกินไปแล้ว คุณออกไปได้แล้ว” แย็นยะเยือกดั่งขั้วโลกเหนือ ใบหน้าของสุวิทย์เย็นชา แม้ว่านิตาจะยังไม่ยอม แต่เธอเองก็ไม่เต็มใจจะออกไปจากโอก้ากรุ๊ปจำกัด ก่อนจะจากไป นิตาจ้องสุวิทย์ด้วยด้วยสายตาอันลึกซึ่ง พูดสารภาพ “ฉันเข้าใจแล้ว แต่ฉันไม่มีทางล้มเลิกง่ายๆแน่ สักวันหนึ่ง คุณจะตาสว่างรู้ว่าฉันเหมาะสมกับคุณมากกว่าเพ็ญจิต” อารมณ์เบิกบานของสวิทย์ถูกทำลายจนหมดสิ้น เขาตัดสินใจว่าเลขาคนต่อไปนับจากนี้ห้ามเป็นผู้หญิงเด็ดขาด หากข้างกายมีพวกผู้หญิงไม่รู้ความเพิ่มเข้าใจ ก็เท่ากับหาเรื่องหงุดหงิดเพิ่มเข้ามาอีกเรื่อง เมื่อเห็นนิตายังยืนอยู่ตรงนั้น ก็ตะเบ็วเสียงออกอย่างไม่พอใจ “พอได้แล้ว ไสหัวออกไป อย่าให้ผมต้องพูดเป็นรอบที่สาม” ภายในห้องน้ำหญิง นิตายืนอยู่หน้ากระจก พูดขึ้นด้วยความพยาบาทอาฆาตแค้น “เพ็ญจิต เป็นความิดของแก หากแกไม่ปรากฏตัวออกมา วันนี้ฉันก็คงไม่โดนย้าย หากแกไม่ปรากฏตัวออกมา ท่านประธานก็ไม่มีทางทำกับฉันแบบนี้ เพ็ญจิต แกสมควรตาย...” เมื่อนึกถึงเพ็ญจิตคนนี้ ที่ทำให้เธอพลัดจากสวรรค์ลงไปอยู่ในแดนนรกได้ นิตาไม่มีวันยอมได้เด็ดขาด เธอรู้ว่าในทุกๆวันเพ็ญจิตจะนั้งรถเมย์มาทำงาน นับจากวันนี้เป็นตนไปนาตาตัดสินใจว่าจะมาพร้อมกับเพ็ญจิต เธอต้องรู้ให้แน่ชัดให้ได้ว่าตกลงผู้หญิงคนนี้ใช้ลูกไม้ไหนกันแน่เช้าวันที่สอง เพ็ญจิตไปทำงานตามปกติ วันนี้คนเยอะมาก ยืนมาหลายป้ายถึงจะได้ที่นั่ง เธอรีบรุดไปนั่งอย่างว่องไว ตาทว่าเมื่อนั่งลง ก็กลับเด้งตัวขึ้นมา เพ็ญจิตรู้สึกเจ็บแปลบๆที่ก้น เธอลึกขึ้นตรวจตราดูก็ไม่เห็นจะมีอะไรแปลกๆ แต่เธอก็ไม่กล้านั่งลงอีกแล้ว จึงตัดสินใจยืนมันทั้งอย่างนี้จนถึงบริษัท หลังจากถึงออฟฟิศ เพ็ญจิตขืนก้นที่เจ็บปวด ค่อยๆยั่งลงอย่างระมัดระวัง “อ๊ะ” เจ็บแปล๊บไปจนถึงขั้วหัวใจ ทำให้เธอร้องกรี๊ดออกมา อยากจะลุกขึ้นยืนแต่กลับยืนไม่ไหว ทำให้เพียงแต่ใช้มือเท้าโต๊ะทำงานแล้วพยุงตัวขึ้นอย่างช้าๆ ด้วยความเจ็บปวด มือของเพ็ญจิตลูบก้านบริเวญที่เจ็บปวด นิ้วก็ก็รู้สึกเหนียวๆ จึงหยิบขึ้นมาดู พบว่าเป็นรอยเลือด ทันใดนั้นเพ็ญจิตวิงเวียนศีรษะ รู้สึกเหมือนฟ้าจะทลายลงมา จำได้ว่าตอนสมัยเรียนอยู่มหาลัย เคยได้ยินเรื่องที่มีคนเอาเข็มที่ติดโรคเอดส์เที่ยวปักไว้บนรถเมย์ หรือว่า... เมื่อคิดถึงตรงส่วนนี้ เพ็ญจิตก็มิอาจล่าช้าได้อีกต่อไปแล้ว หยิบประเป๋าขึ้น อดกลั้นความเจ็บปวดเดินโขยกเขยกไปโรงพยาบาล มือเพิ่งจะแตะเข้ากับกลอนประตู สุวิทย์ก็โผล่หัวเข้ามา ร่างกายของเพ็ญจิตที่ไม่มั่นคง ก็ล้มพับลงไปทางซ้าย เมื่อเห็นว่ากำลังจะจูบลงกับพื้น สุวิทย์ก็พลิกตัว ดึงมือของเพ็ญจิต คว้าเธอเข้ามาในอ้อมกอด เห็นสีหน้าของเพ็ญจิตซีดเผือด สุวิทย์จึงรีบพูดขึ้น “เพ็ญจิต ทำร้ายคุณเข้าแล้ว อยากไปตรวจที่โรงพยาบาลดูสักหน่อยไหม?”“ขาของคุณ ปล่อยฉันเร็ว... อย่าแตะต้องฉัน...” เพ็ญจิตเจ็บปวดเสียจนเหงื่อแตกซิกๆ เป็นเพราะขาใหญ่ของสุวิทย์ทับเข้ากับบริเวณก้นที่ได้รับบาดเจ็บพอดิบพอดี เมื่อเห็นสีหน้าของเพ็ญจิตยิ่งแน่กว่าเดิม สุวิทย์จึงพยุงเพ็ญจิตและถามขึ้นอีกครั้ง “เพ็ญจิต คุณเป็นอะไรไป กระแทกตรงไหนเข้าแล้ว นั่งลงก่อน ให้ผมดูหน่อย” “อย่าแตะฉัน...อย่าแตะฉัน ฉันจะไปโรงพยาบาล” สีหน้าของเพ็ญจิตขาวซีด คิดถึงบาดแผลของตัวเอง ก็หยุดส่ายหัวไม่ได้ ทั้งยังผลักตัวสุวิทย์ ไม่ให้เขาเข้าใกล้ “เพ็ญจิต เกิดอะไรขึ้น?” ยิ่งเพ็ญจิตเป็นแบบนี้ เขาก็ยิ่งร้อนรนมากขึ้น เดิมทีเพ็ญจิตคิดอยากจะไปเอง แต่ทุกย่างก้าว ความเจ็บปวดก็ยิ่งทวีคูณเพิ่มขึ้น ราวกับมีบางสิ่งบางอย่างกำลังเจาะทิ่มแทงเข้าไปยังเนื้อในอย่างไรอย่างนั้น จึงทำให้แต่เอ่ยปากขึ้นกับสุวิทย์”คุณพาฉันไปโรงพยาบาลหน่อยได้ไหม?” “เพ็ญจิต มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ?” สุวิทย์ผงกหัว พยุงตัวเพ็ญจิตไปก็ถามไป“เมื่อเช้า ตอนที่นั่งรถเมย์เหมือนว่าจะโดนอะไรบางอย่างทิ่มเข้า เป็นไปได้ว่าไอ่สิ่งนั้นมันยังอยู่” เสียงของเพ็ญจิตสั่นคลอ เธอหวาดกลัวมาก กลัวว่าจะเป็นเข็มติดเชื่อเอดส์จริงๆ ลูกๆทั้งสองยังเล็กอยู่นัก จะขาดแม่ไปไม่ได้ ยิ่งคิดก็ยิ่งกลัว น้ำตาไหลเจิ่งนองคลอเบ้า“อะไรนะ? ทื่มตรงไหน ให้ผมดูหน่อย” เมื่อสุวิทย์ได้ยินดังนั้น ก็พยุงตัวเพ็ญจิตขึ้นมาดู แต่เพ็ญจิตกลับส่ายหน้า “คุณไปส่งฉันที่โรงพยาบาลก็พอแล้ว” ถ้าหากมันอยู่ที่แขนหรือขา เพ็ญจิตก็ยอมให้สุวิทย์ดูได้อย่างแน่นอน แต่นี่มันก้น อีกทั้งยังอยู๋ที่บริษัท จะให้ดูอย่างสุ่มสี่สุ่มห้าได้อย่างไร ไปโรงพยาบาลให้คุณหมดจัดการจะดีกว่า สีหน้าของสุวิทย์ยิ่งฉงนสงสัยหนักขึ้น ดูจากการแสดงออกของเพ็ญจิต เขาไม่กล้าคิดเลยจริงๆว่าอะไรทิ่มเธอ ทำได้เพียงส่งตัวเธอไปโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด “คุณยืนไหวไหม ผมจะไปหยิบกุญแจรถ” หลังจากหยิบกุญแจรถ สุวิทย์ก็รีบกลับมาอุ้มเพ็ญจิตขึ้นตรงไปยังลานจอดรถทันที ซึ่งเป็นช่วงเวลาเร่งรีบพอดี ในระหว่างทางนี้ดึงดูดสายตาของู้คนไม่น้อย สายตาของเพ็ญจิตที่เห็นสายตาตกตะลึงของผู้คนก็รู้สึกรับไม่ได้ ทำได้เพียงมุดหัวบังไว้ในอกของสุสิทย์ ฝ่ายสุวิทย์กลับมิได้สนอกสนใจผู้คน ในเวลานี้ นอกจากเป็นกังวลแล้วก็คือเป็นหวง หากไม่ใช่เพราะกำลังเกิดเรื่องกับเพ็ญจิตอยู่ล่ะก็ เวลานี้ เขาคงจะมีความสุขไม่น้อย เป็นเพราะได้รับบาดเจ็บที่ก้น เพ็ญจิตจึงเลือกนอนลงบนเบาะหลัง แต่ด้ยเวลานี้เป็นช่วงเวลาเวลาเร่งรีบไปทำงาน บนถนนรถจึงติดมาก สุวิทย์ร้อนรนเสียจนเหงื่อไหลไคลย้อยราวกับฝน ทั้งๆที่เห็นโรงพยาบาลอยู่ตรงหน้า แต่รถกลับติดแหง็กไม่ขยับไปไหนสักที“เพ็ญจิต คุณเจ็บมากไหม? จะให้มอุ้มคุณไปที่โรงพยาบาลก่อนไหม ทิ้ลรถไว้ที่นี่ ?” สุวิทย์มองเพ็ญจิตจากกระจกหลัง เมื่อเห็นเธอนอนนิ่งไม่ตอบเสียงรับ ก็เป็นกังวล “ไม่เป็นไร ฉันยังพอทนไหว” เพ็ญจิตยกมือปัดเป็นการปฏิเสธ นอนคว่ำอยู่เช่นนี้มิได้รู้สุกเจ็บอะไร ในยามนี้ เธอเอาแต่คิดฟุ้งซ่านไปเรื่อย หากตนติดเชื่อขึ้นมาจริงๆ ควรจะบอกเรื่องลูกๆกับสุวิทย์ไหมนะ ? “ในที่สุดก็ขยับแล้ว เพ็ญจิต ทนอีกหน่อยนะ พวกเราใกล้จะถึงแล้ว” ในที่สุดรถก็ขยับแล้ว เมื่อถึงโรงพยาบาล สุวิทย์ก็อุ้มเพ็ญจิตตรงเข้าในห้องฉุกเฉิน “ขอบใจนะ สุวิทย์ ถ้าหาก....ถ้าหากฉัน...ฉันเป็นอะไรไป ฝากคุณช่วยฉันดูแล”“เกิดอะไรขึ้น ?” เพ็ญจิตร้องไห้คร่ำครวญ คิดอยากจะบอกเรื่องลูกๆกับสุวิทย์ แต่ก็ถูกคุณหมอขัดไว้ก่อน“คุณหมอครับ ตอนที่ภรรยาผมนั่งรถเมย์โดนอะไรบางอย่างทิ่มครับ คุณช่วยตรวจดูให้หน่อยนะครับ” สุวิทย์พยุงเพ็ญจิต พูดขึ้นอย่างร้อนรนใจ “ให้ผู้ป่วยเธอพูดเอง ว่าจริงๆแล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” คุณหมอขมวดคิ้ว มองสุวิทย์อย่างไม่พอใจ 
已经是最新一章了
加载中