บทที่ 47 ก่อเรื่องหน้าขายหน้าที่โรงพยาบาล
1/
บทที่ 47 ก่อเรื่องหน้าขายหน้าที่โรงพยาบาล
OMG!สุ่มได้สามีคนหนึ่ง
(
)
已经是第一章了
บทที่ 47 ก่อเรื่องหน้าขายหน้าที่โรงพยาบาล
บ๗ที่ 47 ก่อเรื่องหน้าขายหน้าที่โรงพยาบาล “คุณหมอคะ มันเป็นอย่างงี้ค่ะ เมื่อเช้าตอนที่ฉันนั่งรถมย์มา เหมือนจะโดยอะไรทิ่มที่ก้น ตอนนั้นรู้สึกเจ็บนิดหน่อย เลยไม่ได้นั่งลงต่อ คิดไม่ถึงว่าหลังจากถึงออฟฟิศพอนั่งลง ก็เจ็บจนใจจะขาดเช่นนี้...” เพ็ญจิตพูดอย่างเหนียมอาจ อย่างไรๆบริเวณที่ได้รับบาดเจ็บก็ไม่ใช่ธรรมดา แถมนี่ยังเป็นหมอผู้ชายอีก “นอนลง ผมจะดูบริเวณที่เจ็บหน่อย” ประโยคเดียวของคุณหมอ ทำเอาเพ็ญจิตหูแดงใบทั้งใบ แม้ว่าจะเคยคลอดลูกมาแล้ว แต่พอครั้งนี้เธอต้องถอดกางเกง ก็ยังรู้สึกอายอยู่ “ญาติออกไปก่อน” สุวิทย์ที่ยืนอยู่เดิมทีคิดอยากจะช่วย แต่จากคุณหมอกลับบอกให้เขาออกไป “คุณหมอครับ ผมอยู่ที่นี่ก็ไม่เป็นไรหรอก ภรรยาของผมเธอค่อนข้าง...” “ออกไปครับ ก็เพราะคุณอยู่ที่นี่นี่แหละ ภรรยาของคุณถึงรู้สึกอาย ออกไปก่อนนะครับ” คุณหมอกวาดตามองสุวิทย์ สุวิทย์ไม่เต็มใจจะออก ก่อนจะออกจากห้องยังหันมาพูดกับเพ็ญจิตอีก “คุณภรรยา ถ้างั้นผมออกไปรอคุณข้างนอกนะ หากไม่สบายตรงไหน เรียกผมได้ทุกเมื่อ” “คุณหมอคะ ฉันคงไม่ได้ติดเชื้ออะไรหรอกใช่ไหมคะ” หลังจากสุวิทย์ออกไป เพ็ญจิตก็นอนบงบนเตียง พยายามกลั้นความเจ็บปวด เลิกกระโรงขึ้นแล้วถกกางเกงลงเล็กน้อย เผยส่วนที่เจ็บออกมา “ตอนที่คุณได้รับบาดเจ็บไม่ได้ดูเลยใช่ไหม?” คุณหมอดูรอยจุดเลือกที่ก้นของเพ็ญจิต ก็ขมวดคิ้วถามขึ้น เพ็ญจิตตอบกลับด้วยท่าทางจะร้องไห้ : “ตอนนั้นอยู่บนรถ ไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ หลังจากถึงออฟฟิศ ฉันก็ลืมไปแล้ว พอตอนนั่งลงอยากจะดูก็ดูไม่ได้แล้ว คุณหมอ คงไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่หรอกใช่ไหมคะ?” “เข็มเล่มนี้ทิ่มลึกมาก ดึงออกมาก็คงไม่ได้มีปัญหาใกญ่โตอะไร เพียงแต่อยากจะตรวจให้ละเอียดเสียหน่อย ว่าติดเชื้ออะไรหรือไม่” คุณหมอเห็นว่ายังมีความผิดปกติอยู่เล็กน้อยที่เข็มเย็บผ้า จึงคว้าหยิบคีมด้วยความชำนาญมือ คีบเข็มไว้แน่นแล้วออกแรงดึง “อ๊าย - -” เพ็ญจิตมิได้เตรียมใจ ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดอย่างอดไม่ได้ หลังสุวิทย์ได้ยินเสียงกรีดร้องของเพ็ญจิต ก็วิ่งพรวดพราดเข้ามาอย่างมิได้สนใจอะไรใดๆทั้งสิ้น “เพ็ญจิต เพ็ญจิต เขาทำอะไรกับคุณ ?” สุวิทย์วิ่งเข้ามาหน้าเตียง คีมในมือของคุณหมูยังคีบเข็มที่อายเลือดอยู่ ปลายเข็มยังมีหยดเม็ดเลือด “เข็มยาวขนาดนี้เชียว ตอนที่คุณจะนั่งมองไม่เห็นเลยหรอ?” คุณหมอวางเข็มในถาด และเลื่อนไปหน้าเพ็ญจิตพลางพูดขึ้น เมื่อเห็นเข็มที่ยาวประมาณ 5 6 นิ้วได้ เนื้อตัวเพ็ญจิตก็สั่นเทาระริก ใช่แล้ว เข็มยาวขนาดนี้ ตอนนั้นทำไมเธอถึงมองไม่เห็น ? เธอจำได้แม่นว่าก่อนที่เธอจะนั่งก็เห็นอยู่เต็มสองตาว่าเพิ่งมีคนจะลุกออกไป ทำไมคนอื่นถึงไม่เป็นอะไร? หรือว่าจะมีใครทิ้งเข็มนี้เอาไว้ ? “คุณหมอครับ ต้องนอนโรงพยาบาลไหมครับ ?” ในใจของสุวิทย์ยิ่งโหมเต้นแรงขึ้น เขาตัดสินใจว่านับจากวันนี้เป็นต้นไป หลังจากนี้เขาจะไปรับไปส่งเพ็ญจิตทุกวัน การนั่งรถเมย์มันอันตรายเกินไปแล้ว คุณเงยหน้าจ้องสุวิทย์อยู่นานถึงจะเอ่ยขึ้น : “ถ้าหากคุณต้องการ - - ก็ไม่มีทางไม่ได้” ใบหน้าของเพ็ญจิตแดงระเรื่อ ส่ายหัวไม่ยอมหุด “ไม่ต้องหรอก คุณหมอคะ ไม่ทราบว่าต้องตรวจที่ไหนคะ ฉันอยากรู้ว่าเข็มนี่มีเชื้ออะไรอีกหรือเปล่า” “คุณรอสักครู่ คุณไปเก็บเลือด ตรวจดูสักหน่อย ส่วนทางนี้ผมจะนำเข็มไปตรวจดูที่ห้องปฏิบัติการ” คุณหมอวางมันไว้และนั่งลงเขียนใบรายการทดสอบ ประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมา เพ็ญจิตหยิบใบรายการทดสอบกลับไปยังห้องฉุกเฉิน คุณหมอตรวจดูแล้วจึงพูดขึ้น “ดูจากใบรายงานนี้ไม่มัญหาอะไร หากคุณยังไม่วางใจ หนึ่งสัปดาห์ถัดไป หรือ ครึ่งเดือนผ่านไป หรืออีกหนึ่งเดือนค่อยมาตรวจสอบดูใหม่ก็ได้เหมือนกัน” “ได้ค่ะ ขอบคุณมากค่ะคุณหมอ ถ้างั้นอีกหนึ่งสัปดาห์เดี๋ยวฉันมาใหม่นะคะ” เมื่อได้ยินว่าคุณบอกว่าไม่เป็นอะไรชั่วคราว เพ็ญจิตก็สบายใจมากขึ้นไม่น้อย เมื่อรู้ว่าเพ็ญจิตไม่เป็นอะไร หัวใจของสุวิทย์ที่อกสั้นขวัญแขวนก็วางใจลงได้ จึงได้ปริปากถามขึ้น”เพ็ญจิต เมื่อกี้ก่อนเข้าห้องฉุกเฉิน คุณอยากจะพูดอะไรกับผมใช่ไหม?” “อ้อ หรอ? ตอนนั้น...ฉันก็จำไม่ค่อยได้เหมือนกัน ตอนนั้นฉันฟุ้งซ่านไปหน่อย เพราะตกใจอยู่น่ะ” เพ็ญจิตได้ยินดังนั้น ร่างกายก็สั่นเทา เดิมทีตอนนั้นเธอคิดอยากจะบอกสุวิทย์เรื่องลูกๆทั้งสองคน แต่ตอนนี้ ในเมื่องยืนยันแล้วว่าไม่เป็นอะไร งั้นก็ไม่จะเป็นต้องบอก สุวิทย์ไม่ได้ถามซักไซร้ต่อ หากเธออยากพุดอย่างไรเธอก็ต้องพูดอยุ่ดี หากไม่อยากพูด ถามให้ตาย ก็ไม่รู้ความ จึงพูดขึ้นว่า “โอเค งั้นรอคุณนึกอกค่อยบอกผมก็ได้ ผมไปส่งคุณกลับไปพักผ่อนก่อน” “ขอบคุณ ฉันสามารถกลับเองได้” ครั้งนี้เมื่อได้รับความช่วยเหลือจากเขา เพ็ญจิตก็รู้สึกใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เมื่อคิดว่าเขาจะส่วเธอกลับ ขายหญิงอยู่กันสองต่อสอง ผนวกเสริมกับ “บทเรียน” เมื่อคราวที่แล้ว เกรงว่าเขาคงไม่รีบกลับไปโดยเร็ว ถ้าหากให้เขาพบเบาะแสอะไรก็คงไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่ “ไม่ได้ สำหรับเรื่องนี้หลังจากนี้ต่อไปเธอต้องฟังฉัน อีกอย่างการที่สามีไปรับสงภรยาทำงานเป็นเรื่องที่ถูกต้องอย่างไม่น่าสงสัย คุรภรรยาครับ ขึ้นรถเถอะนะ” สุวิทย์พยุงเพ็ญจิต ยืนกรานจะให้เธอขึ้นรถให้ได้ เพ็ญจิตทำได้แต่น้อมรับไว้ตามแรง เมื่อถึงบ้าน เพ็ญจิตก็รบเร้าให้สุวิทย์รีบไป เธอยิ่งเป็นเช่นนี้ สุวิทย์ก็ยิ่งอยากจะอยู่ต่อ “คุณภรรยา บ้านหลังนี้ของคุณคงไม่ได้มีความลับอะไรหรอกใช่ไหม? คุณเหมือนกลัวว่าผมจะขึ้นไปจังเลย ?” สุวิทย์ที่ประคองเพ็ญจิต พูดพลางกระหยิ่มยิ้ม “มัน มันจะไปมีความลับอะไร ตอนนี้เป็นเวลาเข้างาน คุณที่เป็นถึงประธานบริษัทโอก้ากรุ๊ป จะไม่อยูที่บริษัทได้ไง เอาล่ะ ถึงบ้านแล้ว คุณรีบไปเถอะ” เพ็ญจิตยืนอยู่หน้าประตู ไม่ยอมให้สุวิทย์เข้าห้อง “เพ็ญจิต สภาพคุณตอนนี้ ผมจะวางใจให้คุณอยู่บ้านตามลำพังได้ไง? หากมีอะไร ผมจะดูแลคุณเอง หรือไม่งั้นคุณก็ย้ายมาอยู่บ้านผม” สุวิทย์เสนอความเห็นขึ้นอีกครั้ง “ฉันไม่เป็นอะไรจริงๆ คุณหมอก็บอกแล้ว ว่าพักผ่อนอีกแค่สองวัน รอให้มั่นใจว่าไม่ได้ติดเชื้อก็โอเคแล้ว คุณรีบกลับบริษัทไปเถอะ” เพ็ญจิตหนังหัวชา แม้ว่าวันนั้นที่สุวิทย์มาเธอจะเก็บรูปของลูกๆไปจนหมดแล้ว แต่ในคอมยังมีอยู่ แค่ปลอดภัยไว้ก่อนก็เท่านั้นเอง “งั้นก็รอให้ผ่านวันนี้ไปก่อน หากวันนี้ไม่เห็นอะไร พรุ่งนี้ผมค่อยกลับ” สุวิทย์พูดพลางโน้มตัวเข้าหาเพ็ญจิต จะเข้าห้องให้ได้ เพ็ญจิตไม่มีทางเลือก ความดื้อรั้นของเขา ไม่ใช่ว่าเธอเพิ่งจะมาเห็นเอาวันนี้ จึงทำได้แค่ตามใจเขา หวังแค่ว่าจะรีบหายเป็นปกติได้เร็วๆ “เพ็ญจิต เล่าได้ไหมว่าหลายปีที่ผ่านมาคุณเป็นยังไงบ้าง” เพ็ญจิตนอนลงบนเตียงอ่านนิตนสารแฟชั่น สุวิทย์ก็นอนอยู่ข้างๆเป็นเพื่อนเธอ “ก็ผ่านมาอย่างนี้แหละ ไปอเมริกากับพี่ชายก่อน จากนั้นก็ไปเรียนด้านการออกแบบเสื้อผ้าที่อิตาลี แล้วก็เห็นว่าบริษัทคุณรับสมัครคนก็เลยกลับมา เรื่องบังเอิญเพียงสิ่งเดียวก็คือการได้เจอคุณนี่แหละ” เพ็ญจิตปิดหนังสือ จ้องไปที่สุวิทย์ จะคิดอย่างไรก็นึกไม่ถึงว่ายาจกข้างถนนใบหน้าพะรุงพะรังเต็มไปด้วยหนวดเคราเมื่อห้าปีก่อนจะเป็นถึงประธานบริษัทโอก้ากรุ๊ปได้ “เพ็ญจิต บอกผมหน่อย ว่าทำไมคุณถึงกลับมา? เป็นเพราะผมหรือเปล่า ?” เมื่อสุวิทย์ได้ยินเพ็ญจิตเล่าว่าการเจอตนเองเป็นเรื่องบังเอิญ ก็ไม่ค่อยสบายใจ “คนหลงตัวเอง ใครกลับมาเพราะคุณกัน ฉันกลับมาก็เพราะบ้านของฉันอยู๋ที่นี่” เมื่อโดนสุวิทย์ทายใจถูก หน้าก็เพ็ญจิตก็แดง เลยพูดแก้ต่าง เมื่อเห็นเพ็ญจิตหน้าแดง สุวิทย์ก็รู้สึกพออกพอใจ เป็นเช่นนี้จริงๆด้วย ไม่เสียแรงที่เขาอุตส่าห์จำเธอมาตลอดห้าปี “เพ็ญจิต ผมคิดถึงคุณมาตลอดห้าปีนี้ ผมรอคุณมาตลอด เพราะผมเชื่อว่าคุณต้องกลับมา” สุวิทย์มองเพ็ญจิตด้วยแววตาลึกซึ่งเปี่ยมรัก ตลอดห้าปีมานี้ มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย แต่เขาก็ไม่เคยลืมว่าเขาแต่งงานแล้วมาก่อนเลย ไม่เคยลืมว่าเขามีภรรยา ดังนั้น ไม่ว่าจะมีผู้หญิงมาถวายตัวให้เขามากแค่ไหน เขาก็ล้วนแต่ปฏิเสธไปอย่างเย็นชา “ตลอดห้าปีมานี้ ฉันก็คิดเรื่องหนึ่งอยู่ตลอด ในตอนแรกที่หุนหันพลันแล่นไปจดทะเบียนสมรส มันเป็นเรื่องล้อเล่น ดังนั้นเป้าหมายที่กลับมาครั้งนี้ก็คือมาหาคุณเพื่อทำเรื่องขอหย่า” เพ็ญจิตพูดปากไม่ตรงกับใจ “อะไรนะ? ขอหย่า ผมไม่เห็นด้วย เพ็ญจิต แม้ว่าในตอนแรกเราจะแรกเราจะรู้จักกันยังไม่ถึงสิบสองชั่วโมงก็แต่งงานแล้ว แต่พวกเราก็เป็นสามีภรรยากัน ไม่ใช่แค่กระดาษใบเดียว ผมไม่มีทางยอมอย่าเด็ดขาด” สุวิทย์ได้ยินก็โกรธเดือดดาล เขารอมาถึงห้าปี ในที่สุดคนที่รอก็กลับมา แต่เธอกลับมาเพื่อขออย่า จะให้เขายอมรับได้อย่างไร “สุวิทย์ คุณสงบสติอารมณ์ลงหน่อย พวกเราแยกกันมาห้าปีแล้ว การแต่งงานครั้งนี้ก็ไม่มีความหมายอะไร เรื่องเมื่อห้าปีก่อนก็ทำเสมือนว่าฝันไป ให้ชีวิตของพวกเราที่ผิดเพี้ยนไป กลับเข้าสู่ที่สู่ทางตามที่ควรจะเป็นสักที” เมื่อเพ็ญจิตนึกถึงนวันธรและไนยชน ก็รู้สึกผิดมิกล้ามองสุวิทย์ เธอไม่กล้าบอกสุวิทย์ กลัวว่าเขาจะแย่งลูกไป ตลอดห้าปีมานี้ ลูกๆทั้งสองกับเธอผูกพันธ์กันมาทั้งชีวิต เธอขาดไปไม่ได้แม่แต่คนเดียว แต่เธอก็รู้ดีอยู่แก่ใจ ว่าถ้าสุวิทย์รู้เข้า นอกเสียจากพวกเขาจะเป็นสามาถภรรยากันอย่างถุกต้อง นอกเสียจากเธอจะประณีประนอม สุวิทย์ต้องแย่งพรากลูกไปจากเธอแน่ แต่นี่มันก็ห้าปีแล้ว สุวิทย์ในยามนี้ไม่เหมือนสุวิทย์เมื่อห้าปีก่อน ตอนที่เขาเดินเร่ร่อนอยู่บนถนน สันนี้กลายเป็นประธานบริษัทโอก้ากรุ๊ปไปแล้ว ชายที่มีหนวดพะรุงพะรังเมื่อห้าปีก่อน จนถึงตอนนี้ยังหนุ่มยังแน่น เป็นชายหนุ่มหล่อเหลาดังแก้วเพชรเลอค่า ไม่เหมือนกับที่เธอคิดไว้ ห่างไกลกันริบหรี่ “ใช่ ควรกลับไปสู่ชีวิตที่ปกติเหมาะสมได้แล้ว ถ้างั้นคุณก็กลับมา กลับมาอยู่ข้างกายผม เพ็ญจิต คุณเป็นภรรยาของผม เมื่อห้าปีก่อนก็เป็น ตอนนี้ก็เป็น หลังจากนี่ก็จะเป็น สรุปแล้ว ทั้งชีวิตนี้ผมไม่มีวันอย่าให้คุณเด็ดชาด” สุวิทย์โมโหเดือดดาล หากไม่ใช่ว่าเธอบาดเจ็บอยู่ เขาคงจะตบก้นน้อยๆของเธอแรงๆสักที พูดคำเหล่านี้ออกไม่ได้อย่างไร “สุวิทย์ คุณกลับไปคิดให้ดีๆก่อนเถอะ ฉันเหนื่อยแล้ว ฉันขอพักผ่อนก่อน” เพ็ญจิตไม่อยากทะเลาะกับเขา ในเวลานี้หากมาทะเลาะกับเขาเพราะเรื่องนี้คงไม่ค่อยเข้าท่าสักเท่าไหร่ ไม่สู้ไปสงบจิตสงบใจกันก่อนทั้งคู่จะดีกว่า สุวิทย์โมโหของขึ้น จ้องท่าทางอันอ่อนล้าของเพ็ญจิต ก็อดสบถอย่างกัวเสียไม่ได้ แต่ก็กลัวว่าสถานการณ์ยิ่งแย่ลงไปอีก จึงเอ่ยขึ้นมาอย่างไม่พอใจ “ผมจะลองคิดดู คุณฟังผมให้ดีนะ ผมไม่อย่าเด็ดขาด รออีดเดี๋ยวผมจะสั่งเดริเวอรี่ให้คุณ จำไว้นะ ห้ามปิดมือถือเด็ดขาด ถ้าหาคุณไม่พบ ผมจะรีบรุดมทันที” “ไม่ต้อง ฉันทำ...” เพ็ญจิตอยากจะปฏิเสธ แต่สุวิทย์กลับปิดประตูปังแล้วจากไป อยากไปก็ไปเถอะ เส้นประสาทที่ตรึงแน่นถึงจะคลายตัวลงได้ สุวิทย์เมื่อห้าปีก่อนไม่ได้หยาบคายขนาดนี้ ในตอนนั้น แม้ว่ารูปลักษณ์ภายนอกมันออกจะไม่เข้าหูเข้าตาไปสักหน่อย แต่ก็อบอุ่นเข้าอกเข้าใจมาก เพ็ญจิตนั่งอ่อนแรงลงบนโซฟา ขนาดอาการเจ็บปวดที่ก้นก็กลับหลงลืมไปชั่วขณะ หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ไม่ข้าก็เร็วคงถูกเขาจับได้แน่ ถึงตอนนั้นจะอธิบายเรื่องของลูกๆให้เขาฟังว่าอย่างไร ? เขาจะแย่งลูกๆไปไหม ? เมื่อคิดถึงตรงนี้ เพ็ญจิตก็อดใจสั่นอย่างมิทันตั้งตัวไม่ได้ รู้สึกสังหรณ์ใจชอบกล
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
บทที่ 47 ก่อเรื่องหน้าขายหน้าที่โรงพยาบาล
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A