ตอนที่ 50 ที่รัก พวกเราเป็นสามีภรรยากันนะ
1/
ตอนที่ 50 ที่รัก พวกเราเป็นสามีภรรยากันนะ
OMG!สุ่มได้สามีคนหนึ่ง
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 50 ที่รัก พวกเราเป็นสามีภรรยากันนะ
ตนที่ 50 ที่รัก พวกเราเป็นสามีภรรยากันนะ เพ็ญจิตที่ยังคงสับสนมึนงง ก็ได้ยินเสียงกระจกแตกดัว “เพล้ง” ที่แท้แล้วสุวิทย์หยิบกระถางต้นไม้ตรงระเบียงทุบกระจกจนแตก “สุวิทย์ คุณ--” เพ็ญจิตนิ่งตกตลึงอยู่บนเตียง มองสุวิทย์ ปีนเข้ามาจากหน้าต่าง “อย่างหน้าด้านๆ” ด้วยความตกใจ ไม่รีรอให้เพ็ญจิตฟื้นคืนสติ สุวิทย์ก็คว้าเพ็ญจิตเข้ามาในอ้อมกอด พุขึ้นด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล “ที่รัก คุณไม่เป็นอะไรก็ดี ผมนึกว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับคุณซะอีก” “ไสหัวไป คุณ คุณถึงกับทุบหน้าต่าง คุณ....” เพ็ญจิตสูญเสียความสามรถในการใช้ภาษา เธอไม่คิดเลยว่าสุวิทย์จะทุบกระจก ทั้งยังหาเหตุผลยิ่งใหญ่สง่าผ่าเผยมาพูดกับเธออีก “โถ่ อย่าโกรธผมเลยนะ ผมเคาะประตูก็ไม่เห็นมีใครตอบ โทรเข้าโทรศัพท์คุณก็ไม่เห็นมีเสียง ผมนึกว่าแผลของคุณติดเชื้อ ใจร้อนก็เลยทุบหน้าต่างเข้ามา” สุวิทย์ลูบหลังของเพ็ญจิตเบาๆ เหมือนกับกำลังปลอบเด็กน้อย “คุณ ไสหัวไป--” เพ็ญจิตแดเสียงดังสะท้านก้องนภาจนทำให้หูของสุวิทย์เหมือบจะหนวกไปขั่วครู่ สุวิทย์คลายอ้อมกอดจากเพ็ญจิต ใช้มืออุดหู “ที่รัก อย่าโกรธเลย อยาโกรธ หัวร้อนตั้งแต่เช้าแบบนี้มันไม่ดีต่อสุขภาพนะ” “สุวิทย์ ถ้าคุณยังไม่ออกไปอีกผมจะแจ้งตำรวจแล้ว” เพ็ญจิตสูดลมหายใจเข้าลึก ในขณะเดียวกันก็คว้ายิ้มโทรศัพท์จากข้างหมอน “ก็ได้ ก็ได้ ผมจะออกไปก่อน ที่รัก นอนต่อเถอะ” สุวิทย์พูดพลางทำท่าเหมือนจะออกไปจากห้องนอนจริงๆ การเคลื่อนไหวของเขา ทำให้เพ็ญจิตงงงวยอีกครั้ง เธอรู้สึกไม่กล้าจะเชื่อ ว่าท่านประธานพูดดีๆได้ตั้งแต่เมื่อไหร่? เขาไม่เพียงแต่จะออกไป ซ้ำยังปิดประตูห้องลง “ด้วยความใส่ใจ” ผิดปกติมาก ค่อยเหมือนสุวิทย์ที่เธอรู้จักขึ้นมาหน่อย ครั้นเพ็ญจิตตื่นนอนขึ้นมาด้วยความสงสัย เปิดประตูห้องออกก็เห็นกระเป๋าเดินทางที่วางไว้ในห้องรับแขก และในตอนนี้สุวิทย์เองก็กำลังนั่งดูทีวีอย่างสบายใจเฉิบอยู่บนโซฟา เพ็ญจิตไม่อยากจะพูดให้เปลืองน้ำลาย และก็ไม่สนอกสนใจภาพลักษณ์สาวงาม เธอเดินเข้าไปหยิบกระเป๋าคิดอยากจะโยนออกไปข้างนอก “ที่รัก เดี๋ยวผมทำเอง กระเป๋ามันค่อนข้างหนักนะ คุณเป็นคนป่วย ต้องพักผ่อนให้มากๆ” ทั้งๆที่เห็นอยู่ว่าเพ็ญจิตอยากจะโบนกระเป๋าเดินทาง สุวิทย์กลับหน้าด้านหน้าทนพูดขึ้นมา “หุบปาก สุวิทย์ที่นี่คือบ้านของฉัน คุณมีสิทธิอะไรย้ายเข้ามาเอง” เพ็ญจิตโมโห แต่ก็แย้งสุวิทย์ไม่ได้ ดวงตาประกายสีนิลทั้งสองข้างจ้องสุวิทย์ตาไม่กระพริบ “ที่รัก ในเมื่อคุณไม่ยอมย้ายมาอยุ่กับผม ผมก็ต้องทนย้ายมาอยู่กับคุณที่นี่” สุวิทย์พูดพลางลากกระเป๋าเดินทางเข้าไปในห้องนอนของเพ็ญจิต ในเมื่อแย่งมาไม่ได้ เพ็ญจิตก็ทำได้เพียงยืนขวางอยู่หน้าประตูห้องนอน เธอถูกยั่วโมโหจนจะเป็นบ้า ไม่เช่นนั้นเธอคงปิดประตูไปตั้งนานแล้ว เท้าของสุวิทย์ข้างหนึ่งในตอนนี้ได้ย่ำเข้าไปแล้ว คิดจะปิดก็คงปิดไม่ทัน “ที่รัก พวกเราเป็นสามีภรรยากัน สามีภรรยาก็ควรจะนอนด้วยกันสิ พวกเราทำผิดมาตั้งห้าปี คุณยังจะใจแคบทำผิดอีกห้าปีเหรอ ?” มือข้างหนึ่งของสุวิทย์ลูบไล้เอวของเพ็ญจิต พูดขึ้นด้วยความรักใครถะนุถนอม “อย่ามองฉันอย่างนี้ ฉันคิดดีแล้ว พวกเราไปหย่ากันเถอะ ห้าปีที่แล้วเป็นฉันเองที่ขาดสติไป มันเป็นแค่ความผิดพลาด” เพ็ญจิตพูดขึ้นอย่างหัวรั้น ในขณะที่พูดคำเหล่านี้ ภายในใจก็เจ็บปวด ตลอดห้าปีมานี้ เธอไม่เคยลืมสุวิทย์มาก่อนเลย แต่เมื่อเห็นสุวิทย์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า และนึกถึงเรื่องที่เธอปกปิดเขา เธอก็รู้สึกกลัวอย่างไรชอบกล “ไม่ ผมสามารถพิสูจน์ได้ว่าการแต่งงานของเราไม่ใช่ความผิดพลาด เพ็ญจิต ให้เวลากับพวกเราทั้งสองคนอีกสักหน่อยเถอะ” สุวิทย์ปล่อยกระเป๋าเดินทาง มือทั้งสองกุมไหล่ของเพ็ญจิต และก้มตัวลงพูด “ไม่ต้องมาหลอกล่อฉัน ฉันคิดดีแล้ว จดหมายลาออกก็จัดการเสร็จแล้ว รอจนกว่าแผลของฉันหายดีแล้วฉันก็จะกลับอิตาลี” เพ็ญจิตคิดจงใจอยากจะแสดงท่าทางเย็นชา แต่เมื่อเผชิญหน้ากับความบอบบางของสุวิทย์ เธอก็ฝืนเย็นชาต่อไปไม่ไหว “ไม่ได้ !” สุวิทย์แผดเสียง ทันทีที่ตระหนักได้ว่าตนเลอตะคอกเสียดังไป ก็รีบพูดขึ้นด้วยเสียงอันนุ่มนวล “คุณภรรยา ลาออกพอได้อยู่ แต่คุณห้ามกลับไปอิตาลีอีก ผมขอโทษคุณเรื่องเมื่อวานนี้” เพ็ญจิตจ้องสุวิทย์ด้วยความไม่กล้าจะเชื่อ นี่เธอกำลังฝันไปหรือเปล่า ? ผู้ชายคนนี้ทำไมถึงได้เปลี่ยนไปได้ในแต่ละวัน เมื่อวานโหดร้ายได้ขนาดนั้น มาวันนี้กลับเปลี่ยนไปราวกับคนละคน “สุวิทย์ คุณละเมออยู่หรือเปล่า ?” เพ็ญจิตอดยื่นมือออกไปตบแก้มสุวิทย์ไม่ได้ “คุณภรรยาครับ ผมจริงจัง เมื่อวานเป็นผมเองที่ไม่ดี ผมหึง ยกโทษให้ผมได้ไหม ?” สุวิทย์กุมมือของเพ็ญจิต และสารภาพด้วยน้ำใสใจจริงอีกครั้ง ในแง่ของความรู้สึก คนที่อยู่ในเกมส์จะอ่านสถานการณ์ไม่ขาด คำพูของปสันน์เมื่อวานช่วยเตือนสติเขาไว้ ในเมื่อเพ็ญจิตกลับประเทศมาแล้ว และนานถึงขนาดนี้ก็ยังไม่ได้กลับไปที่อิตาลีอีก มันก็ชัดเจนแล้วว่าระหว่างเธอกับเจมส์คนนั้นไม่เหมือนกับคู่รักกันจริงๆ ส่วนเรื่องเลิกราที่ปสันน์พูดถึง ก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่ หากพวกเขาเป็นคู่รักและเลิกรากันจริงๆ ก็คงเป็นไปไม่ได้ที่จะยังส่งข้อความมาหา นี่ก็พิสูข์แล้วว่า เพ็ญจิตพูดความจริง พวกเขาเป็นแค่เพื่อนกันธรรมดา อาจกล่าวได้ว่าพวกชาวต่างชาติจะค่อนข้างเร่าร่อนกว่าคนจีนสักหน่อยก็เท่านั้นเอง นี่เป็นเหตุผลที่สุวิทย์ใช้เวลาทั้งคืนเพื่อพยายามทำความเข้าใจ การที่เขายอมปล่อยวางก็คือกุญแจสำคัญ ในเมื่อพวกเขาไม่ใช่คู่รักกัน ถ้าเช่นนั้นเขาก็ไม่สามารถทอดทิ้งภรรยาที่แสนดีขนาดนี้ได้ลงคอ “แค่หึงหรอ ?” แม้ว่าเมื่อวานเพ็ญจิตจะพอเดาออก แต่เมื่อได้ยืนสุวิทย์พูดออกมาจากปากนเวลานี้ หัวใจของเธอก็รู้สึกหวานฉ่ำราวกับน้ำผึ้ง “ใช่ครับ แค่คิดว่าตลอดห้าปีคุณอยู่กับผู้ชายคนนั้น ในใจก็ผมก็ร้อนรนดังไฟแผดเผา คุณภรรยา คุณจะให้อภัยผมได้ไหม?” เท้าข้างหนึ่งของสุวิทย์เขี่ยกระเป๋าเดินทางออก ลากเพ็ญจิตมาห้องรับแขก “ถ้างั้นตลอดห้าปีมานี้ คุณไม่เจอผู้หญิงที่ถูกใจบ้างเลยหรอ?” เพ็ญจิตก้มหัวเอ่ยถามขึ้นอย่างเหนียมอาย “ภายในใจของผม ไม่มีผู้หญิงคนไหนสู้ภรรยาของผมได้หรอก เมื่อห้าปีก่อน ผมเคยไปตามหาคุณที่บ้าน แต่คุณนั่นแหละที่ไม่อยู่ เดิมทีคิดอยากจะออกตามหาต่อ แต่ที่บ้านก็ดันเกิดเรื่องนิดหน่อย เลยต้องรามือไป แต่ว่าตลอดห้าปีมานี้ ผมเชื่อมั่นมาตลอดว่าคุณจะต้องกลับมาอยู่ข้างกายผม” ลากเพ็ญจิตมานั่งลงบนโซฟา หยิบเบาะรองนั่งมาวางรองก้นของเพ็ญจิตอย่างระมัดระวัง “เมื่อห้าปีก่อน ฉันไปรอคุณที่โรงแรมอยู่หนึ่งสัปดาห์ แต่กลับไม่มีข่าวคราวของคุณเลย บอกฉันได้ไหมว่าเกิดเรื่องอะไร ?” นี่เป็นปมในใจของเพ็ญจิตตลอดห้าปีที่ผ่านมา เพ็ญจิตใจอ่อนให้กับคำขอโทษของสุวิทย์ในครั้งนี้ ถึงกับลืมเรื่องการหย่า แถมยังถามไถ่เขาเรื่องเมื่อห้าปีที่แล้วด้วยความห่วงใย “เมื่อห้าปีก่อน คุณถูกพี่ชายพาตัวไป ผมเคยไปตามหาคุณ แต่พี่ชายของคุณไม่ให้ผมเข้าไป ถึงขนาดแจ้งตำรวจมาจับ และเย็นวันนั้นเอง หลังจากผมกลับไปที่โรงแรมก็ได้รับสายจากที่บ้าน พ่อของผมเขา....เขาเข้าโรงพยาบาลและอยู่ได้ไม่นาน เดิมทีผมคิดอยากจะพาคุณกลับมาด้วย แต่สถานการณ์ที่นั่นมันฉุกละหุกมาก ผมรีบกลับไปในคืนนั้น ถึงกระนั้น ก็ทำได้แต่เห็นหน้าพ่อเป็นครั้งสุดท้าย - -” เมื่อนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดเมื่อห้าปีที่แล้ว สุวิทย์ก็น้ำตาคลอเบ้า “ฉันขอโทษ” เพ็ญจิตเสียงสะอึกสะอื้น รีบกล่าวขอโทษสุวิทย์ ปมในใจตลอดหาปี ในที่สุดก็คลายออกแล้วในเวลานี้ เธอโล่งใจ และรู้ดีว่าสุวิทย์ใช่คนโหดเหี้ยมอะไร เธอรู้ว่าเขาต้องมีเรื่องสำคัญอย่างแน่นอน “ยัยบื้อ ไม่มีใครหนีวงจรเกิดแก่เจ็บตายได้ทั้งนั้น เรื่องที่ทอดทิ้งเธอในครั้งก่อนผมต้องขอโทษจริงๆ ห้าปีมานี้ คุณเกลียดผมไห?” สุวิทย์เลิกหน้าขงเพ็ญจิตขึ้น เอ่ยถามขึ้นด้วยความรู้สึกผิด เพ็ญจิตส่ายหน้า แต่กระนั้นในเวลานี้ เธอก็ยังไม่อยากจะอยู่กับสุวิทย์ “ฉันไม่เคยเกลียดคุณเลย ก็เหมือนที่คุณพูด ที่ฉันกลับมาครั้งนี้ จริงๆแล้ว - - จริงๆแล้วฉันมาตามหาคุณ” เพ็ญจิตก้มหน้าลงด้วยความเขินอาย “จริงหรอ?” สุวิทย์กุมมือของเพ็ญจิตด้วยความตื่นเต้น ความอัดอั้นสงสัยเคลือบแคลงในใจก็จางหายไปในทันที เพ็ญจิตกลับมาเพราะเขาจริงๆด้วย นี่ก็เพียงพอแล้ว ส่วนเรื่องทำไมถึงเพิ่งกลับมาหลังจากผ่านมาถึงห้าปี เขาเองก็ไม่อยากจะรู้แล้ว “ฉันคิดไม่ถึงเลยว่าคุณจะแจกจ่างกับเมื่อห้าปีที่แล้วมากขนาดนี้” เพ็ญจิตยื่นมืออก พูดขึ้นด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ สุวิทย์พูดติดตลก : “งั้นคุณชอบสามีแบบนี้ หรือสามีสกปรกมอมแมมเมื่อห้าปีก่อนล่ะ?” “แตกต่างกันหรือ ไม่ใช้ว่าเป็นคุณทั้งหมดหรอกหรอ” เพ็ญจิตเล่นแง่ “ก็ใช่ คุณภรรยา ถ้างั้นตอนนี้ผมมาอยู่ที่นี่ได้ไหม ?” สุวิทย์พอใจ เพ็ญจิตของเขาแตกต่างจากผู้หญิงคนอื่นจริงๆด้วย ผู้หญิงคนอื่นให้น้ำหนักกับรูปลักษณ์ภายนอกและทรัพย์สินเงินทอง แต่เพ็ญจิตนั้นแตกต่างออกไป เมื่อคิดถึงความทุรักทุเลเมื่อห้าปีก่อน ภายในใจของสุวิทย์ก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความซาบซึ่งใจ มองดูภรรยาที่อยู่ตรงหน้า ความคิดหลากหลายก็ผุดขึ้นมาในหัวอย่างอดมิได้ ไม่คาดคิดเลยจริงๆว่าเพ็ญจิตจะกล้าเล่นละครตบตาได้ “ไม่ได้ คุณเป็นเจ้านาย ฉันเป็นลูกน้อง หากอยู่ด้วยกันจะตกเนที่วิภาควิจารย์ได้ ยิ่งไปกว่านั้นหากคนอื่นรู้เข้าว่าคุณแต่งงานแล้ว ก็จะยิ่งลดค่าความน่าเชื่อถือลงไป” เพ็ญจิตจริงจัง “แต่ผมไม่สบายใจถ้าคุณอยู่ที่นี่คนเดียว ก็ดูที่คุณได้รับบาดเจ็บเมื่อวานนี้สิ ถ้าหากมีอุบัติเหตุอะไรเกิดขึ้นอีก ผมคงปวดใจตาย” สุวิทย์เล่นลูกไม้ “ยังไงก็ไม่ได้ คุณเป็นประธานไม่มีใครกล้าว่าคุณหรอก แต่ฉันเป็นแค่นักออกแบบตัวเล็กๆ คำพูดของคนน่ะน่ากลัว หรือคุณอยากจะให้ฉันจากที่นี่ไป” เพ็ญจิตทำปากจู๋ออดอ้อน เมื่อเห็นท่าทางออดอ้อนของเพ็ญจิต ใจของสุวิทย์ก็อ่อนปวกเปียกมึนงง ยอมอ่อนข้อให้ “ถ้างั้น ถ้างั้นคุณก็ต้องยอมให้ผมไปรับไปส่งคุณ” “โอเค แต่วันนี้คุณต้องกลับไปทำงาน ฉันอยากลางานหนึ่งอาทิตย์ กะจะใช้เวลารอแผลหายดีกลับไปเยี่ยมคุณพ่อกับคุณแม่ ห้าปีมานี้ ฉันยังไม่เคยกลับไปเลย” เพ็ญจิตก้มหัว ตัดสินใจไม่ยื่นใบลาออกแล้ว แต่ยังอยากลางาน เมื่อได้ยินเพ็ญจิตพูดว่าจะกลับไปเยี่ยมพ่อกับแม่ ในใจของสุวิทย์ก็เป็นกังวล เมื่อนึกถึงครั้งที่ไป “คฤหาสน์” บ้านวงศ์อัจฉราเมื่อห้าปีก่อน ตลอดทั้งชีวิตนี้ก็ไม่ยอมกลับไปเจอพวกเขาอีกแน่ แต่ในเมื่อเพ็ญจิตอยากไป เขาก็ต้องไปเป็นเพื่อน ถือโอกาสเปิดเผยตัว “ผมกลับไปเป็นเพื่อนคุณนะ” เพ็ญจิตได้ยินเข้า ก็ส่ายหัวเป็นพัลวัน “ไม่ต้อง ฉันแค่จะกลับไปเยี่ยมสักหน่อย อีกอย่างต้องบอกให้พวกเขาเตรียมใจไว้ด้วย” “แต่ว่าคุณ--” ในเวลานี้ สุวิทย์ยังไม่สามารถหาเหตุผลที่เหมาะสมได้จริงๆ “วางใจเถอะ หลังจากหนึ่งอาทิตย์ ฉันต้องกลับไปทำงานแน่” เพ็ญจิตโน้มจับแขนของสุวิทย์ก่อน พลางพูดเสียงเล็กเสียงน้อยออดอ้อนอย่างน่ารักน่าถะนุถนอมตามประสาผู้หญิง “หรือจะให้ผมบอกปสันน์ให้ไปส่งคุณ คุณกลับไปคนเดียวผมไม่สบายใจจริงๆ อีกอย่างคุณก็บาดเจ็บอยู่ หรือว่าจะไปอัดเป็นปลากระป๋องอยู่ในรถ” สุวิทย์รับช่วงพูดต่อคำของเพ็ญจิต ไม่ง่ายเลยที่ทั้งสองจะคืนดีกันได้ เขาไม่อยากจะทำมันพังลงอีก แต่ว่าหากปล่อยให้เธอไปคนเดียว เขาก็ไม่วางใจ จึงยอมถอยหนึ่งก้าว ให้ปสันน์พาไปแทน “งั้นก็ได้ แต่ว่าวันนี้ยังไงคุณก็ต้องไป เดี่ยวพอฉันกลับไปจะโทรหาคุณ” สุวิทย์กอดเพ็ญจิต และพูดตอบกลับ “วันนี้มพักผ่อนจะอยู่บ้านเป็นเพื่อนคุณ” “ไม่ต้อง ฉันดูแลตัวเองได้ เมื่อวานคุณก็ไม่ได้ไป วันนี้เป็นวันศุกร์ คุณจะไม่ไปได้ยังไงคะ ?” เพ็ญจิตผลักสุวิทย์ ส่งเขาออกนอกประตู
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 50 ที่รัก พวกเราเป็นสามีภรรยากันนะ
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A