ตอนที่ 51 ปสันน์ถูกคนบ้านวงศ์อัจฉราเข้าใจผิดว่าเป็นแฟนของเพ็ญจิต
1/
ตอนที่ 51 ปสันน์ถูกคนบ้านวงศ์อัจฉราเข้าใจผิดว่าเป็นแฟนของเพ็ญจิต
OMG!สุ่มได้สามีคนหนึ่ง
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 51 ปสันน์ถูกคนบ้านวงศ์อัจฉราเข้าใจผิดว่าเป็นแฟนของเพ็ญจิต
ตนที่ 51 ปสันน์ถูกคนบ้านวงศ์อัจฉราเข้าใจผิดว่าเป็นแฟนของเพ็ญจิต ในเย็นวันศุกร์ สุวิทย์ต้องการอยู่เป็นเพื่อนเพ็ญจิตทั้งคืนแน่ๆ เพ็ญจิตเองก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับเขาดี ร่างของเพ็ญจิตก็ถูกเขาสัมผัสหมอแล้ว โชคดีที่เธอยังพอออกอุบายควบคุมได้อยู่บ้าง ฟูกนอนยังคงเป็นระเบียบเรียบร้อยอยู่เสมอ ในเช้าตรู่วันจันทร์ เพ็ญจิตทนไม่ไหว ตัดสินใจจะกลับบ้าน แต่ดูเหมือนสุวิทย์เดาทางออกไว้ตั้งแต่แรก จึงเรียกปสันน์มารอตั้งแต่เช้าแล้ว เมื่อปสันน์มาถึงบ้านของเพ็ญจิต พอเห็นสุวิทย์ที่อยู่ในชุดนอนก็ตกใจพูด : หัวหน้า พ...พวกคุณอยู่ด้วยกันแล้ว ?“อือ ปสันน์ ผมมีเรื่องอยากจะไหว้วานนายช่วยจัดการแทนสักหน่อย” สุวิทย์ถือซาลาดปาไว้ครีม แล้วโยนให้ปสันน์ในขณะที่พูด“หัวหน้า เกรงใจกันเกินไปแล้ว มีเรื่องอะไรแค่นายพูดมาก็พอแล้ว” ปสันน์ยังไม่ฟื้นคืนสติจากอาการช็อค สายตามองสอดส่องไปทั่ว อยากจะรู้ว่านายหญิงอยู่ที่ไหน “เพ็ญจิตอยากจะกลับบ้านเกิดสักหน่อย แต่เธอได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย อีกอย่างระยะทางก็ไกล ฉันไม่สบายใจเลยอยากจะให้นายช่วยไปส่งเธอ” “กลับบ้านเกิด หัวหน้า ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่พวกคุณ...” “ฉันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ท่านรองประธานคะ ไปกันได้หรือยังคะ?” ในขณะที่กำลังพูด เพ็ญจิตก็ลากกระเป๋าออกมา ขัดจังหวะปสันน์ “คุณภรรยา ไม่ใช่ว่าคุณยังไม่ได้ทานข้าวเช้าหรอกหรือ? พวกเราไปทานข้าวกันก่อนแล้วค่อยไปเถอะนะ” สุวิทย์ยังมีเรื่องที่จะฝากฝังปสันน์ และแน่นอนว่าอาหารเช้าของภรรยาเป็นเรื่องสำคัญมาก “ไม่ต้องหรอก ซื้ออะไรไปกินบนรถก็โอเคแล้ว ท่านรองคะ พวกเราไปกันเถอะ” เพ็ญจิตกลัวว่าสุวิทย์จะจู้จี้จุกจิกอะไรอีก ถึงลากกระเป๋า จูงปสันน์ออกมาจากบ้านก่อนด้วยตัวเอง “รอก่อน คุณภรรยา กระเป๋านั่นให้พวกเราถือเถอะ” เมื่อได้ยินเสียงของสุวิทย์ เพ็ญจิตก็วางกระเป๋าที่ไว้ที่หน้าประตูจริงๆ “ฉันลงไปก่อนนะ อย่าทำให้ฉันต้องรอนาน” “หัวหน้า นี่คุณกำลังเล่นอะไรอยู่ครับ นายปิดมือถือตลอดสองวัน พอเปิดปุ๊ปก็ให้ผมไปต่างจังหวัด ?” ปสันน์จ้องสุวิทย์ด้วยความฉงน เป็นเกลอกันมาหลายปี นี่ยังเป็นครั้งแรกที่เขาจริงจังกับผู้หญิงเช่นนี้ “ปสันน์ เพ็ญจิตเป็นภรรยาฉัน ภรรยาอย่างถูกต้องตามกฏหมาย ดังนั้นเธอก็เป็นอาซ้อของนาย ช่วยฉันดูแลเธอให้ดีๆหน่อยนะ ห้ามให้คนที่บ้านของเธอรังแกเธอเป็นอันขาด โดยเฉพาะพี่ชายของเธอ” กลัวว่าเพ็ญจิตที่รออยู่ข้างล่างจะรอนานเกินไป สุวิทย์จึงไม่มีเวลามากพอที่จะเล่าอย่างละเอียด เพียงแต่อธิบายสถานะที่แท้จริงของเพ็ญจิตให้ปสันน์เข้าใจ “ไม่นะ หัวหน้า พวกคุณแต่งงานกันตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมผม...” ปสันน์ยังอยากถาม แต่กลับถูกสุวิทย์ผลักออกจากประตู “หลังจากกลับมา ฉันค่อยตอบนาย แต่ตอนนี้ นายออกไปก่อน ช่วยฉันดูแลเพ็ญจิตให้ดีๆ” ก่อนจะปิดประตู สุวิทย์ก็พูดกำชับอีกครั้ง ปสันน์หิ้วท้องที่อัดแน่นไปด้วยความสงสัยลงมาข้างล่าง ในใจก็คิด วิทย์ไม่พูด อีกประเดี๋ยวค่อยถามเพ็ญจิตบนรถก็ได้หนิ “เพ็ญจิต คุณคุงไม่ถือสาถ้าผมจะเรียกแบบนี้หรอกนะ” ปสันน์ฮัมเพลงขึ้นรถมา “ได้ ครั้งนี้คงต้องรบกวนคุณแล้ว” เพ็ญจิตพยักหน้า พูดด้วยความเกรงใจ “ที่นี่ไม่ใช่บริษัท คุณเองก็ไม่ต้องเรียกผมว่าท่านรอง แม้ว่าคุณจะยังอายุน้อย แต่พี่สะใภ้ก็คือพี่สะใภ้ คุณเรียกผมว่าปสันน์ก็ได้” ปสันน์หันหน้าไปส่งยิ้มให้เพ็ญจิต และติดเครื่องยนต์ “งั้นฉันเรียกคุณว่าปสันน์นะ” เพ็ญจิตอึ้งอยู่ครู่นึง ในเมื่อสุวิทย์ก็พูดออกไปหมดแล้ว เธอเองก็ไม่มีอะไรจะต้องปิดบังอีก ในระหว่างทางที่ไปบ้านเพ็ญจิต ปสันน์พยายามเอ่ยถามอยู่หลายครั้งหลายครา แต่เพ็ญจิตก็ไม่ยอมพูด “เพ็ญจิต ผมขอระลาบระล้วงสักหน่อย คุณกับหัวหน้ารู้จักกันตั้งแต่ตอนไหนหรือ ?” ปสันน์ยังไม่ถอดใจและถามต่อ “นี่เป็นทางด่วน.... คุณอย่าวอกแวก ฉันจะตอบคำถามนี้แค่คำถามเดียวเท่านั้นนะ พวกเรารู้จักกันเมื่อห้าปีก่อน” เพ็ญจิตพูดเอาจริงว่าจะไม่ตอบคำถามใดๆอีกแล้ว สามชั่วโมงถัดไป ในที่สุดเพ็ญจิตก็ถึงบ้านแล้ว เมื่อเห็นบ้านอันคุ้นเคยในใจของเพ็ญจิตก็รู้สึกเจ็บปวดจนบรรยายเป็นคำพูดไม่ออก ครั้นนึกถึงช่วยชีวิตของตนในวันวาน เพ็ญจิตก็ไม่เคยคิดว่าจะจากบ้านมาได้นานถึงเพียงนี้ ตอนนั้นที่เพิ่งจะรู้พื้นเพที่มาที่ไปของตนเอง ผนวกกับเรื่องที่สุวิทย์หายตัวไป เธอก็รู้สึกรับไม่ได้นิดหน่อย “การรักษาเยียวยา”ตลอดห้าปี ทำให้เธอรู้สึกว่ามากพอที่จะสู้ กล้าหาญมากเพียงพอที่จะเชิญหน้า ตลอดห้าปีนี้ เธออกตัญญูมากจริงๆ แม้แต่โทรศัพท์ก็ไม่เคยโทรหา “เพ็ญจิต นี่บ้านของคุณหรอ ?” ปสันน์ไม่อาจเชื่อสายตาตัวเองได้ เขาคิดว่าตลอดว่าเพ็ญจิตเป็นแค่เด็กผู้หญิงธรรมดาทั่วๆไป ไม่คิดเลยว่าเธอจะเป็นถึงลูกคุณหนู “เมื่อห้าปีก่อน ฉันก็คิดมาตลอดว่านี่คือบ้านฉัน...” พอหลุดพูดออกมา เพ็ญจิตก็รู้ว่าตัวเองเสียท่าเข้าแล้ว จึงรีบพูดกลับคำทันควัน : “ฉันจะไปเคาะประตู” เธอก้าวลงจากรถในขณะที่พูด เพ็ญจิตเคาะประตู ในบ้านมีคนเดินออกมา แต่ยังไม่ทันจะเดินถึงประตูก็ตกใจจนร้องตะโกนออกมา “คุณหนู เป็นคุณหนู ....คุณหนูกลับมาแล้ว คุณหนูกลับมาแล้ว--” “ใช่ค่ะ ใช่...ก่อนอื่นคุณเปิดประตูให้ฉันก่อน” เพ็ญจิตกระซิบกระซาบ แต่พูดยังไม่ทันจบ คนงานก็หันหัวกลับเข้าไปในบ้าน “เพ็ญจิต มีอะไรหรือเปล่า?” เมื่อเห็นเพ็ญจิตหมุนตัวกลับมา ปสันน์ก็เปิดหน้าต่างถามด้วยความสงสัย “ไม่มีอะไร อาจจะเป็นเพราะตกใจล่ะมั้ง” เพ็ญจิตพายมือ ยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน เธอคิดไม่ถึงเลยว่า ไม่ได้กลับมาเพียงแค่ห้าปีจะทำให้น้าจิลตกใจได้เพียงนี้ “งั้นก่อนที่คุณจะกลับมาได้โทรศัพท์มาก่อนหรือเปล่า ?” เพ็ญจิตเงียบ เธอไมได้โทรมา ประการแรกเพราะไม่รู้ว่าจะพูดอะไร ประการที่สองเพราะเธอกลัวว่าแม่จะร้องไห้ใส่โทรศัพท์ “เพ็ญจิต เป็นเพ็ญจิตใช่ไหม?” เพ็ญจิตเพิ่งจะหยิบมือถือออกมา ด้านหลังก็มีเสียงของคุณแม่ดังแว่วลอยมา เธอรีบหมุนตัวพูดตอบกลับไปยังข้างในทันที “แม่คะ หนูเอง หนูกลับมาแล้ว” ไม่รู้ว่าทำไม ในขณะที่พูดเสียงถึงกับสั่นคลอเล็กน้อย “น้าจิล เร็ว รีบเปิดประตูเร็ว” ภายในบ้าน คุณวาสเร่งเร้าให้คนงานรีบเปิดประตูบ้านเร็วๆ ดวงตาของเพ็ญจิตก็พร่ามัวโดยมิรู้เนื้อรู้ตัว “แม่คะ หนูกลับมาแล้ว แม่กับพ่อยังสบายดีไหมคะ ?” ในขณถพูดประตูได้ถูกเปิดออกแล้ว แม่ลูกสวมกวดเข้าด้วยกัน เดิมทีคิดอยากจะอดกลั้นเอาไว้ แต่เป็นเพราะแม่ที่ร้องไห้ก่อน เพ็ญจิตก็เลยร้องไห้ตาม นี่ยังเป็นครั้งแรกที่ปสันน์เห็นแม่ลูกร้องไห้ตอนพบหน้ากัน ต่อให้ไม่ได้เจอกันถึงห้าปี ก็ไม่น่าจะเวอวังอะไรถึงเพียงนี้เลยหนิ อีกกระทั่งตอนที่พวกเขาร้องไห้ไปก็เดินเข้าบ้านไป ดูเหมือนว่าเพ็ญจิตจะลืมเขาเสียแล้ว โชคดีที่น้าจิลคนนั้นสังเกตุเห็นรถของเขา จึงเดินมาถาม ยังมีเวลาอีกพักหนึ่งก่อนจะถึงมื้อกลางวัน เพ็ญจิตเอาแต่สนใจคุยกับแม่ของเธอ และลืมปสันน์ไปจนหมดสิ้น โชคดีที่ในบ้านยังมีคนงานอยู่ ไม่เช่นนั้นปสันน์เองก็ไม่รู้จริงๆว่าควรทำเช่นไร “คุณหญิงคะ จะทานมื้อกลางวันที่บ้านหรือข้างนอกดีคะ ?” ในยามสิบโมงครึ่ง น้าจิลเดินเข้ามาถามคุณวาสนา “ทานข้างนอกหรือทานในบ้านดีนะ น้าจิล รอก่อน เธอโทรศัพท์หาคุณผู้ชาย ให้เขาจองห้องเอา อีกเดี๋ยวพวกเราจะตรงไปที่นั่นกันเลย” คุณวาสนาเอาแต่กุมมือของเพ็ญจิต ไม่ยอมคลาย “แม่คะ ขอโทษนะคะ” เพ็ญจิตก้มหัว ก้นบึ้งหัวใจรุ้สึกผิดจนมิอาจพูดออกมาได้ แม่ว่าแม่จะไม่ใช่แม่ที่ให้กำเนิดเธอ แต่บุญคุณที่เลี้ยงดูอบรมสั่งสอนก็สำคัญมากไม่แพ้คุณที่อุ้มท้องถึงสิบเดือน “ยัยเด็กซื่อ กลับมาก็ดีแล้วๆ แม่เองที่ไม่ดี แม่เองที่ทำผิดต่อหนู” ในขณะที่แม่ลูกกำลังพูดคุยกันอยู่นั่น ก็มีเสียงเอะอะดังลอยมาจากด้านนอก “แม่ครับ แม่ เพ็ญจิตอยู่ไหนๆ...” เมื่อได้ยินเสียง เพ็ญจิตก็เป็นกังวลใจ เมื่อห้าปีก่อน เธอไม่ได้แม้แต่จะบอกกล่าวก่อนก็ออกจากอเมริกามาเลย ตอนนี้เมื่อคิดดูแล้ว เธอทำเกินไป ไม่ว่าพี่ชายจะทำอะไรก็ยังเป็นพี่ชายเธออยู่ดี “พี่--” เพ็ญจิตยืดตัวขึ้น เมื่อคำว่าพี่เพียงคำเดียวหลุดออกมา อรรถพลก็รีบวิ่งเข้ามาทันที ซ้ำยังคว้าเพ็ญจิตเข้าในอ้อมกอด “เพ็ญจิต ในที่สุดเธอก็กลับมาแล้ว” เสียงอรรถพลแหบแห้ง ปสันน์ที่ยืนอยู่ข้างๆถึงกับประหลาดใจ คนบ้านนี้นี่ประหลาดมากจริงๆ แม่เจอลูกสาวก็ร้องไห้ แต่ให้บอกว่าพวกหผู้หญิงอารมณ์อ่อนไหวท่วมท้นมาก แต่ในฐานะพี่ชายทำไมถึงได้เว่ออะไรขนาดนี้ “พี่คะ หนู-หาย-ใจ-ไม่ออกค่ะ” เพ็ญจิตพูดไม่ออก เมื่อก่อน หากกอดกันเข่นนี้ไม่รู้ว่ามีอะไร เพราะเธอคิดว่าอรรถพลคืพี่ชายแท้ๆ พวกเขามีพ่อมีแม่คนเดียวกัน แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกันแล้ว ควรจะพูดว่าเมื่อเหมือนเดิมตั้งแต่เมื่อห้าปีที่แล้วต่างหาก พี่ถึงแม้ว่าจะยังเป็นพี่ชาย แต่เรื่องที่เกิดขึ้นที่อเมริกาเมื่อห้าปีก่อน ยังคอยตามหลอกหลอนให้เธอหวาดผวาอยู่เสมอราวกับฝันร้าย “เพ็ญจิต เธอยังโทษพี่อยู่ไหม?” อรรถพลคลายอ้อมกอดเล็กน้อย นัยน์ตาทั้งคู่อันลึกซึ้งนั้นจ้องมองมาที่เพ็ญจิต ห้าปีแล้ว ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยไปตามหา แต่เขาไม่เคยหาเจอเลยต่างหาก จนกระทั่งเพ็ญจิตเปิดตัวในแวดวงแฟชั่น เขาเคยนึกว่าจะสามารถหาเพ็ญจิตเจอ แต่เขาเสียเงินเสียทองไปไม่น้อยก็ยังสืบหาบ้านของเพ็ญจิตไม่พบอยู่ดี รู้ผลแค่ว่ามีคนคนหนึ่งคอยดูแลปกป้องเพ็ญจิตอยู่ และสืบไปพบข่าวคราวอื่นๆอีกเลย โชคดี โชคดีที่สุดท้ายเพ็ญจิตก็กลับมา “ไม่คะ พี่ยังคงเป็นพี่ชายที่รักเอ็นดูเพ็ญจิตคนนี้เสมอ” ร่างกายเพ็ญจิตแข็งทื่อ อยากจะสลัดออกแต่ก็ไม่ดีอีก มันโจ่งแจ้งเกิดไป โดยเฉพาะเมื่อคุณแม่กับปสันน์ก็อยู่ที่นี่ด้วย “อรรถพล พ่อแกล่ะ ทำไมเขายังไม่กลับมาอีก” คุณวาสนาลุกขึ้นถาม “พ่อจองห้องพิเศษไว้เรียบร้อยแล้วครับ สั่งให้ผมกลับมารับแม่กับน้องไป” อรถถพลปล่อยเพ็ญ จิตออกอย่างอาลัยอาวรณ์ ยี่สิบกว่าปีแล้วที่เขาไม่เคยเปลี่ยนใจไปจากเพ็ญจิตเลย วันนี้เพ็ญจิตกลับมาแล้ว เป็นไปได้ไหมว่าเธอจะทำแท้งเรียบร้อยแล้ว? เขาอยากจะถาม แต่ตอนนี้ไม่สะดวกจริงๆ “แค่กๆ... คุณอรรถพลครับ เมื่อเช้าเพ็ญจิตไม่ได้ทานมื้อเข้ามาครับ” ก่อนหน้านี้มีแค่เพียงผู้หญิงคุยกันตามประสาอยู่เพียงสองคน แต่ตอนนี้ดันมีชายหนุ่มเพิ่มเข้ามาอีกหนึ่ง บอกว่ากลับมารับไปกินข้าว แต่ดูเหมือนว่าแค่พวกเขาคุยกันก็คงอิ่มท้องแล้ว ไม่จำเป็นต้องไปกินข้าวอะไรอีกทั้งนั้น ครานี้ปสันน์ที่ยังไม่ได้ทานข้าวเข้า ก็หิวจนเลอะตาลายแล้ว ถ้าหากไปติดว่าอยู่ที่บ้านวงศ์อัจฉรา เขาคงไปหาอะไรกินคนเดียวตั้งแต่เช้า แต่ตอนนี้เขาเป็นแขกคงไม่ดีหากจะไปกินเพียงลำพัง จึงทำได้เพียงแต่พูดเตือนพวกเขาสองสามคน “อ้อใช่จ่ะๆ พวกเราไปกินข้าวกันเถอะ เดี๋ยวกินไปคุยไปก็ได้” คุณวาสนาได้ยินเข้า ก็พูดตามถึงแม้ว่าจะมี “คนขับรถประจำ 24 ชั่วโมง” แต่ปสันน์ก็ไม่อยากรบกวนมื้ออาหารพร้อมหน้าพร้อมตาของพวกเขา ดังนั้นจึงตัดสินใจจะขับรถไปโรงแรมด้วยตนเอง ในขณะที่กำลังเตรียมตัวออกเดินทาง คิดไม่ถึงเลยว่าคุณวาสกลับตามมาที่รถของเขา “คุณป้าครับ คุณ..” “ขอโทษนะจ๊ะ เมื่อกี้ที่เพ็ญจิตกลับมา ฉันตื่นเต้นมากไปหน่อย จึงละเลยคุณผู้ชายไป ไม่ทราบว่าคุณชื่อแซ่อะไร? จะให้เรียกว่าย่างไรดี?” คุณวาสนานั่งที่เบาะข้างคนขับ ถามขึ้นด้วยตายิ้มหนี “คุณป้าครับ ผมชื่อปสันน์ คุณแม่เรียกผมว่าปสันน์ก็ได้ครับ” ปสันน์ขับรถไปก็พูดไป ช่างน่าเศร้าเสียงจริง จะพูดอย่างไรดี ตัวเขาก็นับว่าเป็นผู้ชายหน้าตาดีคนหนึ่ง แต่คุณวาสนาเพิ่งจะมาสังเหตุเห็นเขาเอาป่านนี้ คนบ้านนี้นี่ไร้มารยาทเสียจริง ไหนจะพี่ชายคนนั้นอีก เดินเข้าประตูมายังไม่เห็นเหลียงมองเขาสักแอะ แต่ก็เห็นแก่หน้าของบอส เขาจะปล่อยเบลอไป “หลายปีมานี้ต้องขอบคุณนะคะที่คอยดูแลเพ็ญจิต พวกคุณคบกันมานานแค่ไหนแล้วคะ ?” ยามนี้คุณวาสนาทำตัวราวกับพวกแม่ยายอย่างไรอย่างนั้น จ้องมองปสันน์ด้วยดวงตาเปล่งประกาย “คุณป้าครับ อย่าเข้าใจผิดไปนะครับ ผมกับเพ็ญจิตเป็นแค่--เพื่อน” ปสันน์ได้ยินเข้า หนังหัวก็ลุกซ่า เขาเองก็พอจะเข้าใจหัวอกคนเป็นแม่ แต่เขาไม่กล้าทึกทักว่าตนเป็นแฟนได้ หากหัวหน้ารู้เข้าต้องแตกหักกับเขาเป็นแน่
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 51 ปสันน์ถูกคนบ้านวงศ์อัจฉราเข้าใจผิดว่าเป็นแฟนของเพ็ญจิต
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A