ตอนที่ 58 อรรถพลโทรศัพท์แล้วโทรศัพท์อีก
1/
ตอนที่ 58 อรรถพลโทรศัพท์แล้วโทรศัพท์อีก
OMG!สุ่มได้สามีคนหนึ่ง
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 58 อรรถพลโทรศัพท์แล้วโทรศัพท์อีก
ตนที่ 58 อรรถพลโทรศัพท์แล้วโทรศัพท์อีก ความยินยอมของเธอทำให้เศษซากสตินึกคิดของเขาหายวับไปในพริบตา เจ้าตรงนั้นบวมเป่งจนทรมานเรียกร้องอยากจะปลดปล่อย ฝ่ามือร้อนระอุรีบถอดเสื้อผ้าอาภรณ์ที่อยู่บนตัวด้วยความเร็วสูงจนเกินจะเหลือเชื่อ หลังจากนั้นก็กางเรียวขาทั้งสองข้างของเธอออก ร่างกายของเขาก็อัดเข้าไปด้วยประการฉะนี้ ในขณะที่จิตวิญญาณของเธอยังมิหวนคืนมา เขาได้พละกำลังของกองทัพนับพันได้สอดแทรกเขาไปแล้ว เพ็ญจิตก็ร้องโอดครวญอย่างไม่สบายขึ้นมาทันทีด้วยเหตุนี้เอง “อา - -” เพ็ญจิตทองไปที่เขาพลางหืดกระหอบ น้ำเสียงแปดเปื้อนตัณหานุ่มนวล แหบแห้งระแหงดั่งเส้นไหม “ไม่ไหวแล้ว คุณออกไปได้ไหม?” น้ำเสียงนั่นบรรจุเต็มไปด้วยรสชาติยั่วยุหยอกล้อเย้าแหย่ ในยามนี้ เพ็ญจิตปล่อยวางทุกสิ่งไปจนหมดสิ้น ความละอายใจศีลธรรมทั้งปวงได้ถูกละทิ้งไว้เบื้องหลัง ในตอนนี้วินาทีนี้ เธอแค่อยากจะเชื่อในความรู้สึกของตัวเอง และพวกเขาก็ไม่ได้ละเมิดกฏหมาย คนเป็นสามีภรรยาก็ควรจะใกล้ชิดกันเช่นนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร สุวิทย์หัวเราะเสียงทุ้มต่ำ : “ไม่มีทาง !” ด้วยเสียงอันแผ่วเบา สุวิทย์ก้มหัวจุมพิตไม่ทีปากน้อยๆของเธอ ส่วนสะเอวก็เริ่มออกแรงสับส่ายไปมาอย่างฉับพลัน ความปรารถที่อดทนรนกลั้นมานานหลายวันในที่สุดก็หาทางออกได้สักที เดิมทียังคงใส่ใจความรู้สึกของเธอ แต่ความหอมหวานอ่อนนุ่มที่ส่วนล่างทำให้เขาค่อยๆไร้ความควบคุมไปทีละน้อยๆ ฝ่ามือใหญ่พยุงบั้นเอวของเธอ พาเธอล่องลอยไปสู่จุดสูงสุดของความสุข... ลมหายใจแรงผสานกับเสียงสะท้อนของเนื้อหนังที่เสียดสีทับซ้อนดังก้องไปทั่วห้อง สายใยรักมิมีสิ้นสุด โซฟาที่ทั้งเล็กทั้งแคบเปล่งเสียงหักดัง “เอี๊ยดๆ” เพราะสัมพันธ์สวาทอันเร่าร้อน สติสตังค์ของเพ็ญจิตได้ปลิวหายล่องลอยไปตามแขนขาที่นัวเนียพัวพันธ์กันตั้งแต่เนิ่นๆแล้ว เรื้อตัวอ่อนระทวยกลายเป็นบ่อน้ำพุ ร้องโอดครวญร่ำไห้พลางคว้าจับเขาไว้แน่นตามสัญชาตญาณ ลิ้มรสความสุขอันแปลกประหลาดที่เขามอบให้ จนกระทั่งเขาปลดปล่อยพลังในตัวเธอ เธอสั่นระริกเนื้อตัวยวบยาบอ่อนระทวยล้มลมอยู่เบื้อล่างของเขาราวกับปลาที่ไร้น้ำ หืดกระหอบหายใจยกใหญ่ สุวิทย์กลับว่าจะเหยียบเธอเจ้า จึงใช้มือข้างหนึ่งตับที่ข้างศีรษะของเธอและเลิกขึ้นเล็กหน้อย เนื้อตัวที่เปลือบเปล่าร่อนจ้อนจ้องมองไปยังเธอ เห็นเธอหืดกระหอบหายใจอย่างไร้เรี่ยวแรง นิ้วเรียวยาวจึงรูปไล้ไปที่แก้มอันแดงระเรื่อของเธอ เอ่ยถามขึ้นด้วยเสียงแห้งเหือด “ยังโอเคไหม?” น้ำเสียงหอบเล็กน้อยเพราะการสนองตัณหาเมื่อครู่ ร่างกายของเพ็ญจิตอ่อนยวบยาบจนแม้กระทั่งเรี่ยวแรงจะตอบยังไม่มี ทำได้เพียงกรอกตามองเขา ด้วยดวงตาที่แฝงด้วยด้วยการกล่าวโทษติเตียน สุวิทย์หัวเราะด้วยเสียงทุ้มต่ำ ค่อยๆโน้มตัวลงเข้าใกล้ริมฝีปากของเธอ ปริปากพูดด้วยเสียงแหงแห้งอย่างเข้าใจความหมาย ซ้ำยังพูดเชิงบ่นหน่อยๆ “คุณภรรยา คุณทำให้ผมกระหายจนจะแน่อยู่แล้ว” เพ็ญจิตส่งสายตาอาฆาตจ้องมองเขา ในที่สุดก็รวบรวมเรื่องเท่าที่มีตะหวาดออกมาสองคำ “ออกไป!” ทั้งๆที่รู้อยู่ตั้งแต่แรกว่าร่างกายเขาแข็งแรงสมบูรณ์เช่นนี้คงไม่มีทางใจอ่อน คนที่ออกแรกเห็นได้ชัดๆว่าเป็นเขา แต่คนที่เหนื่อยดันเป็นเธอไปได้ รอยยิ้มในตาของสุวิทย์ยิ่งทวีลึกซึ้งหว่าเดิม ก้มหัวจุ๊บปากของเธอทีหนึ่งแล้วพลิกตัวลุกขึ้น อุ้มตัวเธอขึ้นมาแล้วเดินเข้าไปยังเตียงหลังใหญ่ที่อยู่ในห้อง พลางเปล่งเสียงต่ำ : “ไปพัก่อนบนเตียงก่อนเถอะ เดี๋ยวเหนื่อยตายหรอก” เพ็ญจิตนอนซบในอ้อมกอดเขาอย่างไร้เรี่ยวแรง ไม่มีแรงจะทักท้วงเขา เพียงแต่ปล่อยให้เขาวางเธอลงบนเตียง จากนั้นก็ปีนขึ้นมา นัยน์ตาหันไปเห็นเจ้านั่นของเขาที่เพิ่งจะยวบตัวอ่อนลงเริ่มตั้งชูชันขึ้นมาอีก เพ็ญจิตตะเบ็งเสียงอยากจะผลักไสเขาออกอย่างลนลานด้วยความตกใจกลัว : “สุวิทย์ ไม่ได้” สุวิทย์จ้องเธอ พูดขึ้นด้วยเสียงต่ำแหบแห้งอันสุดแสนยั่วยวน : “คุณภรรยา อีกครั้งเถอะนะ หื้ม?” “ไม่ได้!” หากทำอีกครั้ง เกรงว่าคืนนี้เธอคงกลับไปไม่ได้จริงๆ ถึงตอนนั้นพ่อกับแม่คงกระวนกระวายใจเป็นแน่ และบางทีปสันน์อาจจะกลายเป็น “แพะรับบาป” ก็ได้ สุวิทย์เห็นเธอยืนกรายก็ไม่ได้บังคับเธอ จึงยอมผละตัวออกเล็กน้อยดึงตัวเธอเข้ามาในอ้อมกอด เพ็ญจิตอยากจะสลัดออก สุวิทย์จึงเอ่ยปากพูดขึ้น “ช่วยอยู่กับผมก่อนนะ” เพ็ญจิตเชื่อฟังไม่ได้ขยับเขยื้อนอีก เธอซบทรวงอกเขาอย่างเงียบๆ โดยการคว้าหยิบผ้าห่มมาคลุมปิดรอยจูบฟกช้ำดำเขียวที่อยู่บนร่าง “เพ็ญจิต คุณยังยืนยันที่จะหย่าอยู่ไหม?”สุวิทย์ดึงมือเธอมาเล่น ดวงตาจ้องไปที่เธอ ยังคงถามคำถามเมื้อักครู่ต่อด้วยอยากจะเค้นให้เธอตอบมาสักคำให้ได้ ตอนเขายังไม่พูดถึงก็ดีๆอยู่หรอก พอพูดขึ้นมาก้นขึ้งหัวใจของเพ็ญจิตก็เดือดปุดๆ เมื้อกี้นี้ควรจะเป็นเธอชัดๆที่น่าจะเป็นคนเอ่ยถามเขาได้อย่างเต็มปาก แต่ท้ายที่สุดกลับถูกเขาพลิกหมุนจนเธอตกอยุ่ในสถานการณ์เป็นรองไปได้ “ความรัก แม้ว่าจะไม่มีเรื่องมาก่อนมาหลัง แต่ฉันเป็นแค่ผู้หญิงโลภมากคนหนึ่ง สามีของฉันจะต้องรักฉันได้แค่คนเดียว ในใจเขาจะต้องมีฉันได้แค่คนเดียว” เพ็ญจิตไม่ได้ตอบอย่างตรงไปตรงมา เรื่องหย่าไม่หย่าไม่ได้ขึ้นอยู่กับเธอ แต่อยู่ที่ความรู้สึกของเขา หากในใจเขายังมีแฟนเก่าอยู่ ถ้าเช่นนั้นเธอก็ไม่ต้องการการแต่งงานเช่นนี้ พอสุดท้ายก็ไม่อาจกลายเป็นครอบครัวเดียวกันได้อยู่ดี เธอไม่ต้องการการแต่งงานที่ปราศจากความรัก แม้ว่าปากตะพูดออกไปแล้ว แต่ว่าการกระทำมิได้เป็นเช่นนั้นเลย เธอบอกกับตัวเองว่าเป็นคืนสุดท้าย หลังจากนี้เธอจะซ่อนความทรงจำอันสวยงามเหล่านี้เอาไว้ในส่วนลึก พรุ่งนี้ พรุ่งนี้ก็จะแยกทางกันแล้ว ก็ปล่อยให้เธองมงายไปอีกสักคืน เพ็ญจิตค้นหาตำแหน่งที่จะพักผ่อนในอ้อมกอดของสุวิทย์ แต่สุวิทย์กลับไม่ยอมให้เธอได้พัก เขาใช้ไม้เดิมอีก “คุณภรรยา การกระทำของผมยังไม่พออีกหรือ?” หน้าของเพ็ญจิตแดงก่ำ ผลักตัวเขาอยากจะลงจากเตียง แต่กลับถูกเขาจับข้อเม้าไว้จากด้านหลังด้วยแรงเล็กน่อย เพ็ญจิตไร้ทางป้องกันจึงถูกเขาลากกลับมาบนเตียงอีก ร่างกายของเขาคร่อมอยู่บนตัวเธออย่างแนบชิด กัดฟัดงับริมฝีปากของเธออย่างแรง “ยัยเต่าเอ้ย!” สุวิทย์ยิ่งไม่ได้รีรอให้เธอตอบสนอง เขาก็แอบโจมตีเธอได้สำเร็จ แรงกำยำที่โจมตีเข้ามาอย่างฉับพลันทำเอาเพ็ญจิตกรีดร้องเสียงหลงอย่างไม่รู้ตัว เธอไม่ยอมให้เขาพรากสติเธอไปได้อีกแล้ว ฝ่ามือผลักดันตัวเขา แนวสะเอวของเขาออกแรงขยับ สติสตังค์ของเพ็ญจิตก็บินร่องลอยหายไปตามแรกระเพื่อมอย่างจงใจของเขาอีกครั้ง ราวกับนั่งอยู่บนรถไฟเหาะก็มิปาน ทว่าห้องที่โยกเยกขึ้นลงไปมากลับถูกหยุดอยู่กลางเวหา ความว่างเปล่าอันมหึมาค้างเติ่งอยู่ในกาย ความเจ็บปวดอันมิอาจจะทนได้บีบบังคับให้น้ำตาของเธอหลั่งไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว บิดสะโพกแสวงหาความเป็นเลิศขั้นสุดยอดอย่างมิได้ตั้งใจ แต่เขากลับอยากลงโทษความมีน้ำใจของเพ็ญจิตเสียหน่อย จึงจงใจไม่ขยับและชะงักร่างดายท่อนบนเล็กน้อย เส้นเลือดดำบนมือปูดโปนชึ้นมา เม็ดเหลื่อหนดใหญ่ไหลพลักตกลงมาจากบนหน้าผากของเขา หยดลงบนเนื้อหนังอันขาวนวลดังแป้งบริสุทธิ์ของเธอ “คุณภรรยา คุณไม่ต้องการจริงๆหรอ หื้ม?”เขาจ้องดวงตาอันยั่วยวนทั้งสองข้างของเธอเละเอ่ยถามด้วยเสียงแหบแห้ง เค้นเอาคำตอบที่แท้จริงจากปากของเธอ แม้ว่าสติหยั่งคิดเกือบจะถูกความเร่าร้อนในกายไหม้จนสิ้น แต่เพ็ญจิตกลับยังฝืนไขว่คว้าสติเส้นสุดท้ายนั้นเอาไว้ แผดเสียงดังจากปากเป็นการไม่ตกลง “ไม่ต้องการจริงๆน่ะหรอ?” สะโพกออกแรงอีกครั้งทำให้เพ็ญจิตอดเปล่งเสียงครวญครางไม่ได้ ฝ่ามือจับแผ่นหลังเขาไว้อย่างแรงจนเป็นรอยจ้ำเลือด ความเจ็บปวดที่หลังทำให้สุวิทย์หัวเราะออกเสียงอย่างไร้ทางเลือก ก้มหน้าลงจุมพิตริมฝีปากเธออย่างนุ่มนวลและพูดขึ้นด้วยเสียงอันอ่อนโยนยั่วยวนใจ “คุณภรรยา คุณไม่รู้จริงๆหรอว่าสิ่งนี้มันยิ่งรั้งแต่จะหระตุ้นประสามสัมมผัสของผู้ขาย?” เจ้าตรงนั้นของร่างกายก็เริ่มขยับเขยื้อนอีกครั้ง ราวกับเพื่อเป็นการตอบสนองคำพูดของเขา หลังจากเสพสุขศึกสวาทกันอย่างเต็มที่แล้ว เพ็ญจิตก็นอนหอบเหนื่อยอยู่บนเตียง และผลอยหลับไปอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว เมื่อตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็ไม่รู้ว่าเป็นเวลากี่โมงกี่ยามแล้ว สุวิทย์เองหลังจากที่นอนพักผ่อนเอาแรงอยู่ครู่นึงเพื่อฟื้นฟูพละกำลังแล้ว เนื้อตัวก็ดูสดชื้นผ่องใส นั่งเอาหลังพาดหัวเตียงมองดูเพ็ญจิต เมื่อเพ็ญจิตตื่นขึ้นมามือทั้งสองข้างกอดอยู่ที่รอบเอวเขาอย่างอ่อนโรยหมดแรง น่าจะเผลอกอดเพราะคิดว่าเขาเป็นหมอนตอนที่กำลังหลับไม่รู้เรื่องรู้ราวอยู่ พอตื่นขึ้นมาก็เห็นทุกสิ่งทุกอย่างดูแปลกตาไปหมดจนหัวสมองสับสนงุนงง ห่วงพะวงว่าตัวอยู่ที่ใดจนมิได้สนใจกาลเวลา จนกระทั่งแสงไฟนีออนข้างนอกหน้าต่างค่อยๆแยงตาเข้ามาทีละหน่อยๆ ผ่านเซลล์ประสาทอันเชื่องช้าสะท้อนส่งไปจนถึงสมอง เพ็ญจิตก็นึกถึงเรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ทันที จึงเด้งตัวลุกขึ้นอย่างร้อนรน ไม่สนใจใยดีสายตาที่ฉงนสงสัยของสุวิทย์ ก็รีบรุกรี้รุกรนคว้านใส่เสื้อผ้า “คุณภรรยา เป็นอะไรไป?” มือข้างหนึ่งของสุวิทย์ดึงเพ็ญจิตไว้ และเธอที่กำลังใส่เสื้อผ้าอยู่ไม่ทันระวังจะล้มลงมาบนเตียงอีกครั้ง “ฉันต้องกลับบ้าน ไม่งั้นพ่อกับแม่คงกังวลว้าวุ่นใจแน่ๆ” สุวิทย์สะบัดมือออก อยากจะลุกขึ้น “คุณภรรยาครับ ตอนนี้มันตีสองนะ คุณแน่ใจนะว่าจะกลับบ้านตอนนี้?” สุวิทย์หัวเราะไม่ยอมหยุด หากกลับไปตอนนี้ก็จะยิ่งิดสังเกตุมากกว่าเดิม ยิ่งไปกว่านั้น ปสันน์คงไปเฝ้าเทพเจ้าโจวกงเรียบร้อยตั้งนานแล้ว “โทรศัพท์ เมื่อกี้ตอนที่ฉันนอนอยู่ พ่อกับแม่ไม่ได้โทรมาหรอ?” เพ็ญจิตพูดไปก็หันไปหาโทรศัพท์ ทว่าพอเท้าแตะพื้นเพียงแค่ก้าวเดียว ยังไม่ทันจะย่างก้าวที่สอง ร่างกายก็อ่อนยวบยาบ โซซัดโซเซ จนล้มหน้าขมำ มีคนโทรมาจริงๆ แต่ไม่ใช่พ่อกับแม่ เป็นอรรถพลต่างหาก เพ็ญจิตไม่ได้เมมชื่อไว้ สุวิทย์จึงกดรับสายถึงได้รู้ เพ็ญจิตนิ่งอึ้งไปครู่นึง ภายในใจรู้สึกตุ้มๆต่อมๆ และไม่ได้ไปรับโทรศัพท์ รีบเดินตรงพุ่งเข้าไปในห้องน้ำ และไม่ได้หยิบไปแม้แต่เสื้อผ้า “งั้นฉันไปอาบน้ำก่อนแล้วกัน” สุวิทย์ดูออกว่าเพ็ญจิตไม่สบายใจ แค่นี้ก็พอจะเข้าใจได้ว่านี่ก็อาจจะเป็นหนึ่งในสาเหตุที่เพ็ญจิตจากไปเพียงลำพังเมื่อห้าปีก่อน ทว่าเขาได้ตัดสินใจแล้วว่าพรุ่งนี้จะกลับไปเป็นเพื่อนเพ็ญจิตสักครั้ง ไม่ว่าเธอจะเห็นด้วยหรือไม่ก็ตาม การไปยังบ้านวงศ์อัจฉราถือเป็นการให้ความเคารพแก่พวกเขา แม้ว่าจะไม่ใช่พ่อแม่แท้ๆ แต่พวกเขาก็เลี้ยงดูเพ็ญจิตมาถึงยี่สิบกว่าปี ไม่ว่าแม่ของเพ็ญจิตจะเคยทำอะไรกับเธอมาบ้าง ทว่าบุญคุณที่เลี้ยงดูมาก็มิอาจเพิกเฉยได้ เพ็ญจิตเพิ่งจะเข้าห้องน้ำมาได้สักพัก มือถือในมือของสุวิทย์ก็ดังขึ้นอีก แล้วก็เห็นว่าเป็นอรรถพลคนเดิมอีก้ช่นเคย เขาจึงรีบปิดเครื่องทันทีโดยไม่แม้แต่จะคิด สุวิทย์เองก็ขะหยาด ขี้หน้าอรรถพลมาตั้งแต่ไหนแต่ไร เขาไม่ได้ใจกว้างขนาดถึงขั้นที่จะทำเป็นลืมเรื่องเมื่อห้าปีก่อนไปได้ “พี่เมีย” คนนี้นี่แหละที่ทำให้เขากับเพ็ญจิตต้องห่างกันมาถึงห้าปี สุวิทย์ลุกขึ้น เตรียมตัวจะไปอาบน้ำตามประสาคู่รักสักหน่อย โทรศัพท์ตรงหัวนอนดันดังขึ้นมาอีก คิ้วทั้งสองข้างของเขาขมวดเป็นผม ในยามนี้ สัญชาตญาณบอกกับเขาว่า คงจะเป็น – “พี่เมีย” แน่ๆ สุวิทย์ไปรีรอให้เสียงทางนั้นดังขึ้นก็รีบไปหยิบมาทันที และพูดด้วยเสียงเย็นชา : “นี่คุณพี่เมียครับ ป่านนี้แล้ว เอาแต่โทรมารบกวนครั้งแล้วครั้งเล่าอยู่ได้ คุณไม่มีสามัญสำนึกหรือไง?” “สุวิทย์ เรียกเพ็ญจิตมาคุย ผมมีเรื่องจะคุยกับเธอ” น้ำเสียงของอรรถพลเองก็เย็นชาเช่นกัน แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่สายโทรศัพท์แต่ก็ยังรู้สึกได้ว่าเชากำลังอดกลั้นความโกรธอยู่ อรรถพลที่เดิมทีคอยสังเหตุการณ์อยู่ภายในห้องหมายเลข 2936 ทว่านับตั้งแต่หลังจากที่ปสันน์ออกมา ก็นั่งไม่เป็นสุขแล้ว เมื่อเห็นเพ็ญจิตยังไม่ออกมาสักที ในที่สุดก็อดที่จะต่อสายโทรหาไม่ได้
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 58 อรรถพลโทรศัพท์แล้วโทรศัพท์อีก
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A