ตอนที่ 60 พบกับพ่อตาแม่ยายเป็นครั้งแรก   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 60 พบกับพ่อตาแม่ยายเป็นครั้งแรก
ต๭นที่ 60 พบกับพ่อตาแม่ยายเป็นครั้งแรก “ปสันน์ นายนี่มาขัดจังหวะเรื่องดีๆของพวกเรากี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้วฉะ” สุวิทย์คิดไม่ถึงว่าปสันน์จะอยู่กับอรรถพล ทว่าเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เขาก็ไม่จำเป็นต้องถามปสันน์แล้วว่ามาหาเขาด้วยเรื่องอะไร คงจะเป็นคุณอรรถพลที่คิดอยากจะขัดขวางไม่ให้เขากับเพ็ญจิตอยู่ด้วยกัน เมื่อห้าปีก่อนแผนชั่วของเขาได้รับชัยชนะไป ตอนนี้หากเขายังคิดจะทำลายความรักของพวกเขาสามีภรรยาอีก มันคงเป็นไปไม่ได้อีกแล้ว “ขอโทษครับ คุณอรรถพลบอกว่ามีเรื่องด่วนจะคุยกับซ้อครับ ผมเองก็ไม่มีทางเลือก” ปสันน์โค้งคำรับแสดงความขอโทษ “สุวิทย์ แกอย่ามาแกล้งโง่ น้องสาวฉันล่ะ?” อรรถพลเห็นสภาพเช่นนี้ของสุวิทย์ หัวอกก็เหมือนถูกหันเป็นชิ้นๆนับไม่ถ้วน เขาทั้งเกลียดสุวิทย์ โกรธเพ็ญจิต เขาไม่คิดเลยว่าน้องสาวตัวน้อยที่เคยเชื่อฟังว่านอนสอนง่ายในวันวาน ตอนนี้กลับเรียนรู้ที่จะหลอกลวงเป็นแล้ว เมื่อตอนกลางวันเพ็ญจิตเพิ่งจะพูดว่าระหว่างเธอกับสุวิทย์ไม่มีความสัมพันธ์อันใดกัน คิดไม่ถึงเลยว่าเพียงเวลาแค่ชั่วพริบตาเดียว ถึงกับ...กับมานอนกับสุวิทย์ “อรรถพล เพ็ญจิตอายุยี่สิบเจ็ดแล้วนะ ไม่ใช่สิบเจ็ด อีกอย่างพวกเขาก็แต่งงานกันแล้ว เธอไม่จำเป็นต้องให้พี่ชายอย่างคุณมาคอยกำกับ” เสียงของสุวิทย์ไม่ดัง แต่กลับเย็นชา หากไม่กลัวว่าเพ็ญจิตจะได้ยินเข้า ตอนนี้เขาคงกระแทกประตูไปแล้ว “สุวิทย์ ไม่มีใครยอมรับการแต่งงานของพวกแก อันที่จริงแล้ว เพ็ญจิตกลับมาครั้งนี้ก็เพื่อที่จะมาจัดการเรื่องหย่า” อรรถพลตะเบ็งเสียง ตอบกลับอย่างไม่เกรงใจ “อ้อ – เกรงว่าคุณคงจะต้องผิดหวังเสียแล้ว เพราะอันที่จริง พวกเราตกลงจะจัดการแต่งงานตอนวันปีใหม่นี้” มุมปากสุวิทย์ฉีกยิ้มเล็กน้อย และพูดป่าวประกาศ “เป็นไปไม่ได้ เพ็ญจิต แกอยู่ไหน?” เมื่อเห็นสุวิทย์พออกพอใจ อรรถพลที่ไม่รู้จะทำอย่างไรถึงกับหันไปข้างในแล้วตะโกนเรียกเพ็ญจิต เพ็ญจิตที่อยู่ในห้องก็สงสัยมาตั้งแต่แรกแล้ว ทำไมสุวิทย์ถึงออกไปนานขนาดนีเ เมื่อกี้เขาผูกแค่ผ้าขนหนูผืนเดียว แต่พอได้ยินเสียงอรรถพล ก็ตกใจมุดหัวเข้าผ้าห่ม“คุณอรรถพล ตีสามครึ่งแล้ว สนใจการพักผ่อนของคุณเถอะ ถ้ามาเอะอะโวยวายที่นี่อยู่เลย” สุวิทย์พูดไปก็จะปิดประตู อรรถพลจะแทรกเข้าไปข้างใน แต่โชคดีที่ปสัน์มือไวคว้าเขาไว้ได้ก่อน อรรถพลทำได้เพียงยืนจ้องประตูที่ปิดสนิทลงตรงหน้า โมโหจนอยากจะต่อยปสันน์เข้าไปสักหมัด เขาพูดตะคอก : “ปสันน์ ไอ่เวรเอ้ย แกประเคนน้องสาวฉันเข้าปากเสือ ไอ้อำมหิต” เดิมทีปสันน์คิดอยากจะสอยเขาสักหมัดข้อหาดูถูกเหยียบย่ำเจ้านายกับเพ็ญจิต แต่อรรถพลดันบันดาลทั้งโทสะและโลภะอัดน่วมมาที่ร่างเขา หมัดแล้วหมัดเล่า แน่นอนว่าปสันน์เองก็ไม่มีทางโง่นิ่งเป็นกระสอบทราย ต้องสวนกลับไปเป็นธรรมดา “อรรถพล แกเป็นบ้าอะไรวะ ถ้าไม่รู้ว่าเพ็ญจิตเป็นน้องสาวแก จะคิดว่าแกหึงซะอีก” ปสันน์หลบไปก็ลองพูดเอาชนะอรรถพลไป อรรถพลไม่ยอมตอบ เอาแต่สะบัดกำหมัดอย่างบ้าคลั่ง แม้ว่าจะดึกๆดื่นๆ แต่ก็ยังอาละวาดจนแขกเหรื่อคนอื่นๆได้ยินกันหมด มีคนไม่น้อยเปิดระตูห้องมาดู แต่เมื่อเห็นผู้ชายสองคนทะเลาะกันต่างก็ปิดประตูไปทีละคนๆ นายหมัดหนึ่ง ฉันเท้าหนึ่ง จนกระทั่งหมดแรงกันไปเอง แม้ว่าคนที่เริ่มก่อนจะเป็นอรรถพล แต่คนที่บาดเจ็บหนักกว่ากลับเป็นปสันน์ ปสันน์เช็ดเลือดที่มุมปากไป ก็แผดเสียงตะคอกใส่อรรถพล “คุณอรรถพล คุณนี่มันบ้าไปแล้ว พวกเจ้านายเขาแต่งงานกันตั้งนานแล้ว คุณเพิ่งจะมาอาละวาดเอาป่านนี้อ่ะนะ? แxงเอ้ย--เฮงซวย” “นายจะเข้าใจอะไร พสกเขาไม่ได้รักกัน อีกอย่าง สุวิทย์ก็เป็นแค่คนฉวยโอกาส เมื่อห้าปีก่อน หากไม่ใช่เพราะงานแต่งของเพ็ญจิตไม่ราบรื่น จะทำเรื่องไร้สมองแบบนั้นไปได้ยังไง” อรรถพลลุกขึ้น จ้องไปที่ปสันน์อย่างอาฆาต และเดินเข้าห้องตัวเองไป “คุณภรรยา นี่คุณจะฆ่าตัวเองให้ขาดอากาศหายใจตายไปเลยหรือไง?” สุวิทย์กลับไปที่ห้องก็เห็นเพ็ญจิตมุดตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม ในใจก็คิดว่าเพ็ญจิตคงได้ยินดีเสียงอรรถพลแน่นอน ก็หัวเราะพลางเลิกผ้าห่มออก “พี่ชายฉันล่ะ เขาไปยัง?” เจ้าหนูเพ็ญจิตโผล่หัวขึ้นมาถาม สายตาสอดส่องไปที่ประตูราวกับเกรงกลัวอรรถพล “ก็นับว่าไปแล้วมั้ง ผมไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายคุณหรอก คุณภรรยาครับ นอนเถอะ” สุวิทย์พูดไปก็ปืนขึ้นเตียง แต่เพ็ญจิตกลับเป็นกังวล “คุณสามี พ...พี่ชายฉันได้พูดอะไรแย่ๆไหม” “คุณภรรยา ดูท่าแล้วผมคงยังขยันไม่มากพอ ตอนหน้าท่าทางคุณดูสบายดีขนาดนี้ พวกเรามาต่อกันอีกสักหน่อยดีไหม” สุวิทย์ทอดสายตาไปที่เพ็ญจิต ไม่ว่าอรรถพลจะพูดอะไร ในตอนนี้เขาไม่อยากจะคิดเรื่องนั้น รอยดำใต้ตาของเพ็ญจิตคล้ำเอาการมาก หากยังไม่นอนอีก ตื่นเช้ามามีหวังได้กลายเป็นหมีแพนด้าแน่ๆ “อ๊า—ไม่เอา ฉันจะนอนเดี๋ยวนี้เลย” เพ็ญจิตตกใจ กรีดร้องเสียงดัง สะบัดมือของสุวิทย์ออก และหันหลังให้เขา ไม่กล้าพูดจาอีก สุวิทย์เอนตัวลงนอนและเอื้อมมือคว้าเพ็ญจิตเข้ามาในอ้อมกอด มีคำพูดมากมายที่อยากจะพูด และมีคำถามที่สงสัยอยากถามอีกไม่น้อย แต่ไม่ใช่ตอนนี้ เขาตัดสินใจว่ารอให้เพ็ญจิตนอนจนเต็มอิ่มก่อนแล้วค่อยไปบ้านวงศ์อัจฉรา แสดงตัวตนของตนเองสักหน่อย จากนั้นก็พูดเรื่องงานแต่ง ตราบใดที่คุณพ่อคุณแม่บ้านวงศ์อัจฉราไม่มีข้อข้องใจ อรรถพลไม่มารังควานอีก ก็ไม่เป็นอะไร เพ็ญจิตนอนครั้งนี้ถึงลากยาวไปจนถึงตอนเที่ยงตรง และในเวลานี้เอง สุวิทย์มีเรื่องมากมายที่ต้องจัดการแต่เพ็ญจิตกลับไม่รู้เรื่องรู้ราวอันใดเลย เขาโทรหาคุณอุดมก่อนเพื่อนัดหมายเวลาล่วงหน้า ทั้งสองคนตกลงนัดหมายพบปะกันอย่างเป็นทางการก่อนในช่วงสายๆ สถานที่ก็คือที่โรงแรม แต่กลับเป็นที่ห้องของปสันน์ ที่นี่เงียบสงลมากพอ ไม่ต้องกลัวว่าจะมีใครมาขัดจังหวะ และเพ็ญจิตเองก็เหนื่อยมากนอนสลบไสลหลับลึก ควรจะมีใครอยู่เป็นเพื่อนบ้าง ขนาดตอนที่สุวิทย์ออกไปยังไม่รู้เรื่องเลย ทว่าสุวิทย์เป็นห่วงว่าหากเธอตื่นขึ้นมาก่อน จึงทิ้งกระดาษโน๊ตไว้บนหมอน ภายในห้องของปสันน์ ลูกเขยพบกับพ่อตาเป็นครั้งแรก แน่นอนว่าห้ามทีคนนอกอยู่ด้วย ปสันน์จึงถูกไล่ออกไป “คุณอุดม ผมขอแนะนำตัวสักหน่อยนะครับ ผมชื่อสุวิทย์ ถ้าพูดตามกฏแล้ว ผมควรเรียกคุณว่าพ่อตา เมื่อห้าปีก่อนผมกับเพ็ญจิตจดทะเบียนสมรสกันเรียบร้ยแล้ว ไม่ทราบว่าคุณพ่อมีความคิดเห็นอย่างไรครับ?” สุวิทย์แนะนำตัวอย่างเป็นทางการ คุณอุดมตกใจเล็กน้อย ระหว่างทางมา เขามีข้อสงสัยมากมายแต่เมื่อได้พบกับสุวิทย์แล้ว ความสงสัยทั้งหมดทั้งมวลก็จางหายไป โดยปกติเวลาพ่อตาเห็นลูกเขยก็มักไม่ค่อยเข้าตาเป็นธรรมดา แต่เมื่อคุณอุดมเห็นสุวิทย์กลับยิ่งมองก็ยิ่งชอบ “แม้จะไม่เคยเจอคุณเมื่อห้าปีก่อน แต่ก็เคยได้ยินเพ็ญจิตพูดขึ้นถึงอยู่ ทว่าตลอดระยะเวลาที่ป่านมานี้ พสกเราคิดมาตลอดว่าเพ็ญจิตแค่พูดเล่นๆ ไม่คิดว่าเข้าหนูนั่นจะแต่งงานแล้วจริงๆ” คุณอุดมพูดด้วยความรู้สึกเสียใจอย่างยิ่งจนเหลือคนานับ “พวกเราจริงจังมาโดยตลอดนะครับ หากในปีนั้นคุณชายไม่ได้ขัดขวางไปเสียก่อน ผมกับเพ็ญจิตก็คงไม่แยกกันมาถึงห้าปี ครั้งนี้เมื่อเพ็ญจิตได้กลับมาอยู่ข้างกายม ผมคงไม่ยอมปล่อยให้ใครหน้าไหนพรากเธอไปอีก” เมื่อพูดขึ้น โทสะของสุวิทย์ก็ลุกโชนขึ้น คำพูดประโยคนี้คือความมุ่งมั่นตั้งใจของเขา และก็เป็นการแสดงให้เห็นว่าเขาไม่พอใจกับคนบ้านวงศ์อัจฉรา “ผมมีข้อร้องขออย่างหนึ่งกับลูกเขย คุณจะต้องดูแลลูกสาวผมให้ดี จะต้องรักเธอ ปกป้องดูแลเธอ” คุณอุดมเข้าใจดีว่าเมื่อลูกสาวเติบใหญ่แล้วคงไม่อาจรั้งไว้ได้ เขาเข้าใจสิ่งเหล่านี้ดีตั้งแต่เมื่อห้าปีที่แล้ว ในยามนี้ ที่เขาสามารถทำได้ก็คือการเป็นพ่อตาที่ดี รักษาความสัมพันธ์อันดีของลูกสาวเอาไว้ “เรื่องนี้คุณพ่อวางใจเถอะครับ นับตั้งแต่วินาทีที่ผมกับเพ็ญจิตจนทะเบียนกันเป็นต้นมา นี่ก็เป็นเป้าหมายของผมแล้ว แม้ว่าเมื่อห้าปีก่อนผมจะทำได้ไม่ดี แต่หลักจากนี้ผมจะทำสิ่งนี้ให้ดีที่สุด” สุวิทย์พอใจกับคุณพ่อตามาก การมีพ่อตาที่เข้าอกเข้าใจเรื่องของความรักเช่นนี้ เขาเองก็ไม่มีอะไรจะพูด “วิทย์ ขอถามหน่อยนะ ว่าตอนนั้นคุณแต่งงานกับลูกสาวผมทำไม?” คุณอุดมยังรู้สึกข้องใจกับเรื่องการจดทะเบียนของเพ็ญจิต จำได้ว่าเพ็ญจิตกับสุวิทย์ไม่ได้รู้จักกัน ดังนั้นจึงมาถามเอาป่านนี้ “ถ้าผมบอกว่าเป็นพรหมลิขิต คุณพ่อคงไม่คิดว่าผมเป็นคนมักง่ายนะครับ” สุวิทย์นั่งลง จิบกาแฟแล้วพูดต่อด้วยน้ำเสียงมาดแมนดั่งชายชาตรี : “พูดตรงๆเลยนะครับ ตอนนั้นสภาพผมกับเพ็ญจิตก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่ เพ็ญจิตต้องผิดหวังเรื่องงานแต่งกับพวกผู้ชายมาหลายครั้ง ตอนที่ผมรู้จักเธอ ก็เป็นช่วงที่ผมเจ็บปวดมากที่สุดเช่นกัน ผมมุ่งมั่นและปรารถนาแรงกล้าในตาเธอทำให้ผมประทับใจ ถ้าเป็นผู้ชายปกติคนอื่นๆ คงไม่มีทางรับปากเธอแน่ๆ แต่ว่าวันนี้ ผมมีความสุขมากที่เมื่อห้าปีก่อนผมตัดสินใจเช่นนั้น” สุวิทย์ไม่เคยพูดกับเพ็ญจิตว่าเมื่อห้าปีก่อน เขาจริงจังมาก แม้ว่าจะไม่ได้รักตั้งแต่แรกพบ แต่ระหว่างที่อยู่ด้วยกันตลอดสามวัน ความบริสุทธิ์ ใจดีและความอบอุ่นของเธอได้ละลายน้ำแข็งในใจเขา และก็เป็นเพ็ญจิตที่ทำให้เขาเข้าใจว่าไรวินทร์ไม่ใช่ผู้หญิงเพียงคนเดียวบนโลกใบนี้ ผู้หญิงคนอื่นบนโลกนี้ไม่ได้รักแต่แก้วแหวนเงินทอง ความร่ำรวบดั่งไรวินทร์ ตนในตอนนั้น ไม่ต้องพูดถึงเพ็ญจิตที่ร่ำรวยดั่งในวันนี้ ต่อให้เป็นผู้หญิงธรรมดา เกรงว่ากูคงเหยียดหยามเขา แม้ว่าตอนนั้นเธอจะงอนอยู่ แต่ก็ต้องรวบรวมความกล้าอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้น การแต่งงานของพวกเขาก็ไม่ใช่แค่ทะเบียนสมรสเล่มน้อยๆแค่สองแผ่น เรื่องที่สามีภรรยาพึงทำพวกเขาก็ทำแล้ว แม้ว่ารูปลักษณ์ภายนอกเขาในตนนั้นไม่อาจทำให้คนยินดีได้ก็จริง “เพ็ญจิตเป็นเด็กดี เพียงแต่ตลอดหลายปีมานี้ ผมเขาแต่ยุ่งๆอยุ่กับธุรกิจไม่ได้ดูแลเธอได้ดีพอ และไม่ได้ปกป้องเธอดีพอ สำหรับเธอแล้ว ผมเองก็เจ็บปวดหัวใจจนพูดไม่ออกเช่นกัน ในปีนั้นตอนที่แม่ของเธอมอบเธอให้ผม เพราะผมห่วงว่าภรรยาผมจะไม่เห็นด้วย จึงปั่นเรื่องว่าเพ็ญจิตเป็นลูกสาวของผม และก็เพราะเหตุนี้ ตลอดนี่สิยกว่าปีที่ผ่านมา ภรรยาของผมจึงว่าเธอสารพัด แจ่ว่าเด็กคนนั้นมองโลกในแง่ดีมาก นอกจากเรื่องงานแต่งแล้ว หากหลังจากนี้คุณไม่สามารถทำตัวดีๆกับเธอ ไม่พยายามดูแลเธอล่ะก็ ผมคงไม่ปล่อยคุณไว้แน่” คุณอุดมพูดขู่สุวิทย์ เมื่อยี่สิบสองปีก่อน เขาติดค้างเพ็ญจิต หากวันนี้เพ็ญจิตต้องทุกข์ใจด้วยเหตุนี้อีก ก็คงเป็นเชาที่ต้องรับผิดชอบ และชดใช้ให้โดยไม่เสียดายอาลัยอาวรณ์สิ่งใดๆ “เรื่องนี้ คุณพ่อวางใจเถอะครับ ไม่ต้องพูดถึงคุณเลย หากผมเป็นคนหละหลวม เกรงว่าคุณอุดมคงได้โอกาสทองแล้วครับ” สุวิทย์ขมวดคิ้วเล็กน้อบ และพูดกับคุณอุดมด้วยความหนักแน่น : “ได้โปรดอนุญาติให้เพ็ญจิตแต่งงานกับผมเถอะครับ” “คุณหมายถึงจะจัดงานแต่งกับเพ็ญจิต?” คุณอุดตกใจไปครุ่นึงแล้วถึงจะเข้าใจความหมายของสุวิทย์ “ครับ ผมติดค้างเพ็ญจิตเรื่องงานแต่งอยู่ครับ” “งั้นคุณเคยปรึกษาเรื่องนี้กับเพ็ญจิตหรือยัง? ถ่ายภาพพรีเวดดิ้งแล้วหรือยัง? อีกอย่าง พวกเราล้วนเป็นคน จีนกันทั้งนั้น อย่างน้อยผู้หลักผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายก็ต้องพบหน้ากับสักหน่อยใช่ไหม?” คุณอุดมได้ยินดังนั้นก็ตื่นเต้น แม้ว่าตลอดห้าปีมานี้เพ็ญจิตจะไม่ได้อยู่ข้างๆ แต่ก็ยังคงเป็นลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของเขาเสมอ แต่ตอนนี้ เขากำลังจะยกลูกสาวให้กับผู้ชายคนอื่นด้ยตัวเอง ในใจก็รู้สึกหนักอึ้งหน่อยๆ “เมื่อคืนผมกับเพ็ญจิตคุยกันแล้ว เรื่องถ้าพรีเววดดิ้งผมกับเพ็ญจิตค่อยวางแผนกันครับ ตราบใดที่ผู้ใหญ่ทั้ง สองฝ่าย—พ่อแม่ของมพวกท่านไม่อยู่แล้ว” สุวิทย์พูดไปสีหน้าท่าทางก็ดีเจื่อนขึ้นมา หากพ่อกับแม่รู้ว่าเขาจะแต่งงานคงจะดีใจแน่นอน ทว่าเขาจะต้องพาเพ็ญจิตไปกราบพวกท่านให้จงได้อย่างแน่นอน 
已经是最新一章了
加载中