ตอนที่ 61 เพ็ญจิตตบหน้าอรรถพลอีกหนึ่งฉาด
1/
ตอนที่ 61 เพ็ญจิตตบหน้าอรรถพลอีกหนึ่งฉาด
OMG!สุ่มได้สามีคนหนึ่ง
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 61 เพ็ญจิตตบหน้าอรรถพลอีกหนึ่งฉาด
ตนที่ 61 เพ็ญจิตตบหน้าอรรถพลอีกหนึ่งฉาด หลังจากสุวิทย์และคุณอุดมนัดแนะกันเสร็จสรรพ คุณอุดมจึงออกเดินทางไปจากโรงแรมก่อน ทั้งสองนัดกันไว้ว่าตอนกลางวันสุวิทย์จะกลับบ้านไปพร้อมกับเพ็ญจิต ส่วนคุณอุดมเองก็จะกลับไปคุยกับภรรยาก่อน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้การปรากฏตัวอย่างฉับพลันของสุวิทย์ทำให้เธอตกใจ “คุณภรรยา ตื่นได้แล้วครับ” ณ เวลาสิบเอ็ดโมงเช้ส เพ็ญจิตยังคงนอนฝันหวานอยู่ สุวิทย์เห็นเวลาใกล้จวนเจียนเข้ามาแล้ว จึงไม่อาจไม่ปลุกเธอให้ตื่นขึ้นมาได้ “กี่โมงแล้วคะ?” เพ็ญจิตบ่นพึมพำ พลิกตัวแล้วนอนต่อ ราวกับไม่มีแผนที่จะตื่นขึ้น “เที่ยงแล้ว หากยังไม่ตื่นอีก ก็คงทานได้แต่ข้าวมื้อเย็น” สุวิทย์พูดไปก็อยากจะไปจั๊กจี้รักแร้ของเพ็ญจิต แต่คิดไม่ถึงว่าเธอกลัวเด้งตัวพรวดพราดขึ้นมา จนหน้าชนเข้ากับคางของเขา “แม่เจ้า สายโด่เด่ป่านนี้แล้ว ทำไมคุณไม่ปลุกฉัน” เพ็ญจิตร้องตกใจอย่างเสียสติ สุวิทย์จ้องท่าทางรุกรี้รุกรนของเธอด้วยบันเทิงใจ “ยังไงๆก็ไม่รีบ คุณภรรยา คุณว่าพวกเราไปถ่ายภาพพรีเวดดิ้งกันที่ไหนดี? “ สุวิทย์ยืนพิงประตูพลางมองเพ็ญจิตล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำ “ถ่ายพรีเวดดิ้ง?” เพ็ญจิตที่กำลังบ้วนปากกอยู่ถึงกับตะลึงงัน หันไปมองสุวิทย์ด้วยความตกใจทั้งๆที่ฟองยังอยู่เต็มปาก แค่เธอนอนหลับไปงีบเดียว ทำไมวันนี้ถึงเปลี่ยนไปแล้วล่ะ? เธอพูดเมื่อไหร่ว่าอยากจะถ่ายภาพพรีเวดดิ้ง แต่ว่า...ภาพตัวเองกับสุวิทย์กำลังสวมชุดแต่งงานยืนอยู่ด้วยกันผุดขึ้นมาในหัวของเพ็ญจิต ใบหน้าก็ร้อนผ่าวขึ้นมาทันที ตลอดห้าปีมานี้ เธอฝันเห็นภาพนั้นมาหลายครั้งหลายครา แต่พอจะถ่ายภาพพรีเวดดิ้ง จัดงานแต่งงานขึ้นมาจริงๆ เธอกลับยังกังวลอยู่เล็กน้อย “ใช่แล้ว ผมคิดว่าไปถ่ายสักเดือนหน้าดีไหม? คงไม่รอให้พวกเราแก่หงำจนอายุเจ็ดสิบแปดสิบถึงค่อยไปถ่ายหรอก อีกอย่างพวกเรายังพลาดเรื่องบางอย่างไป” สุวิทย์เดินเข้าห้องน้ำ หยิบเพลงสีฟันในมือของเพ็ญจิตใส่ปากที่กำลังอ้าปากค้างด้วยความตกใจของเธอ และช่วยเธอแปรง สติของเพ็ญจิตหวนคืนกลับมา แย่งแปรงสีฟันคืน หลังจากบ้วนปากแล้วจึงพูด: “เรื่องนี้ไม่ต้องรีบร้อน ยังไงๆก็ยังเร็วอยู่” ถ่ายภาพพรีเวดดิ้ง หากจะถ่ายจริงๆ ถ้างั้นลำดับขึ้นต่อไปก็ต้องจัดงานแต่งงาน ไม่ได้ เธอยังไม่ได้คุยกับลูกๆเลย แม้ว่าเรื่องนี้จะเป็นเรื่องระหว่างพวกเขาสองคน แต่ลูกๆก็เป็นสมาชิกในครอบครัวคนหนึ่งเหมือนกัน พวกเขาก็มีสิทธิลงความเห็น “ชักช้ารีรอมาห้าปีแล้ว คุณภรรยา อีกเดี๋ยวพวกเราไปทานข้าวกับพ่อแม่คุณกันนะ...” “เดี๋ยวก่อน คุณจะไปบ้านฉัน?” เพ็ณจิตตกใจ เมื่อตินเช้ามือที่พี่ชายมาเคาะประตูห้องก็ทำให้เธอตกใจไปรอบหนึ่งแล้ว ครั้งนี้ท่านประธานยังจะไปบ้านเธอด้วยตัวเองอีก แล้วถ้าหาก...เพ็ญจิตไม่กล้าคิด เมื่อวานเพิ่งจะบอกคุณพ่อคุณแม่ไปว่าปสันน์เป็นแฟน แล้ววันนี้กลับพาสามีอีกคนกลับไป แล้วเธอจะพูดกับพ่อแม่ว่าอย่างไร “ใช่ครับ คุณพ่อตาเป็นคนเชิญมไป เพ็ญจิต คุณไม่อยากให้ผมไปที่บ้านคุณหรอ?” สุวิทย์บีบหน้าที่กำลังตกใจสุดขีดของเพ็ญจิต เขาพึงพอใจกับทุกสิ่งอย่างที่เห็นมาก สิ่งนี้ยิ่งเป็นการพิสูจน์ขึ้นไปอีกว่า การที่ตนนัดพบพ่อตาไว้ก่อนเป็นการกระทำที่ชาญฉลาด “คุณ...สุวิทย์ คุณโทรหาพ่อฉัน?” เพ็ญจิตแทบจะเป็นลมล้มพับ“ใช่ อันที่จริงแล้ว เมื่อไม่นานมานี้ผมกับพ่อตาเคยพบกันแล้ว อีกอย่างคุณพ่อตาก็รับปากตกลงเรื่องงานแต่งของพวกเราแล้ว” สุวิทย์พูดเหมือยอยากขอรางวัลตอบแทน แถมยังทำปากจู๋ เหมือนกำลังรอรางวัลของเพ็ญจิต “คุณบ้าไปแล้วหรือไง พวกเขาไม่เคยเชื่อเรื่องการแต่งงานของพวกเรา แต่จู่ๆคุณกลัว...ช่างเถอะ คุณไปเถอะ ฉันขอคิดหาคำอธิบายหน่อย” หัวของเพ็ญจิตพองโต คุณพ่อยังพอพูดได้อยู่ แต่หากคุณแม่รู้เข้า ยิ่งไม่รู้เข้าไปอีกว่าจะพูดอย่างไรดี “คุณภรรยา ไม่ร้ายเรงขนาดนั้นหรอก พวกเราแต่งงานกันมาห้าปีแล้ว ควรจะไปพบพ่อตาแม่ยายได้สักทีแล้ว หากปีนั้นพวกเราไม่พรากจากกัน ตอนนี้ลูกๆคงได้เรียกคุณตาคุณยายไปแล้ว หากยังขืนไม่ไปอีก พวกเขาคงคิดว่าลูกขายคนนี้ไม่เข้าใจหัวอกคนอื่นเท่าไหร่” สุวิทย์เห็นเพ็ญจิตจัดเก็บเสื้อผ้าของเขาลงในกระเป๋า จึงยืนพูดอยู่ข้างๆ เมื่อได้ยินสุวิทย์พูดว่าลูกๆคงได้เรียกคุณตาคุณยาย หัวใจของเพ็ญจิตก็เต้นโครมคราม ไม่รู้ว่าเธออ่อนไหวเกินไปหรือเปล่า รู้สึกเนืองๆว่าสุวิทย์ยังมีเรื่องอะไรปิดบังเธออยู่อีก หรือว่าเขาจะรู้เรื่องนวันธรและไนยชนแล้ว? “วิทย์คะ ตอนนี้มันไม่ใช่เวลาที่ดีจริงๆค่ะ คุณกลับไปก่อนเถอะ อีกอย่างเมื่อเช้ามืดที่พี่ชายฉันมาคุณ...”“เพ็ญจิต เรื่องของพวกเรา ไม่จำเป็นต้องให้อรรถพลมาออกความเห็น อันที่จริงแล้ว ต่อให้คุณพ่อตาแม่ยายไม่เห็นด้วยก็ไม่มีประโยชน์ พวกเรายังเป็นสามีภรรยากันอย่างถูกต้องตามกฏหมายอยู่ดี” สุวิทย์พูดแทรกเพ็ญจิต เขาล่ะเกลียดจริงๆที่เพ็ญจิตพูดถึงอรรถพล ครั้งนี้ทำให้เขาอดคิดถึงเรื่องเมื่อห้าปีก่อนไม่ได้ ทำให้เขาฉุกคิดว่าทำไมปีนั้นเพ็ญจิตถึงจากไปเพียงลำพัง “คุณภรรยา คุณไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องอะไรทั้งนั้น ต่อให้ฟ้าสลายก็ยังมีสามีคนนี้อยู่เสมอ ในส่วนชองพ่อตา แม่ยาย ผมจะอธิบายเอง ผมสัญญาว่าจะไม่ใส่อารมณ์ สัญญาว่าจะทำให้พวกเขาชอบผม โอเคไหม?” สุวิทย์พยุงไหล่ทั้งสองข้างของเพ็ญจิต ยืดตัวเธอขึ้น พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังหนักแน่น“แต่ฉันยังไม่ทันได้เตรียมใจเลย”เพ็ญจิตไม่กล้ามองสุวิทย์ด้วยความรุ้สึกผิด“คุณภรรยา สบายใจเถอะ รอหลังจากพบพ่อตาแม่ยายก่อน ผมจะไปตามหาแม่คุณเป็นเพื่อนที่อเมริกา ” สุวิทย์ไม่พูดก็ดีๆอยู่หรอก แต่พอยิ่งพูดเพ็ญจิตก็ยิ่งรู้สึกผิด รู้สึกเสียใจ “วิทย์คะ จริงๆฉันมีเรื่อง ฉัน...” เพ็ญจิตเริ่มพูด อยากจะสารภาพกับสุวิทย์เรื่องลูกๆทั้งสองคน แต่ไม่คิดไม่ฝันว่าจู่ๆปสันน์จะวิ่งเข้ามาขัด “บอส ผมในฐานะคนขับรถเตรียมตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วครับ ไม่ทราบว่าจะออกเดินทางเมื่อไหร่ครับ?” ปสันน์ที่โดนอรรถพลอัดจนหน้าบวมช้ำเมื่อเช้ามือ ตอนนี้จึงสวมแว่นดำปรากฏกายอยู่ที่ประตู สภาพเขาเช่นนั้น ทำให้เพ็ญจิตตกใจสะดุ้งโหยง ชี้นิ้วไปที่เขาด้วยความตกใจ “ท่านรอง คุณ...” “ไม่ต้องสนใจเขา เขาแค่อยู่ว่างๆจนเบื่อเลยไปอัดคนมา เพ็ญจิต พวกเราไปกันได้แล้ว คุณไม่จำเป็นต้องคิดอะไรทั้งนั้น มอบทุกอย่างให้ผมเป็นคนจัดการเถอะ” สุวิทย์จ฿งเพ็ญจิตเดินออกไปข้างนอก ไม่ให้เธอหนีไปอีก หนังหัวเพ็ญจิตชายไปทั้งหัว แม้ว่าจะขึ้นรถมาแล้วก็ยังมิวายนั่งไม่ติดเบาะ ยิ่งเกือบจะเห็นหลังคาบ้าน เธอก็ยิ่งแมบจะเป็นลม นี่ไม่เหมือนกับที่เธอคิดเอาไว้เลย สุวิทย์ไม่ได้ขอเธอแต่งงาน และก็ไม่ได้พูดสามคำนั้น เอาแต่พูดถึงเรื่องงานแต่งไม่ยอมหยุด นี่ช่างแตกต่างกบเธอคิดไว้มากเกินไปแล้ว มันไม่ควรจะเป็นเช่นนี้สิ เธอไม่อยากให้เขาแต่งงานกับเธอเพราะแค่เพียงสมุดเล่มเล็กๆในตอนนั้น เธอไม่สามารถแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รักเธอได้ลงคอ เธอในปัจจุบันมิใช่ตัวเธอเมื่อห้าปีก่อนอีกแล้ว หลังจากมีลูก เธอกลายเป็นคนละโมบโลภมากยิ่งขึ้น เธอหวังว่าสุวิทย์จะแต่งงานกับเธอเพราะรักเธอจริงๆ ไม่ใช่เพราะว่าลูกๆหรือสิ่งอื่นใด และนี่คืออีกหนึ่งสาเหตุที่ว่าทำไมจนถึงป่านนี้เธอก็ยังไม่ยอมบอกเรื่องลูกๆกับสุวิทย์เสียที ในขณะที่เพ็ญจิตกำลังสับสน ว้าวุ่น รถก็เบรกอย่างกระทันหัน “ไอ้ห- บ้าเอ้ย—ไอ้อรรถพล!!!” ปสันน์ซึ่งเป็นคนขับสบถคำหยาบออกมาจากปากหนึ่งประโยค จากนั้นก็โวยวายด้วยความตกใจ: “บอสครับ บอส พี่ชายเมียบอสออกมาต้อนรับน่ะครับ” ที่แท้แล้วคนที่จู่ๆก็เข้ามาขวางรถของพวกเขาอยู่ด้านหน้าก็คืออรรถพล และในยามนี้เขาเดินลงจากรถมาจากแล้ว และกำลังจ้องมาทางนี้ด้วยท่าทางดุดัน “พี่ ทำไม--” “เพ็ญจิต คุณนั่งดีๆนะ ผมจะลงไป” สุวิทย์รู้ว่าผู้มาเยือนมิได้หวังดีเป็นแน่ แต่วันนี้เขาไม่มีทางยอมให้เรื่องแบบเมื่อห้าปีก่อนเกิดขึ้นอีกเป็นอันขาด “ไม่ ฉันไปเอง--” เพ็ญจิตอยากจะลงไป แต่กลับถูกสุวิทย์ดึงไว้ สุวิทย์พยายามอดรนทนกลั้นความโกรธ ปั้นหน้ายิ้มหันไปทางอรรถพล “ลูกพี่ คุณมารับพวกเราหรอ?” “สุวิทย์ แกอย่ามาแกล้งโง่ไปหน่อยเลย พวกเราวงศ์อัจฉราไม่ต้อนรับแก” อรรถพลทำหน้านิ่งเย็นชา คุณพ่อโทรมาบอกเขาให้กลับบ้านไปทานข้าว เขาถึงได้รู้ว่าสุวิทย์จะมา ดังนั้นตอนนี้จึงลอวมาผจญดูสักครั้ง สุวิทย์ไม่คิดว่าอรรถพลจะยอมไว้หน้า เดินก้าวขึ้นไปหนึ่งก้าวเอ่ยปากพูดด้วยเสียงนิ่ง: “อรรถพล คุณไม่คิดว่าตัวคุณปัญญาอ่อนไปหน่อยหรอ? เพ็ญจิตเป็นภรรยาของผม ไม่ใช่ของเล่น ไม่ว่าคุณจะคิดอย่างไรกับเพ็ญจิต ขอร้องล่ะตัดใจเสียเถอะ ตลอดชีวิตนี้ พวกคุณคงเป็นได้แค่พี่น้องกัน” “สุวิทย์ แกไม่เหมาะสมกับเพ็ญจิต ฉันคอยปกป้องเธอ ดูแลเธอ อยู่ข้างกายเธอมายี่สิบกว่าปี แกมีสิทธิอะไรแค่เจอกันครั้งเดียวก็มาพรากเธอจากไป” หากเพ็ญจิตไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วย เดาว่าอรรถพลคงได้ลงมืออีกเป็นแน่ “อรรถพล ผมไม่อยากจะพูดหรอกนะว่าคุณมันโรคจิต แต่ช่วยรักษาตำแหน่งของคุณไว้ให้ดีด้วย มิเช่นนั้นวันนี้ผมคงไม่ยอมให้เพ็ญจิตได้พบคุณอีก” สีหน้าของสุวิทย์บูดบึ้ง เขาเดาออกตั้งแต่แรกแล้วว่าความรู้สึกของอรรถพลที่มีต่อเพ็ญจิตมิใช่แบบพี่น้องธรรมดา แต่คิดไม่ถึงว่าอรรถพลผู้เป็นพี่ชาย จะกล้ามาประกาศศึกกับเขาต่อหน้าต่อตาว่าอยากจะแย่งผู้หญิงของเขา เพ็ญจิตเห็นสุวิทย์กับพี่ชายทั้งสองคนเหมือนจะกำลังทะเลาะกันอยู่ด้านหน้ารถ ก็มิอาจไม่ฝืนใจลงจากรถเดินไปด้านหน้าของอรรถพล “พี่คะ พี่อย่าทำตัวเป็นเด็กๆไปหน่อยเลยค่ะ” “เพ็ญจิต เขาไม่เหมาะสมกับเธอ” พออรรถพลเห็นเพ็ญจิตเดินลงจากรถ ก็ไม่รีรอให้สุวิทย์ได้มีปฏิกริยาตอบกลับ ก็รีบคว้าเพ็ญจิตมาข้างๆตนทันที “เพ็ญจิตเป็นความผิดของพี่เอง ปีนั้น หากพี่ไม่ได้ทำลายงานแต่งงานของ เธอก็คงไม่ต้อง...”“พี่คะ ไม่ต้องพูดแล้วค่ะ” เพ็ญจิตตะคอกเสียงขัดอรรถพล ในขณะเดียวกันก็หันไปหาสุวิทย์บอกให้เขาขึ้นรถ “วิทย์คะ คุณขึ้นรถไปก่อนเถอะค่ะ” เพ็ญจิตโน้มน้าว “เพ็ญจิต ในเมื่อพี่ชายไม่ต้อนรับพวกเรา ง้ะนเราก็กลับกันเถอะ” สุวิทย์เดินเข้าไปจูงเพ็ญจิต แต่จู่ๆเพ็ญจิตก็กลับโมโหเดือดดาลราวกับแม่เสือสาว คำรามเสียงดังใส่ผู้ชายทั้งสองคน: “พอได้แล้ว พวกคุณหุบปากกันได้แล้ว วิทย์ คุณขึ้นรถไปก่อน” ชายชาตรีทั้งสองคนถึงกับตกตะลึง ไม่ต้องพูดถึงสุวิทย์เลย แม้แต่อรรถพลก็ยังไม่เคยเห็นเพ็ญจิตโมโหสติหลุดมาก่อน “คุณภรรยา ผมจะรอคุรอยู่บนรถนะ” สุวิทย์รู้ว่าเพ็ญจิตไม่อยากให้ตนอยู่ด้วย จึงหมุนตัวกลับขึ้นรถ“พี่คะ เขากับพ่อนัดกันว่าจะมาทานอาหารกลางวันด้วยกันเรียบร้อยแล้ว พี่มาขัดขวางพวกเราที่นี่มันจะมีประโยชน์อะไร? พี่ไม่เพียงแค่ดูถูกฉันซึ่งเป็นน้องสาวคนนี้ แต่ยังทำให้พ่อขายหน้าอีก อย่างไรก็ตามพี่เองก็เป็นถึงประธานบริษัทเช่นเดียวกัน อายุอานามก็ตั้งสามสิบแล้ว ทำไมถึงยังกล้าทำเรื่องปัญญาอ่อนนี้ได้อีก ฉันกับสุวิทย์เราจดทะเบียนสมรสกันแล้ว พี่ทำแบบนี้แล้วมันจะเปลี่ยนอะไรได้?” เพ็ญจิตไม่อยากฉีกหน้าผู้เป็นพี่ชาย แต่วันนี้พี่ทำมากเกินไปจริงๆ เมื่อเห็นบาดแผลบนใบหน้าของพี่ชาย ในที่สุดเธอก็เข้าใจเสียทีว่าแผลบนใบหน้าของปสันน์มีที่มาที่ไปอย่างไร ตลอดเวลามานี้ พี่ชายในสายตาเธอเป็นคนตลกขบขัน และเป็นพี่ชายที่คอบปกป้องดูแลเธอ ทว่าตั้งแต่เมื่อวานจนถึงวันนี้ เขาทำตัวราวกับเด็กอายุสามขวบ เสียศูนย์ไปแล้วจริงๆ “เพ็ญจิต เธอตัดสินใจแล้วหรอ? เธอคิดว่าจะแต่งงานกับเขาจริงๆหรอ? เธอบอกเรื่องนั้นกับเขาแล้วหรือยัง?” เมื่อถูกเพ็ญจิตด่าทอเข้า บาดแผลในใจของอรรถพลก็ด้านชาขึ้นมา ใช่ เขารักเพ็ญจิต ทว่าวันนี้ที่เขาทำเช่นนี้ ไม่เพียงแค่เพราะรักเธอเท่านั้น แต่กลัวว่าเธอจะเสียใจ กลัวว่าเธอจะเจ็บปวด เขาอยากฉวยโอกาสหยุดเรื่องราวนี้ไว้ในขณะที่ยังไม่สายเกินไป ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่เชื่อว่าสุวิทย์รักเพ็ญจิต ไม่เชื่อว่าบนโลกใบนี้จะมีรักแรกพบได้ “ยังค่ะ พี่คะ วันนี้คุณพ่อเป็นคนนัดเขามานะคะ” เพ็ญจิตรู้ว่าอรรถพลกำลังถามเรื่องลูก จึงทำท่าส่ายหัวพูดด้วยความระหงภูมิฐาน
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 61 เพ็ญจิตตบหน้าอรรถพลอีกหนึ่งฉาด
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A