ตอนที่ 62 สุวิทย์จากไปอีกครั้ง   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 62 สุวิทย์จากไปอีกครั้ง
ต๭นที่ 62 สุวิทย์จากไปอีกครั้ง “แล้วเธอล่ะ? เธอคิดจะไปต่อกับเขาไหม? เพ็ญจิต เธอไม่อาจทำผิดได้อีกครั้งนะ” อรรถพลมองไปด้านหน้าของรถ หวังว่าพวกเขาสามารถหายไปต้อนนี้ “พี่คะ หนูเป็นผู้ใหญ่แล้ว นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของหนู พี่ไม่ต้องมาใส่ใจขนาดนี้ได้ไหมคะ? เรื่องของหนูหนูขอจัดการเอง จะไปต่อกับสุวิทย์ไหม หนูจะเป็นคนตัดสินใจเอง” เพ็ญจิตอย่างจะตะคอกเสียงดังจริงๆ แต่ที่นี่คือหน้าบ้าน เธอไม่อยากทำให้พ่อกับแม่ตกใจ “วิทย์ แกคิดว่าพวกเขาคุยอะไรกัน? แกดูสิเมียแกเดี๋ยวส่ายหน้า เดี๋ยวก็พยักหน้า ส่วนอรรถพล ก็ดุอย่างกับหมาราวกับจะกินหัว พวกเขาทะเลาะอะไรกันแน่? ” ปสันน์มองเพ็ญจิตสองพี่หน้าที่อยู่ริบๆด้วยความสงสัย “เธอจะจัดการยังไง? พวกผู้ชายกลับกลอกกระล่อนปลิ้นปล้อนไปมาทำให้เธอวนอยู่แต่ลูปเดิม เมื่อวานเธอยังบอกว่ากลับมาเพื่อที่จะขอหย่า แต่แค่พริบตาเดียว? เธอก็นอนกับเขาเสียแล้ว ทำไมเธอ...” “เพี๊ยะ - -” ความพลั้งปากของอรรถพล พูดเรื่องที่ไม่ควรพูดออกมาจนหมด ทำให้เพ็ญจิตอดรนทนไม่ไหว เงื้อมือตบหน้าเขาไปหนึ่งฉาด “พอเถอะ หนูนอนกับเขาแล้วมันยัง? พวกเราเป็นสามีภรรยากัน นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของผัวเมีย ขอร้องล่ะค่ะ พี่อย่ามายุ่งเรื่องส่วนตัวของหนูเลย พี่คะ...” เพ็ญจิตตะเบ็งเสียงดังใส่อรรถพล เธอพยายามอดทนอดกลั้นครั้งแล้วครั้งเล่า เพื่อที่จะรักษสายสัมพันธ์พี่น้องตลอดยี่สิบกว่าปี แต่หากอรรถพลไม่ใช่พี่แท้ของตัวเองแล้ว ถ้าเช่นนั้นเธอก็ไม่มีความจำเป็นใดๆอีก “โอ้โห—ไม่คิดเลยนะเนี่ยว่าอาซ้อใจเด็ดขนาดนี้ ฝ่ามือนั้นคงเจ็บปากแน่ๆ” ปสันน์ที่นั่งอยู่บนรถอดลูบไร้ไปที่แก้มของตัวเองไม่ได้ พูดในใจ เหนือฟ้ายังมีฟ้าจริงๆ วันนี้อรรถพลโหดร้ายกับเขาถีงปานนั้น ตอนนี้เพ็ญจิตตบหน้าเขา แต่เขากลับจำทน “ไอ้อรรถพลนั่น คงพูดอะไรน่ารังเกียจเป็นแน่” สุวิทย์ที่มองเห็นก็อยากจะลงจากรถเป็นธรรมแต่ แต่ถูดปสันน์ห้ามยื้อไว้“วิทย์ รอก่อน ไม่ว่าอย่างไร พวกเขาก็เป็นพี่น้องกัน หากอย่างไรอีก อรรถพลก็คงไม่...”“ถ้าหากเขาคิดว่าเพ็ญจิตเป็นน้องสาวจริงๆ จะพูดจาแน่ๆออกมาหรือ? เพ็ญจิตเป็นแค่เด็กที่บ้านวงศ์อัจฉราเก็บมาเลี้ยง ส่วนไอ้อรรถพลนี้ สารเลวจริงๆ แกปล่อยเดี๋ยวนี้ ฉันจะไปหามัน...” สุวิทย์ตะหวาดใส่ปสันน์“อะไร? ไม่ใช่พี่น้อง...” ปสันน์ตกใจ สุวิทย์ฉวยโอกาสสลลัดมือเขา“เพ็ญจิต--” สุวิทย์รีบพุ่งมาข้างกายเพ็ญจิต แล้วคว้าเธอไว้ในอ้อมกอด กลัวมาอรรถพลจะสวนกลับมา“เพ็ญจิต เธออย่ามาเสียใจทีหลังก็แล้วกัน” อรรถพลจ้องสุวิทย์ดวยความเดือดดาลราวกัยไฟ จากนั้นก็ขึ้นรถไป เปิดทางให้ “พี่--” จ้องมือตัวเองด้วยความรู้สึกผิด แล้วก็มองไปยังรถของอรรถพล เปล่งเสียงเรียกโอดครวญ อรรถพลมิสนใจแยแส หายวับไปจากสายตาผู้คน น้ำตาของเพ็ญจิตคลอเบ้า ตั้งแต่เล็กจนโต แม้แต่พ่อกับแม่ยังไม่เคยลงมือกับพี่เลย แต่เธอกลับตบหน้าเขาถึงสองครั้งสองครา “คุณภรรยา พวกเราไปกันเถอะ เขานี่กวนส้นจริงๆ” สุวิทย์พยุงเพ็ญจิต เดินไปด้านหน้าราวกับจะไม่ขึ้นรถอีก“คุณไม่มีวันเข้าใจหรอก คุณไม่มีวันเข้าใจ ฉันไม่ควรตบเขา ไม่ควร” เพ็ญจิตพูดจบก็กัดริมฝีผากแน่น เกลียดสันดานแบบนี้ของตัวเองจริงๆ “พวกเราเข้าไปกันก่อนเถอะ ครั้งหน้าค่อยขอโทษเขา” สุวิทย์มิได้ซอกแซกซักไซร้ถามต่อ แม่ว่าเขาจะเกลียดอรรถพล แต่เขาก็เป็นผู้ชายเช่นเดียวกัน เขารู้รสชาติของการถูกผู้หญิงตบหน้าดี ถึงแม้จะเป็นน้องสาวก็ตาม พอเห็นเพ็ญจิตกับสุวิทย์เดินเข้าบ้าน ปสันน์ที่ตกตะลึงอยู่ก็ฟื้นคืนสติกลับมา เพ็ญจิตกับอรรถพลไม่ใช่พี่น้องกัน ถ้าเช่นนั้นเรื่องทั้งหมดก็พอจะเข้าใจได้ อรรถพลรักเพ็ญจิต? เมื่อเข้าบ้านวงศ์อัจฉรามา แม้ว่าจะมีอรรถพลเจ้าเสี้ยนหนามนั่นอนู่ แต่กลับมิได้กระทบกระเทือนอารม์สุนทรีย์ของคนเขาเลยสักนิด คุณอุดมจัดการภาระหน้าที่ได้เยี่ยมยอดมาก เมื่อสุวิทย์ปรากฏตัว คุณวาสนามิได้มีท่าทีไม่มิพอใจใดๆ ซ้ำยังยิ้มเบิกบานไม่หุบอีก นับตั้งแต่ตัวตนที่แม้จริงถูกเปิดเผบ อารมณ์ของคุณวาสนาไม่เพียงแต่สงบคงที่ แต่ยังเห็นเพ็ญจิตเป็นเสมือนลูกสาวแท้ๆของตัวเองอีก มิได้มีขัดคอ ทัดท้วงอีกต่อไป ครั้งนี้เมื่อเห็นสุวิทย์ ฐานะไม่เลว แน่นอนว่าดีใจจนหุบหุบปากไม่ได้ เพียงแต่เมื่อถึงตอนที่สุวิทย์เปรยกับพวกเขาเรื่องงานแต่งงาน เพ็ญจิตที่เอาแต่ปิดปากเงียบมาตลอดก็ลุกขึ้นยืน“พ่อคะ แม่คะ สุวิทย์ ฉันไม่อยากจัดงานแต่งงาน” เมื่อกี้เพ็ญติคคิดพิจารณาปัญหานี้มาตลอด การจะจัดงานแต่งงานหรือไม่มีใช่ประเด็นสำคัญ เรื่องลูกๆ เมื่อกี้ที่เธอจะเอ่ยปากพูดกลับโดนตัดหน้าไปเสียก่อน แต่ตอนนี้เมื่ออยู่เผชิญหน้าทั้งคุณพ่อคุณแม่และสุวิทย์ เพ็ญจิตอยากพูดเท่าไหร่ก็พูดไม่ออก “ยัยเด็กซื่อ พวกเธอจดทะเบียนกันแล้ว ทำไมจะจัดงานแต่งไม่ได้เล่า หึ๊? หรือต่อให้เป็นเพราะเรื่องก่อนหน้านี้ แต่เรื่องมันผ่านไปแล้วนมนานหลายปี และไม่มีใครขัดขวางได้อีก ที่สำคัญก็คือเรื่องการแต่งงานของเธอผ่านไปด้วยดี ฉันดูสิว่าใครมันจะกล้าหัวเราะเยาะเธอ” เห็นได้ชัดเลยว่าคุณวาสนาเข้าใจผิด “แม่คะ ไม่ใช่เพราะเรื่องนี้นะคะ หนูแค่คิดว่าไม่มีความจำเป็นจะต้องจัดงานแต่งน่ะค่ะตราบใดที่คนทั้งสองผูกใจรักใครกัน หากไร้ความนัก ต่อให้จัดงานก็มีโอกาสอย่ากันอยู่ดี” เพ็ญจิตถูกสายตาของคนทั้งสามจับจ้องจนทำตัวไม่ถูก “เพ็ญจิต งานแต่งลูกสาว เป็นธรรมเนียมประเพณีที่สืบทอดกันมายาวนานของพวกเราคนจีน” คุณอุดมตกใจเล็กน้อย เขาคิดว่าสุวิทย์กับเพ็ญจิตปรึกษาหารือกันมาเรียบร้อยแล้ว สุวิทย์ไม่พอใจ จนป่านนี้แล้ว เขาไม่รู้ว่าเพ็ญจิตยังติดขัดเรื่องอะไรอยู่อีก? เป็นเพราะเรื่องที่อรรถพลคุยกับเธอก่อนหน้านี้หรือเปล่า? “พ่อคะ พวกเราจดทะเบียนกันมาห้าปีแล้วค่ะ มาจัดงานเอาตอนนี้ มันจะแปลกๆนะคะ อีกอย่างจะว่ากันอย่างจริงจังแล้วระยะเวลาที่พวกเรารู้จักกันยังไม่ยาวนานเท่าไหร่นัก ทั้งสองฝ่ายยังไม่ได้เข้าใจกันอย่างลึกซึ่ง” เมื่อได้คำพูดของเพ็ญจิต สุวิทย์ก็หน้าดำคร่ำเครียดขึ้นมาทันที เห็นได้ชัดว่าเพ็ญจิตก็พูดออกมาลวกๆ เริ่มแรกพูดถึงว่าจดทะเบียนกันมาห้าปี ตอนจบพูดว่ารู้จักกันจริงๆจังๆไม่นาน เห็นได้ชัดเลยว่าเธอไม่เชื่อใจเขากระมัง เดิมทีบนโต๊ะอาหารนี้มิได้มีเรื่องใดที่เป็นของปสันน์ แต่เมื่อเห็นท่าทางของสุวิทย์ที่กำลังจะสติหลุด ก็เลยรีบเลื่อนแก้วเบียร์ไปทางเพ็ญจิต: “อาซ้อ แก้วนี้ให้เธอ ข้าน้อยพูดเรื่องที่มิควรพูดที่นี่ ในเมื่อคุณกับวิทย์แต่งงานกันมาห้าปีแล้ว ก็ย่อมต้องจัดงานแต่งงานเป็นธรรมดา” “วิทย์ ใจเย็นลงสักหน่อยเถอะ คุณกับเพ็ญจิตยังต้องถ่ายรูปพรีเวดดิ้ง อีกอย่างพวกเราก็ยังต้องหาคนมาดูฤกษ์งามยามดีสักหน่อย ไม่จำเป็นต้องรีบเร่ง อย่างไรพวกเธอก็จดทะเบียนกันแล้ว” คุณอุดมเห็นบรรยากาศอึดอัด จึงพูดขึ้นกับสุวิทย์ “ใช่จ่ะ ใช่จ่ะ เรื่องงานแต่งต้องค่อยๆเป็นค่อยๆไป ไม่ควรรีบเร่ง อีกสองเดือนก็จะปีใหม่แล้ว ค่อยว่ากันปีหน้าก็ยังไม่สาย” คุณวาสนาเอ่ยปากพรางยิ้มหัวเราะไปด้วย “วิทย์ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะแต่งงาน ฉันอยากไปอเมริกาสักหน จากนั้นก็ไปจัดการธุระที่อิตาลีให้เรียบร้อย” เพ็ญจิตรู้ดีว่าตัวเธอผิด แต่ทั้งสองเรื่องนี้เธอจำเป็นต้องจัดการให้เรียบร้อยเสียก่อน ต่อให้ตอนนั้นแม่จะทิ้งเธอไป เธอเองก็หวังว่าผู้เป็นแม่แท้ๆของตัวเองจะมาร่วมงานแต่ง อีกอย่าง เรื่องงานแต่งงานนี้ ยังต้องถามลูกๆทั้งสอง ดูสิว่าพวกเขามีความเห็นอย่างไร ตอนที่กลับมา จึดประสงค์แรกก็เพื่อลูกๆ ในปัจจุบันนี้ไม่ว่าจะแต่งหรือเลิก ยังต้องถามความเห็นลูกๆ ข้าวกลางวันมื้อนี้ นอกเสียจากปสันน์ ก็เกรงว่าไม่มีใครกินออกรสเลยสักคน หลังจากทานเสร็จ สุวิทย์ก็เดินหน้าดำคร่ำเครียดจากไป เพ็ญจิตรู้ว่าเขากำลังโกรธ ก็อยากให้เขาสงบสติอารมณ์ลงหน่อย ภายในโรงแรม ปสันน์ที่ตามกลับมาก็เห็นสุวิทย์ทำหน้าบูดยึ้ง ไม่พูดไม่จาสักคำ ก็รู้สึกเป็นห่วงจงพูดโน้มน้าว: “วิทย์ แกอย่าเก็บเอามาคิดเลย จริงๆแล้วฉันคิดว่าที่เพ็ญจิตพูดก็ไม่ผิด เมื่อห้าปีก่อน แม้พวกแกจะจดทะเบียนกันแล้ว แต่พวกแกก็ไม่ได้รู้จักมักจี่กัน แม้ว่าวันนี้จะร่วมงานกัน แต่อย่างไรๆก็...” “หุบปาก ปสันน์ แกใช่ไหมที่พวกเรื่องไรวินทร์กับเพ็ญจิต?” ปสันน์ไม่พูดก็ดีๆอยู่หรอก พอพูดขึ้นมา สุวิทย์ก็นึกขึ้นได้ เมื่อวานซืนเพ็ญจิตยังดีๆอยู่ แต่พอกลับมาก็เปลี่ยนไป อีกอย่างยังซักไซร้ถามเรื่องในวันวานอีก นอกจากปสันน์ก็ไม่มีคนอื่นอีกแล้ว “เอ่อ—ฉัน...ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉันก็แค่หลุดปากพูดไป นอกจากเรื่องที่เธอเป็นรักแรกของแกแล้ว ฉันก็ไม่ได้พูดอะไรอีก” เห็นสายตาที่ยิ่งแหลมคมของสุวิทย์ ปสันน์ก็ยกมือขึ้นสาบาน “ไม่มีเรื่องอื่นแล้วจริงๆ” สุวิทย์ถอนหายใจ กล่าวโทษ”เฮ้อ คงเป็นเพราะเรื่องนี้แน่เลยเพ็ญจิตถึงได้โกรธ ครั้งนี้แกสมควรตายจริงๆ” “หากเป็นเพราะเรื่องนี้จริงๆ ตอนนั้นเองเธอก็รู้แล้วว่าแกกับไรวินทร์ไม่ได้ติดต่อกันอีก ก็อารมณ์ดีขึ้นไม่ได้ถือโทษโกรธ เอาเข้าจริง พวกแกจดทะเบียนสมรสกันแล้ว งานแต่งครั้งนี้ก็ไม่เห็นจำเป็นมากนัก เร็วนิด ช้าหน่อยคงไม่มีผลกระทบหรอก” ปสันน์ที่ได้รับการนิรโทษพูดปลอบใจสุวิทย์ “จะว่าอย่างนั้นก็ได้ แต่...” จู่ๆโทรศัพท์ของสุวิทย์ก็ดังขึ้น ขัดบทสนทนาของทั้งสองคน“ท่านประธาน ผมชวิศนะครับ ผมเจอร่องรอยของผู้หญิงคนนั้นแล้ว ไม่ทราบว่าคุณสะดวกเมื่อไหร่ครับ ผมจะได้ส่งข้อมูลไปให้” ที่แท้แล้วก็เป็นคุณนักสิบโทรมา สุวิทย์ได้ยินดังนั้นก็พออกพอใจหาก จัดการเรื่องนี้เรียบร้อยแล้ว เช่นนั้นเขาก็ไม่มีเรื่องติดใจอีก ช่วงนี้มีแต่เรื่องดีๆถาโถมเข้ามา ดูท่าแล้วการปรากฏตัวของเพ็ญจิตจะนำพาโชคลาภวาสนาดีมาแก่เขา เริ่มแรกก็คือได้ข่าวคราวของไรวินทร์ เรื่องต่อมาก็ได้ข่าวคราวของผู้หญิงคนนั้น ตามที่ลุงกำจรเคยกล่าวไว้ ผู้หญิงคนนั้นนามสกุลศรีทอง ชื่อจริยา ศรีทอง เคนเป็นเลขาของคุณพ่อ ในตอนนั้นก็เป็นเพราะผู้หญิงคนนั้นนี่แหละ แม่ถึงได้ออกจากบ้านไปและประสบอุบัติเหตุ นับตั้งแต่พ่อจากไป เขาก็ตามหาผู้หญิงคนนั้นมาตลอด“ตอนนี้บ่ายสามแล้ว ไม่งั้นเอางี้ไหม ตอนหกโมงพวกเราไปพบกันที่โรงแรมที.เอส แล้วค่อยโทรมาอีกทีตอนถึงเวลานัด” สุวิทย์พูดอย่างเด็ดขาดแน่วแน่“วิทย์ ตอนนี้แกจะไปแล้วหรอ?” ปสันน์แปลกใจเล็กน้อย เมื่อวานเขารีบแจ้นรุกรี้รุกรนมา ตอนนี้กลับจะไป หรือว่าจะไม่รอให้กลับไปพร้อมกันกับเพ็ญจิต สุวิทย์พนักหน้า ตอนนี้เขายังโกรธเพ็ญจิตอยู่ อีกอย่างเพ็ญจิตก็ตัดสินใจไปแล้ว หากจะขืนอยู่ต่อก็ไม่มีเรื่องใดให้จัดการ ไม่สู้กลับไปจัดการธุระให้เรียบร้อยก่อนจะดีกว่า ดังนั้นจึงพูดกับปสันน์ว่า: “ฉันจะกลับไปทำธุระก่อน แกรออยู่นี่เป็นเพื่อนเพ็ญจิตแล้วกัน ถ้าหากอรรถพลมารังแกเธอ ก็ไม่ต้องเกรงใจเด็ดขาด” “ก็ได้ ถือว่าฉันชดเชยความผิดให้แล้วกัน อย่างน้อยก็โทรไปอธิบายกับเพ็ญจิตสักหน่อย แบบนี้ถ้าเธอถามขึ้นมา ฉันเองก็ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร” ปสันน์ลังเลอยู่พักนึงห่อนจะเป่ยปากพูด “ไม่โทร ถ้าเธอถาม ก็บอกว่าที่บริษัทมีปัญหา ฉันเลยกลับไปก่อน หากเธอไม่ถามก็ไม่ต้องพูด” สุวิทย์พูดด้วยความขุ่นเคืองเล็กน้อย “เธอถามแน่ๆ วิทย์ พวกเราเป็นผู้ชายชาตรี อย่าถือโทษโกรธผู้หญิงเลย แกโทรไปหาเธอสักหน่อยเถอะ มันจะทำให้ใจเธอรู้สึกไม่ดีเอาได้ ถ้าแกยังขืนจะไปโดยไม่ร่ำลา คงไม่ดีเท่าไหร่ ”
已经是最新一章了
加载中