ตอนที่ 63 ที่แท้แล้วคุณเลขาเป็นถึงลูกสาวของคู่อริ
1/
ตอนที่ 63 ที่แท้แล้วคุณเลขาเป็นถึงลูกสาวของคู่อริ
OMG!สุ่มได้สามีคนหนึ่ง
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 63 ที่แท้แล้วคุณเลขาเป็นถึงลูกสาวของคู่อริ
ตนที่ 63 ที่แท้แล้วคุณเลขาเป็นถึงลูกสาวของคู่อริ เดิมทีเพ็ญจิตอยากจะรอถึงพรุ่งนี้ให้ความโกรธของสุวิทย์ทุเลาลงก่อนแล้วค่อยมา แต่ก็อดรนทนอยู่บ้านฟังแม่รบเร้าไม่ไหว จึงต้องจำทนมา “ปสันน์ วิทย์อยู่ข้างในไหม?” เมื่อเพ็ญจิตมาถึงโรงแรม ปสันน์กำลังยืนเหม่อลอยเหมือนต้องโทษอยู่หน้าห้องหมายเลข 2806 “เพ็ญจิต คุณมาแล้วหรือ” ปสันน์ที่มัวแต่เหม่อลอย เพิ่งจะดึงสติกลับมาได้ก็ตอนที่เพ็ญจิตเรียก “วิทย์เขา...ไม่อยู่แล้ว เมื่อกี้เขาได้รับโทรศัพท์ด่วนเลยกลับไปก่อน” ปสันน์พูดติดอ่างอ้ำๆอึ้งๆ เขาไม่เข้าใจจริงๆ วิทย์ มีเรื่องอะไรสำคัญไปกว่าผู้เป็นภรรยาอีกหรือ โดยเฉพาะในเวลาคอขาดบาดตายเช่นนี้ “ก...กลับไปแล้ว?” เพ็ญจิตพูดทวนสามคำนี้ นอกจากตกใจแล้ว เธอยิ่งรู้สึกราวกับจิตตกใจหาย ทำไม? ทำไมถึงไปแล้ว? เป็นเพราะเธอไม่ยอมตกลงแต่งงานหรือ? “เพ็ญจิต เธออย่าเข้าใจผิด เป็นเพราะวิทย์มันได้รับสายด่วน ไม่ใช่เพราะเรื่องอื่น” เมื่อเห็นท่าทางจิตหลุดของเพ็ญจิต ปสันน์จึงช่วยพูดอธิบายแทนสุวิทย์ พอเขาอธิบายเช่นนี้ เพ็ญจิตก็ยิ่งรู้สึกผิดสังเกตุมากกว่าเดิม หัวใจก็ยิ่งทวีความเจ็บปวดมากขึ้น “ไม่มีอะไร งั้นฉันขอตัวกลับก่อนนะ ท่านรอง หากที่บริษัทมีปัญหาจริง คุณกลับก่อนก็ได้นะคะ อีกสองสามวันเดี๋ยวฉันค่อยนั่งรถกลับไปเองก็ได้ค่ะ” หลังเดินออกไปได้สองสามก้าว เพ็ญจิตก็หันกลับมาพูดกับปสันน์ “ตอนที่วิทย์จะไปได้กำชับผมไว้ว่า ไม่ว่าอย่างไรก็ให้อยู่รอเป็นเพื่อนคุณ ดังนั้นไม่เป็นไรครับ มีวิทย์อยู่ งานของผมเขาก็คงยกให้คนอื่นจัดการ” ปสันน์รู้สึกเหมือนหัวจะระเบิด เขาเองก็อยากกลับไป เขายอมที่จะทำงานดีกว่าต้องเผชิญหน้ากับพวกผู้หญิง โดยเฉพาะผู้หญิงของวิทย์คนนี้ “ค่ะ อาจจะอีกสักสองวันฉันถึงจะกลับไป งั้นฉันไปก่อนนะคะ” เพ็ญจิตพูดอย่างไร้ชีวิตชีวา หลังจากกลับถึงบ้าน เพ็ญจิตก็เอาแต่ขังตัวเองอยู่ในห้อง คุณวาสนาคิดว่าเพ็ญจิตกับสุวิทย์คงจะงอนกัว แต่กลับไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วในห้องเพ็ญจิตกำลังคุยอยู่กับลูกๆ ที่อาศัยอยู่ในแดนไกล ณ อิตาลี หลังสุวิทย์กลับไปถึงก็รีบบึ่งตรงไปที่โรงแรมที.เอสทันที แต่กลับมาสายไปนิดหน่อย แม่ว่าเขาจะคำนวนเวลาไว้อย่างพอดิบพอดีแล้ว แต่ไม่สามารถคาดการณ์เวลารถติดได้ โชคดีที่คนรวยนับว่าเป็นพระเจ้า ชวิศผู้เป็นนักสืบจึงจำต้องรอเขา “ท่านประธาน สวัสดีครับ” พอพบสุวิทย์ ชวิศยิ้มหน้าบายกล่าวทักทายเขา “อือ นำข้อมูลมาด้วยหรือเปล่า?” สุวิทย์มิได้ยื่นมือออก รีบนั่งลงถามด้วยเสียงเรียบเฉย “แน่นอน เชิญดูเลยครับ” ชวิศพูดพลางยื่นแฟ้มเอกสารในมือส่งให้สุวิทย์ “เพื่อที่จะสืบหาผู้หญิงคนนี้ ผมสูญเสียเวลาไปไม่น้อย เพื่อที่จะถ่ายรูปเหล่านี้ ผมถึงกับต้องบินไปอเมริกา วิ่งว่อนไปถึงเก้ารัฐถึงจะเจอ ท่านประธานครับ ใช่ผู้หญิงคนนี้ไหมครับ?” เมื่อสุวิทย์เห็นข้อมูล ชวิศที่อยู่ข้างๆก็เอาแต่พูดพล่ามไม่ยอมหยุด เอาแต่พูดถึงแต่ว่าพวกเขาต้องทุกข์ยากลำบากเพียงใด เสียเงินเสียทองไปมากแค่ไหนในการตามหาจริยา เพียงเพื่อถามหาค่าตอบแทนสักหน่อย “ขอแค่เพียงข้อมูลพวกนี้เป็นความจริง ผมจะตกรางวัลให้พวกคุณทั้งสองคนเป็นแน่” สุวิทย์พูด ข้อมูลในนี้บันทึกได้ละเอียดมากจริงๆ แม้แต่พ่อแม่คนรอบตัวของจริยาก็ล้วนบันทึกไว้ทั้งหมด “ลูกสาวของหล่อนชื่อนิตา? ชวิศ คุณแน่ใจนะว่านิตาเป็นลูกสาวของจริยา?” สุวิทย์ถือรูปภาพแล้วถามข้นด้วยความประหลาดใจมาก “ท่านประธานครับ ไม่ผิดอย่างแน่นอน ผู้หญิงที่ชื่อจริยาคนนี้ คลอดลูกออกมาสี่คน พ่อของคุณนิตาน่าจะเป็นคนจีน ส่วนที่เหลืออีกสามคนน่าจะเป็นชาวต่างชาตินะครับ ในนี้มีรูปอยู่ คุณลองดูนะครับ นอกจากนี้ พวกเรายังสืบหาบันทึกการเช้า-ออกประเทศแล้ว คุณนิตาคนนั้นที่อยู่ที่บริษัทโอก้ากรุ๊ป จำกัด ก็คือลูกสาวของคุณจริยาอย่างแน่นอน” ชวิศพูดไปก็พลางยื่นและชี้ไปที่รูปภาพ “พวกคุณทำงานได้ละเอียดมาก นี่เป็นเช็ค หนึ่งล้านหยวน อีกอย่าง พวกคุณหาเบาะแสของไรวินทร์เจอบ้างหรือเปล่า?” สุวิทย์เซ็นต์เช็คอย่างหน้าใหญ่ใจดี การรอคอยยาวนานหลายปีได้รับคำตอบเสียที เขาอารมณ์ดีมาก ตอนเซ็นต์เช็คจึงเพิ่มเงินให้หลายเท่า “ขอบคุณครับท่านประธาน ในเมื่อท่านประธานใจกว้างเช่นนี้ ข้อมูลของพวกเราก็ย่อมมีมากขึ้นเอย่างแน่นอน คุณไรวินทร์อาศัยอยู่ที่ บ้านเลขที่68 ถนน** เป็นบ้านพักส่วนตัวของข้าราชการท่านหนึ่ง ตลอดหลายปีมานี้ไรวินทร์อาศัยอยู่ต่างประเทศมาโดยตลอด กลับมาครั้งนี้ก็เพื่อที่จะพึ่งบุญบารมีของคนอื่น หวังว่าข้อมูลของพวกเราจะช่วยท่านประธานได้นะครับ” หลังจากชวิศส่งข้อมูลมา ก็หยิบรูปภาพใบหนึ่งออกมาจากตัว วางไว้บนโต๊ะอย่างใจกว้าง ด้านบนเขียนนี้เขียนที่อยู่ของไรวินทร์เอาไว้ แถมยังเป็นภาพที่ถ่ายคู่กันกับข้าราชการท่านนั้นอีก แน่นอนว่า นี่ก็เป็นอีกผลหนึ่งที่ทำให้สุวิทย์ใจปล้ำ ฉนั้นแล้วเขาจึงมอบข้อมูลนี้ให้เป็นของขวัญ และถือเป็นการเตือนใจสุวิทย์ “ช่วยผมจับตาดูเธอเอาไว้” สุวิทย์กวาดตามองรูปภาพ ข้อมูลพวกนี้เป็นการพิสูจน์ยืนยันสันดานธาตุแท้ของไรวินทร์อีกทางหนึ่ง เขายิ่งผูกใจเจ็บตัวเองมากขึ้น หากตอนนั้นเขาไม่ได้โง่เขลาเบาปัญญาถึงเพียงนั้นคงไม่กระทำผิดพลาดเช่นนั้นไปได้ และคุณพ่อก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเสียสละ ส่วนตัวเองก็คงไม่ทำความผิดมหันต์ เข้าใจคุณพ่อผิดไปได้ “โปรดวางใจเถอะครับท่านประธาน หากมีพวกเรารับผิดชอบเรื่องนี้ ไม่มีทางเกิดความผิดพลาดใดๆแน่ครับ” ชวิศเก็บเช็คเรียบร้อย หันไปกล่วาอำลากับสุวิทย์: “ท่านประธานครับหากภายหลังมีเรื่องใดอีกเชิญสั่งการมาได้เต็มที่เลยครับ ผมยังมีธุระต่อ คงไม่รบกวนเวลาของท่านประธานแล้วล่ะครับ” หลังจากชวิศไปแล้ว สุวิทย์กลับมิได้แตะต้องข้อมูลเอกสารเหล่านี้อีก เขายืนนิ่งจ้องรูปภาพที่กระจายอยู่เกลื่อนโต๊ะ ทั้งรูปภาพของไรวินทร์ รูปภาพของจริยา ยังไงๆ ไรวินทร์ ผู้หญิงคนนั้นก็หนีไม่พ้นหรอก ตอนนี้เขาคงต้องจัดการกับจริยาก่อน เพื่อเป็นการแก้แค้นให้กับแม่ สุวิทย์อยู่ที่โรงแรมประมาณสองชั่วโมงถึงจะหอบเอกสารกลับไป เขาไม่ได้มุ่งตรงกลับบ้าน แต่กับไปที่บริษัทแทน หลังจากถึงที่บริษัท เขาค้นแฟ้มช้อมูลฝ่ายบุคคลากรของบริษัท ค้นหาข้อมูลของนิตา หากข้อมูลของชวิศมิผิดพลาดล่ะก็ ถ้าเช่นนั้นนิตาเลขาของเขาก็คือลูกสาวของคู่อริ ดูท่าแล้วฟ้าช่างยุติธรรมเสียจริงถึงได้ส่งลูกสาวของคู่อริมาอยู่ข้างกายเขา เดาว่าเพื่อให้เขาได้แก้แค้นเป็นแน่ การจะไปหาจริยาที่อยู่อเมริกามิได้รวดเร็วทันใจถึงเพียงนั้น แต่สำหรับนิตาที่อยุ่เพียงแค่เอื้อมมือกลับง่ายดายจนมิรู้จะง่ายดายเช่นไรแล้ว ในวันจันทร์ สุวิทย์ต่อสายโทรหาแผนกเลขานุการ ให้นิตากลับมาทำงานที่ห้องท่านประธานดังเดิม ในตอนนั้นจริยาทำลายครอบครัวเขา ทำให้แม่ของเขาต้องตาย วันนี้ เขาเอาคืนให้อย่างสาสม ถึงเลือดถึงเนื้อ ทำให้จริยาเสียใจทรมานอย่างถึงที่สุด นิตาที่ได้รับคำสั่ง ก็มีความสุขอย่างเหลือล้น รีบเก็บข้าวของวิ่งแจ้นไปออฟฟิศท่านประธานด้วยความรวดเร็วปานสายฟ้า เธอยืนอยู่ด้านนอกห้องทำงานท่านประธาน จัดแจงเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ถึงได้เคาะประตูอย่างเบามือ “ท่านประธานคะ นิตามารายงานตัวค่ะ” “เข้ามา” สุวิทย์ที่กำลังคุยโทรศัพท์อยู่กับปสันน์ เมื่อได้ยินเสียงจากด้านนอก ก็รีบสั่งการสองสามประโยคและวางสายโทรศัพท์ “ท่านประธาน จู่ๆคุณก็ย้ายฉันไป แต่ตอนนนี้กลับโทรเรียกฉันขึ้นมา ไม่ทราบว่ามีอะไรคะ?” นิตาที่แต่เดิมทีมีความสุขจนแทบจะโบยบิน ตอนนี้กลับแกล้งทำเป็นเชิดใส่ด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ เมื่อเห็นนิตาซักไซร้ถามขึ้นอย่างมิรู้อิโหน่อิเหน่ สุวิทย์จึงพูดขึ้นอย่างหน้าตายไร้อารมณ์: “นี่เป็นคำสั่ง ผมเคยบอกแล้ว ถ้าไม่เต็มใจคุณก็ออกไปจากบริษัท ไม่มีใครห้ามคุณ”“ไม่ใช่ค่ะ ฉันแค่...แค่ต้องการเหตุผลสักข้อ แม้ฉันจะเป็นเพียงเลขขาตัวเล็กๆคนหนึ่ง แต่ฉันก็ย่อมมีศักดิ์ศรีของฉัน ไม่ใช่หมาใช่แมว ที่จะไล่ให้ไปก็ไปนึกจะเรียกให้มาก็มา” นิตากัดริมฝีปาก จ้องสุวิทย์ด้วยความน้อยใจ เมื่อสุวิทย์ไปอยู่ คุณพ่อคุณแม่ก็รบเร้าให้เพ็ญจิตรีบกลับไปให้เร็วขึ้นหน่อย โดยมิสนใจใยดีจิตใจของเพ็ญจิตแม้แต่น้อย ราวกับแทบอยากจะไล่ให้เธอไปแต่งงานเร็วๆ พอวันพุธ เพ็ญจิตจึงเตรียมตัวจะกลับไปทำงาน แต่อรรถพลยังไม่ยอมกลับมาเสียทีตลอดหลายวันมานี้ เพ็ญจิตจึงทำได้แค่ส่งข้อความหาพี่ชายเป็นการอำลา ไม่ว่าเธอจะทำอะไร ความรักของพี่น้องระหว่างพวกเขาก็จะไม่มีวันสลายหายไป ระหว่างทาง ปสันน์เห็นเพ็ญจิตเอาแต่มองออกไปนอกหน้าต่าง มิพูดมิจา “เพ็ญจิต จริงๆคุณกับวิทย์ก็จดทะเบียนกันแล้ว ทำไมถึงยังยืนยันว่าจะไม่จัดงานแต่งอีกล่ะ?” “ไม่มีอะไร ก็แค่จดทะเบียนมาตั้งหลายปีแล้ว รู้สึกว่าไม่จำเป็น” เพ็ญจิตโกหก “อันที่จริง— วิทย์มันก็หวังก็แค่ว่าชีวิตนี้เธอจะไม่นึกเสียดายใดๆ พวกผู้หญิงไม่ได้อยากมีงานแต่งงานสักครั้งในชีวิต กันเสียทุกคนหรอกหรือ?” ปสันน์ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าเพ็ญจิตจะตอบกลับเข่นนี้ แต่มั่นใจว่า นี่ไม่ใช่เหตุผลที่แท้จริงของเธอ จากสัญาตญาณของผู้ชายแล้ว เพ็ญจิตต้องมีเรื่องอะไรปิดบังสุวิทย์อยู่แน่ๆ และเป็นเรื่องที่ไม่อาจบอกได้ หรือว่าจะเกี่ยวกับเจมส์? “ก็อาจจะ การกลับมาครั้งนี้ แม้ฉันอยากจะมาตามหาเขา แต่ไม่คิดเลยว่าเขาจะเปลี่ยนไปไม่เหมือนกับเมื่อก่อนเลยสักนิด ฉันตกใจมาก อีกอย่างฉันยังมีเรื่องบางอย่างที่ยังคิดไม่ตกอยู่” เพ็ญจิตสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ซึ่งช่วยให้เธอผ่อนคลายได้บ้าง “ให้เวลาเขาอีกหน่อย บางทีเขาอาจจะเจอผู้หญิงที่ดีกว่าก็เป็นได้?” “ไม่หรอกมั้ง? เธออยากทดสอบวิทย์ดูเหรอ?” ปสันน์ตกใจ จนเกือบจะชนรถคันข้างหน้า เขารีบรวบรวมสติ ไม่กล้าวอกแวกอีก “คุณคิดเสียว่าเป็นบททดสอบก็ได้ เมื่อห้าปีก่อนตอนที่ฉันรู้จักเขา ใบหน้าเขารกรุงรังปกคลุมไปด้วยหนวดเครา ดูไม่ออกว่าหน้าตาเป็นเช่นไร ราวกับคนเร่ร่อนพเนจรข้างถนน ด้วยเหตุนี้เอง ตอนนี้ถึงได้หลงเข้ามาอยู่ที่บริษัทโอก้ากรุ๊ปนี้ได้ ” เพ็ญจิตถอนหายใจ สุวิทย์เมื่อห้าปีก่อน เธอไม่มีความกดดันใดๆ แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกัน เขาไม่เพียงแต่เป็นท่านประธานใหญ่ของบริษัท แต่ยังเป็นหนุ่มหล่อ เดาว่าคงมีผู้หญิงมามากมาชอบเขา เธอไม่มีความมั่นใจ “ไม่หรอกมั้ง? ถ้างั้นตอนที่เธอเจอสุวิทย์คงไม่ใช่ว่าไม่รู้จักเขาอย่างนั้นหรอกนะ?” ปสันน์ตกใจอีกครั้ง เขาไม่คิดไม่ฝันจริงๆว่าระหว่างพวกเขาทั้งสองจะมีข่วงชีวิตเช่นนั้น “ไม่ใช่ไม่รู้จัก แม้ว่าชื่อจะเหมือนกัน แต่ฉันแค่คิดว่าเป็นคนชื่อเดียวนามสกุลเดียวกันแค่นั้นเอง จนกระทั่งเขาชิงสารภาพกับฉันก่อน” เพ็ญจิตหุบยิ้ม ถ้าหากสุวิทย์ไม่บอก เธอก็คงไม่คิดว่าสามีตัวเองกับท่านประธานบริษัทโอก้ากรุ๊ปเป็นคนๆเดียวกันไปตลอดเน่ๆ เมื่อคิดถึงตอนนี้ เธอก็เหม่อลอยทันที ตอนนั้นสุวิทย์ไม่มีความจำเป็นทีจะต้องบอกเธอ เพราะเธอไม่มีทางคิดได้อย่างแย่นแน หากเขาไม่ยอมรับการแต่งงานครั้งนั้น ก็ไม่จำเป็นต้องบอกเธอก็ได้แล้ว แต่เขากลับกล้าสารภาพ แถมยังเข้ามาพัวพันกับเธอก่อนอีก หรือว่า? หรือว่าสุวิทย์จะรักตนจริงๆ? เหตุที่เขามาสารภาพตรงๆกับเธอก่อนเป็นเพราะในใจของเขามีเธออยู่? เพ็ญจิตถึงกับตกตะลึงเพราะการคาดเดาอย่างอาจหาญเช่นนี้ หากเป็นเช่นนี้จริง ถ้างั้นตลอดหลายวันที่เธอตั้งแง่เง้างอนมานี้ไม่ถือเป็นการสิ้นเปลืองเวลา หรือรนหาเรื่องเองหรอกหรือ? “ดูท่าแล้วเขาแคร์เธอจริงๆ” ในขณะที่เพ็ญจิตเพิ่งจะคิดได้ ปสันน์เองก็พูดลอยออกมา “เขาแคร์ฉัน? ปสันน์คุณคิดว่าเขาแคร์ฉันจริงๆหรอ?” เพื่อเป็นการยืนยัน เพ็ญจิตซักถามปสันน์อีกรอบด้วยความดีอกดีใจ “แล้วไม่ใช่หรือไง? เพ็ญจิต หรือว่าคุณไม่รู้สึกเลยสักนิด? ไม่ต้องพูดถึงอดีต เอาแค่หลังจากที่พวกคุณแต่งงานกันมาได้ห้าปีนี่ คุณรู้ไหมว่ามีผู้หญิงมากมายแค่ไหนมาติดพัน?” ปสันน์ไม่คิดเลยว่าเพ็ญจิตจะมีความรู้สึกเชื่องช้าถึงเพียงนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ เขาจึงขับรถเข้าจุดบริการพักรถ เตรียมตัวจะสั่งสอนผู้หญิงซื่อบื้อคนนี้เสียหน่อย
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 63 ที่แท้แล้วคุณเลขาเป็นถึงลูกสาวของคู่อริ
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A