ตอนที่ 66 สุวิทย์งอนไม่ยอมไปตามหาเพ็ญจิต   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 66 สุวิทย์งอนไม่ยอมไปตามหาเพ็ญจิต
ต๭นที่ 66 สุวิทย์งอนไม่ยอมไปตามหาเพ็ญจิต “ถามไปก็เสียแรงเปล่า แทนที่จะถามนิตา ไม่สู้โทรหา 10086จะดีกว่า” ปสันน์หยิบโทรศีพท์ของสุวิทย์ ต่อสายหา 10086 “ช่างเถอะ ถามไปก็ไม่มีประโยชน์” สุวิทย์นั่งจ้องโทรศัพท์บนโซฟา เขาไม่คิดไม่ฝันเลยว่าเรื่องเมื่อห้าปีก่อนจะเกิดขึ้นอีกครั้ง ต่างกันก็ตรงที่เมื่อห้าปีก่อนเพ็ญจิตถูกอรรถพลพาตัวไป แต่ตอนนี้ เป็นไปได้สูงว่าเพ็ญจิตเป็นคนคิดที่จะไปเอง เมื่อคิดว่าไม่ง่ายเลยที่จะกลับมาพบกันอีก สุวิทย์จึงสาบานว่า ไม่ว่าอย่างไรก็ตามจะพาเพ็ญจิตกลับมาให้จงได้ ไม่มีทางยอมให้โศกนาฏกรรมอย่างเมื่อห้าปีก่อนซ้ำรอยเดิมอีก สุวิทย์ต่อสายหาบ้านวงศ์อัจฉรา ยังไม่ทันถาม คุณวาสนาก็ชิงถามเขาว่าเพ็ญจิตกลับไปถึงแล้วหรือยัง สุวิทย์ได้แต่พูดอือๆ กลัวว่าคุณวาสนาจะขอให้เพ็ญจิตมาพูดสาย จึงตอบไปอย่างลวกๆสองสามประโยค แล้วชิงวางสาย แต่ในยามนี้ ฝั่งปสันน์ก็ได้คำตอบแล้วเช่นกัน “วิทย์ เมื่อบ่ายซ้อโทรหาแกแล้วจริงๆ ซ้ำยังโทรติดประมาณหนึ่งนาทีกว่าๆ เห็นทีเรื่องราวมันชัดเจนสุดๆ ” ปสันน์ส่งมือถือให้สุวิทย์ แสดงท่าทางราวกับว่าฉันเดาไม่ผิด “รู้แล้วมีประโยชน์อะไร ตอนนี้อยากรู้แค่ว่าเธออยู่ที่ไหน?” สุวิทย์ลุกขึ้นราวกับจะออกไปตามหาเพ็ญจิต “เดี๋ยวก่อน วิทย์ แกรู้หรอว่าซ้อจะไปที่ไหน?” ปสันน์ตะโกนจากด้านหลัง “ฉันจะหาเธอให้เจอ” สุวิทย์ไม่ได้หันหน้าไปตอบ ปสันน์วิ่งตามออกมา ตะโกนเสียงดัง: “แล้วถ้าเธอกลับไปอิตาลีล่ะ?” “ฉันจะไปดูที่สนามบิน” สุวิทย์ชะงักไปครู่นึง ก่อนจะพูดอย่างแน่วแน่ “รอฉันด้วย ฉันไปกับแกด้วย” ปสันน์รีบล็อคประตู แล้ววิ่งตามออกมาด้วยความรวดเร็ว ตอนนี้รถของสุวิทย์ติดเครื่องแล้วเป็นที่เรียบร้อย ปสันน์มิสนใจใยดีรถของตัวเอง เปิดประตู กระโดดขึ้นรถของสุวิทย์ไป โชคดีที่ช่วงเวลารถติดหนักด่านพ้นไปแล้ว หลังจากประมาณแปดสิบนาที ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงสนามบินจนได้ ทั้งสองแยกกันตามหา สุวิทย์ไปดูเที่ยวบิน ส่วนปสันน์ไปสอบถามพนักงงานที่เคาน์เตอร์ว่าเพ็ญจิตไปแล้วหรือยัง ดูจากเวลาของเพ็ญจิต เธอคงมาไม่ทันเที่ยวบินไปฟลอเลนท์แน่ๆ ต่อให้จะไปเมืองอื่นๆใกล้เคียง ก็ยังไม่ทันอยู่ดี ถ้างั้นเป็นไปได้ไหมว่าเพ็ญจิตจะยังอยู่ที่นี่? หากเธอเพียงแค่โกรธ ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องกลับไปอิตาลี หรือบางทีอาจจะไปนอนโรงแรม ? สุวิทย์มองดูเวลา ตอนนี้เป็นเวลาถึงสี่ทุ่มแล้ว ควรจะรออยู่ที่สนามบินหรือกลับไปดี? ในขณะที่สุวิทย์จะกลับก็ไม่กลับ จะอยู่ก็ไม่อยู่ ปสันน์ก็วิ่งกระหืดกระหอบออกมา”วิทย์ แย่แล้ว เพ็ญจิตขึ้นเที่ยวบิน สุดท้ายของเมื่อบ่ายไปแอลเอแล้ว” “อะไรนะ? เธอไปแอลเอแล้ว ไปแล้วจริงๆนะหรอ?” ในหัวของสุวิทย์สับสนมึนงงไปหมด ราวกับจะระเบิดออกมา อย่างไรอย่างนั้น ไปแอลเอแล้ว ถ้างั้นเธอคงไม่คิดจะกลับมาแล้ว? ทำไมเธอถึงได้ละมิ้งความนักของพวกเขาไปเสียง่ายๆเช่นนี้? ละทิ้งเรื่องการแต่งงานของพวกเขา? “ใช่ แล้วนี่จะทำอย่างไรดี? แกจะขึ้นเที่ยวบินเที่ยวแรกของพรุ่งนี้ไปแอลเอไหม?” ปสันน์คิดไม่ถึงว่าเรื่องจะบานปลายถึงเพียงนี้ เพ็ญจิตจากไปโดยไปกล่าวลาเลยสักคำ “พวกเรากลับเถอะ” สุวิทย์ทำหน้านิ่ง เดินไปยังลานจอดรถ “วิทย์ แกไม่ไปตามหรอ?อย่างน้อยแกก็ต้องอธิบายสักหน่อย อย่าปล่อยให้เข้าใจผิด มิเช่นนั้นแกมีหวังคงได้รออีกห้าปีหรอก?” ปสันน์วิ่งเยาะๆ พูดโน้มน้าวอยู่ด้านหลัง “ไม่รอแล้ว ในเมื่อเป็นการตัดสินใจของเธอ ถ้าช่นนั้นฉันก็เคารพเธอ” สุวิทย์น้อยใจ “ไม่เอาหน่า ฉันคิดว่าเรื่องนี้เพ็ญจิตไม่ใช่คนที่จะต้องรับผิดชอบทั้งหมดนะ แกเองนั้นแหละที่จะต้องรับผิดชอบ แน่นอนว่ายังมีแม่เลขานั้นด้วย หรือบางทีพวกเราลองไปถามนิตาดูว่าเมื่อบ่ายเธอพูดอะไรไป ก็จะได้รู้สาเหตุที่เพ็ญจิตจากไปไง” ปสันน์รั้งประตูรถไว้ ไม่ยอมให้สุวิทย์ขึ้นรถ สุวิทย์นั่งอยู่บนรถ หากไม่ใช่เพราะปสันน์ยึดกุญแจรถไป ตอนนี้พวกเขาคงอยู่บนทางกลับแล้ว แต่เมื่อได้นั่งลงสักครู่ ได้ค่อยๆคิด ก็รู้สึกว่าปสันน์พูดมิ่ด เพ็ญจิตไปแอลเอแล้ว หากเขาไม่ตามเธอกลับมาถ้าเช่นนั้นก็ไม่รู้ว่าระหว่างพวกเขาสามีภรรยาจะได้กลับมาพบกันอีกเมื่อไหร่ ไหนจะพวกมารความรักอีก เขาหยุดตั้งคำถามขึ้นในใจไม่ได้ หากอรรถพลรู้ว่าเพ็ญจิตไปอเมริกา เขาจะตามไปตั้งแต่แรกแล้วหรือไม่? เมื่อคิดถึงท่าทางตะกละตะกลามเหล่านั้นของอรรถพลแล้ว คำตอบมันก็ชัดเจนว่าใช่แน่นอน เขาสูดลมหายใจเข้าลึก พูดกับปสันน์: “ฉันจะไปแอลเอ เรื่องที่บริษัทมอบให้นายดูแลแล้วกัน” สุวิทย์พูดด้วยอารมณ์โกรธเล็กน้อย ขาข้างหนึ่งถีบประตูรถออก “วิทย์ ถ้าเจอซ้อแล้วก็อย่าใส่อารมณ์ขนาดนี้นะ ผู้หญิงมักมีนิสัยแปลกๆหน่อยเสมอ แกแค่ออดอ้อนหย่อยก็พอแล้ว” ปสันน์บ่นจู้จี้ๆอีกครั้งอยู่ด้านหลัง “นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆแล้ว เธอจากไปแล้ว!ไปแล้ว” สุวิทย์ตะเบ็งเสียงด้วยความโกรธจัด “ฉันทำอะไรลงไปกันแน่? เธอไม่ยอมแม้แต่จะอธิบาย ก็จากไปเช่นนี้เสียแล้ว ตกลงเธอคิดว่าฉันเป็นสามีจริงๆไหม? ตกลงในใจเธอมีฉันอยู่จริงไหม?” สุวิทย์โมโหจนตะโกนมั่วซั่วไปเรื่อย ปสันน์ทำได้แค่ฟังเขาตะโกนอยู่เงียบๆจนจบ ถึงได้ตบบ่าเขาแล้วพูดขึ้น : “วิทย์ กว่าจะถึงแลเอตั้งสิบกว่าชั่วโมง ระหว่างทาง แกยังพอทบทวนได้ ฉันคิดว่าเรื่องนี้ไม่สามารถโทษเพ็ญจิตได้ทั้งหมด ฉันไม่เชื่อว่าแกดูไม่ออกว่านิตาสนใจแก หรือว่าตอนนั้นที่แกย้ายเธอออกไปก็เป็นเพราะเหตุผลนี้?” ปสันน์ไม่ได้พูดให้มากความ เขาเชื่อว่าสุวิทย์เองก็รู้ดีอยู่แกใจ เดิมทีมันก็ดีมากอยู่แล้วเชียว แต่เขาดันย้ายแม่เลขานั่นกลับมาเสียงั้น ไม่ว่าเขาจะมีเหตุลอะไร แต่นีก็เป็นเหตุเชื้อเพลิงที่ทำให้เพ็ญจิตจากไป สุวิทย์นั่งอยู่บนเที่ยวบินไปยังแอลเอ ในยามนี้ เพ็ญจิตจากไปได้ครบสิบกว่าชั่วโมงแล้ว เธอคงจะถึงแอลเอเป็นที่เรียบร้อยแล้ง ไม่รู้ว่าเธอจะเปลี่ยนเครื่องไปยังฟลอเลนท์หรือเปล่านะ? การเดินทางตลอดสิบกว่าชั่วโมงนี้ สุวิทย์ว้าวุ่นสับสนใจจาก เขารู้เหตุผลดี แต่นิตาเป็นลูกสาวของศัตรู แค้นนี้มิอาจไม่ชำระ และการลงมือกับนิตา เป็นวิธีที่ดีและได้ผลมากที่สุด หรือว่าเขาจะไปตามหาผู้หญิงคนนั้นที่อเมริกาดี? และภายในเวลาอันรวดเร็วดังสายฟ้าฟาด ในหัวของสุวิทย์ก็มีประโยคหนึ่งแวบเข้ามา บางทีเพ็ญจิตอาจจะยังไม่กลับอิตาลี และมาตามหาแม่ที่แท้จริงของตัวเอง สุวิทย์รู้สึกมีความสุขอันเนื่องมาจากความเป็นไปได้ในข้อนี้ หากเป็นเช่นนี้จริง เช่นนั้นความหมายก็ย่อมแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เขายังจำได้ว่าเมื่อไม่กี่วันก่อน เขารับปากเพ็ญจิตว่าจะมาตามหาแม่ของเธอด้วยกันที่อเมริกา เที่ยวบินตลอดสิบกว่าชั่วโมง ทำให้สุวิทย์ร้อนรนจนจะเป็นบ้า ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าไม่ใช่แค่เพียงพวกผู้หญิง ตราบใดที่ยังเป็นมนุษย์ ใครๆก็ย่อมคิดฟุ้งซ่านเพ้อเจ้อกันทั้งนั้น สุดท้ายเมื่อเครื่องบินจอดตัวลงจอด สุวิทย์ก็รีบเปิดเครื่องโทรศัพท์อย่างมิรีรอ และต่อสายหาเพ็ญจิตทันที และก็เป็นอย่างทีเขาคิดจริงๆ มือถือของเธอเปิดเครื่องแล้ว ซึ่งก็หมายความว่าที่เธอปิดเครื่องในตอนนั้นไม่ใช่เพราะอยากหลบหนีเขา แต่เป็นเพราะอยู่บนเครื่องบิน เมื่อเห็นเบอร์โทรบนหน้าจอโทรศัพท์ เพ็ญจิตก็ลังเลอยุ่พักนึง เป็นสายจากสุวิทย์ เมื่อวานเธอโทรไปตั้งหลายต่อหลายครั้งไม่ยอมรับสาย แล้วตอนนี้เขาจะโทรมาหาอะไร? เมื่อคิดถึงน้ำเสียงอันเย่อหยิ่งของนิตาเมื่อวาน เพ็ญจิตจึงไม่อยากจะรับโทรศัพท์จริงๆ แต่เหตุผลดันเอาชนะความรู้สึกไม่ได้ เธอยังเลือกที่จะกดปุ่มรับสาย “คุณภรรยา คุณอยู่ไหน? ผมขอโทษ ผมบอกแล้วไงว่าจะไปตามหาแม่ของคุณด้วยกัน” เมื่อไร้คนนอก สุวิทย์กลับพบว่า คำว่าขอโทษมิได้พูดออกมาจากปากยากเย็นถึงเพียงนั้น เพ็ญจิตอดทนไม่ยอมพูดจา แต่การอดรนทนกลั้นที่ช่างทรมานเหลือเกิน หลังจากสุวิทย์พูดคำว่าขอโทษครั้งแล้วครั้งเล่า ในที่สุดเพ็ญจิตก็ปริปากพูด “ฉันอยู่แอลเอ คิดว่าจะไปหาแม่” หัวใจของเพ็ญจิตเจ็บปวด เธออยากจะถามว่าทำไมเมื่อวานนี้นิตาถึงมารับโทรศัพท์ แต่กลับพูดคำหึงหวงเหล่านั้นไม่ออก อีกอย่างเธอคิดว่าสุวิทย์ควรจะเป็นคนเริ่มอธิบายเอง ดังนั้นจึงกลั้นความเจ็บปวดไว้ “ ไม่ต้องหรอก คุณทำงานไปเถอะ ฉันคิดว่าหลังจากเจอแม่แล้วจะกลับไปอิตาลี ฉันส่งจดหมายลาออกไปที่บริษัทแล้ว” “คุณภรรยา คุณคิดจะลาออก? โดยที่ไม่บอกกันสักคำ?” สุวิทย์ถามด้วยความโมโห: “ต่อให้ต้องตาย อย่างน้อยก็ควรจะบอกเหตุผลกันสักหน่อยสิ? ถ้าผมทำผิดอะไร คุณช่วยบอกผมหน่อยเถอะ ผมจะแก้ไขมันได้อย่างแน่นอน” “คุณไม่ได้ทำผิด เป็นฉันเองที่ไม่ชินกับการมีชีวิตคู่ ฉันขอโทษ บางทีพวกเรา...” สุวิทย์ออกคำสั่งทางโทรศัพท์: “ผมไม่อนุญาติให้คุณพูดคำว่าหย่าหรือทำผิดใดๆทั้งนั้น ผมจะบอกให้นะว่าตอนนี้ผมอยู่ไหน ผมอยู่ที่แอลเอแล้ว ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร ไว้เจอกันแล้วค่อยคุย” เพ็ญจิตเงียบ สุวิทย์รู้สึกสังหรณ์ใจส่าเธอจะวางสายโทรศัพท์ ดังนั้นจึงรีบตะเบ็งเสียง: “เพ็ญจิต ถ้าคุณกล้าวางสาย ไม่ว่าคุณอยู่ไหน ผมจะตามราวีคุณไม่เลิกรา” มือที่ถือสายอยู่ของเพ็ญจิตยกขึ้นมาอีกครั้ง เธอไม่กลัวว่าสุวิทย์จะมาหา แต่กลัวว่าเขาจะแย่งลูกไป เมื่อเห็นเพ็ญจิตไม่ตอบ สุวิทย์จึงรีบตะคอก: “เพ็ญจิต ต่อให้เธออยากจะหย่าจริงๆ ก็ควรมาคุยกันซึ่งๆหน้า มิเช่นนั้นเธอก็ล้มเลิกความคิดที่จะให้ผมยอมเซ็นต์นั่นไปเลย” “ก็ได้ ฉันอยู่ที่ โรงแรมโกลต์เตินร์ ห้อง 1526” สุวิทย์ถอนหายใจอย่างโล่งอก รีบบอกให้คนขับรถตรงไปยังโรงแรมโกลต์เตินร์ทันที เมื่อรู้ว่าสุวิทย์จะมา เพ็ญจิตก็นั่งรอในห้องไม่กล้าไปไหน อันที่จริงแล้ว เธอเองก็กังวลหน่อยๆ เธอไม่คิดว่าสุวิทย์จะ ตามมาไวถึงเพียงนี้ แถมยังไวกว่าอรรถพลเสียอีก เธอกังวลว่าหากทั้งสองคนมาประหน้ากัน เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้า อรรถพลโทรมาบอกว่ากำลังรอเปลี่ยนเครื่องอยู่ที่โตเกียว ตอนนี้หวังแค่ว่าพวกเขาจะไม่บังเอิญเจอกัน เพ็ญจิตสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เดิมทีคิดอยากโทรศัพท์กลับไปที่อิตาลี แต่ด้วยเรื่องรักๆใคร่ๆเช่นนี้คงไม่เหมาะสมเท่าใดที่จะถามเจมส์ เห็นทีคงต้องรอให้สุวิทย์มาก่อนแล้วค่อยวางแผนใหม่ เธอยอมรับว่าตัวเองหึง เดิมทีไม่รู้มาก่อนเลยว่าตัวเองจะหึงแรงได้ถึงเพียงนี้ แม้ขนาดตอนจัดงานแต่งเมื่อก่อนที่เจ้าบ่าวหนีไปกับผู้หญิงคนอื่น หรือแม้กระทั่งเห็นพวกเขาคลุกเคล้าคลอเคลียกันอยุ่บนเตียง เธอล้วนที่สามารถเผชิญหน้าได้อย่างไม่รู้สึกรู้สา แต่ตอนนี้ เพียงแค่นิตารับโทรศัพท์ของสุวิทย์ เธอคิดไปไกลราวกับเป็นโรคหัวใจ หายใจหายคอไม่ออก หัวใจของเพ็ญจิตสับสนวุ่นวาย แต่ในยามนี้ สุวิทย์กลับมาถึงแล้ว อีกทั้งยังกำลังเคาะประตูอยู่: “คุณภรรยา ผมเอง เปิดประตู” หายใจแล้ว หายใจอีก เพ็ญจิตตบแก้มตัวเองแล้วจึงเปิดประตู “เข้ามาสิ” “จะเอาแบบนี้หรอเพ็ญจิต? คุณหนีออกจากบ้าน ไม่ยอมให้คนเป็นสามีอย่างผมได้อธิบายสักหน่อยหรือ?” สุวิทย์ล็อค ประตู พูดกับเพ็ญจิตด้วยท่าทางดุร้าย “ฉันโทรหาคุณ แถมยังโทรหาตั้งหลายรอบด้วย แต่คุณไม่ยอมรับสาย จากนั้นคุณนิตาก็เป็นคนรับ ฉันคิดว่าคุณไม่อยากเจอฉัน เลยหนีออกมา...” เพ็ญจิตก้มหน้า พูดด้วยความน้อยใจ “แค่นี้หรอ? แค่เพราะว่าผมไม่รับโทรศัพท์คุณ คุณก็เลยหนีมา? ไม่บอกไม่กล่าวกันสักคำ เพ็ญจิต คุณเห็นว่าผมเป็นสามีจริงๆหรือเปล่า?” สุวิทย์ตะคอกเสียงเสร็จ ก็คว้าเพ็ญจิตเข้ามาในอ้อมกอด ราวกับจะกลืนกินเธอเข้าไปข้างใน 
已经是最新一章了
加载中