ตอนที่ 68 อรรถพลพูดแทงใจดำสุวิทย์
1/
ตอนที่ 68 อรรถพลพูดแทงใจดำสุวิทย์
OMG!สุ่มได้สามีคนหนึ่ง
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 68 อรรถพลพูดแทงใจดำสุวิทย์
ตนที่ 68 อรรถพลพูดแทงใจดำสุวิทย์ เมื่อเดินออกมาจากห้องน้ำ สุวิทย์กลับมิได้มี “ท่าทาง” เปลือยเปล่าร่อนจ้อนอีก ครั้งนี้เขาสวมเสื้อผ้าเรียบร้อยถึงได้ออกมา เมื่อเห็นอรรถพลนั่งนิ่งอยู่บนโซฟา เขาเองก็แปลกใจ คิดว่าคุณนามสกุลวงศ์อัจฉรานี่ จะไปแล้วเสียอีก มีการพัฒนา ครั้งนี้ท่าทางค่อยดูเหมือนท่านประธานบริษัทหน่อย อรรถพลที่เป็นเช่นนี้ ดูเหมือนท่านประธานผู้เป็นที่คร่ำหวอดในแวดวงธุรกิจ ฮ่าๆๆ... สุวิทย์สวมเสื้อคลุมอย่างพิรี้พิไรเอื่อยเฉื่อย และคอยสอดส่องดูอรรถพลอย่างเป็นระยะๆ เขาพบว่าอรรถพลคนนี้ รูปร่างหน้าตาก็ใช้ไห้ หากไม่นับว่าเป็นศัตรูกันแล้ว บางทีพวกเขาอาจจะกลายเป็นเพื่อนซี้กันเลยก็ได้? “ลูกพี่ ขอโทษนะ ไกลขนาดนี้ ยังต้องให้คนถ่อมาที่นี่อีก” สุวิทย์ใส่เสื้อผ้าเสร็จแล้ว ก็หยิบเครื่องดื่มสองกระป๋องออกมาจากตู้เย็น โยนให้อรรถพลหนึ่งขวด อรรถพลรับเครื่องดื่มมา แต่กลับพูดอย่างไม่ไว้หน้าเลยสักนิด “ไม่ต้องเรียกฉัน สะอิดสะเอียนขนาดนั้น ฉันไม่ได้ดีใจที่จะเป็นพี่ชายของแก” สุวิทย์นั่งลง พูดจาขมขื่น “ก็ได้ อรรถล ผมมีข้อข้องใจอย่างหนึ่งที่ไม่เข้าใจมาตลอด ในฐานะพี่ชาย พี่ชายก็ย่อมอยากให้น้องสาวทุกคนมีความสุข แต่พี่ชายอย่างคุณกลับพยายามขัดขวางครั้งแล้วครั้งเล่า ทำลายความสุขน้องสาว ทำไมกัน?” อรรถพลกวาดสายตามองสุวิทย์ด้วยความเย็นชา พูดอย่างไม่เกรงใจ “ก็เพราะแกไม่เหมาะสมกับเธอ” “คุณพูดอย่างนี้มันก็ไม่ถูดนิดหน่อยนะ ในฐานะที่อยู่ในแวดวงธุรกิจเช่นเดียวกัน คุณเองก็คงจะรู้ดี นับตั้งแต่ภายในจนภายนอก รวมถึงฐานะทางบ้าน ผมสุวิทย์ย่อมเป็นที่แย่งชิงของพวกสาวๆ หากเช่นนี้แล้วผมยังไม่เหมาะสมกับเพ็ญจิต ถงั้นคุณคิดว่าผู้ชายแบบไหนถึงจะเหมาะสมกับเธอ? เข้าชายผู้สูงศักดิ์? หรือว่า—คุณ—ที่แอบรักมาตลอด?” สุวิทย์ยิ้วหัวเราะมองอรรถพล พูดประโยคสุดท้ายแบบยานยาว อรรถพลลุกขึ้นยืนด้วยเดือดพล่าน ชี้นิ้วพูดใส่หน้าสุวิทย์ “สุวิทย์ แกมีสมองคิดได้ตื้นๆแค่นี้เอง พวกเรื่องพวกนั้นมันไม่เห็นจะเกี่ยวอะไร เรื่องเงินทอง บ้านวงศ์อัจฉราของพวกเราก็มีไม่น้อยไปกว่าแก รูปลักษณ์ภายนอกมันจะไปมีประโยชน์อะไร แกกล้าพูดไหมว่าพอแกแก่หงำอายุ 70 80 แกจะยังรักษารูปลักษณฺภายนอกนี้ได้อยู่ไหม? เหตุผลของฉันมีเพียงหนึ่งเดียว ก็คือ แก-รัก-เพ็ญ-จิตไม่-มาก-พอ” สุวิทย์ไม่คาดคิดจริงๆว่าอรรถพลจะพูดคำที่มีความหมายลึกซึ้งถึงเพียงนี้ออกมาได้ ใช่ รูปลักษณ์ภายนอกมันไม่ได้มีประโยชน์อะไร สำหรับผู้หญิง สามีที่มีทรัพย์สินเงินทองมากมายไม่สู้สามีที่รักเธอด้วยใจจริงสักคนหนึ่ง ก็เหมือนกับคุณแม่ในปีนั้น หากตอนนั้นพ่อรักแม่มากก่านี้อีกสักหน่อย คงไม่เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น แม่คงไม่หนีออกจากบ้าน และก็ไม่เกิดอุบัติเหตุ ทำให้พวกเราสองแม่ลูกต้องพรัดพรากจากกันไปชั่วนิรันดร์ เขาอดถามตัวเองไม่ได้ซ เขารักเพ็ญจิตหรือเปล่า? ในตอนนี้เขายังไม่อาจหาคำตอบที่แน่นอนให้กับตัวเองได้ ความหายของคำว่ารักของทุกคนมิได้เหมือนกัน เขาสามารถตอบสนองความต้องการของเพ็ญจิตได้ไหม? อรรถพลเห็นสุวิทย์เหม่อลอย จึงชี้นิ้วด่าด้วยความเดือดดาล “แกไม่ได้รักเธอ สุวิทย์ ไม่มีผู้ชายคนไหนแต่งงานกับผู้หญิงตั้งแต่เจอกันครั้งแรกหรแก ฉันไปสืบมาแล้ว แกทำเพราะแฟนแกไปแต่งงานกับพ่อ ท้อแท้อ่อนแอ พอดิบพอดีกับตอนนั้นแกบังเอิญพบกับเพ็ญจิต และเพ็ญจิตยัยซื่อบื้อก็ดันขอแกแต่งงาน แก.... ” อรรถพลพูดแทงใจดำสุวิทย์ เขาโมโหจนพูดแทรกอรรถพลขึ้นมา ด้วยน้ำเสียงเย็นชา “พอได้แล้ว อรรถพล ไม่ว่าจะรักหรือไม่รักเพ็ญจิต เรื่องที่พวกเราเป็นสามีภรรยากัน แกมีสิทธิอะไรมายุ่ง จำใส่กระโหลกไว้นะว่า เพ็ญจิตไม่ใช่คนบ้านวงศ์อันฉรา ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้เธอแต่งงานกับฉันแล้ว หากแกยังเห็นเธอเป็นน้องสาวจริงๆ ก็ช่วยทำแค่หน้าที่คนเป็นพี่ชายเถอะ” “พวกเราวงศ์อัจฉราไม่ยอมรับว่าเพ็ญจิตแต่งงานออกไปแล้ว สุวิทย์ แกรู้ดรอยู่แก่ใจว่ารักหรือไม่รักเพ็ญจิต พวกเราก็เห็นๆกันอยู่ แต่แกจำไว้นะว่า หากเมื่อไหร่ที่แกกล้าทำให้เพ็ญจิตต้องเสียใจ วันนั้นฉันอรรถพลจะไม่มีวันยอมปล่อยแกไปแน่” อรรถพลลุกขึ้นยืน เมื่อห้าปีก่อน เขาเคยสืบเรื่องสุวิทย์แล้ว แต่เพื่อตัวเพ็ญจิตเอง ครั้งนี้เลยยอมสืบใหม่อีกครั้ง เมื่อถูกอรรถพลคาดคั้นอีกครั้ง ใบหน้าของสุวิทย์นิ่งเฉย ยิ้มอย่างเย็นชา: “ไร้สาระ ฉันรักหรือไม่รักเพ็ญจิตมันก็เป็นเรื่องของฉัน เพ็ญจิตไม่คิดเล็กคิดน้อยเรื่องนี้หรอก แกมีสิทธิอะไรมาตั้งข้อสงสัย” “นั่นมันยัยเพ็ญจิตยอมซื่อบื้อ สุวิทย์ ฉันส่งที่อยู่ของน้าอลิซสาให้เพ็ญจิตในโทรศัพท์แล้ว แกจำไว้ให้ดี หากแกดีกับเพ็ญจิตจริงๆก็แล้วไป แต่ถ้าแกทำร้ายเธอ ทั้งชีวิตนี้ฉันคงไม่ปล่อยแกไป” อรรถลลุกขึ้นยืน พูดด้วยความเจ็บปวด เพ็ญจิตที่อยู่บนเตียงขยับตัว จริงๆเธอตื่นขึ้นมาพักนึงแล้ว เพียงแค่เพราะพี่ชายอยู่ เธอเลยไม่กล้าลืมตา ทำได้เพียงแกล้งทำเป็นหลับต่อไป เมื่อถึงตอนที่พี่พูดว่าสุวิทย์รักเธอไม่พอ เธอเองก็คาดหวังมาก แต่ความเงียบของสุวิทย์ ก็ทำให้หัวใจเธอเจ็บปวด เธออขากจะถามสุวิทย์เหมือนกันว่าเขารักเธอจริงๆหรือเป็นเพราะทะเบียนสมรสนั้น หรือเพราะความรับผิดชอบ? “แกไม่มีโอกาสนั้นหรอก” สุวิทย์กระดกคิ้ว ไม่ว่าเขาจะรักเพ็ญจิตมากพอหรือไม่ ทั้งชีวิตนี้เขาไม่มีวันหย่าขาดกับเพ็ญจิตเด็ดขาก ทั้งชีวิตนี้เขาจะมีแค่เพ็ญจิตเพียงคนเดียว “หวังว่าแกจะทำได้ มิเช่นนั้นฉันอรรถพลทั้งชีวิตนี้คงไม่ยอมปล่อยแกไว้แน่” อรรถพลกัดฟัน จ้องสุวิทย์ด้วยความอาฆาต สุวิทย์ไม่ได้พูดต่อ เอาแต่จ้องอรรถพลเดินออกไปจากห้อง“พี่-” เมื่อได้ยินเสียงประตูปิดลง เพ็ญจิตถึงได้เปล่งเสียงสะอึกสะอื้นออกมาหนึ่งคำ เมื่อได้ยินเสียงครวญครางของเพ็ญจิต อารมณ์ของสุวิทย์ก็ขุ่นเคืองมาก พูดออกมาหนึ่งประโยคด้วยความไม่พอใจ “เธอตื่นแล้ว” “อือ ตื่นเพราะพวกคุณทะเลาะกันนั่นแหละ วิทย์คะ พี่ชายฉัน--” สุวิทย์พูดขัดเพ็ญจิต เดินไปด้านหน้าเตียงนอน โน้มตัวลงไปจ้องเพ็ญจิตที่กำลังจะถาม “ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น เพ็ญจิต คุณรักผมไหม?” เพ็ญจิตเงยหน้ามองสุวิทย์ พูดด้วยความแน่วแน่ “รัก ตลอดห้าปีมานี้ แม้ว่าจะอยู่ที่อิตาลี แต่ฉันก็คิดถึงคุณ ฉันไม่เคยนึกเสียใจมาก่อน วิทย์คะ ฉันรักคุณ บางทีในตอนแรกที่ฉันตัดสินใจทำแบบนั้น มันอาจจะหุนหันเกินไป แต่คุณอยู่ในใจฉัน อยู่มาตลอดห้าปี” เมื่อได้ยินเพ็ญจิตพูดด้วยความแน่วแน่ว่ารักเขา ในใจของสุวิทย์ก็สับสน เธอรักเขา แล้วก็รักเขามาตลอดห้าปี แต่ตัวเขาล่ะ? “จริงหรอ? ทำไม? เมื่อห้าปีก่อน สภาพผมเมื่อห้าปีก่อน ไม่มีอะไรติดตัวสักชิ้น คุณรักอะไร?” “ใช่ เมื่อห้าปีก่อน รูปลักษณ์คุณสกปรกมอมแมม เมื่อกับพวกขอทาน แต่คุณเป็นคนเอาใจใส่ อบอุ่น ดีกว่าพวกผู้ชายที่ฉันเคยรู้จักเป็นไหนๆ ในขณะที่ฉันกำลัวเจ็บปวด คุณปลอบประโลมฉันได้ แม้ตอนนั้นฉันเองก็ไม่มีอะไรเลย คุณก็ยังรับฉันได้เหมือนกันไม่ใช่หรือไง? ” เพ็ญจิตพูดไปก็รำลึกความหลังไป ใบหน้าคละคลุ้งไปด้วยรอยยิ้มหยาดเยิ้มจางๆ “แค่นั้นเองหรือ?” สุวิทย์ตกตะลึง ไม่คิดว่าจะเป็นเพราะเหตุผลเล็กเพียงแค่นี้ เธอก็รักเขาแล้ว ส่วนเขาเองก็ถึงกับดีอดดีใจ มีความสุขและคำพูดเหล่านั้นของเธอ เขาแคร์เธอมากจริงๆ เพ็ญจิตยื่นมืออกมา ลูบใบหน้าของสุวิทย์ “ใช่ ชีวิตฉันตลอดยี่สิบสองปี คุณเป็นผู้ชายที่ดีกับฉันมากที่สุด คุณสามารถทนฟังฉันพูดไร้สาระได้ ปลอบใจฉันได้...” “ยัยโง่ ” ในใจของสุวิทย์ร้อนผ่าวขึ้นมาทันใด เขาพึมพำออกมาหนึ่งประโยค แล้วกดตัวลงบนตัวของสาวน้อยผู้บริสุทธิ์ของตัวเอง “สุวิทย์ เมื่อกี้คุณพูดว่าใครโง่?” หลังจากตกตะลึง เพ็ญจิตก็จ้องสุวิทย์ด้วยความขุ่นเคือง สุวิทย์ปีนขึ้นเตียงอย่างเชื่องช้า กวาดตามองไปรอบๆห้อง “ในห้องนี้ นอกจากคุณแล้วยังมีคนอื่นอีกหรอ?”“ฉันโง่ตรงไหน ฉันเป็นถึงนักออกแบบอนาคตไหล อีกอย่างยังเป็นผู้ชนะการแข่งขันออกแบบระดับประเทศที่ปารีสเมื่อปีที่แล้วอีก” เพ็ญจิตพูดอย่างไม่สบอารมณ์ สุวิทย์พูดคำว่ายัยโง่คำนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า อีกทั้งยังพูดไปหัวเราะไป “ใช่ แต่ในเรื่องความรักเธอโง่มาก เป็นยัยโง่ EQเท่ากับศูนย์” “คุณนี่มันน่ารำคาญจริง ฉันจะไปหาแม่” เพ็ญจิตจะลุกขึ้นจากเตียง แต่กลับถูกสุวิทย์รวบไว้ในอ้อมกอดเสียก่อน “คุณภรรยา ดูเหมือนผมจะยังขยันไม่พอนะ คุณเธอยังมีแรงทำเรื่องอื่นได้อีก” สุวิทย์ยิ้มอย่างร้ายกาจ และสายกรงเล็บหมาป่าของเขา “ไม่เอาแล้ว ฉันจะไปหาแม่ คุณสามี ไม่...” หลังจากสองชั่วโมงผ่านไป เพ็ญจิตนอนก่ายอยู่บนร่างใครสักคนหนึ่ง แม้แรงจะลืมตาก็ยังไม่มี “คุณภรรยา พวกเราไปกินข้าวกันเถอะ” สุวิทย์เล่นผมยาวๆอันเปียกชุ่มของเพ็ญจิต เขาใช้นิ้วชี้ม้วนผมเล่น พูดด้วยความเกียจคร้าน “ไม่เอา ฉ...ฉันง่วง” เพ็ญจิตลืมเปลือกตา และปิดลงอีกครั้ง ราวกับเรี่ยวแม้แต่จะปีนขึ้นเตียงก็ยังไม่มี “งั้นก็ได้ ผมจะโทรไปสั่งให้คนเอาอาหารมาส่งที่ห้อง” สุวิทย์ลูบผมสีดำสนิทของเพ็ญจิต มิได้อุ้มเธอขึ้นเตียง อันที่จริงแล้ว เขารู้สึกเพลิดเพลินกับความรู้สึกที่เป็นที่ต้องการ เพลิดเพลินกับการนอนถ่างอยู่บนควาสุขของสาวงาม เขาเพียงยกโทรศัพท์ขึ้น โทรหาร้านพิซซ่า แล้วเขาก็นอนอยู่เงียบๆเช่นนั้น มองดูภรรยาคนสวยที่นอนก่ายอยู่บนหน้าอก จนกระทั่งเดลิเวอรี่มาส่ง เขาถึงได้อุ้มเพ็ญจิตขึ้นเตียงด้วยความนุ่มนวล “คุณภรรยา ทานอะไรสักนิดก่อนเถอะ” เมื่อเห็นพิซซ่าที่กำลังร้อนกรุ่นๆ สุวิทย์จึงตัดสินใจปลุกเพ็ญจิตขึ้นทานอะไรสัดหน่อยก่อน ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาเองก็ต้องการอาบน้ำเหมือนกัน จะได้ให้คนมาเปลี่ยนผ้าปูที่นอนเสียใหม่ “คุณกินเถอะ ตอนนี้ฉันอยากนอน” พักผ่อนไปสักครู่ เพ็ญจิตก็รู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาข้าง ตะกายลง คว้าหมอนอีกใบหนึ่งบนเตียงมากอดเอาไว้ เตรียมตัวบำรุงร่างกายสักหน่อย “เยี่ยม เดี่ยวไปทำน้ำอุ่นเตรียมอาบน้ำ ทานสปาเก็ตตี้สิ ดีต่อการฟื้นฟูร่างกายนะ” สุวิทย์พูดไป ก็อุ้มเพ็ญจิตเข้าไปในห้องน้ำ ที่แท้แล้วเขาก็ผสมน้ำร้อนไว้เรียบร้อยแล้ว เหมือนกับเมื่อห้าปีที่แล้ว ตอนที่พวกเขาเป็นคู่ใหม่ปลามัน“คุณสามี คุณน่ารักจริงๆ บางทีฉันอาจจะคิดมากไปเอง ก็เอาตามแผนที่คุณวางไว้แล้ว พวกเราตัดการแต่งกันตอนวันตรุษจีนนะ” นัยน์ตาของเพ็ญจิตมองลงต่ำ พูดด้วยความรู้สึกผิด สุวิทย์อึ้งไปพักนึง นี่เป็นความปรารถนาแรกเริ่มของเขา แต่ตอนนี้ เกรงว่าคงต้องเลื่อนออกไปสักหน่อย ห่วงจากวนตรุษจีนไปอีกสักสองเดือน แผนการแก้แค้นของเขายังมิอาจบรรลุได้ทันท่วงที ลังเลอยู่พักนุง สุวิทย์จึงพูดขึ้นอย่างอ้อมๆ “คุณภรรยา คุณไม่จำเป็นต้องฝืนตัวเอง ก็อย่างที่คุณพูด พวกเราเป็นสามีภรรยากันแล้ว เพียงแค่ขาดงานแต่งไปสักงานเท่านั้นเอง รอจนกว่าคุณสามารถรับผมได้อย่างสมบูรณ์ พวกเราค่อยจัดงานแต่งกันก็ได้” ครั้งกลับกลายเป็นเพ็ญจิตที่ตกตะลึงแทน หัวสมองหยุดทำงานไปชั่วขณะ แต่สักพักนึงก็เข้าใจได้ เธอมองสุวิทย์ด้วยสายตาที่ไม่กล้าจะเชื่อ สุวิทย์เองเมื่อถูกเพ็ญจิตจ้องเข้าก็ทำตัวไม่ถูด เดินไปด้านซ้าย นวดให้เพ็ญจิตไป ก็พุดไป “ผมไม่อยากให้คุณรู้สึกไม่สบายใจ จริงๆแล้วที่คุณพูดก็ไม่ผิด เวลาที่พวกเราอยู่ด้วยกันไม่นานมากนัก หากรู้จักกันมากขึ้น เข้าใจกันมากขึ้นก็คงจะดี” “จริงๆก็ไม่ใช่อย่างงั้นนะ ฉันแค่...” เพ็ญจิตกัดริมฝีปาก คิดอยู่ว่าจะบอกสุวิทย์เรื่องลูกๆอย่างไรดี
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 68 อรรถพลพูดแทงใจดำสุวิทย์
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A