ตอนที่ 26 อ๋องหมิงลงมือ   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 26 อ๋องหมิงลงมือ
ต๭นที่ 26 อ๋องหมิงลงมือ คิดเช่นนี้แล้วสายตาที่เซียวชี่จือมองไปยังหลินหมื้นชิงยิ่งเย็นชามากยิ่งขึ้น แม้แต่บรรยากาศโดยรอบก็หนาวขึ้นอย่างมากในชั่วพริบตา “ คำถามใด? ” หลินเมิ่งชิงข่มใจที่กำลังสับสนวุ่นวายเอาไว้ แววตานางสั่นไหวไม่กล้าสบตาเขา “ หลินหมื้นชิง!” สายตาของเซียวชี่จือเปลี่ยนเป็นเย็นชาโดยฉับพลัน เมื่อพูดคำนี้อีกครั้งพลันปรากฏความโหดเหี้ยมเด็ดขาดพาดผ่านขึ้นในสายตา “ คำที่ข้าพูดไปแล้ว อย่าให้ข้าต้องพูดซ้ำเป็นครั้งที่สอง!” หญิงสมควรตายผู้นี้ ไม่ใส่ใจคำพูดของเขาเลยอย่างนั้นหรือ? …… สายตาอันเย็นชาของเขานั้นทำให้หลินหมื้นชิงรู้สึกขวัญหนีดีฝ่อ แต่เวลานี้คิดอย่างไรก็คิดไม่ออกว่าเมื่อครู่นี้เขาถามคำถามใดกัน? “คุณหนู ท่านอ๋องเพิ่งจะถามว่าท่านกำลังรอองค์รัชทายาทหรือว่ารอเขา.....” เสี่ยวซิ้วเห็นสีหน้าท่าทางไม่สบายใจของคุณหนูของตน นางเดินมาด้านหน้าหลินหมื้นชิงแล้วเตือนเสียงเบาๆข้างหูของนาง เสียงพูดของนางเพิ่งจะหยุด สายตาอันเยือกเย็นของเซียวชี่จือก็สาดมาที่นาง เจตนาฆ่าส่องประกายแวบหนึ่งผ่านสายตา “ไสหัวออกไป!” เขาตวาดเสียงต่ำอย่างเย็นชาออกมาหนึ่งคำ ทั่วทั้งร่างเต็มไปด้วยกลิ่นอายเย็นชาน่าหวาดกลัว “ท่านอ๋องโปรดอภัย ท่านอ๋องโปรดอภัย!” รับรู้ถึงกลิ่นอายรุนแรงที่แผ่ออกมาจากทั่วร่างนั่นแล้ว เสี่ยวซิ้วในใจตื่นตระหนก เสียงคุกเข่าตกกระทบพื้น ในตาทั้งสองเต็มไปด้วยความหวาดกลัว “ ยามที่ข้าพูด อนุญาตให้คนรับใช้อย่างเจ้าสอดปากหรือ!สมควรตาย! สายตาอันดุดันของเซียวชี่จือหยุดอยู่ที่ร่างที่สั่นเทาไม่หยุดของเสี่ยวซิ้ว เจตนาที่จะฆ่าจากน้ำเสียงชัดเจนยิ่งขึ้น “ท่านอ๋องไว้ชีวิตด้วย เสี่ยวซิ้วสำนึกแล้ว เสี่ยวซิ้วมิกล้าแล้ว ขอท่านอ๋องโปรดไว้ชีวิตด้วย!” คำพูดของเซียวชี่จือทำให้เสี่ยวซิ้วหวาดกลัวขึ้นมา นางคุกเข่าบนพื้น โขกหัวรับผิดไม่หยุด วิธีการอันโหดเหี้ยมของอ๋องหมิง นางเคยได้ยินมาแต่ไหนแต่ไร นางกลัวจริงๆว่าเขาจะโกรธจนฆ่านาง มองดูใบหน้าหวาดกลัวของเสี่ยวซิ้ว ท่าทางที่ร้องไห้อย่างน่าสงสารทำให้หลินหมื้นชิงขมวดคิ้วแน่น ภายในใจลุกไหม้ไปด้วยความโกรธเป็นริ้วๆ “ ท่านอ๋อง เสี่ยวซิ้วเป็นคนรับใช้ของข้า ท่านอย่าได้ทำเกินไปนัก!นางเพียงแต่มีใจมาตักเตือนข้าหนึ่งประโยค ท่านอ๋องจำเป็นต้องโกรธถึงเพียงนี้? หรือว่าท่านอ๋องเทพสงครามแห่งราชวงศ์ถังจิตใจคับแคบถึงเพียงนั้นเชียวหรือ?” หลินหมื้นชิงเดินไปข้างกายเสี่ยวซิ้ว นำนางมาปกป้องไว้ข้างหลัง สายตาเย็นเยียบจ้องมองเซียวซี่จือ ออกปากด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ เจ้าพูดว่าข้าจิตใจคับแคบอย่างนั้นหรือ? หลินหมื้นชิงเจ้ารู้หรือไม่ว่าการยั่วยุให้ข้าโกรธจะมีผลตามมาเยี่ยงไร? อย่าได้คิดว่าเจ้าเป็นชายาในอนาคตของข้า จึงได้กล้าพูดกับข้าด้วยท่าทีเช่นนี้! แต่แรกเริ่มก็รู้สึกได้ว่าหลินหมื้นชิงไม่ได้มีเขาอยู่ในสายตา ใจของเซียวชี่จือรู้สึกไม่สบายยิ่งนัก มาบัดนี้คาดไม่ถึงว่าเพื่อข้ารับใช้ผู้นึง นางจะพูดกับเขาเช่นนี้ ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วจริงๆ! “ท่านอ๋องจิตใจกว้างใหญ่ไพศาล จะเป็นคนจิตใจคับแคบได้อย่างไรกันเล่า เมื่อครู่ข้าเพียงแต่เตือนท่านอ๋องเล็กน้อยเท่านั้น อย่าได้ให้ข้ารับใช้คนเดียวมาทำลายชื่อเสียงวีรบุรุษชั่วชีวิตของตนได้” หลินหมื้นชิงรับรู้ถึงความเดือดดาลนอกขีดจำกัดของเซียวชี่จือยามนี้ได้ แม้ภายในใจจะหวาดกลัวเป็นอย่างมาก แต่เวลานี้นางจำเป็นต้องเข้มแข็งกล้าหาญ เสี่ยวซิ้วเป็นญาติทางฝั่งนี้เพียงหนึ่งเดียวของนาง นางไม่ยินยอมให้เซียวชี่จือทำเรื่องอันตรายใดๆต่อนางได้เป็นอันขาด “เจ้าคิดว่าเจ้าพูดเช่นนี้แล้วข้าจะปล่อยข้ารับใช้ผู้นี้ไปหรือ? หลินหมื้นชิงเจ้าคิดว่าข้าไม่รู้หรือว่าในใจเจ้าคิดสิ่งใดอยู่? คำที่หลินหมื้นชิงพูดประจบสอพลอออกมาเหล่านั้น ไม่ได้ทำให้สีหน้าของเซียวชี่จือดีขึ้นเลย กลับยิ่งทำให้ไม่น่ามองมากขึ้นไปอีก หญิงผู้นี้กล่าวเช่นนี้ก็เพียงแค่อยากปกป้องข้ารับใช้นี่ไว้เพียงเท่านั้น คำพูดที่พูดเมื่อครู่เหล่านั้นก็มิได้ตั้งใจจริง “ท่านอ๋อง ข้ารู้ว่าท่านไม่พอใจข้า แต่มิจำเป็นต้องเอาความโกรธเกรี้ยวมาลงกับข้ารับใช้เพียงผู้หนึ่ง ท่านมีความแค้นใดก็ลงมาที่ข้าโดยตรงเถิด” หลินหมื้นชิงสีหน้าเย็นชา นางรู้สึกว่าความอดทนของตนใกล้จะถูกชายผู้นี้ขัดเกลาจนเงาวาวอยู่แล้ว แท้จริงแล้วเขาคิดอย่างไรกันแน่! “ข้าจะคุยกับคุณหนูของเจ้าตามลำพัง เจ้าไสหัวออกไปซะ!” สายตาเย็นเยือกชำเลืองไปยังเสี่ยวซิ้ว เซียวชี่จือสั่งอย่างเย็นชา ได้ยินคำสั่งแล้วเสี่ยวซิ้วเงยหน้าขึ้นมองหลินหมื้นชิง แววตาเต็มไปด้วยความเป็นห่วง นางกังวลว่าท่านอ๋องจะทำร้ายคุณหนูของนาง “เสี่ยวซิ้วเจ้ากลับไปก่อนเถอะ อีกประดี๋ยวข้าก็กลับไปแล้ว” หลินหมื้นชิงมองไปที่เสี่ยวซิ้วแล้วเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน นางรู้ว่าเสี่ยวซิ้วกำลังเป็นห่วงนาง แต่นางอยู่ที่นี่ก็หามีประโยชน์อันใด มิแน่ว่าอาจทำให้เซียวชี่จือเอาความโกรธย้ายมาที่นางได้ “เจ้าค่ะ คุณหนู” เสี่ยวซิ้วเชื่อฟังคำของหลินหมื้นชิงที่สุด หลังจากฟังคำพูดของนางแล้วถึงได้ลุกขึ้นยืนแล้วจากไปอย่างลังเล ตั้งแต่ต้นจนจบใบหน้าหล่อเหลาของเซียวชี่จืออึมครึมมาโดยตลอด หลังจากที่รอจนเงาร่างของเสี่ยวซิ้วค่อยๆหายลับไปแล้ว เขาถึงได้เคลื่อนสายตาไปยังใบหน้าของหลินหมื้นชิง เขาจ้องตานาง ไม่พูดสิ่งใดสักคำ สีหน้าน่ากลัวมืดครึ้ม ท่าทางที่เขาโกรธยามปกติก็น่ากลัวมากพออยู่แล้ว แต่ยามนี้ไม่พูดไม่จา เพียงใช้สายตาอันตรายแบบหนึ่งจ้องมองนาง หลินหมื้นชิงยิ่งรู้สึกขนพองสยองเกล้า “ท่านอ๋องยังมีคำพูดใดอยากจะพูดกับข้าหรือไม่?” บรรยากาศเงียบสงบอย่างน่าประหลาด หลินหมื้นชิงเงยหน้าขึ้นด้วยท่าทีระมัดระวัง มองตาของเซียวชี่จือแล้วกล่าวถามอย่างเย็นชา “เจ้ากับองค์รัชทายาทมีความสัมพันธ์ใดกัน?” เซียวชี่จือที่ยืนอยู่ห่างจากหลินหมื้นชิงสามก้าว กล่าวถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ข้ากับองค์รัชทายาท? ระหว่างข้ากับองค์รัชทายาทจะไปมีความสัมพันธ์อันใดได้? ข้าไม่รู้ว่าคำพูดนี้ของท่านอ๋องมีความหมายว่าอย่างไร?” คิ้วงามน่ามองขมวดขึ้นเล็กน้อย หลินหมื้นชิงเห็นได้ชัดว่าสายตาที่เซียวชี่จือมองนางเต็มไปด้วยความสงสัย “เจ้ากำลังเสแสร้งแกล้งทำเป็นโง่กับข้าอยู่หรือ?” ลูกตาแคบยาวของเซียวชี่จือหรี่ลงเล็กน้อย ดวงตาลึกล้ำที่มองไม่ออกนั่นส่องแสงอันเยือกเย็นเป็นสายๆออกมา ทั่วทั้งร่างยังแผ่กำจายความเหน็บหนาวอย่างหนึ่งมาข่มคนเอาไว้ด้วย หญิงผู้นี้แท้จริงแล้วเข้าใจในความหมายของเขาชัดๆ แต่กลับแสร้งทำเป็นโง่ คิดว่าเขาเป็นคนโง่ไปแล้วหรือไร? “ท่านอ๋อง ข้าไม่รู้จริงๆว่าท่านหมายความว่าอย่างไร ระหว่างข้ากับองค์รัชทายาทไม่มีความสัมพันธ์ใดๆทั้งสิ้น” หลินหมื้นชิงสูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วอธิบายอย่างเย็นชา “ไม่มีความสัมพันธ์ใดๆ? แต่ข้าได้ยินมาเจ้านั้นมีใจต่อองค์รัชทายาทมาตั้งแต่เด็ก วันนี้ได้เห็นองค์รัชทายาทที่จวนอัครเสนาบดีคงดีใจมากสินะ? ข้อมูลในอดีตที่ถูกตรวจสอบอย่างไร้เมตตาพูดกันว่าหลินหมื้นชิงชื่นชอบองค์รัชทายาทตั้งแต่ยังเด็ก ภายหลังกลายเป็นคนโง่งมแล้วก็ยังตะโกนโหวกเหวกทั้งวี่ทั้งวันว่าจะแต่งกับองค์รัชทายาท วันนี้หลังจากที่เห็นองค์รัชทายาทแล้วสายตาก็หยุดนิ่งอยู่ที่ร่างเขาตลอด นี่ทำให้เซียวชี่จือรับไม่ได้อยู่บ้าง คาดไม่ถึงเลยว่าผู้หญิงของเขาในใจจะชอบชายอื่นอยู่อีกทั้งชายผู้นั้นยังเป็นองค์รัชทายาทอีก แต่ไหนแต่ไรมาเขาเป็นชายที่มีความแข็งแกร่งเป็นที่สุด เขารับไม่ได้อย่างเด็ดขาดที่หญิงของเขาภายในใจกำลังรักผู้อื่นอยู่ ถึงแม้ว่าเขาจะรังเกียจนนาง เป็นหญิงไร้ค่าผู้หนึ่ง ก็ไม่ได้เช่นกัน! ฟังถึงตรงนี้แล้ว ในที่สุดหลินหมื้นชิงก็เข้าใจว่าเป็นเพราะเหตุใดเย็นนี้เขาถึงได้อารมณ์แปรปรวนนัก แท้จริงแล้วเป็นเพราะสาเหตุนี้นี่เอง นางไม่ได้คิดว่าเป็นเพราะเซียวชี่จือชอบนาง เห็นองค์รัชทายาทปรากฏกายมาจึงได้หึงหวงเข้า ชายอย่างเขานั้นน่าจะแค่ต้องการการเป็นเจ้าของอย่างชัดเจนต่างหาก นึกขึ้นมาได้ว่าหลินหมื้นชิงเคยหลงรักองค์รัชทายาท หลินหมื้นชิงก็ให้จนปัญญาอยู่บ้าง นางมักจะรู้สึกว่าหลังจากที่ได้ทะลุมิติมาการใช้ชีวิตก็ลำบากไปเสียทุกด้าน “ ท่านอ๋อง นั่นเป็นเรื่องราวในอดีตไปแล้ว ท่านก็รู้ว่าข้าเคยเป็นคนโง่งมผู้หนึ่ง คนโง่ที่ไหนจะรู้ปัญหารักไม่รักเช่นนี้กัน แต่หลังจากที่ข้าเริ่มหายป่วยก็ไม่ได้มีความรู้สึกอันใดกับองค์รัชทายาทแล้ว” หลินหมื้นชิงพูดความจริง แม้ว่าในนั้นจะมีส่วนโกหกปะปนไปบ้างเล็กน้อย แต่ว่าตอนนี้นางมิใช่หลินหมื้นชิงคนก่อนแล้ว ดังนั้นวันนี้ตอนที่เห็นองค์รัชทายาทเป็นคราแรก ในใจของนางจึงไม่ได้รู้สึกมากมายนัก เซียวชี่จือมองตาของหลินหมื้นชิง ในสายตาที่มองอย่างละเอียดแฝงไปด้วยความลึกล้ำ ราวกับจะมองให้ทะลุความคิดในก้นบึ้งของหัวใจ คำตอบของนางเมื่อครู่จริงๆแล้วทำให้ความโกรธในใจเขาลดหายไปไม่น้อย แต่มิได้หมายความว่าจะเชื่อนางไปเสียทั้งหมด “ เจ้าหลงรักองค์รัชทายาทตั้งแต่เด็กๆ แล้วเช่นนั้นจะไม่ชอบเอาง่ายๆเช่นนี้ได้เชียวหรือ? เจ้าคิดว่าข้าหลอกง่ายมากนักหรือไร?” ถึงแม้ว่าหลินหมื้นชิงจะตอบคำถามนี้ไปแล้วก็ตาม แต่ในน้ำเสียงของเซียวชี่จือก็ยังแฝงไปด้วยความสงสัย เห็นดวงของเขาที่เต็มไปด้วยความสงสัย หลิ้นหมื้นชิงก็โกรธขึ้นมาส่วนหนึ่งจริงๆ ในใจเต็มไปด้วยความโมโห “ท่านอ๋อง ชาติที่แล้วข้าไปขุดหลุมศพบ้านท่านหรือ เหตุใดต้องพุ่งเป้ามาที่ข้าขนาดนี้? ท่านให้ข้าอธิบายความสัมพันธ์ของข้ากับองค์รัชทายาท ข้าอธิบายไปแล้วแต่ท่านก็ไม่เชื่อข้าอีก เช่นนั้นแล้วยังให้ข้าอธิบายสิ่งใด? หรือข้าพูดอะไรท่านก็ล้วนแต่ไม่เชื่อทั้งสิ้นใช่หรือไม่!” เมื่อเย็นนี้หลินหมื้นชิงได้สะกดอารมณ์เป็นอย่างมากแล้ว แต่ไหนแต่ไรนางก็ไม่ใช่คนที่อารมณ์ดีนัก เย็นนี้นางถูกยั่วให้โมโหอย่างถึงที่สุดแล้ว แม้ว่าอยู่หน้าชายผู้นี้นางจะเป็นคนอ่อนแอผู้หนึ่ง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามาจะรังแกนางได้ง่ายๆ! อ๋องหมิงผู้นี้บีบบังคับให้นางตอบครั้งแล้วครั้งเล่า นางโมโหเข้าให้แล้วและจะไม่ทนอีกต่อไป คำที่นางพูดออกมาทำดวงตาของเซียวชี่จือส่องประกายด้วยความประหลาดใจ แต่เพียงชั่วพริบตาก็เปลี่ยนเป็นมืดมนขึ่นมา เขาจ้องหลินหมื้นชิงเขม็ง ลูกตาดำเย็นชาคู่นั้นส่องประกายดุร้ายโหดเหี้ยมรุนแรงอย่างเบาบาง ไอปีศาจแผ่กระจายออกมาจากทั่วทั้งร่างทำให้คนรู้สึกถูกบีบรัดด้วยความหนักหน่วงบางอย่าง “หลินหมื้นชิง เจ้ากล้าที่จะพูดมันอีกครั้งไหม!” มื้อทั้งสองข้างลำตัวของเซียวชี่จือบีบกำจนแน่น เส้นเลือดบนหน้าผากโป่งพองขึ้น เวลานี้เขาไม่รู้เลยว่าได้เสียแรงกำลังไปมากเพียงใด ถึงได้อดกลั้นอาการที่อยากจะพุ่งไปฆ่าหญิงผู้นี้ไว้ได้ บนโลกใบนี้ยังไม่เคยมีหญิงสาวที่ไหนกล้าพูดจาเช่นนี้กับเขา หญิงผู้นี้ไม่อยากมีชีวิตอยู่เสียแล้ว! หัวใจของหลินหมื้นชิงเต้นอย่างกระสับกระส่าย แรงกดดันที่มองไม่เห็นรอบกายในเวลานี้ทำให้นางรู้สึกหายใจไม่ออก โดยเฉพาะดวงตาทั้งสองของชายหนุ่มที่เต็มไปด้วยไอสังหารต่อโลกใบนี้ แต่นิสัยของนางแต่ไหนแต่ไรไม่เคยยอมแพ้ อีกทั้งเย็นนี้เป็นชายผู้นี้ที่ตั้งใจที่จะมาหาเรื่องนาง เหตุใดนางจะต้องยอมรับความพ่ายแพ้ด้วยเล่า? “ที่ข้าพูดเป็นความจริง ข้าก็ไม่ได้คิดว่าจะเป็นหญิงที่ต้องรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกผู้หนึ่งไปโดยตลอด เสียมารยาทงั้นหรือ? ทว่าท่านที่มักจะเป็นท่านอ๋องเทพสงคราม ในสนามรบปกติแล้วฆ่าศัตรูแต่ตอนนี้กลับสร้างความลำบากใจให้ผู้หญิงคนหนึ่ง ถ้าหากว่าคำพูดนี้หลุดออกไป จะไม่ทำให้ผู้คนใต้หล้าหัวเราะจนฟันร่วงหรือ? หลินหมื้นชิงข่มกลั้นความกระสับกระส่ายในจิตใจ นางเงยหัวขึ้นมาสบตากับดวงตาที่อยากจะฆ่าคนคู่นั้นของเซียวชี่จือ แล้วเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา เสียงของนางเพิ่งจะหยุดลงเพียงเสี้ยววินาที ฝ่ามือที่แฝงไปด้วยแรงลมก็ซัดตรงมาที่บ่าของนาง หลินหมื้นชิงในใจตกตะลึง รีบเร่งเอียงกายหลบหลีก แม้ว่าทะลุมิติมาที่นี่นางจะไม่มีศิลปะการต่อสู้แบบคนโบราณเหล่านี้ ทั้งยังไม่มีกำลังภายใน แต่ทว่าความสามารถที่ดีเยี่ยมของร่างกายจากโลกก่อนยังพอจะทำให้นางหลบฝ่ามือนี้ไปได้ 
已经是最新一章了
加载中