ตอนที่ 29 หรือจะโหยหาความรักซะแล้ว   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 29 หรือจะโหยหาความรักซะแล้ว
ต๭นที่ 29 หรือจะโหยหาความรักซะแล้ว หลินหมื้นชิงไม่หยุดอ้าปากหอบหายใจอย่างแรง บนหน้าผากเหงื่อไหลพลักไม่หยุด ไม่รู้เพราะอะไร ฝันเมื่อครู่นั้น นางรู้สึกเหมือนจริงมาก คล้ายกับประสบการณ์จริงที่เคยประสบมาก่อน แต่ทว่านางไม่รู้จักผู้ชายสวมหน้ากากอะไรนี้แน่ ๆ ยิ่งไม่เคยทำเรื่องอับอายแบบนั้นกับเขาได้ คืนนี้นางจะสามารถไปทำแบบนี้ได้อย่างไรล่ะ ตกลงนี้มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันนะ หรือว่าจริง ๆ แล้ว คาดไม่ถึงว่าจะเพ้อฝันทำเรื่องแบบนั้นกับผู้ชาย นางมึนงงไปหมด ใช้ชีวิตมาตั้งหลายปี แต่นี้คือครั้งแรกที่เกิดเรื่องราวแบบนี้ขึ้น หลินหมื้นชิงหลังจากกลับมาสงบจิตสงบใจ ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ หลังจากนั้นจึงเอนตัวลงนอนอีกครั้ง เพียงแต่เพราะว่าฝันเมื่อครู่อาการง่วงจึงไม่มีเลยสักนิด ในความฝันรสจูบของชายผู้นั้นคุ้นเคยมาก คุ้นเคยจนทำให้นางรู้สึกเหมือนตอนที่เซียวชี่จือจูบนาง นางต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ แน่นอนว่าเพราะเมื่อคืนโดนเซียวชี่จือจูบแล้ว ดังนั้นคืนนี้จึงฝันหวานในฤดูใบไม้ผลิแบบนี้ ใช่แล้ว ต้องเป็นแบบนี้แน่ ๆ ดูเหมือนเรื่องราวเมื่อคืนก่อน สำหรับนางส่งผลกระทบใหญ่เกินไปแล้ว คาดไม่ถึงเพราะว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืนก่อน ตกกลางคืนจึงฝันหวานในฤดูใบไม้ผลิ เอนลงนอนบนเตียง ไม่มีความง่วงเลยสักนิด ในสมองเต็มไปด้วยหน้าของเซียวชี่จือ ผู้ชายที่เกลียดชังชัด ๆ แต่ทว่ากลับอดคิดถึงรสจูบของเขาไม่ได้ เช้าตรู่วันที่สอง หลินหมื้นชิงมีใต้ตาคล้ำสองรอยใหญ่ ๆ กำลังมองตัวเองในกระจก ถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “คุณหนู ทำไมสีหน้าท่านดูแย่อย่างนี้ เหตุผลคือเมื่อคืนพักผ่อนไม่เพียงพอเหรอ หรือว่ายังเจ็บไหล่อยู่” เมื่อเสี่ยวซิ้วมองเห็นใต้ตาคล้ำของหลินหมื้นชิง เบิกตากว้างสองข้างอย่างตกตะลึง ถามด้วยใบหน้ากระวนกระวาย “ข้าไม่เป็นไร ไหล่ไม่เป็นไรแล้ว เมื่อคืนข้าฝันร้ายตลอดเลย หลินหมื้นชิงละสายตาจากกระจก หลังจากถอนหายใจ ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเบา ๆ ถึงแม้ว่าเมื่อคืนนางจะฝันหวานในฤดูใบไม้ผลิ แต่ว่าสำหรับเขาแล้ว คือฝันร้ายแท้ ๆ เลย นางคาดไม่ถึงจะคิดถึงเซียวชี่จือผู้ชายที่น่ากลัวคนนั้น “ฝันร้ายแล้ว นั่นคุณหนูไม่เป็นไรนะ หรือไม่ก็เสี่ยวซิ้วไปอยู่เฝ้าข้างนอก คุณหนูท่านนอนพักสักหน่อยเถอะ หลังจากได้ฟังหลินหมื้นชิงอธิบาย เสี่ยวซิ้วก็วางใจ แต่ยังคงมีสีหน้าอดเป็นห่วงไม่ได้มองไปยังนาง “ได้ ข้าค่อยพักผ่อนชั่วครู่ เจ้าออกไปก่อนเถอะ” หลังจากหลินหมื้นชิงตอบกลับไป ก็ลุกขึ้นยืนพาร่างเดินไปยังเตียงนอน ณ โถงหน้าจวนเฉิงเชี่ยง วันนี้เฉิงเชี่ยวจัดงานเลี้ยงใหญ่เพราะหลินหลิงเชียวกลับมาจวน งานเลี้ยงนี้จัดเพื่อเลี้ยงต้อนรับเขาที่มาจากแดนไกล บนโต๊ะวางเต็มไปด้วยอาหารป่าอาหารทะเลอันล้ำค่า คนในจวนเฉิงเชี่ยงใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม คนใช้กับเหล่าหญิงรับใช้ยังไม่หยุดยุ่ง “ท่านแม่ ครั้งนี้พี่ใหญ่กลับมาพักอยู่บ้านนานเท่าไร ข้าไม่พบกับพี่ใหญ่นานมากแล้ว” หลินไอ้ชิวมองที่ใบหน้าฮูหยินเฉิงเชี่ยงที่มีสีหน้ายิ้มแย้ม ถามออกมาด้วยรอยยิ้ม “จุดนี้แม่ก็ไม่ชัดเจน แต่ทว่าฟังท่านพ่อเจ้าพูดว่าครั้งนี้คงจะพักอยู่สักพัก เดี๋ยวเจ้าถามพี่ใหญ่เจ้าให้ชัดเจนอีกที” เพราะว่าเรื่องหลินหลิงเชียวกลับมาจวน คนในจวนเฉิงเชี่ยงแสดงออกถึงอาการมีความสุขมาก รอจนอาหารวางเต็มโต๊ะร่างของหลินหลิงเชียวก็ปรากฏออกมา เขาสวมเสื้อคลุมยาวผ้าลายปักสีม่วงทั้งชุด สวมหมวกเงินผูกผม บนใบหน้าหล่อเหลาเย็นชาไม่มีการแสดงอารมณ์แม้แต่น้อย “พี่ใหญ่ ในที่สุดท่านกลับมาแล้ว ชิวเอ๋อร์ไม่ได้เจอท่านตั้งนาน คิดถึงท่านจริง ๆ เลย" หลินไอ้ชิวลุกขึ้นมา วิ่งเหยาะ ๆ ตรงไปยังข้างกายหลินหลิงเชียว นางดึงแขนของเขา เปิดปากพูดอย่างออดอ้อน รับรู้ได้ถึงสัมผัสของนาง รูปร่างคิ้วของหลินหลิงเชียวย่นเล็กน้อย ในเสี้ยววินาทีก็ดึงแขนของตัวเองกลับมา “ลำบากน้องสาวรองคิดถึงแล้ว” หลินหลิงเชียวพูดด้วยน้ำเสียงเบา ๆ ต่อหน้าหลินไอ้ชิว ในนั้นไม่มีความรู้สึกของความเป็นพี่ชาย ดูเหมือนคนตรงหน้าสำหรับเขาแล้วก็คือคนแปลกหน้าทั่วไป ท่าทางของหลินหลิงเชียวเย็นชา อารมณ์บนใบหน้าของหลินไอ้ชิวหดหู่ไปแวบหนึ่ง แต่ทว่ากลับมามีรอยยิ้มอีกครั้งอย่างรวดเร็ว พี่ใหญ่ของนางคนนี้ตั้งเย็นชามาตั้งแต่เด็ก นอกจากท่านพ่อแล้ว ไม่สนิทกับคนอื่นเลย ไม่ว่าจะกับใครก็เป็นเช่นนี้ ดังนั้นภายในใจของหลิน ไอ้ชิวก็ไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยอะไร หลินหลิงเชียวก้าวเดินไปตรงหน้าเฉิงเชี่ยง โค้งตัวลงเล็กน้อย “ท่านพ่อ” “ดี ๆ รีบเข้ามานั่งเถอะ ทุกคนกำลังรอเจ้าอยู่เลย” เฉิงเชี่ยงมองเห็นบุตรชายของตนกลับมาแล้ว ใบหน้าก็มีรอยยิ้ม หลังจากใช้สายตาสังเกตร่างของเขาทีหนึ่ง ในสายตาเต็มไปด้วยความพอใจ “มา ๆ ยกอาหารมา วันนี้ไม่ง่ายที่เชียวเอ๋อร์จะกลับมาสักครั้ง วันนี้พวกเรามาตั้งใจกินมื้อนี้มื้ออาหารรวมตัวกันของครอบครัว” เฉิงเชี่ยงเรียกทุกคนด้วยใบหน้าที่ปิดบังรอยยิ้มไว้ไม่ได้ บุตรชายของเขาคนนี้คือเรื่องราวที่น่าภาคภูมิใจที่สุดในชีวิตของเขา สำหรับความโปรดปรานเขาแล้วนั้นย่อมมากกว่าใคร “น้องสาวสามละ น้องสาวสามทำไมไม่มา” เมื่อทุกคนพร้อมที่จะขยับตะเกียบ หลินหลิงเชียวเปิดปากพูดขึ้นมา เสียงของเขาเบา ๆ ไม่มีความรู้สึกใด ๆ “น้องสาวสาม น้องสาวสามอะไร พี่ใหญ่ท่านกำลังพูดอะไรนะ” คำพูดของหลินหลิงเชียวทำให้ทุกคนตกใจเล็กน้อย หลินไอ้ชิวขมวดคิ้ว ถามขึ้นอย่างสงสัย “น้องสาวรองหรือว่าน้องสาวสามคือใครก็ไม่รู้เชียวหรือ วันนี้เป็นมื้ออาหารรวมตัวกันของครอบครัว ทำไมชิงเอ๋อร์ถึงไม่มา” คำพูดของหลินไอ้ชิวทำให้หลินหลิงเชียวขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความรู้สึกตำหนิ หลังจากคำที่หลินหลิงเชียวพูดออกมา สีหน้าบนใบหน้าของหลินไอ้ชิวก็ตึง เปลี่ยนไปมีความไม่พอใจในทันที “พี่ใหญ่ ท่านอยู่ ๆ ก็เอ่ยถึงนังคนเลวทำไมกัน วันนี้คือมื้ออาหารรวมตัวกันของครอบครัวพวกเรา ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับนาง” ในน้ำเสียงของหลินไอ้ชิวเต็มไปด้วยความกระสับกระส่าย ขณะนี้สิ่งที่นางเกลียดที่สุดคือได้ยินสามคำนี้จากหลินหลิงเชียว นับตั้งแต่หลังจากอาการป่วยของนางหายดี ก็ตั้งตนเป็นศัตรูกับเขา แต่ไหนแต่ไรนางก็ไม่เคยได้เปรียบ ขณะนี้นางช่างเกลียดผู้หญิงคนนี้ซะจริง ๆ วันนี้พี่ใหญ่ก็ไม่รู้ว่ามีเรื่องราวอะไรเกิดขึ้น คาดไม่ถึงอยู่ ๆ ก็พูดถึงนังผู้หญิงเลวคนนั้น “ชิงเอ๋อร์คือน้องสาวสามของพวกเรา แล้วยังเป็นคนในครอบครัว วันนี้คือมื้ออาหารรวมตัวกันของครอบครัว ทำไมนางถึงมาร่วมด้วยไม่ได้ละ” หลินหลิงเชียวใบหน้าเย็นชา ถึงแม้ว่าน้ำเสียงพูดจะแผ่วเบา แต่ทว่าใบหน้านั้นกลับเย็นชา “พี่ใหญ่ วันนี้ท่านเป็นอะไรไป เพราะอะไรถึงต้องให้นังผู้หญิงสารเลวคนนั้นเข้าร่วมงานเลี้ยงมื้อค่ำด้วย ถ้าหากท่านให้นางมา นั่นข้าก็ไม่เข้าร่วมด้วย ข้าไปล่ะ” หลินไอ้ชิวลุกขึ้นมาด้วยความโกรธ หลินหลิงเชียวได้ช่วยพูดให้หลินหมื้นชิงตลอด นี่ทำให้ในใจนางยิ่งโกรธเคือง เขาผู้เป็นพี่ใหญ่ของนางขณะนี้คาดไม่ถึงว่าจะช่วยพูดแทนอีกคน ไม่สนใจความรู้สึกของนางโดยสิ้นเชิง “ชิวเอ๋อร์ เจ้าเป็นคนใจแคบตั้งแต่เมื่อไหร่ ชิงเอ๋อร์เป็นน้องสาวของพวกเรา ถึงกับต้องทำแบบนี้กับน้องสาวตัวเองเชียวหรือ” ตาดำชำเลืองดูหลินไอ้ชิว ในสายตาของหลินหลิงเชียวมีความไม่พอใจ ในท่าทีของเขา เขาก็รู้สึกหลินไอ้ชิวก็ทำตัวไม่ได้ดีต่อหลินหมื้นชิง เดิมทีเขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับน้องสาวสาม แต่ไม่รู้ว่าทำไม ตั้งแต่หลังจากเจอนางเมื่อคืน ความรู้สึกอบอุ่นเพิ่มขึ้นในจิตใจ มีแรงกระตุ้นที่อยากจะปกป้องนาง บุคลิกของเขามักจะไม่แยแส แต่ไหนแต่ไรไม่เคยใส่ใจใครเลย แต่ไม่รู้ว่าทำไมสำหรับหลินหมื้นชิง ในใจเขากลับมีความรู้สึกแปลก ๆ “พี่ใหญ่ ข้าไม่เข้าใจท่านจริง ๆ ว่านี่เป็นอะไรไป เมื่อก่อนแต่ไหนแต่ไรไม่เคยสนใจใคร แล้วทำไมวันนี้เอ่ยถึงหลินหมื้นชิงนังหญิงเลวคนนั้นตลอด” เผชิญหน้ากับการตำหนิจากหลินหลิงเชียว ในใจหลินไอ้ชิวความคับข้องใจปั่นป่วนไปทั่วทั้งท้อง ตั้งแต่เด็กนางต้องการมีความสัมพันธ์ที่ดีกับพี่ใหญ่ แต่ทุกครั้งพี่ใหญ่ที่ความเงียบเป็นนิสัย ไม่สนใจและเย็นชากับนาง แต่ทว่าวันนี้คิดไม่ถึงว่าเพื่อหลินหมื้นชิงนังหญิงเลวคนนั้นพูดอะไรดี ๆ ออกมามากมาย ตกลงนังหญิงเลวคนนั้นมีอะไรดี พี่ใหญ่มีความเงียบเป็นนิสัยมาโดยตลอดคาดไม่ถึงว่าจะเปิดปากพูดเพราะนาง “ชิงเอ๋อร์ก็เป็นน้องสาวของข้า ข้าเป็นห่วงนางคือเรื่องที่สมควร หลายปีที่ผ่านมาครอบครัวของเราปฏิบัติต่อนางอย่างเลวร้าย ควรได้รับการชดเชย” หลินไอ้ชิวเหลือบมองอย่างเย็นชา น้ำเสียงพูดของหลินหลิงเชียวพูดเบา ๆ ทำให้คนฟังไม่ได้รับรู้ถึงอารมณ์ใด ๆ “พี่ใหญ่” หลินไอ้ชิวลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่พอใจมองไปยังหลินหลิงเชียว “ชิวเอ๋อร์ ทำไมถึงเสียมารยาทกับพี่ใหญ่อย่างนี้ รีบนั่งลงเดี๋ยวนี้” สีหน้าฮูหยินเฉิงเชี่ยงก็เปลี่ยนไปไม่น่าดู แต่เมื่ออยู่เบื้องหน้าหลินหลิงเชียว ยังคงระงับความโกรธไว้ในก้นบึ้งหัวใจ “ท่านแม่ ท่านดูพี่ใหญ่ วันนี้เป็นมื้ออาหารมื้อแรกที่รวมตัวกันของตระกูล แต่ทว่าคาดไม่ถึงว่าพี่ใหญ่จะเอ่ยถึงคนที่น่ารังเกียจนังหญิงเลวคนนั้น ในใจของชิวเอ๋อร์จะรู้สึกผ่อนคลายได้อย่างไร” หลินไอ้ชิวบนใบหน้ามีความน้อยใจมองไปยังฮูหยินเฉิงเชี่ยง หมอกหนาปกคลุมในดวงตาสวย นางก็ต้องการจัดการความสัมพันธ์กับพี่ใหญ่ให้ดี แต่ทว่าพี่ใหญ่ก็พูดเพื่อหลินหมื้นชิงอีกครั้ง ความโกรธเคืองของนางในตอนนี้ไม่มีหนทางควบคุม “พอแล้ว ๆ วันนี้เป็นมื้ออาหารรวมตัวกันของครอบครัวพวกเรา อย่าทะเลาะกันให้ไม่มีความสุขกันเลย เชียวเอ๋อร์เจ้ายังไม่รู้ นังหญิงคนนั้นที่ชื่อหลินหมื้นชิง ช่วงนี้น้องสาวรองเจ้าถูกรังแกอย่างน่าเวทนา มีเวลาเจ้าควรจะช่วยน้องสาวรองของเจ้าพูดถึงจะถูก” ฮูหยินเฉิงเชี่ยงมองเข้าไปในดวงตาของหลินหลิงเชียว น้ำเสียงยังแสดงความไม่พอเหมือนเดิม หลินหลิงเชียวขมวดคิ้วเล็กน้อย มีร่องรอยของความรำคาญใจระหว่างคิ้วเล็กน้อย เขาได้ไม่สนใจฮูหยินเฉิงเชี่ยง ใช้สายตามองตรงไปที่ร่างหญิงรับใช้ข้างหลัง “เจ้าไปเชิญคุณหนูสามมารับประทานอาหาร” “รับทราบคะ คุณชายใหญ่” หลังจากหญิงรับใช้โค้งตัวลงเล็กน้อยเพื่อแสดงความเคารพก็ออกไปอย่างรวดเร็ว สีหน้าฮูหยินเฉิงเชี่ยงยิ่งเปลี่ยนเป็นไม่น่าดู นางเพิ่งพูดแบบนั้นแล้ว แต่ทว่าหลินหลิงเชียวไม่ได้ไว้หน้านางเลย ไม่นึกเลยว่าเวลาแบบนี้ยังให้หลินหมื้นชิงนังผู้หญิงคนนั้นมาทานอาหารด้วยกัน เฉิงเชี่ยงมองหน้าตาของหลินหลิงเชียวที่สดชื่นแจ่มใส แล้วยังมองไปยังสีหน้าที่ไม่ดีของฮูหยินและบุตรสาว เงียบไปชั่วขณะจึงเปิดปากพูด “ช่างเถอะ วันนี้พวกเราได้จัดงานเลี้ยงต้อนรับเพื่อเชียวเอ๋อร์ ในเมื่อเขาอยากให้ชิงเอ๋อร์มา นั่นก็ให้นางมาทานอาหารเถอะ” หลินจิ๋นโจวตั้งแต่ไหนแต่ไรรักหลินหลิงเชียวมากที่สุด ดังนั้นภายในใจถึงไม่ชอบหลินหมื้นชิง แต่ทว่าก็ยังอนุญาต เฉิงเชี่ยงออกคำสั่งแบบนี้แล้ว ในที่สุดฮูหยินเฉิงเชี่ยงและหลินไอ้ชิวในใจแม้ไม่ยินยอม ก็ยังต้องลดความโกรธภายในใจ ในชิงหย้วน เพราะว่าเมื่อคืนหลินหมื้นชิงมีสาเหตุให้ไม่ได้พักผ่อนเพียงพอ หลินหมื้นชิงหลับไปอย่างมึนงง รอจนมีหญิงรับใช้เคาะประตูจึงตื่นขึ้นมา ช่วงเวลาในชาติก่อนของนางคือนักฆ่าคนหนึ่ง ทุกวันต้องอยู่ในอันตราย ดังนั้นการระวังตัวจึงสูง แต่ว่าในช่วงเวลาระยะนี้นางกลับรู้สึกเหนื่อยกว่าการใช้ชีวิตในศตวรรษก่อนยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา 
已经是最新一章了
加载中