ตอนที่38 คุยเรื่องอย่างว่า(1)   1/    
已经是第一章了
ตอนที่38 คุยเรื่องอย่างว่า(1)
ต๭นที่38 คุยเรื่องอย่างว่า(1) แม้จะไม่สนใจว่าเซียวชี่จือจะคิดยังไงกับนาง แต่พอได้ยินคนอื่นพูดถึงนางแบบนี้ มีเหรอที่นางจะไม่โกรธ ทั้งที่นางเป็นคนปกติ แต่เซียวชี่จือกลับพูดกับมะเฟืองแบบนี้ นี่เขาคิดจะทำให้คนอื่นมองว่านางเป็นคนสติไม่ดีงั้นสินะ? "ไม่แต่ง? เจ้าคิดว่าข้าอยากแต่งนักหรือไง?ถ้าไม่อยากแต่งก็ไม่แต่งได้ เจ้าคิดว่าข้าจะปวดหัวกับผู้หญิงคนนั้นทำไมกัน?" คำพูดของหลินหมื้นชิงแฝงคำเสียดสีน้อย เซียวชี่จือมองหน้านางด้วยสายตาเย็นชา ส่วนในใจก็กลัวจนไฟลุกโชน เรื่องที่ต้องแต่งงานในอีก 10 วันข้างหน้า ก็ทำให้เขาอารมณ์เสียมากพอแล้ว หันชิงกลับพูดจาแทงใจดำเขาอีก "เห้อ~ ฮ่องเต้นี่ก็เหลือเกินเสียจริง ถึงจะทำเพื่อให้มงกุฎราชกุมารขึ้นครองราชย์อย่างมั่นคง ก็ไม่จำเป็นต้องทำถึงขั้นให้เจ้าสู่ขอคนสติไม่ดีมาเป็นพระชายานี่นา!?" มะเฟืองวางพัดในมือลงแล้วสูดลมหายใจเข้าออกพร้อมกับพูดขึ้น ในแคว้นชี้นี้ คนที่จะเทียบเคียงความหล่อเรากับเซียวชี่จือได้มีอยู่แค่ไม่กี่คน เซียวชี่จือทั้งหล่อเหลาและเพียบพร้อมขนาดนี้ แต่กลับต้องมาสู่ขอคนสติไม่ดีเป็นพระชายาแทน ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกอับอายแทน ตอนนี้ผู้คนในแคว้นชี้ต่างก็พากันลือเรื่องงานแต่งนี้กันไปทั่ว ชายที่งามที่สุดในปฐพีต้องสู่ขอหญิงสติไม่ดีมาเป็นพระชายา เป็นเรื่องที่น่าขันยิ่งนัก "คนในแคว้นชี้ต่างก็รอหัวเราะเยาะข้ากันไปทั่ว ถ้าเป็นถึงเทพสงครามของแคว้นชี้ มียศฐาบรรดาศักดิ์ ร่ำรวยมีเงินมีทอง แต่กลับถูกพังทลายลงเพราะผู้หญิงเพียงคนเดียว!" เซียวชี่จือพูดพร้อมกับกำมือทุบโต๊ะดัง’ปึ่ง’ บรรยากาศรอบตัวเย็นเยือกไปหมด แต่ทว่าคนที่โกรธในตอนนี้ไม่ได้มีเพียงเซียวชี่จือคนเดียว หลินหมื้นชิงเองก็ครัวอยู่ไม่น้อย ผู้ชายทั้ง 2 คนกำลังพูดเรื่องของตัวเองอย่างเสียๆหายๆ จะให้นางไม่โกรธได้อย่างไรล่ะ? มะเฟืองยังไม่เคยเจอหลินหมื้นชิง เคยได้ยินแต่ข่าวลือว่านางเป็นคนสติไม่ดี คำพูดของเขานางก็พอจะให้อภัยได้ แต่เซียวชี่จือนี่สิ รู้ทั้งรู้ว่านางเป็นคนปกติ แต่ก็ยังพูดว่าการแต่งงานกับนางเป็นเรื่องน่าอับอาย หนังไม่คู่ควรกับเขาตรงไหนกัน? เขาไม่อยากแต่งแล้วคิดว่านางอยากแต่งนักหรือไง? ถ้าไม่ติดที่ว่าฝืนคำสั่งไม่ได้ นางก็คงไม่ยอมเพื่อเอาตัวรอดหรอก หากมีแม้แต่โอกาสเพียงเล็กน้อย นางก็จะไม่ยอมแต่งกับเขาโดยเด็ดขาด! "คำว่าพวกท่านมาพูดลับหลังหญิงสาว ทำให้นางรู้สึกอับอายเช่นนี้ มันเกินไปหรือเปล่า? ถึงแม้อีก 10 วันข้างหน้าท่านอ๋องต้องสู่ขอนางมาเป็นพระชายาก็เถอะ ใช่ว่านางจะเต็มใจเสียหน่อย ฮ่องเต้ต่างหากที่ยัดเยียดให้นาง พวกท่านยนต์ทุกอย่างไปที่นางแบบนี้ ไม่รู้สึกละอายใจบ้างหรือไรกัน?" หลินหมื้นชิงทนไม่ได้จึงพูดพร้อมกับมองไปที่ทั้งสอง น้ำเสียงของนางเยือกเย็น หลังจากที่นางพูดจบ เซียวชี่จือก็จ้องมาที่นางเรากับดาบที่แทงเข้าไปในตัวของนางด้วยแววตาแปลกๆ มะเฟืองเองก็มองนางด้วยสายตาสงสัย คงไม่คาดคิดว่านางจะพูดเข้าข้างคุณหนูสามของจวนเฉิงเชี่ยง พอเรื่องนี้ประกาศออกมา ทุกคนต่างก็คิดว่ามันคือความอับอายของหัน แต่นางกลับบอกว่าคุณหนูสามของจวนเฉิงเชี่ยงเป็นผู้ถูกกระทำแทน "หันชิงซงที่เจ้าพูดมันไม่ถูกหรอกหนา งานนี้ดูยังไงทั้งคู่ก็ไม่เหมาะสมกันแม้แต่น้อย ดูก็รู้ว่างานแต่งงานนี้มีจุดประสงค์อย่างอื่นแอบแฝงอยู่ด้วย เรื่องนี้ไม่ได้ง่ายอย่างที่เจ้าคิดหรอก" มะเฟืองครุ่นคิดแล้วมองหน้าหลินหมื้นชิงพร้อมกับพูดอธิบายอย่างตั้งใจ "ไม่ว่าเรื่องมันจะเป็นอย่างไร ไม่ว่าจะมีอะไรแอบแฝงหรือไม่ ยังไงคุณหนูสามของจวนเฉิงเชี่ยงก็เป็นผู้บริสุทธิ์ เพราะเรื่องนี้ยังตัดสินใจอะไรไม่ได้อยู่แล้ว" หลินหมื้นชิงยังคงยืนยันคำเดิมด้วยน้ำเสียงแน่วแน่ มะเฟืองเห็นท่าทีมั่นใจของหลินหมื้นชิงก็แอบขโมยคิ้วเล็กน้อย สายตาที่เขามองนางเหมือนกำลังสอบปากคำ คำที่หลินหมื้นชิงพูดก็ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล "เจ้าเป็นอะไรกับหลินหมื้นชิง? ใยถึงได้พูดเข้าข้างนางนัก ถ้าคนอื่นไม่รู้คงคิดว่าเจ้าคือคุณหนูสามคนนั้นด้วยซ้ำ!" เซียวชี่จือถามพร้อมกับมองจ้องไปที่นาง สายตาที่เขามองนางเรากลับว่ามองทะลุตัวนางยังไงอย่างนั้น พอเห็นสายตาของเขา หลินหมื้นชิงก็แอบตกใจเล็กน้อย เริ่มสงสัยว่าเซียวชี่จือคงจะจับผิดนางได้แล้วเป็นแน่ หากเขารู้ว่านางคือหลินหมื้นชิง แถมยังมาร่วมคุยเรื่องงานแต่งกับเขาอีก มีหวังคงได้บีบคอนางตายแน่ "ท่านอ๋องก็พูดไป หันชิงเป็นชายแท้จะเป็นคุณหนูสามของจวนเฉิงเชี่ยงได้เยี่ยงไรเล่า?อีกอย่างเมื่อกี้ท่านก็เพิ่งพูดเองว่าคุณหนูสามของจวนเฉิงเชี่ยงเป็นคนสติไม่ดี ท่านคิดว่าข้าเหมือนคนสติไม่ดีงั้นรึ?" หลินหมื้นชิงพยายามพูดด้วยน้ำเสียงปกติที่สุดพร้อมกับยิ้มกลบเกลื่อน "แต่ข้าว่า เจ้ากับนางเหมือนกันอย่างกับแกะ!" เซียวชี่จือยังคงจ้องไปที่หน้าของหลินหมื้นชิง เหมือนจะจ้อองให้ได้อะไรสักอย่าง ยิ่งเขามองแบบนี้ หลินหมื้นชิงก็ยิ่งกลัวว่าความจะแตก เพราะผู้ชายคนนี้ฉลาดกว่าที่นางคิด "หัน เจ้าหมายความว่ายังไงกัน?" มะเฟืองมองหน้าทั้ง 2 ที่กำลังเถียงกันไปมา ถึงยกมือนวดกบาลพร้อมกับพูดขัดขึ้น "แต่จะว่าไปแล้ว ถึงข้าจะไม่ชอบนางแต่ก็แอบรอคอยคืนเดือนพอค่ากับนางเสียแล้วสิ" เซียวชี่จือพูดเปลี่ยนเรื่องด้วยน้ำเสียงเซ็กซี่พร้อมกับยิ้มมุมปากด้วยความรู้สึกคลุมเครือ มะเฟืองและหลินหมื้นชิงต่างก็พากันอึ้ง พอตั้งสติได้ แก้มของหลินหมื้นชิงก็เริ่มแดงขึ้นเรื่อยๆ เขาคิดอะไรอยู่กันแน่หรือว่าคิดจะคุยเรื่องเรือนหอกับเพื่อนอย่างงั้นเหรอ!? "หันเจ้า…...ใครเป็นคนหื่นกระหายแบบนี้ตั้งแต่เมื่อเมื่อไหร่กัน?" มะเฟืองมองไปที่หลินหมื้นชิงแล้วหันกลับไปถามเซียวชี่จือ ปกติแล้วเซียวชี่จือเป็นคนสุขุมเยือกเย็น แต่วันนี้กลับพูดคำแบบนี้ออกมาได้ น่าตกใจยิ่งนัก "ถ้าเป็นชายชาตรีมีความอยากเรื่องหนุ่มสาวมันไม่ปกติหรือไง? ข้าเองก็มีความต้องการเช่นกัน" เซียวชี่จือยักคิ้ว ถึงแม้จะพูดถึงเรื่องแบบนี้แต่สีหน้าของเขาก็ไม่เปลี่ยนเลย ราวกับว่าเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องปกติ ในสมัยโบราณแบบนี้เรื่องแบบนี้ยังไม่เป็นที่เปิดกว้าง คนที่กล้าเอาเรื่องในเรือนหอของหนุ่มสาวมาพูด เซียวชี่จือนับว่าเป็นคนแรกเลยก็ว่าได้ สำหรับหลินหมื้นชิงที่เป็นคนสมัยใหม่ ถึงแม้ชาติที่แล้วจะเป็นนักฆ่ามือหนึ่ง แต่ก็ไม่เคยมีแฟนเลยแม้แต่คนเดียว เรื่องอย่างว่าก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึง พอนึกถึงเรื่องที่ต้องมีอะไรกับเซียวชี่จือในอีก 10 วันข้างหน้า นางก็เขินจนหน้าแดงไปหมด ความรู้สึกในใจตอนนี้ไม่รู้ว่าจะปฏิเสธหรือยอมรับดี "หันข้ารู้สึกว่าวันนี้เจ้าดูเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลย เจ้ากล้าพูดคำลามกเช่นนี้ออกมาได้อย่างไรกัน" มะเฟืองยักคิ้วมองไปที่เซียวชี่จือด้วยความสงสัย การที่ได้ยินคำพูดที่เกี่ยวกับเรื่องอย่างว่าจะปาดเขา นับว่าเป็นอะไรที่เกิดขึ้นได้ยากยิ่งกว่าดวงอาทิตย์พุ่งชนโลกเสียอีก "ถ้าเจ้าอยากฟังอีก ไว้ข้าเข้าเรือนหอแล้วจะมาเล่าให้เจ้าฟัง เจ้าว่าดีหรือไม่?" แม้ว่าคำพูดนี้เขาจะพูดให้มะเฟืองฟัง แต่สายตาของเขากลับมองไปที่หลินหมื้นชิง ผู้หญิงคนนี้มันอาจปลอมตัวเป็นชาย! ทีแรกเซียวชี่จือไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหันชิงก็คือหลินหมื้นชิง แต่พอเห็นท่าทีโมโหของนางที่เหมือนหลินหมื้นชิงไม่มีผิด ทั้งกิริยาท่าทางเหมือนกันไปหมด เป็นไปไม่ได้ที่โลกใบนี้จะมีคนที่นิสัยกิริยาท่าทางเหมือนกันขณะนี้ ยิ่งเวลาโกรธก็ยิ่งเหมือนกันเข้าไปใหญ่ ที่เขาคุยเรื่องอย่างว่ากลับมาเฟืองต่อหน้านาง ก็เพื่อทดสอบปฏิกิริยาของนาง แต่ดูจากใบหน้าที่แดงก่ำของนางแล้ว นางคือหลินหมื้นชิงไม่ผิดแน่ "ข้าเองก็อยากรู้ว่าเจ้าจะได้นานสักเท่าไหร่? ถ้าถึงตอนนั้นข้าจะจ่ายค่าสุราเลี้ยงเจ้า ส่วนเจ้าก็มีหน้าที่เล่าเรื่องในคืนเรือนหอให้ข้าฟังทั้งหมด ห้ามตกหล่นแม้แต่คำเดียว" มะเฟืองอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาทันที เขาอยากรู้ว่าเรื่องบนเตียงของเซียวชี่จือจะเป็นยังไง เพราะทั้งคู่ก็เป็นเพื่อนกันมา 10 กว่าปีแล้ว เรื่องวิทยายุทธถ้าเซียวชี่จือเป็นที่ 2 ไม่มีใครกล้าเป็นที่ 1 แน่นอน แล้วเรื่องบนเตียงของเขาจะเป็นยังไงนร้า……. "ได้! ถ้าถึงตอนนั้นข้าจะเล่าทุกรายละเอียดให้เจ้าฟังเอง" เซียวชี่จือตอบรับทันทีไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย ผู้ชาย 2 คนนี้มานั่งคุยเรื่องแบบนี้กันโจ่งแจ้งหน้าตาเฉย หลินหมื้นชิงอายจนแทบจะหารถเข้าไปเลยด้วยซ้ำ พวกเขานี่ก็…… "เอ๊ะ! ทำไมใบหน้าของหันชิงซงถึงได้แดงนักล่ะ? หายงั้นรึ?" เพราะเมื่อคืนเห็นนั่งก้มหน้าก้มตาไม่พูดไม่จาด้วยท่าทางเขินอายเหมือนอยากจะหารูมุดหนี จึงพูดหยอกล้อขึ้น เขาไม่รู้ว่าลิ้นจีบเป็นผู้หญิง ก็เลยตบไหล่นานเบาๆราวกับเพื่อนชายที่สนิทกัน "ทุกคนก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน พูดเรื่องหญิงสาวบ้างก็เป็นเรื่องปกติ ไม่มีอะไรน่าอายหรอก" มะเฟืองอบไหล่หลินหมื้นชิงแล้วพูดปลอบ เซียวชี่จือเห็นมือของมะเฟืองที่อบไหล่หลินหมื้นชิงไว้ สายตาก็จ้องไปที่มะเฟืองตาเขม่น ไฟลุกในใจขึ้นมาทันที มีความรู้สึกเหมือนผู้หญิงของตัวเองกำลังถูกชายอื่นครอบครอง ถึงแม้เขาจะไม่ได้ชอบหลินหมื้นชิง แต่ยังไงผู้หญิงคนนี้ก็เป็นพระชายาของเขา เขามีความเป็นเจ้าของสูงมาตลอด ผู้หญิงของตัวเองถูกเพื่อนของตัวเองกอดไว้ในอ้อมกอด เป็นอะไรที่เขาไม่พอใจมาก เซียวชี่จืออยากที่จะเข้าไปห้าม แต่ก็ไม่อยากเปิดโปงนาง เพราะเขาอยากรู้ว่านางแต่งเป็นชายเข้าใกล้เขาเพื่ออะไร "พวกท่านคุยเรื่องอย่างว่าแบบนี้คงไม่ดี หากใครมาได้ยินเข้า คงจะถูกเอาเล่าต่อเป็นแน่" หลินหมื้นชิงโมงเซียวชี่จือแล้วก้มหัวพูดเสียงเบา นางเป็นผู้หญิงต้องมาฟังผู้ชาย 2 คนพูดเรื่องอย่างว่า ไม่เขินก็แปลกแล้ว แถมผู้ชายทั้ง 2 คนก็เป็นชายแปลกหน้าอีกด้วย "จะกลัวอะไรไปเล่า เรื่องของอ๋องหมิงใครจะกล้าพูด ถ้ากล้าพูดออกไปก็แปลว่ารนหาที่ตายเอง!" มะเฟืองทำหน้าไม่สนใจอะไร เพราะเขาคิดว่าการที่ผู้ชายคุยเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องปกติ อีกอย่างผู้ชายต่างก็สนใจเรื่องแบบนี้กันอยู่แล้ว ………. หลินหมื้นชิงมึนตึบเพราะไม่รู้จะโต้กลับยังไง ที่มะเฟืองพูดมันก็ถูก พวกเขาทั้งสอง คนนึงเป็นถึงเทพสงครามของแคว้นชี้ มีอำนาจล้นฟ้า ส่วนอีกคนก็เป็นบุตรชายของแม่ทัพเจิ้นโก๋ว มีอำนาจไม่แพ้กัน ใครที่กล้าพูดลับหลังก็คงรนหาที่ตายจริงๆอย่างที่ว่านั่นแหละ "หันชิงซงเราเป็นผู้ชายเหมือนกัน ไม่มีผู้ชายที่ไหนไม่สนใจเรื่องแบบนี้หรอก เจ้าก็อยากเก็บไว้คนเดียวเลย มาคุยกับพวกข้าดีกว่า"
已经是最新一章了
加载中