ตอนที่23 เข้าพวกกันเข้าไว้   1/    
已经是第一章了
ตอนที่23 เข้าพวกกันเข้าไว้
๕อนที่23 เข้าพวกกันเข้าไว้ นทจรมองเห็นนภสรเข้า ก็ชะงักไปชั่วครู่ ก่อนจะเตรียมยกเท้าเดินเข้าไปหาเธอ “คุณนทจร เจอกันอีกแล้วนะครับ” ทันใดนั้นปองพลก็ร้องเรียกขึ้น นั่นทำให้ขาที่กำลังก้าวไปของนทจรหยุดลง นทจรมองเห็นปองพลเข้าสีหน้าก็พลันเปลี่ยนไปทันที แล้วยิ่งเห็นรถที่จอดด้านหลังของเขา ใบหน้าก็ยิ่งดูไม่ได้ยิ่งเข้าไปอีก นภสรมองไปที่รถของนทจรอย่างครุ่นคิด ซึ่งก็เป็นRolls Royce แต่ไม่ใช่รุ่นเดียวกับปองพล รุ่นของปองพลนั้นเป็นพรีเซลโกลโบวลิมิเตดเอดิชั่น แต่ของนทจรนั้นเขาไปซื้อที่ร้าน4Sก็ซื้อได้ นั่นทำให้ราคาของสองรุ่นนี้ต่างกันเป็นล้านเลยทีเดียว นทจรที่หน้าตาดูแย่อยู่นั้นหันไปทางนภสร ก่อนจะเรียก “นภสร” “คุณมารับคู่หมั้นของคุณหรอ? ฉันกับสามีมีธุรต้องไปทำของตัวกลับก่อนะ” นภสรกระตุกริมฝีปากขึ้น แสดงออกมาด้วยท่าทีที่แสนจะเย็นชา ปองพลเอื้อมไปจับที่เอวของเธอ มองไปที่ชายตรงหน้าอยากเหยียดหยามดูถูก “คุณนทจร ไปก่อนนะครับ” นทจรเงยหน้าขึ้น หรี่ตามองไปยังปองพล ในเมืองเมฆแห่งนี้ มีไม่กี่คนเท่านั้นที่อาจหาญพอที่จะมองเขาด้วยสายตาแบบนี้ เขาแทบจะอดทนรนทนไม่ไหว นภสรโตมาสวยพริ้งทีเดียว เขาเองก็สนใจเธอ แต่ด้วยเป็นเพราะพ่อของเธอ ทำให้เขาต้องละทิ้งเธอไป และเขาก็รู้อีกเหมือนกันว่าเธอสนใจในตัวเขา ถึงแม้ว่าเขาจะทอดทิ้งเธอไป ก็ไม่ได้หมายความว่าผู้ชายคนอื่นจะได้รับอนุญาตให้ครอบครองหัวใจของนภสรได้ มันเป็นที่ของเขาแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น “ผมกับนภสรเติบโตมาด้วยกัน เธอก็เหมือนน้องสาวแท้ๆของผมคนหนึ่ง พวกคุณคบหากันแล้ว อย่างนี้พวกเราควรไปกินข้าวด้วยกันซักมื้อมั้ย?” นทจรมองอย่างท้าทาย ก่อนจะหันไปนภสร “ใช่มั้ย นภสร?” นภสรเย็นวาบไปที่หัวใจ, คิดว่าเธอเป็นน้องสาวงั้นหรอ? นภสรอยากจะปฏิเสธใจจะขาด เหตุเพราะดูจากสายตานทจรก็รู้ว่าเขาจงใจอยากจะแกล้งปองพล พูดว่าไปกินข้าวด้วยกัน คาดว่าไปยังไงก็คงจะกินไปลง ปองพลมองไปยังนภสร ก่อนจะพูดด้วยเสียงอ่อนหวาน “นภสร พี่ขายเขาก็พูดขนาดนี้แล้วงั้นก็ให้หน้าเขาหน่อยเถอะเนาะ ” “พี่เขย” ปองพลเน้นเสียงไปที่สองคำนี้หนักหน่อย พูดจบก็ยิ่งทำให้นทจรแทบจะคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ นี่นับว่าปองพลก็ทนงตัวไม่น้อยทีเดียว นทจนคิดตัดสินใจอยู่เงียบๆคนเดียว เพื่อที่จะทำให้เขารู้สึกขมขื่นขึ้นมาได้ “ถ้าพี่เขยพูดมาขนาดนี้ ฉันก็คงไม่อาจปฏิเสธได้ลง” นภสรยิ้มออกมา “พี่เขย” แค่สองคำนี้ เรียกออกมานั่นก็น่าสนใจทีเดียว สองคนใช้คำๆเดียวกันเรียกเขา นั่นทำให้สีหน้าของนทจรเปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก นรมนมองเห็นพวกเขาสามคนที่หน้าประตูจากที่ไกลๆ เธอกับนทจรนัดกันเพื่อที่จะไปกินข้าวเย็นด้วยกัน เธอบอกให้เขามาช้าหน่อยก็เพราะเกรงว่าจะเจอกับนภสรเข้า ไม่คิดเลยว่าก็ยังจะเจออยู่ดี “นทจร,คุณมาแล้วหรอ” นรมนเดินมาจับหลังแขนของนทจร ปองพลยกมือดูเวลา ทำท่าเหมือนรีบ “คนก็ครบแล้ว เราไปกันได้แล้วหรือยัง?” นรมนมองไปยังปองพล ความคิดก็แวบขึ้นมาในหัว ปองพลคนนี้ที่หลับนอนกับนภสร อย่าบอกนะว่ารักกันแล้ว? ไม่อย่างนั้นจะมารับที่ทำงานได้ยังไง? “ไปไหนหรอ?” นรมนถามนทจร “นภสรไม่ได้กลับมานานขนาดนี้ อยังไม่ได้ไปกินข้าวกับเธอเลย ดังนั้นฉันเลยนัดพวกเขากินข้าวกับเราเย็นนี้หน่ะ” นทจรมักจะอ่อนโยนและคอยดูแลนรมนอยู่เสมอ เหตุด้วยว่าในใจของเขา นรมนตรงสเปคกับว่าที่ภรรยาของเขาที่สุด ทั้งอ่อนโยนและฉลาดหลักแหลม นภสรมองไปยังท่าทางชายทั้งสองที่อยู่ตรงหน้า ก็เบือนหน้าไม่อยากจะมอง เหมือนกับให้เลือกว่าจะปลูกหัวไชเท้าที่หลุมไหนดี ระหว่างถ่านไฟเก่า กับ ตัวละครหลอก ตั้งแต่ที่เธอรู้ว่านทจรมีอคติกับเธอเพียงเพราะพ่อของเธอติดคุก ความรู้สึกที่เธอมีให้กับเขาก็ค่อยๆจางลง ในทางตรงกันข้ามนั่นทำให้เธอมองนทจรได้ละเอียดมากยิ่งขึ้น …… นทจรเลือกสถานที่ที่จะไปก็คือ club beautiful night นภสรมองเสออกไปด้านนอก เธอคาดเข็มขัดไปพลางพูด “ฉันรู้สึกว่านทจรไม่น่าไว้ใจ” “ดังนั้นคุณต้องอยู่ข้างๆฉันไว้นะ เราต้องเข้าพวกกันเข้าไว้” ปองพลหันหน้าไปทางเธอ ริมฝีปากกระตุกรอยยิ้มขึ้นมา เพียงแต่รอยยิ้มนั้นไม่ได้กว้างมากนั่นทำให้เธอรู้สึกแปลกแยก ซึ่งก็ไม่ได้ต่างจากปกติของปองพลมากเท่าไหร่ นภสรพูดเสียงอู้อี้ “อะไรคือเข้าพวกกันเข้าไว้..” ปองพลไม่ได้พูดอะไรอีก เขาเปิดประตูให้เธอลงรถ ดั่งสุภาพบุรุษที่หาตัวจับยาก ในรถที่อยู่ข้างๆ นรมนเองก็กำลังจะลงรถเหมือนกัน เธอเพิ่งจะเห็นรถของปองพล เธอมองมันอย่างประหลาดใจ นรจรเดินมาหยุดอยู่ข้างๆเธอ พอมองไปที่เธอ เขาโกรธจนหน้าเขียว พูดออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ “เข้าไปกันเถอะ” พอนรมนหันกลับมาก็พบว่านทจรกำลังเดินไปแล้ว “นทจร รอฉันด้วย” บนโต๊ะอาหาร นรทรก็เริ่มที่จะมุ่งร้ายปองพลทันที “ไม่ทราบว่าคุณปองพลทำงานที่ไหนหรอ?” นทจรถามเขามั่นใจมากทเดียวว่าภูมิหลังของเขาต้องดีกว่าปองพล ปองพลยิ้ม “ก็ทำงานบริษัทเล็กๆหน่ะ” “คุณปองพลถ่อมตัวเกินไปแล้ว สามารถขับรถยี่ห้อขนาดนั้น คงไม่ได้ทำงานบริษัทเล็กๆหรอกมั้ง” ปองพลถูกตรวจสอบอย่างใกล้ชิด “คันนั้นยืมเพื่อนมาหน่ะ” พอนทจรได้ยินเข้า แววตาก็ปรากฎความพึงพอใจ รถที่เขาขับเขาซื้อมาด้วยตัวเอง แม้ปองพลจะขับรถดีกว่าเขา แต่ก็ยืมเพื่อนมา เขาหันหน้าไปมองนภสร เขาไม่อยากให้นภสรจริงจังกับการกินข้าวมากไป ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้ยินว่าปองพลยืมรถเพื่อนมา “ฉันอิ่มแล้วหล่ะ วันนี้ทำงานวันแรกเหนื่อยนิดหน่อย อยากกลับไปพักผ่อนแล้วหล่ะ” นภสรวางตะเกียบลง แล้วเงยหน้าขึ้นไปสบนทจรกับนรมน เห็นพวกเขาก็รู้สึกหิวขึ้นมา นทจรมุ่งร้ายปองพลสุดฤทธะิ์ เพียงต้องการที่จะรู้ว่าฉินมู่ชินไม่ได้ดีเท่าเขา แม้แต่รถก็ยืม โชคดีที่ปองพลจิตวิทยาเป็นเลิศ แม้ว่าจะโดนนทจรเหน็บแนมโต้งๆ แต่เขาก็ไม่ได้แสดงอาการหัวเสียอะไร มีเพียงเธอที่รู้สึกเจ็บปวดภายในใจลึกๆ ถ้าเขาไม่ได้แต่งงานกับเธอ ปองพลก็คงไม่ต้องมาเจออะไรแบบนี้ นรมนคิดว่าเธอรู้สึกเสียหน้าเลยจะหนีกลับ จึงจงใจถามขึ้นเพื่อรั้งเธอไว้ “เธออยู่แผนกประชาสัมพันธ์ มันเป็นเรื่องปกติที่จะออกมาหลังจากประชุม มันจะดีกว่าถ้าฝึกไว้ให้เคยชินนะ” “ประชาสัมพันธ์หรอ? บริษัทมีแผนกตั้งมากมาย ทำไมถึงอยากไปทำแผนกนั้นหล่ะ?” ใบหน้าของนทจรเต็มไปด้วยความไม่เห็นด้วย มันเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์จะดื่มกัน เขาคิด ขมวดคิ้วก่อนจะพูด “พรุ่งนี้ไปเปลี่ยนแผนกเถอะ คุณยังเป็นหลานสามของบริษัท ทำไมจะต้องไปเลี้ยงด้วยหล่ะ?” นรมนได้ยินเข้าก็เปลี่ยนสีหน้าทันที เธอเพียงอยากให้ทั้งสองชายรู้ว่านภสรไม่รักตัวเอง อยากไปทำที่แผนกประชาสัมพันธ์ ไม่คิดเลยว่าผลตอบรับจะออกมาเป็นอย่างนี้ นทจรยังคงมีนภสรอยู่ในใจอยู่ พอคิดถึงเรื่องนี้ เธอก็ยิ่งแค้นเคืองนภสรเข้าไปอีก นภสรมองไปยังนรมน พอเห็นว่านภสรมองเธอ เธอก็รู้สึกอึดอัด นั่นทำให้นภสรยินดีมากทีเดียวที่จะเห็นรอยยิ้มของเธอมลายไป เธอพูดน้ำเสียงแผ่วเบา “นภสรจะเป็นคนสอนฉันหน่ะ,พี่เขยไม่ต้องเป็นห่วง”
已经是最新一章了
加载中