ตอนที่ 31 ถ้าเทียบกับผมแล้ว พวกคุณมันก็แค่คนนอก   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 31 ถ้าเทียบกับผมแล้ว พวกคุณมันก็แค่คนนอก
ต๭นที่ 31 ถ้าเทียบกับผมแล้ว พวกคุณมันก็แค่คนนอก ปองพลกลับมาถึงบ้านค่อนข้างช้า นภสรยังคงนอนพิงหัวเตียงอยู่ในตำแหน่งเดิม ตอนที่เขาเปิดประตูเข้ามา สิ่งที่เห็นก็คือลักษณะท่าทางที่เหมือนนั่งรอสามีจนกลายเป็นหินยังไงอย่างงั้น เพียงแต่ว่า ผ้าพันแผลบนหัวของเธอมันช่างดูขวางหูขวางตาเกินไปหน่อย ปองพลจัดเตรียมโจ๊กและกับข้าวที่ซื้อมาอย่างเรียบร้อย และหยิบช้อนใส่ชามโจ๊ก นภสรจ้องมองการกระทำทุกๆอย่างของเขา เขาหยิบชามโจ๊กขึ้นมา ใช้ช้อนคนโจ๊กอย่างเอาใจใส่ จากนั้นก็ตักขึ้นมาช้อนหนึ่งแล้วยื่นไปให้นภสร “กินสิ” สายตาของนภสรหลุดมองไปที่นิ้วมือเรียวยาวที่ยื่นมาตรงหน้า ก่อนจะก้มหน้าลงกินโจ๊กไปอย่างว่าง่าย เมื่อโจ๊กหมดชาม นภสรรู้สึกได้ว่าเธอทั้งอิ่มแลรู้สึกสบายท้องขึ้นมาไม่น้อย และก็รู้สึกสดชื่นขึ้นมากเลยทีเดียว สายตาที่ตั้งอกตั้งใจจัดการเก็บกวาดกล่องอาหารแบบใช้แล้วทิ้งตรงหน้า เธอมั่นใจมาก ว่าเธอไม่เคยเจอผู้ชายที่ดีขนาดนี้มาก่อนเลยจริงๆ เพราะเธอไม่เคยเห็นใครที่แม้แต่ตอนทิ้งขยะ ยังดูดีมีออร่าได้ขนาดนี้ ปองพลทิ้งขยะเสร็จแล้วเดินกลับมา นั่งลงข้างเตียงแล้วถามเธอว่า “ใครเป็นคนทำ?” ทั้งๆที่มันเป็นเพียงแค่บทสนทนาธรรมดา แต่มันกลับทำให้นภสรรู้สึกว่า เหมือนว่าเขาจะรู้สึกโกรธแทนเธอ นภสรนึกถึงภาพเหตุการณ์ในตอนนั้น เธอถึงได้เริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมาเล็กน้อย ความรู้สึกเศร้าก็เริ่มผุดขึ้นมาภายในจิตใจ น้ำตาเริ่มคลอเบ้าอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ “นายขยับเข้ามาหน่อยได้มั้ย?” นภสรเม้มปากเบาๆ นัยน์ตาเริ่มแดงก่ำ ปองพลจ้องไปที่ดวงตาสดใสไร้พิษภัยคู่นั้น แล้วก็เกิดลังเลขึ้นมาเป็นครั้งแรก เมื่อนภสรเห็นว่าเขาไม่ขยับ เธอก็อ้าอ้อมแขนไปที่เขาอย่างช้าๆ เหมือนเด็กน้อยที่รู้สึกเศร้าแล้วต้องการอ้อมกอดจากผู้ใหญ่ยังไงยังงั้น ปองพลเม้มปากแน่น เป็นเพราะใช้แรงมากไปหน่อย ปากก็เริ่มซีดขาวเล็กน้อย คล้ายๆว่ากำลังอดทนอดกลั้นกับอะไรบางอย่างอยู่ นภสรไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ สายตาเริ่มหดถอย ในขณะเดียวกันปองพลก็ลุกขึ้นขยับตัวเข้าใกล้เธอเล็กน้อย ก่อนจะกอดเธอไว้ในอ้อมอก นี่มันเป็นอ้อมกอดที่ทำให้รู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย มีความเหมือนอ้อมกอดจากคุณพ่อของเธอ แต่ก็ไม่ทั้งหมด ภายในห้องนั้นเงียบสงัด เงียบซะจนทำให้ทั้งคู่เริ่มหายใจอย่างผ่อนคลาย นภสรกระชับอ้อมกอดและแนบตัวเองเข้ากับอ้อมกอดของเขามากขึ้น กี่ปีแล้วนะที่เธอไม่ได้สัมผัสอ้อมกอดที่อบอุ่นและปลอดภัยแบบนี้? ใบหน้าของเธอซุกเข้าอ้อมอกของเข้าแนบแน่น ไม่นานนัก เขาก็รู้สึกถึงความเปียกๆอุ่นๆที่อ้อมอกของตัวเอง เขารู้สึกชะงักไปเล็กน้อย มือที่กอดเธอไว้ก็เริ่มแข็งทื่อ สุดท้ายก็กลายเป็นมือที่ปลอบโยน ............ ในคืนนี้ ทั้งสองนอนกอดกันบนเตียงผู้ป่วยแคบๆนั้นก่อนจะผล็อยหลับไปด้วยกัน เมื่อได้หลับไปอย่างเต็มอิ่มทั้งคืน นภสรก็รู้สึกสดชื่นขึ้นมามาก ปองพลอาบน้ำเสร็จแล้วเดินออกมา ก่อนจะเอ่ยปากถามเธอ “มื้อเช้าอยากทานอะไรเหรอ?” “อยากกลับบ้าน” นภสรกระพริบตาสุกใสคู่นั้น ใบหน้าที่ซีดเผือดนั้นช่างดูน่าเอ็นดูน่าสงสารมากมาย เห็นผู้หญิงที่คอยต่อล้อต่อเถียงเขามาอยู่ในสภาพแบบนี้ ปองพลเองก็รู้สึกใจอ่อน ก่อนจะพยักหน้า “ได้สิ ฉันจะลองไปถามหมอดูก่อน ถ้าเขาบอกว่ากลับบ้านได้ เราจะกลับบ้านกัน” “เดี๋ยว......” นภสรอยากจะเรียกเขาเอาไว้ แต่ก็ไม่ทัน เขาเดินออกไปแล้ว เมื่อวานหมอบอกไว้แล้วว่าเธอจะต้องอยู่ดูอาการอีกหลายวัน รอบนี้ปองพลออกไปค่อนข้างนาน นานจนยังไม่ทันที่เขาจะกลับมา ก็มีแขกมาหาเธอถึงสองคนด้วยกัน นภสรมองไปที่นรมนที่ทำหน้าเสแสร้งใส่เธอ “ทำไม? แม้แต่ห้องพักผู้ป่วยของฉันเธอก็อยากได้เหรอ งั้นเชิญเธอเอาไปเลย ฉันจะออกไปแล้ว” “นภสร เมื่อคืนฉันกลับมาถึงก็ได้ข่าวว่าเธอได้รับบาดเจ็บ เธอบาดเจ็บเยอะมากมั้ยน่ะ?” นรมนเลิกคิ้วอย่างเป็น “กังวล” ทำท่าจะเดินเข้ามาจับมือของนภสร นภสรบิดตัวลุกขึ้นยืน เพื่อหลบไม่ให้นรมนมาจับมือเธอ ใบหน้าเต็มไปด้วยความขยะแขยง “รู้ข้อมูลดีกว่าคุณปู่ของฉันซะอีกนะ” นทจรที่ยืนอยู่ข้างหลังนรมนก็ยื่นมือมาดึงตัวนรมนเข้าไปยืนข้างตัว ก่อนจะเงยหน้ามองนภสร “พอเถอะ นภสร เธอเจ็บหนักขนาดนี้แล้วอย่าฝืนทำเก่งเลย รีบกลับขึ้นไปนอนบนเตียงเถอะ” ก่อนจะหันหน้าไปมองนรมน “คุณพึ่งเดินทางกลับมา คงจะเหนื่อยมาก ตอนนี้กลับไปพักผ่อนก่อนดีกว่า เดี๋ยวผมจะดูแลนภสรทางนี้เอง วางใจได้” ใครอยากให้เขาดูแลกัน หากวันนึงเธอป่วยจนถึงขั้นต้องขอให้นทจรมาดูแลล่ะก็ เธอขอไม่เอาซะยังจะดีกว่า โชคดีที่ในตอนนี้นภสรยังไม่ได้ทานอาหารเช้า ไม่อย่างนั้นก็คงได้อ้วกออกมาจริงๆ “แอ๊ด~” เสียงประตูห้องถูกผลักออก ปองพลยืนกวาดมองไปยังสถานการณ์ในห้องเล็กน้อย ก่อนหยุดมองที่นภสร “สามีคะ ตอนนี้เรากลับบ้านกันได้หรือยังคะ?” นรมนทำเหมือนคนอีกสองคนในห้องนั้นเป็นธาตุอากาศ ก่อนจะวิ่งเข้าไปยืนตรงหน้าปองพลอย่างยิ้มแย้ม เหมือนสัตว์เลี้ยงที่เพียงแค่ได้มองเห็นเจ้าของก็เริ่มดีใจจนกระดิกหางไปมา ซึ่งมันแตกต่างกับอาการที่ได้พบเจอนทจรกับนรมนอย่างสิ้นเชิง นภสรกอดแขนของปองพลเอาไว้ เธอยิ้มหวาน แสดงท่าทีพึงพอใจ ภาพเหตุการณ์ทุกอย่างอยู่ในสายตาของนทจร เขารู้สึกว่างเปล่าไปชั่วขณะ เขารู้จักกับนภสรมาหลายปีขนาดนี้ แต่ก็ยังไม่เคยเห็นว่าเธอจะมีท่าทีสนิทสนมหรือเป็นกันเองกับตัวเองขนาดนี้ ปองพลรู้สึกพึงพอใจกับคำพูดออดอ้อนของเธอ สายตาแสดงให้เห็นรอยยิ้มที่เหมือนน้ำแข็งที่ถูกพังทลายลง ก่อนเอื้อมมือไปขยี้หัวเธอเบาๆ “คุณหมอบอกว่ากลับได้แล้ว” นภสรใช้ใบหน้าถูไปที่แขนของเธอ “งั้นเรากลับบ้านกันเถอะนะ ในโรงพยาบาลคนมันเยอะ แม้แต่หมาแมวยังเข้ามาได้ มันจะทำให้อาการฉันแย่กว่าเดิมได้น่ะ” เมื่อปองพลได้ยินแบบนั้นแล้ว ก่อนจะหลุดขำออกมา “อื้ม” เมื่อนรมนเห็นภาพตรงหน้า สีหน้าเธอก็เปลี่ยนไปทันที ผู้ชายที่ไม่เคยแม้แต่จะสนใจเธอ กลับทำดีต่อนภสรได้ขนาดนี้ แถมยังเผยรอยยิ้มแบบนั้นออกมา สายตาของเธอเริ่มเย็นยะเยือก ทำไมถึงได้มีผู้ชายที่ยอมรับคนอย่างนภสรได้นะ “ปองพล จากนี้นายจะต้องคอยดูแลนภสรดีๆล่ะ อย่าให้เธอไปที่ร้านเหล้าอีก เธอยังเด็กชอบเที่ยวสนุก นายต้องคอยคุมเธอดีๆ......” ปากก็คุยกับปองพล แต่สายตาของนรมนกลับจ้องไปที่นภสรไม่วาง เมื่อได้ยินคำเรียก “ปองพล” จากปากของนรมน สายตาของนภสรก็เย็นเฉียบขึ้นมา แต่ไม่ทันที่เธอจะได้อ้าปากพูดอะไร ปองพลก็ดึงเธอเข้ามาอยู่ในอ้อมแขน เสียงเรียบ “คุณนรมนครับ ขอความกรุณาอย่าเรียกชื่อผมอีก ส่วนเรื่องการใช้ชีวิตของผมกับภรรยานั้น ไม่จำเป็นต้องให้คนนอกมายุ่งมาบอกหรอกครับ” นทจรที่ไม่ค่อยชอบขี้หน้าปองพลอยู่แล้ว ก็เอ่ยปากขึ้นมา “นรมนเป็นลูกพี่ลูกน้องกับนภสร คนนอกตรงไหน!” ปองพลกระตุกยิ้มที่มุมปาก “พูดตามตรงเลยนะครับ ถ้าเทียบกับผมแล้ว พวกคุณมันก็แค่คนนอก” นี่ไม่ใช่ครั้งแรก ที่ปองพลพูดจาไม่ไว้หน้านทจรกับนรมน นรมนรู้สึกโกรธจนไม่รู้จะระบายออกมายังไง ก่อนจะนึกอีกเรื่องนึงขึ้นมาได้ “คืนนี้มีงานรวมญาติ เธอจะต้องไปเข้าร่วมให้ได้นะนภสร! ฉันจะสั่งอาหารที่เธอชอบกับทางห้องอาหารไว้ล่วงหน้าเลย” เธอคิดว่าธมกรไม่น่าจะบอกเรื่องนี้กับนภสร แม้จะแสดงท่าทีเหมือนเป็นห่วงเป็นใยนภสร แต่ในความเป็นจริงก็เพียงเพื่อตั้งใจตอกย้ำและเยาะเย้ย ว่ามีงานรวมญาติทั้งทีแต่ไม่มีใครแจ้งเธอเลย แต่ว่า สิ่งที่ทำให้เธอต้องผิดหวังก็คือ นภสรไม่ได้แสดงท่าทีเศร้าโศกเสียใจแต่อย่างใด แต่กลับเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “เรื่องนี้พี่ไม่ต้องห่วงหรอกนะคะ ฉันตั้งใจจะไปร่วมงานอยู่แล้ว เพราะคุณปู่อุตส่าห์เอ่ยปากเชิญฉันด้วยตัวเอง” 
已经是最新一章了
加载中