ตอนที่ 32 บ้านไชยกาลของเราทำร้ายเธอขนาดไหนกันเชียว   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 32 บ้านไชยกาลของเราทำร้ายเธอขนาดไหนกันเชียว
ต๭นที่ 32 บ้านไชยกาลของเราทำร้ายเธอขนาดไหนกันเชียว “ท้องฟ้าปลอดโปร่งแล้ว!” นภสรเดินออกจากโรงพยาบาล แสงแดดที่อบอุ่นอาบไปทั่วร่างกาย ทำให้จิตใจที่หม่นหมองของเธอดีขึ้นมาทันที ปองพลเดินอยู่ข้างๆเธอ แสงแดดสาดส่องไปทั่วใบหน้าของเขา เหมือนมีแสงออร่าสว่างขึ้นมาปกคลุมเขาอีกชั้น ร่างสูงโปร่งนั้นถูกห่อหุ้มไปด้วยเสื้อเชิตสีดำดูลึกลับ เขาได้ยินสิ่งที่นภสรพูด เงยหน้ามองดูพระอาทิตย์ที่อยู่บนหัว ก่อนจะหันมาหาเธอ “งานรวมญาติอะไรเหรอ?” “เอ่อ......” นภสรรู้สึกลังเลขึ้นมาเล็กน้อย เธอเดาไม่ถูกว่าที่ปองพลถามแบบนี้มันหมายความว่ายังไง ผ่านเรื่องเมื่อคืนมาก็ทำให้ความรู้สึกเธอเปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอไม่ค่อยอยากกระตุ้นปองพลเท่าไหร่ “ก็เป็นเพียงแค่งานรวมญาติธรรมดาๆทั่วไป ปกติทุกคนต่างก็ยุ่งกัน เพราะแบบนั้นก็เลยต้องนัดทานข้าวรวมกันเดือนละครั้ง ก็เลย แจ้งฉันมาด้วย” เป็นความเคยชินที่ปฏิบัติกันมาหลายปี แต่มันไม่เกี่ยวอะไรกับเธอ “เธอจะไปมั้ย?” ปองพลก้มหน้าลงมองบันไดตรงหน้า ก้าวขาลงบันได นภสรมองไปยังใบหน้าที่งดงามภายใต้แสงอาทิตย์ของเขา ก่อนจะถามลองเชิง “นายจะไปกับฉันมั้ยล่ะ?” ปองพลหันไปหรี่ตามองเธอ “ยินดีอย่างยิ่ง” มุมปากของนภสรโค้งขึ้นมา ก่อนจะเดินจากไปพร้อมกัน ...... ตกกลางคืน นภสรและปองพลมาถึงบ้านไชยกาลพร้อมกัน ปองพลยังคงขับโรลส์รอยซ์ที่สะดุดตาคันเดิมคันนั้น นภสรนั่งข้างๆคนขับ มือกุมไปที่สายรัดนิรภัย ก่อนจะ มองสังเกตไปทั่วรถ “นายยังไม่คืนรถให้เพื่อนอีกเหรอ?” “เขาไม่ได้ขาดรถใช้” ปองพลมองไปข้างหน้า ไม่ได้หันมามองเธอ “ค่าไวน์ขวดนั้น นายก็ยืมมาจากเพื่อนคนนี้เหมือนกันเหรอ? มันจะเป็นการรบกวนเขาเกินไปหรือเปล่า......” เมื่อนภสรพูดถึงเรื่องนี้ เธอก็ต้องก้มหัวอย่างรู้สึกผิด ปองพลหันมามองเธอ นัยน์ตาแฝงไปด้วยรอยยิ้ม “ก็ดูเหมือนจะรบกวนเขาเยอะเกินไปจริงๆ เดี๋ยวไว้ฉันจะเอารถไปคืนเขาดีกว่า” “ฉันก็แค่ถามดูเฉยๆ” เธอไม่ได้มีเจตนาจะยุ่งหรือบังคับเขา เพราะยังไงซะคนๆนั้นก็เป็นเพื่อนเขา ปองพลไม่ได้พูดอะไรต่อ ภายในห้องโดยสารเงียบสงบลง ไม่นานก็มาถึงบ้านไชยกาล “คุณนายที่สองกลับมาแล้วค่ะ” สายตาของคนเฝ้าประตูมองไปยังคนที่เดินลงมาจากรถโรลส์รอยซ์ ก่อนจะรีบเดินเข้าไปเชิญเข้าบ้าน นภสรมองไปที่คนเฝ้าประตูอย่างไร้ความรู้สึก เกาะแขนปองพลแล้วเดินเข้าบ้านไป ในห้องโถง ทุกคนของบ้านตระกูลไชยกาลรวมตัวกันหมด นภสรเดินตรงเข้าไปหาธมกร “คุณปู่คะ” ธมกรที่กำลังนั่งฟังนมิดาพูดอยู่นั้น ทำเพียงแค่เงยหน้ากวาดสายตามองนภสรแวบเดียวเท่านั้น “อืม” ทันใดนั้น สายตาของเขาก็กวาดไปมองปองพลที่อยู่ข้างๆนภสร แล้วสีหน้าก็เปลี่ยนไป นภสรพูดขึ้นมาในขณะที่สีหน้าของเขาเริ่มเปลี่ยน “คุณปู่คะ นี่คือปองพลค่ะ” “คุณปู่ครับ” ปองพลเดินก้าวเข้าไปใกล้เล็กน้อย ดูไปแล้วมีความสุภาพเรียบร้อยสุดๆ “ผมคือปองพลครับ ต้องขอโทษที่ไม่เคยมาเยี่ยมหาเลยนะครับ” ชายหนุ่มรูปงามยืนด้วยท่าทีสุภาพและอ่อนน้อมถ่อมตนอยู่ตรงหน้าธมกร ทำให้เขารับรู้ได้ว่าผู้ชายคนนี้ไม่ธรรมดาเลย เมื่อนึกไปถึงคำพูดที่นรมนเคยบอกไว้เกี่ยวกับปองพลแล้ว เขาถึงกับต้องขมวดคิ้วสงสัย “มาถึงแล้วก็นั่งลงเถอะ” ธมกรละสายตาออกไป ทำเหมือนไม่ได้ใส่ใจปองพลสักเท่าไหร่ นภสรเม้มปากแน่น นัยน์ตาของเธอส่อประกายแวววาว เธอรู้อยู่แล้วว่าจะต้องมาเจอกับสถานการณ์แบบนี้ ธมกรไม่ค่อยสนใจอะไรเกี่ยวกับเธออยู่แล้ว เขายอมหันมาสนใจปองพลเพียงเล็กน้อยก็ถือว่าบุญโขแล้ว นภสรเดินตามปองพลไปนั่งเก้าอี้ที่อยู่อีกฝั่งนึง นั่งลงไปได้เพียงครู่เดียวก็ได้ยินเสียงธมกรตะคอกดังขึ้นมา “ไม่อาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ก็พอทนแล้ว มารยาทที่เคยมีอยู่โยนทิ้งไปไหนหมด! ไม่รู้จักทักทายผู้หลักผู้ใหญ่เลยรึยังไง!” สีหน้าของนภสรเปลี่ยนไปเล็กน้อย เธออยากจะลุกขึ้นแล้วเดินออกไปจากตรงนี้ให้รู้แล้วรู้รอด แต่เธอทำไม่ได้ เธอดึงแขนของปองพลที่ทำท่าจะลุกยืนขึ้นเอาไว้ ก่อนจะลุกขึ้นยืนเองคนเดียว เดินเข้าไปใกล้ๆคนอื่นๆด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก น้ำเสียงเย็นยะเยือก “คุณลุง คุณป้า คุณยาย พี่คะ” ทุกคนต่างเปรียบเธอเหมือนหนามยอกอกอยู่แล้ว ยิ่งมาเห็นเธอเรียกพวกเขาด้วยสีหน้าไร้อารมณ์แบบนี้ ต่างก็พากันรู้สึกไม่สบายอกสบายใจเท่าไหร่ “นานๆทีนภสรจะกลับมาบ้านสักครั้ง คุณปู่อย่าโมโหไปเลยนะคะ” นรมนรีบลุกขึ้นปลอบคนแก่อย่างรู้หน้าที่ แล้วเทน้ำชาให้พลางพูดปลอบโยน ธมกรรับแก้วน้ำชาไป สีหน้าก็ดูดีขึ้นมาในทันใด นภสรแอบขำขึ้นมาในใจ สีหน้าแสดงถึงความอ่อนน้อม “ถ้าอย่างนั้นหนูจะกลับมาอยู่ที่บ้านบ่อยๆนะคะ” “มันก็ควรจะกลับมาอยู่บ้านบ่อยๆอยู่แล้ว คุณนายที่สองของบ้านไชยกาลออกไปอยู่นอกบ้านเป็นเวลานานๆแบบนี้มันดูได้ที่ไหนกัน ถ้ามีข่าวหลุดออกไป คนอื่นจะเข้าใจผิดเอาได้ว่าคนในบ้านไชยกาลทำร้ายเธอขนาดไหนกันเชียว!” นภสรรู้ดีว่าคนในบ้านไชยกาลไม่ได้เต็มใจอยากจะให้เธอกลับมาอยู่ที่บ้านนี้จริงๆ เธอถึงได้แกล้งหยอกพวกเขาเล่นๆ แต่เมื่อมาได้ยินคำพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นของธมกร มันหมายความว่าเขาต้องการให้เธอย้ายกลับมาจริงๆ “หนูก็อยากจะคอยอยู่ดูแลคุณปู่เหมือนกันนะคะ แต่ว่า หลานสาวที่แต่งงานออกไปแล้วจะมาคอยอยู่แต่ในบ้านได้ยังไงกัน” นสภรพูดมาถึงตรงนี้ก็ถึงกับชะงักเล็กน้อย เธอหันหน้าไปมองปองพล นภสรรู้อยู่แก่ใจ หากเธอย้ายกลับเข้ามาจริงๆ คงจะถูกคนพวกที่เหลือกัดแทะจนไม่เหลือแม้แต่กระดูก “เป็นสาวเป็นแซ่พูดแต่คำว่า ‘แต่งงาน’ จนติดปากแบบนี้มันดูได้ซะที่ไหน คืนนี้ก็อยู่ที่บ้านนี่แหละ หลังจากนี้ก็อยู่ที่บ้านที่ไปเลย” นภสรฟังคำพูดของธมกรแล้วรู้สึกถึงความผิดปกติ เธอเตรียมอ้าปากพูด แต่ก็ได้ยินเสียงธมกรเอ่ยพูดขึ้นมาอีกครั้ง แต่เป็นการพูดกับปองพล “คุณปองพลต้องมาเจอเรื่องน่าหัวเราะเยาะซะแล้ว หลานสาวของผมมันพิเรนไม่รู้ความสักเท่าไหร่ ช่วงระยะที่ผ่านมาถือเป็นการรบกวนคุณปองพลที่ต้องคอยมาดูแลหลานสาวของผมด้วยนะครับ จากนี้ถ้าอยู่ในเมืองเมฆต้องการความช่วยเหลืออะไร ก็บอกได้ตลอดเลยนะครับ” ไม่ว่าจะฟังยังไงก็ดูออกว่าเขามองปองพลเป็นเพียงแค่คนนอกเท่านั้น ถึงขั้นบอกว่าการแต่งงานของเธอในครั้งนี้เป็นเพียงแค่การ “ไม่รู้ความ” ของเธอ คำพูดสุดท้าย ถึงขั้นมีน้ำเสียงเหมือนให้ทานยังไงอย่างงั้น พูดง่ายๆก็คือ ต้องการให้ปองพลกับนภสรหย่ากันนั่นเอง แถมยังห้ามไม่ให้บอกใครอีกว่าพวกเขาได้ไปรับหนังสือสมรสด้วยกันมาก่อน ปองพลได้ยินเช่นนั้นก็มองไปที่ปองพลเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม ท่าทีนิ่งเฉย ใบหน้าดูสง่าผ่าเผย แสดงให้เห็นว่าเขาไม่รู้สึกสะทกสะท้านกับความก้าวร้าวของธมกรเลยแม้แต่น้อย นภสรอึ้งไปในทันที คนที่บีบให้เธอแต่งงานก็คือธมกร ตอนนี้คนที่อยากจะให้เธอหย่ากับปองพลก็คือเขาอีก เธอกำมือตัวเองแน่น แรงซะจนเล็บมือจิกเข้าที่ฝ่ามือของเธอ แต่เธอกลับไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดแต่อย่างใด เธอหันไปมองปองพล สายตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความกังวล เธอรู้จักกับปองพลไม่นานเท่าไหร่นัก แต่เธอก็รู้สึกได้ว่าเขาเป็นคนที่รักศักดิ์ศรีในตัวเองสูงเหมือนกัน เมื่อมาโดนธมกรพูดจาแดกดันไม่ให้เกียรติกันแบบนี้ อาจจะทำให้เขาหมดความอดทน แต่ผิดคาด ปองพลเพียงแค่หันมายิ้มให้เธอวางใจ นภสรเริ่มวางใจลงมา เงยหน้าขึ้นมองธมกร “คุณปู่พูดถูก ที่ผ่านมาหนูดื้อไม่ค่อยรู้ความ เขาต้องคอยดูแลหนูมาตลอด จากนี้หนูจะเปลี่ยนแปลงตัวเองใหม่ จะปฏิบัติตัวต่อเขาให้ดีๆ ขอบคุณคุณปู่ที่คอยสั่งสอนนะคะ” เมื่อธมกรได้ฟังแบบนั้นแล้วก็เกิดโมโหจนหน้าเขียว ไอ้สารเลวที่ไม่มีอะไรเลยอย่างเจ้าหมอนี่ก็ไม่ใส่ใจกับคำพูดของเขา หลานสาวของตัวเองก็ไม่ใส่ใจคำพูดของเขา แล้วเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน! ไม่ว่าวันนี้จะเป็นยังไง ก็ต้องจัดการให้นภสรและปองพลทำเรื่องหย่ากันให้ได้ ธมกรลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้าเย็นยะเยือก “แกตามฉันเข้ามาที่ห้องสมุดเดี๋ยวนี้!” --โปรดติดตามตอนต่อไป 13/11/2019-- 
已经是最新一章了
加载中