ตอนที่ 33 บ้านกระแสสินธุ์ให้ผลประโยชน์อะไรกับคุณปู่เหรอคะ   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 33 บ้านกระแสสินธุ์ให้ผลประโยชน์อะไรกับคุณปู่เหรอคะ
ต๭นที่ 33 บ้านกระแสสินธุ์ให้ผลประโยชน์อะไรกับคุณปู่เหรอคะ นภสรมองแผ่นหลังของธมกรที่เดินหายขึ้นไปบนทางขึ้นบันได เธอเดินเข้าไปใกล้ๆปองพล “นายรอฉันแปปนึงนะ แล้วฉันจะรีบลงมา” ปองพลมองเธออย่างเงียบๆ เหมือนไม่ค่อยวางใจสักเท่าไหร่ แต่น้ำเสียงไม่ต่างจากปกติทั่วไป “งั้นเธอก็รีบหน่อยนะ ตอนนี้มันเลยเวลากินมื้อค่ำตามเวลาปกติของฉันแล้ว ฉันเริ่มรู้สึกหิวนิดนึง” นภสรเข้าใจความหมายที่เขาต้องการจะสื่อ รู้ว่าเขาไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดของธมกร เธออมยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะเดินขึ้นไปอย่างวางใจ น่าตลกจริงๆ เมื่อวานเธอยังพูดต่อหน้านรมนอยู่เลยว่า ธมกรเป็นคนเอ่ยปากเชิญเธอมาร่วมงานรวมญาติเอง แต่กลับลืมคิดไปว่า นี่มันเป็นงานเลี้ยงที่มีเลศนัยแอบแฝง เธอไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆธมกรถึงอยากจะให้เธอหย่ากับปองพล แต่เท่าที่เธอรู้จักธมกร เขาจะต้องมีแผนอะไรแน่ๆ “คุณปู่” ในห้องสมุด ธมกรยืนหันหลังให้ประตู นภสรเดินเข้าไป แล้วเรียกเขา “ยังมีหน้ามาเรียกฉันว่าปู่อีกเหรอ แม้แต่คำพูดของฉันแกก็ไม่เชื่อฟังแล้ว!” ธมกรหันหน้ามาด้วยความโมโหหุนหัน เหมือนว่านภสรจะทำให้เขาโมโหอยู่ไม่น้อย นภสรฉีกยิ้มมุมปาก ผิดหวังซะจนไม่อยากจะคาดหวังอะไรอีกแล้ว ถึงยังไงซะเธอพูดอะไรออกไปก็ผิดอยู่แล้ว คุณปู่ไม่เคยรักและไม่เคยเชื่อเธอ แล้วเธอยังจะสนใจอะไรเขาอีก “ถ้าหนูฟังคุณปู่แล้วยอมหย่ากับปองพล คุณปู่จะยกส่วนแบ่งที่คุณพ่อทิ้งไว้ให้กับหนูหรือเปล่าคะ?” นภสรรู้ว่าเขาไม่มีทางยกให้เธอหรอก ดังนั้นเธอจึงได้ถามไปแบบนั้น ต่อให้เธอกับปองพลจะหย่ากันจริงๆ ก็จะต้องไม่ใช่เพราะถูกบีบบังคับจากคนอื่น แต่ต้องเกิดจากการตกลงกันของทั้งเธอและปองพลเท่านั้น แต่ปัญหาก็คือ ดูเหมือนว่าเธอ......จะไม่ค่อยอยากหย่าสักเท่าไหร่ ธมกรได้ยินแบบนั้นแล้ว ความโกรธหายไปจากใบหน้าทันที จ้องมองนภสรอย่างพินิจพิเคราะห์ ก่อนที่จะเริ่มเอ่ยปากพูดขึ้นมาอีกครั้ง น้ำเสียงก็กลับเข้าสู่โหมดดุดัน “แกอยากได้ส่วนแบ่งที่พ่อแกทิ้งไว้ให้จริงๆเหรอ?” “นภสรไม่รู้ว่าธมกรกำลังคิดแผนอะไรอยู่ เธอพยักหน้ารับ “ใช่ค่ะ” “ฉันให้โอกาสแกหนึ่งอย่าง” ธมกรเดินเข้ามาใกล้นภสร เขาก็รับรู้ได้ว่าในหลายปีมานี้ตัวเองไม่ได้สังเกตเห็นเลยว่าเจ้าหลานสาวคนนี้จะโตมาแล้วดูสวยสง่ามากกว่าหลานคนโตซะด้วยซ้ำ ไม่แปลกที่ธนวรรธถึงเฝ้าคิดถึงแต่เธอตลอด “แกต้องแต่งงานกับธนวรรธ แล้วฉันจะให้ทนายความทำเรื่องยกส่วนแบ่งให้แก” ธมกรหรี่ตาลงต่ำ สังเกตปฏิกิริยาของนภสร แม้ว่าเธอจะทำใจรับเรื่องที่แย่ที่สุดมาแล้วตั้งแต่แรก แต่เมื่อมาได้ยินเรื่องนี้แล้ว ก็ยังรู้สึกเศร้าใจอยู่ดี “คุณปู่อยากจะให้หนูแต่งงานกับธนวรรธอย่างนั้นเหรอคะ? คุณปู่รู้หรือเปล่าคะว่าเขาเป็นคนยังไง?” ธมกรอยากจะให้เธอแต่งงานกับสวะอย่างเจ้าธนวรรธงั้นเหรอ จะบอกว่าเขาเป็นขยะก็ยังสงสารขยะเลย นภสรเริ่มรู้สึกปวดที่แผลบนหัว ตั้งแต่เดินเข้ามา ธมกรก็เอาแต่ยุให้เธอหย่ากับปองพล แต่ไม่ได้ถามถึงแผลที่หัวของเธอเลยสักนิด “ชื่อเสียงของธนวรรธอาจจะไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ แต่ถ้าแต่งงานไปแล้วก็คงจะปรับปรุงตัวได้ ผู้ชายก็แบบนี้แหละ นี่มันไม่ใช่เรื่องน่ากังวลอะไรเลย ที่สำคัญนะ ถ้าแกแต่งงานกับเขา พวกเราและบ้านกระแสสินธุ์จะได้กระชับมั่นคงกว่าเดิม” เป็นเรื่องยากที่ธมกรจะพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงดีๆ กับพูดที่พูดออกมาฟังดูแล้วยังเจ็บปวดมากกว่าตอนนี้เขาตะคอกด่าด้วยความโมโหซะอีก นภสรเดินก้าวถอยหลังเล็กน้อย มองไปที่ธมกรด้วยสีหน้าเย็นชา “บ้านกระแสสินธุ์ให้ผลประโยชน์อะไรกับคุณปู่เหรอคะ? ถึงทำให้คุณปู่ยอมเสียหน้า บีบบังคับวัยรุ่นอย่างหน้าไม่อายแบบนี้!” “แก......” นภสรเหมือนพูดแทงใจดำของธมกร สีหน้าแสดงอาการฉุนเฉียวซะจนพูดอะไรออกมาไม่ถูก “ไม่ว่าคนพวกนั้นจะให้ผลประโยชน์อะไรกับคุณปู่ก็ตาม หนูไม่มีทางหย่ากับปองพลเด็ดขาด! แม้ว่าหนูจะต้องใช้ชีวิตแบบขอทานในชาตินี้ ก็ไม่มีวันที่จะไปแต่งงานกับธนวรรธ!” นภสรเริ่มเก็บอารมณ์เอาไว้ไม่อยู่ สีหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกขยะแขยง “อยากได้ผลประโยชน์จากบ้านกระแสสินธุ์ ก็ให้พี่นรมนแต่งออกไปเองสิคะ” พูดจบก็เดินก้าวออกจากตรงนั้นด้วยความเร็ว เสียงตะโกนด่าทอของธมกรตามหลังออกมา “นภสร แกกลับมานี่เดี๋ยวนี้นะ!” นภสรเดินต่อไปไม่หยุด เธอได้ยินแต่ทำเหมือนไม่ได้ยิน เธออดทนจนเกินพอแล้ว ธมกรไม่เคยเห็นเธอเป็นสมาชิกคนนึงในครอบครัวอยู่แล้ว แถมสมาชิกในครอบครัวคนอื่นๆยังรู้สึกอับอายขายขี้หน้าเพราะเธออีก คิดๆดูแล้วผลประโยชน์ที่บ้านกระแสสินธุ์ให้ธมกรมาจะต้องเยอะมากแน่ๆ เพราะไม่อย่างนั้นเขาก็คงไม่ยอมลดศักดิ์ศรีมาบีบบังคับให้เธอหย่ากับปองพลแบบนี้หรอก แต่แล้ว เรื่องนี้มันเกี่ยวอะไรกับเธอล่ะ! พวกเขาอยากให้เธอหย่ามากนักใช่มั้ย เธอไม่หย่าให้หรอก! นภสรรู้สึกได้ถึงความโกรธนั้นพุ่งดิ่งขึ้นมาจนสุด ฝีเท้าเริ่มเร็วขึ้น เหมือนวิ่งลงบันไดมาจนถึงชั้นแรก ปองพลนั่งรออยู่บนโซฟาอย่างเงียบสงบ แววตาดูนิ่งสงบไม่แสดงท่าทีรำคาญใดๆ เมื่อเห็นว่านภสรเดินลงมา เขาก็ลุกขึ้นยืน สายตากวาดมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า เหมือนจะดูให้แน่ใจว่าไม่ได้เกิดอะไรขึ้นกับเธอ “ไปเถอะ เรากลับบ้านกันเลยดีกว่า” นภสรเดินเข้าไปจับแขนของเขาไว้ ในตอนนี้เธออยากจะกลับไปที่ห้องเล็กๆของเธอเต็มทนแล้ว บ้านไชยกาลใหญ่โตขนาดนี้ ใหญ่โตซะจนดูร้างน่ากลัว ปองพลเอื้อมมือไปจับหน้าของเธอ ใบหน้าของเขาไม่ได้แสดงรอยยิ้ม แต่การกระทำของเขากำลังปลอบโยนเธอ ความโกรธภายในใจและอารมณ์โกรธที่ทะลุหัวออกมานั้นสงบลงในทันใด เมื่อเห็นว่าคนทั้งสองกำลังจะจากไป กลุ่มคนจำนวนนึงที่นั่งอยู่อีกฝั่งก็พากันลุกขึ้นยืน ธมกรยืนอยู่บนระเบียงหน้าราวบันไดของชั้นสอง ยืนมองลงมาที่ห้องโถงของชั้นแรก ก่อนจะตะโกนขึ้นมา “หยุดพวกเขาไว้!” สิ้นเสียง ก็มีบอดี้การ์ดล้อมพวกเขาเอาไว้ เห็นได้ชัดว่าทุกอย่างถูกเตรียมการเอาไว้หมดแล้ว นภสรอาศัยอยู่กับธมกรมาก็หลายปี ทั้งสองได้รู้จักคลุกคลีรู้จักนิสัยของกันและกันในระดับหนึ่ง เขารู้อยู่แล้วว่านภสรไม่ยอมศิโรราบง่ายๆ เพราะฉะนั้นเขาจึงได้เตรียมแผนสำรองเอาไปแล้วตั้งแต่แรก นภสรเริ่มรู้สึกกังวลขึ้นมา หันหน้ามองปองพล สายตาเผยให้เห็นถึงความหวาดกลัว แม้ว่าปกติแล้วเธอจะดูไม่มีท่าทีเกรงกลัวอะไรเลยก็ตาม แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับธมกร มันทำให้เธอรู้สึกกลัวอยู่บ้างเหมือนกัน และเรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับความทรงจำในวัยเด็กของเธอ “ไม่ต้องกังวลนะ” ปองพลดึงเธอเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด น้ำเสียงเย็นชาเหมือนทุกครั้ง นภสรสงบรู้สึกแปลกใจแต่ก็เงียบลงมา นี่ถือเป็นครั้งแรกตั้งแต่เกิดมา ที่ทำให้เธอรู้สึกว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็ไม่รู้สึกเกรงกลัว “ผมก็ยังคงยืนยันคำเดิมนะครับ หากว่าคุณปองพลอยากจะเดินออกไปก็สามารถเดินออกไปได้เลยนะครับ ผมก็แค่ต้องการจะสั่งสอนหลานสาวของตัวเองก็เท่านั้น คุณปองพลไม่เกี่ยว” ธมกรเดินลงมาที่ห้องโถง แล้วเดินไปนั่งลงบนโซฟาอย่างไม่รีบร้อนอะไร เหมือนมั่นใจแล้วว่านภสรจะไม่มีทางต่อต้านเขาได้อีกต่อไปแล้ว เสียงของปองพลดังขึ้นมาภายในห้องโถง เสียงไม่ได้ดังมาก แต่เหมือนพกความยับยั้งไว้กับตัว “ถ้าผมไม่ไปล่ะครับ?” ธมกรฟังแบบนั้นแล้วก็อึ้งไป สีหน้าเปล่งประกายความดูถูกเหยียดหยาม เหมือนกำลังรู้สึกว่าปองพลไม่ประเมินกำลังของตัวเองเอาซะเลย “เพื่อผู้หญิงเพียงแค่คนเดียว จนยอมทำลายอนาคตตัวเอง คุณปองพลลองคิดดูให้ดีนะครับ ว่ามันคุ้มจะแลกหรือเปล่า” “คุ้มไม่คุ้ม ผมเป็นคนตัดสิน!” ปองพลหยิบมือถือขึ้นมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ในเมื่อเรื่องนี้ไม่สามารถลงเอยได้อย่างง่ายดายและสงบสุข ถ้าอย่างงั้น ก็คงทำได้แค่แจ้งตำรวจแล้วล่ะครับ” “ฮ่า......” ธมกรหลุดหัวเราะพรวดออกมา นัยน์ตาแสดงอาการดูถูกชัดเจนมากยิ่งขึ้น สายตาที่มองไปที่ปองพล เหมือนมองคนที่มีกำลังน้อยกว่า “ผมชื่นชมคนหนุ่มสาวแบบพวกคุณมาตลอดเลยนะ มีความกล้าหาญ แม้จะเผชิญกับความล้มเหลวและความพ่ายแพ้ก็ยังกล้าหาญได้อยู่” “ผมเองก็ชื่นชมความมั่นใจในตัวเองของคุณธมกรเหมือนกันครับ” ปองพลพูดจบปุ๊บ ก็กดไปที่โทรศัพท์สองสามที จากนั้นก็โทรออกไป “อยู่บ้านไชยกาล ช่วยแจ้งตำรวจก็พอแล้ว” 
已经是最新一章了
加载中