ตอนที่ 47 มารยาหญิง   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 47 มารยาหญิง
ต๭นที่ 47 มารยาหญิง อากาศเย็นขึ้นเรื่อยๆเมืองเมฆกำลังเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง วันเวลาผ่านไปเหมือนว่ากลับไปสู่จังหวะชีวิตเหมือนแต่ก่อน ราบเรียบดำเนินไปอย่างช้าๆ ในตอนกลางวัน เธอไปสัมภาษณ์งานที่ถูกนัดหมายไว้ ช่วงระยะเวลานี้เธอไปสัมภาษณ์งานสองสามบริษัทแต่ว่าทั้งหมดที่ไปนั้น เธอยังไม่ได้ชอบอกชอบใจในงานมากเท่าไหร่ บริษัทที่สัมภาษณ์วันนี้เสนอเงื่อนไขและรายละเอียดสัญญาจ้างงานที่ไม่เลว เธอคิดไปว่าบางทีอาจจะลองดูสักตั้งเหมือนกัน เดินออกมาจากบริษัทได้สักพัก เธอเห็นว่าข้างนอกฝนกำลังตกปรอยๆ ทำให้ยิ่งรู้สึกหงุดหงิดรำคาญ นภสรเอากระเป๋าไว้ที่บนหัวเพื่อบังฝน วิ่งไปเรียกรถที่ริมถนน ไม่นานรถยนต์คันสีดำจอดลงตรงหน้าเธอ กระจกรถค่อยๆลดลงนภสรเอียงตามองเห็นเป็นนรมน “ขึ้นรถสิ” นรมนเห็นกระเป๋าที่บังอยู่บนหัวนภสร สีหน้าของเธอดูแคลนนภสรอย่างเห็นได้ชัด นภสรทำเหมือนไม่ได้ยินเสียงเรียกจากนรมน เธอกลับเดินไปเรียกรถที่ด้านหน้าแทน นรมนจึงจำเป็นต้องขยับรถไปด้านหน้า และตะโกนออกไป “ฉันมาหาเธอเพราะมีธุระ เกี่ยวกับเรื่องหุ้นบริษัทของพ่อเธอ” นภสรได้ยินเช่นนั้นจึงหยุดเดิน “พูดมา” นภสรยืนอยู่ตรงหน้ากระจกรถ แสดงเจตนาว่าจะไม่เข้าไปในรถ นรมนกัดฟัน กางร่มแล้วเดินลงมา ในมือถือเอกสารฉบับหนึ่งส่งให้นภสร “เพียงแค่เธอกลับไปทำงานที่บริษัท เซ็นเอกสารฉบับนี้หุ้นบริษัทของพ่อเธอก็จะตกเป็นของเธอทั้งหมด” แน่นอนว่านภสรไม่มีทางเชื่อว่านรมนกับธมกรจะใจดีมีเมตตา แต่เธอก็เสียดายหากจะปฏิเสธข้อเสนองามๆแบบนี้ ภายในใจคิดมากมายแต่ใบหน้าไม่ปรากฏร่องรอยออกมาให้เห็น “พูดให้หมด ครั้งนี้อยากจะบีบให้ฉันทำเรื่องอะไรอีก” “แก...” ได้ยินเหมือนนภสรจะไม่สนใจแม้แต่น้อย สีหน้าของนรมนจึงดูไม่ค่อยได้ “มีเรื่องอะไรจะพูดก็พูดออกมา ระหว่างเราสองคนไม่ต้องมาเสแสร้ง” นภสรหรี่ตามองนรมนใบหน้าเต็มไปด้วยความหงุดหงิดรำคาญ นรมนข่มความโกรธไว้ “เงื่อนไขมีแค่อย่างเดียว เธอกลับไปทำงานที่บริษัท หุ้นที่พ่อของเธอยกให้เธอ ก็จะเป็นของเธอ” นภสรจ้องไปที่นรมน แต่ไม่พูดอะไร “เอานี่ไป คิดดีๆแล้วให้ไปหาคุณปู่ที่บริษัท” นรมนพูดแล้วเอาเอกสารยัดใส่มือนภสร มือของนรมนแตะเบาๆที่มือของนภสร ทันใดนั้นกลับเห็นนภสรล้มลงไป นรมนไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น จึงเห็นนทจรเปิดประตูพุ่งออกมาจากรถรีบประคองนภสรขึ้นไป เขาหันหน้าไปมองนรมนสายตามีแววตำหนิ “นรมน เธอทำอะไรเบาๆหน่อยได้ไหม อย่าทำกระโชกโฮกฮากขนาดนั้น” “ฉันกระโชกโฮกฮากตรงไหน ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลย....” นรมนรีบร้อนอธิบายแต่พูดไปแค่ครึ่งกลับรู้สึกแปลกใจขึ้นมา นภสรที่ถูกนทจรประคองด้วยความระมัดระวังหดมือของตัวเองกลับมา พูดเสียงเบา “พี่นรมนไม่ได้ตั้งใจ พี่นทจรไม่ต้องไปโทษพี่เขาหรอกค่ะ” นรมนที่ชินกับมารยาเสแสร้งต่อหน้าคนอื่น รู้ทันทีว่าเมื่อสักครู่นี้เป็นเพราะนภสรเห็นนทจรจึงแกล้งทำเป็นล้มลงไป “นภสร เมื่อสักครู่นี้เธอ....” ถึงแม้ว่านรมนจะเรียกชื่อนภสรออกมาแต่เธอกลับกัดริมฝีปากมองเห็นสายตาที่โทษว่าเป็นความผิดของเธอจากนทจร เธอเข้าใจว่านทจรจะเหมือนแต่ก่อนที่เอนเอียงมาทางเธอ นทจรไม่ได้ยินเสียงเรียกแบบนี้จากนภสรมานานแล้วใจจึงอ่อนยวบโอนเอนมาทางนภสรโดยไม่รู้ตัว ส่วนสายตาของนรมนนั้น นทจรเขาไม่ได้สังเกตเห็นจึงพูดออกมา “เพื่อที่จะป้องกันไม่ให้นภสรเป็นหวัด พี่จะไปส่งนภสรก่อนเธอเปียกไปทั้งตัว นรมนไว้พรุ่งนี้ค่อยกินข้าวด้วยกันนะ” ฃพูดเสร็จโดยไม่ได้รอดูท่าทีของนรมนเขาก็พานภสรขึ้นรถของเขา เมื่อสักครู่นภสรเห็นรถของนทจรขับมาทางนี้ จึงนึกแผนนี้ออกมาในชั่วระยะเวาลาสั้นๆ อยากจะลองทดสอบมารยาหญิงดูหน่อย คิดไม่ถึงว่าแค่ครั้งแรกก็ได้ผล นภสรหันกลับไปมองนรมนน้ำเสียงเบาๆ “พี่นรมนถ้าอย่างนั้นฉันขอกลับก่อนนนะคะ” นรมนโกรธจนตัวสั่นแต่กลับยืนแข็งค้างรักษารอยยิ้มไว้ “ไว้เจอกันจ๊ะนภสร” นภสรพอใจกับท่าทีตอบสนองมาก เธอคลี่ยิ้มออกเล็กน้อยแล้วขึ้นรถไปกับนทจร พอขึ้นรถเธอก็เริ่มคิดหาวิธีการที่จะสลัดนทจรออก เธอไม่อยากให้เขารู้ว่าเธอพักอยู่ที่ไหน คิ้วนภสรลู่ต่ำเรียบไปกับตา พูดขึ้น “พี่นทจร ถ้าอย่างนั้นจอดให้ฉันลงที่ด้านหน้าเลยค่ะฉันจะลงตรงนั้น ฉันกลัวพี่นรมนจะเข้าใจผิด” “เข้าใจผิดอะไร พี่กับนรมนอายุมากกว่าเธอที่จริงต้องดูแลเธอให้ดีๆ” นทจรขับรถไปด้วยและพูดไปด้วย ทันใดนั้น เสียงของเขาก็ต่ำลง “แต่ก่อน....” “เรื่องแต่ก่อนมันผ่านไปแล้ว พี่นทจรไม่ต้องเก็บเอามาใส่ใจ” นภสรก้มหน้าลง นทจรจึงมองไม่เห็นใบหน้าของนภสรที่ปรากฏให้เห็นถึงความรังเกียจ แต่ก่อนเธอเรียกออกมาได้อย่างไร “พี่นทจร” เป็นคำเรียกที่น่าสะอิดสะเอียนมาก “ฉันคิดว่าฉันเรียกพี่ว่าพี่เขยดีกว่า เพื่อป้องกันไม่ให้พี่นรมนคิดมาก” มุมปากของนภสรทำท่าทางเหน็บแนมชั่วครู่ แค่ทำร้ายเธอให้น้อยลงยังทำไม่ได้ ยังบอกจะดูแลเธอดีๆมันช่างเป็นเรื่องน่าตลกแห่งปีจริงๆ “แต่ก่อนเป็นเพราะพี่มองเธอผิดไป ไม่เจอกันแค่ไม่นานเธอดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นขนาดนี้เลย” น้ำเสียงของนทจรดูทอดถอนใจ นภสรหันหน้าไปมองนทจรแล้วรีบมองไปทางอื่นด้วยความรวดเร็ว ตอนที่ยังเด็กนทจรดีกับเธอมาก ไม่เช่นนั้นแต่ก่อนเธอคงไม่ชอบเขาตั้งแต่แรกแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะที่ห้างครั้งที่แล้วที่ได้ยินคำพูดที่เขาพูดออกมา ไม่แน่ว่าตอนนี้เธอก็อาจจะยังชอบเขาอยู่ ท้ายที่สุดแล้ว ความรู้สึกตอนยังเป็นเด็กที่เคยมีดีๆต่อกันแล้วถึงแม้ว่าตอนนี้จะไม่ชอบแล้วก็ตาม แต่ก็ไม่รู้จะเกลียดกันไปทำไม “พี่เขย จอดให้ฉันลงตรงนี้แหล่ะ ด้านหน้าก็ถึงที่อยู่ของฉันแล้วพี่ไม่ต้องไปส่งหรอก” เธอไม่อยากอยู่กับนทจรและขี้เกียจจะรับมือเขา ไม่รู้ว่านทจรคิดไปถึงอะไร พยักหน้าแต่ถอดเสื้อโค้ตจากตัวเขาคลุมไปที่บนตัวเธอแล้วหยิบร่มส่งให้เธอด้วย “ลงไปเถอะ” แสดงละครต้องแสดงให้จบ นภสรจำเป็นต้องเอาเสื้อเขาคลุมที่ตัวเธอไว้กางร่มและเดินลงจากรถ หลังจากลงจากรถเธอไม่ได้รีรอเลยสักนิด หันกลับแล้วเดินไปทันที พอนทจรเห็นนภสรเข้าไปในเขตที่พักแล้วเขาจึงขับรถออกไป นภสรเดินออกมาจากด้านหลังพุ่มไม้เห็นนทจรขับรถออกไปแล้วเธอจึงเดินออกมานำเสื้อโค้ตกับร่มทิ้งลงในถังขยะแล้วจึงโบกรถกลับ เมื่อถึงบ้านนภสรจึงโทรสั่งอาหารกินเสร็จรู้สึกว่าปวดหัวเล็กน้อยจึงเข้านอน เธอเข้านอนครั้งนี้รู้สึกว่ายิ่งนอนยิ่งเหนื่อยครึ่งหลับครึ่งตื่น เวลาหนึ่งทุ่มตรง เธอตื่นขึ้นมาหนึ่งครั้งรู้สึกทั่วร่างไม่มีเรี่ยวแรงเลย จึงนอนลงอีกครั้ง เธอคิดว่าตัวเองน่าจะเป็นหวัด แต่ว่าแค่จะกินยาแก้หวัดเธอยังไม่มีแรงจะลุกไปหยิบ จึงพันตัวเองด้วยผ้าห่มแล้วนอนต่อไป ในใจคิดเพียงว่าหลังจากตื่นนอนน่าจะหายจากการเป็นหวัด ไม่รู้ว่านอนไปนานแค่ไหน ครึ่งหลับครึ่งตื่นเหมือนฝันรู้สึกว่ามีคนเอามือมาอังที่หน้าผากรู้สึกเย็นสบาย เธอรู้สึกตัวจึงขยับขึ้นไปหา ผ่านไปสักพักหัวของเธอเปลี่ยนเป็นความรู้สึกเย็นๆและยังได้ยินเสียงพูดของคนข้างๆตัว สติของนภสรเดี๋ยวชัดเจนเดี๋ยวก็เลือนราง จนกระทั่งพอเธอลืมตาขึ้นภายในห้องมืด สนิทที่เอวรู้สึกเหมือนมีของหนักพาดอยู่ อยากจะขยับตัวแต่กลับขยับไม่ได้ เธอสับสนงงงวยชั่วครู่ฉับพลันจึงรู้สึกว่าที่ด้านข้างเธอมีเสียงลมหายใจของอีกคนหนึ่งอยู่ ที่ด้านข้างเธอมีคนนอนอยู่ 
已经是最新一章了
加载中