ตอนที่ 79 จิตใจสับสนยากที่จะอธิบาย   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 79 จิตใจสับสนยากที่จะอธิบาย
ต๭นที่ 79 จิตใจสับสนยากที่จะอธิบาย ด้านนอกสถานีตำรวจ พิมลแขที่นั่งอยู่ในรถสงบสติอารมณ์ได้นานแล้ว ตอนที่เห็นปองพลจูงมือนภสรออกมา พิมลแขจึงเปิดประตูรถลงมาแล้วกระโจนเข้าหานภสร แต่ว่า กลับถูกสายตาของปองพลขู่จนถอยกลับ บอสปองพลเย็นชาจนทำให้คนกลัว นภสรมองไปที่พิมลแขแล้วเรียกชื่อเธอ “พิมลแข ฉันไม่เป็นอะไร” พูดจบ จึงหันไปทางปองพลโดยไม่รู้ตัว เพราะว่ามีเขา เธอจึงไม่เป็นอะไร ทุกครั้ง เขามักจะรีบมาปรากฏตัวต่อหน้าเธอด้วยความรวดเร็ว ผู้ชายคนนี้ทำให้เธอรู้สึกว่า ไม่มีสิ่งไหนที่เขาทำไม่ได้ “พี่สะใภ้เดือดร้อนแบบนี้ คนพวกนั้นที่ทำร้ายพี่สะใภ้จะต้องจัดการอย่างสาสม” ไม่รู้ว่าโยธินออกมาจากตรงไหนมายิ้มตาหยีให้เธอ เพราะว่าเสียงนี้ “พี่สะใภ้” นภสรจึงอยากจะเอามือตัวเองออกจากมือปองพล แต่ไม่ต้องรอให้เธอออกแรง ปองพลก็ปล่อยมือเปลี่ยนเป็นโอบไหล่ของเธอไว้ พอดีกับมีรถคันหนึ่งแล่นมาทางนี้ แล้วจอดลงต่อหน้าพวกเขา คนที่เดินลงจากรถมาคือนรมน ตอนที่เห็นใบหน้านั้นของนรมน นภสรโกรธจนตัวสั่นอย่างควบคุมไม่อยู่ เมื่อนรมนลงจากรถเห็นนภสรยืนอยู่ตรงนั้นอย่างปลอดภัย เกิดสายตาโหดเหี้ยมอำมหิตพัดผ่านชั่วแวบแล้วหายไป บนใบหน้ากลับปรากฏรอยยิ้ม เดินเข้ามานภสร “นภสร เธอไม่เป็นไร ดีมากจริงๆเลย ได้ยินว่าเธอถูกตำรวจจับ ฉันก็เป็นกังวลแทบแย่” พูดจบ เธอขมวดคิ้วน้อยๆยื่นมือจะมาดึงมือนภสร ตอนที่มือของนรมนจะแตะโดนมุมเสื้อของนภสร ปองพลจึงรั้งนภสรไว้แล้วถอยหลังไปหนึ่งก้าว มือของนรมนค้างไว้ตรงนั้น รอยยิ้มที่กระดากอายปรากฏขึ้นชั่วครู่ จากนั้นจึงดึงมือกลับอย่างเป็นธรรมชาติ สายตามองไปที่มือนั้นที่อยู่ที่บนไหล่ของนภสร ครั้งนี้ทั้งๆที่เธอวางแผนไว้ดีแล้ว ไม่ว่าจะด้านไหนเธอก็ติดต่อไว้หมดแล้วทำไมถึงยังมีโอกาสให้นภสรหลุดรอดออกมาได้ นี่เป็นสิ่งที่ยืนยันการคาดเดาของเธอก่อนหน้านี้ได้ว่า ปองพลคนนี้ไม่ธรรมดา ไม่ธรรมดามาก “นภสรไม่ไปหาคุณปู่ที่โรงพยาบาลหรอ หลังจากที่ท่านรู้เรื่องนี้เข้าก็โกรธจนอาการกำเริบมากขึ้น” “เรื่องที่ไม่ใช่เรื่องจริง เธอยังกล้าบอกเขาทำให้อาการเขาหนักขึ้น ฉันก็ไม่รู้จะทำยังไง” พูดจบ นภสรก็หันไปมองปองพล น้ำเสียงออดอ้อน “ที่รัก ฉันอยากกลับบ้าน” ได้ยินเธอเรียกอย่างนี้ เขาจึงเลิกคิ้วขึ้น รู้สึกหนังหัวชาๆยืนมืออกมาเสื้อสูทลง เหมือนต้องการจะปิดบังความรู้สึกที่แท้จริง ปองพลเกลียดตัวเองที่ทำท่าทางตลก ก็แค่เรียก “ที่รัก”เท่านั้นเอง มันสมควรที่จะตื่นเต้นขนาดนี้ไหม สายตาของปองพลมองลึกที่นภสร ดวงตาสีนิลทั้งมืดมิดและเย็นชา นภสรไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไร รู้สึกเสียใจที่คิดเองเออเองเรียกเขาว่า “ที่รัก” ความสัมพันธ์ของทั้งสองมันไม่เหมือนเมื่อก่อน เขามาพาเธอออกมาได้เธอก็รู้สึกนับถือขอบคุณมาก แต่เธอเพื่อจะทำให้นรมนโกรธจึงจงใจเรียกเขาว่า “ที่รัก” เธอรู้สึกว่าเธอทั้งไม่มีศีลธรรมและหน่าไม่อาย นรมนที่อยู่ข้างๆเห็นทั้งสองส่งสายตาให้แก่กันและกัน ในใจเหมือนมีกองไฟสุม เธอกับนทจรถึงแม้จะหมั้นกันนานแล้ว แต่สายตาของนทจรไม่เคยปรากฏสายตาแบบนั้นเลย “แต่ว่า อาการของคุณปู่โคม่าจริงๆ นภสร เธอ.....” คำพูดนรมนหยุดอยู่แค่นั้น ปองพลหัวเราะเย็นชา สายตามองไปทางนรมนแฝงด้วยการดูถูก “ในเมื่อคนแก่ป่วยหนักขนาดนั้น คุณนรมนควรจะรีบไปดูแลแสดงความกตัญญู” พูดจบ จึงประคองนภสรกลับเข้าไปในรถ นรมนยืนอยู่ที่เดิมสีหน้าเปลี่ยนกลับไปกลับมา นภสรกับปองพลเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยไม่ได้มีเธออยู่ในสายตาเลยแม้แต่นิด ตอนเด็กนภสรมีสิทธิ์อะไรที่ทำให้นทจรและคุณอากัมพลรักเธอมากกว่า พอโตขึ้นชื่อเสียงฉาวโฉ่ ก็ยังได้แต่งงานกับผู้ชายที่รักเธอจริง ไม่เพียงเท่านี้ ยังเอาหุ้นมาถือไว้ในมือได้ ตั้งแต่เด็กเธอเก่งกว่านภสรทุกๆด้าน แต่ว่า นภสรมีสิทธิ์อะไรถึงได้รับสิ่งต่างๆมากกว่าเธอ เธอไม่ยอม ก่อนหน้านี้พิมลแขยืนอยู่ด้านหลังนภสร ทันทีที่เธอเห็นนรมนก็แทบอยากจะใช้สายตาฆ่าเธอให้ได้ แต่ว่าตอนนี้เธอทำงานที่ไชยกาล รู้ว่าไม่ควรไม่ควรฉีกหน้าต่อหน้าจึงถลึงตาจ้องใส่นรมน แล้วเดินกลับขึ้นรถ รถของปองพลกับโยธินขับผ่านเธอไป จึงเหลือแค่เธอที่ยังยืนอยู่ที่เดิม นรมนสังเกตเห็นพิมลแข ก่อนหน้านี้เธอก็รู้สึกว่าเด็กผู้หญิงคนนี้ดูหน้าคุ้นๆและอยู่ใกล้ชิดกับนภสร เหมือนจะชื่อ พิมลแข รูปร่างหน้าตาคุ้นๆ ชื่อก็คุ้น เธอคิดออกแล้ว นี่มันเป็นเพื่อนสมัยเรียนของนภสร คิดมาถึงตรงนี้ สายตาของนรมนยิ่งเยียบเย็นขึ้น เธอคิดว่าในปีนั้นนภสรได้ถูกบีบจนโดดเดี่ยวไม่เหลือใครแล้ว คิดไม่ถึงว่าพิมลแขคนนี้ยังยินดีเป็นเพื่อนกับนภสรอยู่อีก นรมนกำหมัดแน่น สายตาไม่พอใจ …… โยธินมุ่งตรงไปส่งพิมลแข ส่วนนภสรนั่งในรถของปองพลกลับไปที่wonder worldกับเขา เมื่อรถขับมาจอดอยู่หน้าประตูwonder world ทันทีที่นภสรลงจากรถก็เห็นพงศกร คล้ายกับเขามารอสักพักใหญ่ บนยอดเขามีลมแรง ทรงผมของเขาถูกพัดกระจัดกระจายไม่เป็นทรง พงศกรไม่ได้เรียกปองพลก่อน แต่กลับทักทายนภสรอย่างกระตือรือร้น “คุณนภสร คุณมาแล้ว” “คุณพงศกร” นภสรไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมพงศกรจึงดูดีอกดีใจขนาดนี้ ท่าทางดีอกดีใจของพงศกรแบบนั้น เหมือนกับเธอเป็นเจ้านายของเขาอย่างไงอย่างนั้น “พาหมอมาหรือยัง” ปองพลลงจากรถทีหลังเงยหน้าถามพงศกร “ใกล้จะถึงแล้ว พวกเราเข้าไปข้างในก่อน” พงศกรพยักหน้า แล้วเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ “อ้อ จริงสิ ผมพาหนิวโร่วกลับมาด้วย” หนิวโร่วหรอ นภสรมองที่พงศกรอย่างไม่เข้าใจ เขายังต้องซื้อหนิวโร่วให้ปองพลด้วยหรอ ตอนที่เธอเห็นพงศกรถือกรงของหนิวโร่วขึ้นมา เธอรู้สึกงงงวยสับสนจนยากจะอธิบายได้ หมาเด็กตัวหนึ่งชื่อ “หนิวโร่ว” เธอคิดถึงเรื่องที่เธอพูดกับปองพลในวันนั้นขึ้นมาทันทีที่บอกให้เขาไปเลี้ยงหมา ตอนนี้ปองพลเลยเลี้ยงหมาจริงๆงั้นหรอ ปองพลมองนภสรสรชั่วครู่ ก็เห็นสีหน้าประหลาดใจที่เก็บไว้ไม่ทัน มุมปากเขาจึงยกขึ้นแสดงความพอใจ เดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าวไปรับกรงที่อยู่ในมือพงศกร แล้วหิ้วเข้าไปข้างในบ้าน เหลือทิ้งไว้เพียงนภสรกับพงศกรที่ยืนตาโต “เจ้านายของคุณ เขา....ทำไมจู่ๆถึงเลี้ยงหมา” บางทีอาจจะสนใจแค่ประเดี๋ยวเดียวก็ได้ จะเป็นเพราะคำพูดประโยคเดียวของเธอได้ยังไง ปองพลเลี้ยงหมาจริงๆหรอ คิดถึงความเป็นไปได้ เธอก็รู้สึกขนลุกขึ้นมา พงศกรยิ้มแปลกๆ หลังจากนั้นจึงกระแอมไอ น้ำเสียงเป็นทางการมาก “ท่านประธานไปเลือกด้วยตัวเอง ต้องการพันธ์ที่สวย ฉลาด ขี้โมโห แล้วก็ต้องชอบกินเนื้อวัวด้วย” นภสรนั่ง“……”ทำไมฟังแล้วมันดูคุ้นๆ 
已经是最新一章了
加载中