บทที่96 งานเลี้ยง   1/    
已经是第一章了
บทที่96 งานเลี้ยง
บ๗ที่96 งานเลี้ยง ตอนกลางคืนนภสรคิดครู่หนึ่ง จึงเดินตามไปอย่างไม่พอใจ เธอตรงดิ่งไปผลักประตูห้องสมุดออกโดยไม่เเม้เเต่จะเคาะประตูแล้วเดินเข้าไป ยังไม่ทันได้เห็นว่าปองพลกำลังนั่งทำอะไรอยู่ด้านหน้าโต๊ะในห้องทำงาน ก็ได้ยินเสียงเอ็ดดังออกจากเขาขึ้นมา “ออกไป!” ออกไป? นภสรมุ่นคิ้วเล็กน้อย เมื่อกี้ยังดีอยู่เลย จู่ๆก็โมโหขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยเนี้ยนะ! ถ้านภสรเชื่อฟังคำพูดของเขาเเล้วเดินออกไปนั่นก็ไม่ใช่นภสรน่ะสิ เธอเดินตรงไปยังด้านหน้าโต๊ะทำงานของเขา ทว่าพริบตาเดียวก็เห็นใบหูของเขาแดงก่ำขึ้นมาอย่างผิดปกติ เธอชี้ไปยังหูของเขาพร้อมถามเขา “หูของนายเป็นอะไรอ่ะ? อากาศที่นี้ถ่ายเทไม่ดีหรอ?” เธอจำได้ว่าในหนังสือเคยบอกไว้เมื่อไหร่ที่อากาศไม่ถ่ายเทบริเวณหูของคนเราจะเปลี่ยนเป็นสีแดง และตอนนี้ปองพลเองก็เป็นเช่นนั้น ปองพลได้ยินคำเธอว่าสีหน้าก็ยิ่งมุ่ยลง ทว่าเขาไม่เอ่ยปากไล่เธอให้ออกไปอีก เขาทำเพียงหยิบเอกสารออกมาดูหนึ่งฉบับด้วยท่าทีที่ใจเย็นราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น “อืม” หลังจากที่นภสรได้ยินคำตอบของเขา เธอจึงเดินไปข้างๆเพื่อช่วยเขาเปิดหน้าต่าง ปองพลกลืนน้ำลายหนึ่งอึกเงียบๆ เขาวางเอกสารลงพร้อมทั้งใช้นิ้วมือลูบไปที่ใบหูจึงรับรู้ถึงความรู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมานิดๆ พระเจ้ารู้ว่าตอนที่นภสรถามคำถามนั้นกับเขา ใจของเขาเต้นเร็วขึ้นและหูแดงขึ้นได้อย่างไร หูแดงเป็นลักษณะเฉพาะตัวของเขาที่ถูกซ้อนมาโดยตลอด นอกจากแม่ที่รู้ว่าเวลาเขาตื่นเต้นหูของเขาจะแดงเเล้วนั้นก็ไม่มีใครรู้อีกเลย หลายปีเเล้วที่ไม่ได้เจอกับสถานการณ์แบบนี้ อีกทั้งกลับคาดไม่ถึงด้วยว่าหูจะเเดงขึ้นมาเพราะคำถามง่ายๆเพียงข้อเดียวของนภสร ทว่าก็ไม่อาจให้เธอรู้ถึงสาเหตุจริงๆที่ทำให้ของเขาแดงขึ้น หลังจากที่นภสรเปิดหน้าต่างห้องสมุดเสร็จ เธอจึงหันกลับมาเเล้วพบว่าหูของปองพลหายแดงเเล้ว เธอยิ้มพลางเดินมานั่งด้านหน้าของปองพล มือหนึ่งลูบคาง ส่วนอีกมือจับปากกาขีดเขียนไปมา พร้อมเอ่ยคำถามลองใจ “คุณพงศกรได้ส่งใบฟ้องหย่ามามั้ย?” พูดจบ เธอก็รู้สึกกังวลและประหม่าอยู่ภายในใจลึกๆ แต่ในใจนั้นเองก็ไม่สงบอีกเช่นกัน ปองพลไม่ใช่คนที่จะตัดสินใจอะไรมั่วซั่ว เขาตัดสินใจอะไรไปแล้วจะไม่มีทางเปลี่ยนใจง่ายๆ ดังนั้นเธอจึงต้องการคำตอบที่ชัดเจนจริงๆ สีหน้าของปองพลเปลี่ยนทันควัน สีหน้านั้นเต็มไปด้วยความเยือกเย็น เขามองเธออย่างเย็นชา นภสรถูกเขามองจนเธอหวาดกลัว เธอลุกขึ้นเเล้ววางปากกาลง เก็บมือทั้งสองข้างเข้ามาพร้อมกับลูบคางเล็กน้อย “ถึงเเม้ว่าเขาจะส่งใบฟ้องหย่ามา ฉันก็ไม่เซ็น!” นภสรตะคอกใส่ปองพลคอเป็นเอ็น ถ้าเขาพูดเเม้เเต่ประโยคเดียวที่ทำให้เธอรู้สึกไม่พอใจ เธอต้องลากเขาไปขย้ำแน่ๆ ราวกับว่าปองพลจะถูกคำพูดของเธอให้ท้าย สายตาที่จ้องไปทางก็ก้มลงไปมองเอกสารที่อยู่ในมือพลางเอ่ย “ต่อให้เธออยากเซ็นฉันก็ไม่ให้เซ็น” ได้ยินเขาพูดแบบนี้ ในใจของนภสรก็รู้สึกหวานราวกับน้ำผึ้งโดยไม่ได้ตั้งใจ ในใจอ่อนระทวย ทว่าต้องแสดงสีหน้าด้วยท่าทางเงียบขรึม “ทำไม?” ปองพลชะงักมือที่กำลังพลิกเอกสารลง ครู่หนึ่งเขาเงยหน้ามองเธอด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม “อยากจะแบ่งเอาสมบัติของฉันไปครึ่งหนึ่งมันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก” นภสร “…” คำตอบนี้เหนือความคาดหมายจริงๆ นภสรมองเขาพรางยิ้มอ่อน “เเท้จริงเเล้วทรัพย์สมบัติของคุณมีค่าขนาดเลยนี้ แล้วคุณจะเเต่งงานเพื่ออะไร มิหนำซ้ำยังจะหย่าอีก ..........” “คำพูดพวกนี้ทีหลังอย่าพูดอีก” แม้จะรู้ว่าคำพูดของเธอนั้นเต็มไปด้วยความโมโห แต่สีหน้าของปองพลดูไม่ค่อยจะสู้ดีนัก ขณะที่นภสรกำลังจะพูดบางอย่าง เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์ของปองพลก็ดังขึ้นมาพอดี นภสรเก็บคำพูดที่ยังไม่ทันได้เอ่ยกลับไปและรอให้ปองพลรับสายให้เสร็จ ปองพลรับสายโทรศัพท์นี้ค่อนข้างนาน ตอนที่ตัดสายแล้วสีหน้าของเขาเย็นชาขึ้นมานิดหน่อย ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ “เป็นอะไรหรอ?” นภสรยื่นมือส่ายไปมาต่อหน้าเขาพลางถาม ปองพลจับมือของเธอที่กำลังสะบัดไปมาเรื่อยเปื่อยให้หยุดลง จ้องมองไปที่เธอเพียงไม่กี่วินาทีก็เอ่ยขึ้น “ตอนเย็นต้องไปงานเลี้ยงด้วยกัน” “งานเลี้ยงอะไร?” “ไม่ค่อยสำคัญหรอก แค่ไปกินอะไรเล็กๆน้อยๆก็พอแล้ว” ปองพลเอ่ยขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ ทำให้นภสรสบายใจขึ้นมาเล็กน้อย ตอนที่เธอยังเด็ก พ่อเคยพาเธอไปร่วมงานเลี้ยง เธอในตอนนั้น ข้างกายมียังมีพี่รองติดสอยห้อยตามไปด้วย ทั้งสะอาดและงดงาม เดินไปที่ไหนก็ได้รับแต่คำชื่นชม แต่หลังจากที่พ่อเสียเเล้ว มีเหรอที่บ้านไชยกาลจะเชิญให้เธอไปร่วมงานเลี้ยงอะไรพวกนั้นอีก ตามที่ชนนนพูดแล้วนั้นคนอย่างเธอขืนไปก็ขายหน้าเสียเปล่าๆ หรืออาจจะไม่มีใครสนใจเธอเลยด้วยซ้ำ แต่พวกเขาไม่รู้เลยว่าเธอไม่ได้ให้ความสำคัญกับงานเลี้ยงเหล่านั้นแม้แต่น้อย งานเลี้ยงพวกนั้นเป็นเพียงแค่ขั้นตอนในการเข้าสังคมของพวกคนที่ไล่ตามชื่อเสียงเเละอำนาจ และหลังจากที่เธอพบเจอกับการเปลี่ยนแปลงในการเติบโตของเธอ ทำให้ชีวิตนี้ของเธอนับวันยิ่งไม่ได้ต้องการอะไรมากมาย …… ตกเย็นนภสรและปองพลแต่งตัวเต็มยศเพื่อไปร่วมงานเลี้ยง สถานที่จัดงานเลี้ยงคือ club beautiful nightที่เมืองเมฆนอกจากที่ club beautiful night ก็ไม่มีที่ไหนที่เหมาะสมกับการจัดงานเลี้ยงให้กับคนชั้นชั้นสูงเหล่านั้นแล้ว ตอนที่เธอและปองพลถึง club beautiful night นั้นโยธินเเละพงศกรก็มายืนอยู่หน้าประตูเเล้ว นภสรเดินเข้าไปหาใกล้ก็พบว่าด้านหลังของโยธินซ้อนใครไว้หนึ่งคน “พิมลแข?” ในตอนแรกพิมลแขตั้งใจหลบซ่อนตัว ทว่าหลังจากได้ยินเสียงเรียกของนภสรเรียกชื่อเธอแล้ว เธอก็รู้ได้ว่าไม่มีประโยชน์อะไรที่จะต้องหลบซ่อน โยธินหันหลังกลับมาคว้าตัวพิมลแขออกมา เขาทำอย่างอ่อนโยน เพียงแค่จับข้อมือของเธอไปทางด้านหน้าเท่านั้น “เฮ้ วันนี้เพียงแค่ฉันใส่กระโปรงมาก็ไม่ต้องอ่อนโยนขึ้นหรอก!” พิมลแขถูกเขาคว้าตัวออกมา พรางบ่นพึมพำอย่างไม่สบอารมณ์ “ฉันเเค่เป็นคนที่อ่อนโยนกับผู้หญิง ที่จริงแล้วเธอคิดว่าใครที่ใส่กระโปรงจะเป็นผู้หญิงไปซะทั้งหมดงั้นหรอ?” โยธินกระแอ่มเสียงขึ้นเล็กน้อย “ก็เห็นๆกันอยู่ว่าหน้าอกเล็กก็คงจะใส่ชุดเดรสไม่ได้ ถึงต้องเลือกชุดนี้มาใส่ยังไงล่ะ” นภสรได้ยินเช่นนี้ก็หันหน้ากลับไปดูโดยไม่ทันตั้งตัว พิมลแขแต่งตัวด้วยชุดที่เดรสนี้เกรงว่าไม่ค่อยจะเหมาะสมสักเท่าไหร่ แต่เธอเองก็ไม่สามารถจะหักหน้าเพื่อนสนิทเธอได้ อีกอย่างหลังจากพบเจอเรื่องเมื่อคืนเเล้ว ความประทับใจของเธอที่มีต่อโยธินก็ลดลง “ฉันรู้สึกว่าพิมลแขใส่ชุดนี้ก็สวยดีนะ” นภสรเดินเข้าไปใกล้เเล้วโอบเอวพิมลแขไว้ “เอวเล็กมากเลย” สายตาของโยธินมองไปยังเอวของพิมลแข นัยน์ตาที่มีความสงสัยนั้นเมื่อมองไปที่เอวของเธอก็รู้สึกว่าเล็กจริงๆ และมือนั้นก็อยากจะสัมผัสสักหน่อย มือที่ยื่นเข้าไปใกล้ ก็ถูกนภสรตีจนเสียงดังขึ้น “เพี้ยะ” “จะจับอะไร!” โยธินรีบดึงมือกลับทันที ใบหน้าอึกอัก แต่ก็คิดอีกว่าไม่สามารถจะขายหน้าต่อหญิงสาวหน้าอกเล็กนี้ได้ “เธอมีเอวหรอ อกกับเอวก็พอๆกันนั่นแหละ” “โยธิน นายอย่าลืมนะว่านายขอให้ฉันมาเป็นเพื่อนนาย” “คุณผู้หญิงพิมลแขครับ ความจำของคุณไม่ดีใช่มั้ยครับ? เธอเองนั่นแหละที่อยากจะตอบแทนฉันที่ฉันช่วยเธอไว้วันนั้น ดังนั้นเธอเลยเอ่ยปากว่าจะมาเป็นเพื่อนฉันเอง!” “ฉันยังเป็นเด็กอยู่เลยนะยะ! กรุณาเรียกฉันว่าคุณพิมลแขก็พอ ขืนเรียกว่าคุณผู้หญิงอีกทีฉันอัดนายเละแน่!” พิมลแขพูดพลางนวดหมัดแน่น ปองพลที่เงียบมาโดยตลอด ก็เอ่ยปากขึ้นมาพอดี “พอแล้ว เข้าไปกันเถอะ” เสียงของปองพลที่เอ่ยขึ้นทำให้เสียงของโยธินและพิมลแขเงียบลง ราวกับเด็กน้อยที่ถูกผู้ใหญ่เอ็ด แล้วพวกเขาเดินควงเเขนกันเข้าไปยังด้านในอย่างเชื่อฟัง 
已经是最新一章了
加载中