บทที่98 งานเลี้ยงตอนกลางคืน   1/    
已经是第一章了
บทที่98 งานเลี้ยงตอนกลางคืน
บ๗ที่98 งานเลี้ยงตอนกลางคืน นทจรอึ้งเล็กน้อยก่อนเอ่ย “สร เธอ...” “จร” นรมนที่สวมใสชุดเดินสีขาวเดินมาทางด้านนี้พอดี หลังจากที่เดินเขามาใกล้ได้เห็นว่านภสรและปองพลก็อยู่ จึงงงงวยเล็กน้อย แต่เธอเดินมาควงแขนนทจรด้วยความเคยชินก่อน แล้วถึงจะหันกลับไปทางนภสร “ไม่คิดว่าสรจะมาด้วย ปู่ก็มาหรอคะ ทำไมไม่เดินมาทักกันหน่อยเลย?” หลังจากที่นรมนพูดจบเธอก็มองไปที่ปองพลอย่างผ่านๆก่อนที่จะย้ายสายตาไปทางอื่นอย่างรวดเร็ว งานเลี้ยงนี้ต้องมีกับดักเป็นแน่ ปองพลน่าจะไม่ได้รับคำเชิญ แล้วเขาพานภสรเข้ามาได้ยังไงกัน? เธอคิดถึงเรื่องครั้งก่อนที่ไปกินข้าวกับพวกเขาที่ club bueatiful night ตอนที่จะจ่ายเงินก็ถูกบอกว่าฟรี เพราะปองพลและเจ้าของของ club bueatiful nigh เป็นเพื่อนกันคิดว่าครั้งนี้ก็คงจะเหมือนกัน ยังมีเรื่องเมื่อวันศุกร์ ที่เกือบจะทำให้ชื่อเสียงของนภสรป่นปี้และไม่ให้เธอได้มีทางโงหัวขึ้นมาได้อีกสำเร็จ ต้องเป็นเพราะปองนพที่ไปขอเจ้าของของ club bueatiful nigh ให้ออกมาช่วยแน่นอน แม้ว่าในหัวจะคิดไปต่างๆนานา ทว่ารอยยิ้มบนใบหน้าของเธอกลับมีไม่เปลี่ยนแปลง เธอหันหน้าไปทางนทจรพร้อมเอ่ยกับเขาด้วยน้ำเสียงเรียบๆ “คุณรู้ว่าสรมาทำไมไม่บอกฉันสักคำคะ เธอเดินเข้ามาทักทายก็พาเธอไปรู้จักกับคนอื่นสักหน่อยสิ” นทจรรู้สึกว่าที่นรมนพูดก็มีเหตุผล เขาหันไปมองนภสรแต่กลับเห็นตอนที่นัยน์ตาของเธอแสดงออกถึงความประชดประชันอยู่ เขาก็เลือกเก็บคำที่กำลังจะพูดออกไปไว้ ภายใจก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาเขาผลักนรมนออกเล็กน้อยน้ำเสียงหมดความอดทน “อยากพาไปก็พาไปเอง ฉันจะออกไปสูดอากาศ” พูดจบก็ทิ้งให้นรมนอยู่คนเดียวแล้วเดินจากไป นรมนคิดว่าตนเองถูกนภสรมองเป็นตัวตลกสีหน้าก็เปลี่ยนทันควัน แล้วหันหลังตามเขาไป …… รอจนถึงเรื่องวุ่นวายต่างๆของสองคนนั้นออกไป นภสรก็รู้สึกแปลกๆ ก็หันหลังกลับไปมองปองพลที่มีสีหน้าเคร่งขรึมและจ้องเธออยู่ นภสรถูกเขามองจนรู้สึกผิด จึงกระแอ่มออกมาสองครั้งแล้วหาเรื่องคุย “อันนั้นคุณอยากกินหน่อยมั้ย?” ปองพลฟึดฟัดออกมาที เห็นได้ชัดว่าเขาไม่อยากจะสนใจเธออีก หากแต่เขายังเอาน้ำที่ตนเองหยิบมาเลื่อนไปวางไว้ก้านหน้าของเธอก่อนจะหันหน้าหนีไปอีกทาง ใบหน้าด้านข้างที่ดูแล้วเหมือนจะเยือกเย็นเอามากๆ เขานั่งบนโซฟา แขนหนึ่งข้างวางพาดกับที่วางแขนของโซฟา ขาทั้งสองนั่งไขว้กัน ส่วนมืออีกข้างถือบุหรี่ ทว่าไม่ได้ทั้งจุดไฟและไม่ได้สูบ สีหน้าไม่แสดงอารมณ์ใดๆ “คุณติดบุหรี่หรอ?” นภสรคิดถึงครั้งก่อนตอนที่เห็นเขาสูบบุหรี่ ปองพลเหลือบมองเขาเล็กน้อย “นิดหน่อย” “งั้นทำไมนายไม่สูบ?” นภสรไม่เข้าใจ  ปองพลใช้สายตาที่จะสื่อว่า “ยับบื้อ” มองไปที่เธอ “เธอชอบสูบบุหรี่มือสองรึไง?” “ไม่ชอบสิ” นภสรส่ายหัวแล้วยิ้มออกมา เธอเข้ามาเกาะแขนของเขาพรางเอ่ย “จริงๆแล้วคุณไม่สูบเพราะฉันหรอ?” เสียงพูดจบลง สีหน้าของปองพลในขณะนั้นก็ยังคงไม่สื่ออารมณ์ใดๆ เพราะกระโปรงของเธอสั้นเกินไปจนทำให้ปองพลมองเห็นขาขาวๆของเธออย่างไม่ได้ตั้งใจ สีหน้าก็ขรึมขึ้นมาแล้วยื่นมือไปผลักเธอ “นั่งดีๆ” “ฉันไม่ใช่เด็กอนุบาลนะ ยังไม่ได้ขยับเลยก็ให้ฉันนั่งดีๆแล้ว” นภสรนั่งอยู่บนร่างของเขาโดยไม่ขยับเขยื้อน เขายอมเธอขนาดนี้แล้ว ทำไมเธอไม่เรียกร้องอีกสักหน่อยล่ะ ในเมื่อเขาก็ไม่ว่าอะไรเธออยู่แล้ว สีหน้าของปองพลขรึมขึ้น แต่ก็อุ้มเธออย่างไม่มีทางเลือก ทำได้แค่นั่งหลังตรงด้วยสีหน้าเคร่งขรึม และดึงนภสรให้นั่งดีๆ นภสรกัดริมฝีปากอย่างอดขำไม่ได้ ปองพลเห็นท่าทางกลั้นขำของเธอก็กำบุหรี่ในมือ สายตาดุดันขึ้นแล้วเอ่ยเสียงเบา “กลับบ้านไปค่อยจัดการเธอ” นภสรเตรียมจะพูดอะไรบางอย่าง ทว่าโยธินและพิมลแขก็เดินเข้ามาพอดี “สร” พิมลแขเรียกชื่อเธอพร้อมทั้งคนก็เดินมาอยู่ตรงหน้าเธอแล้ว “พวกเธอสองคนนั่งตรงนี้นะ อย่าเดินไปไหน” ปองพลลุกขึ้นยืน .......รับแก้วเหล้าที่โยธินยื่นให้ แล้วหันกลับไปมองนภสร เขาอยากจะลูบหัวเธอสักหน่อย แต่เพราะวันนี้เธอทำผมมา เขาไม่อยากทำให้ทรงผมของเธอพัง ก็เลยทำได้แค่ดึงมือกลับมา ก่อนไปก็เหลือบไปทองหน้าเธอครู่หนึ่ง และเอ่ยเพียงสามพยางค์ “เชื่อฟังหน่อย” อย่าไปทักผู้ชายคนอื่นประโยคหลังปองพลไม่มีทางพูดออกมาหรอก เขาเดินจากไปพร้อมกับโยธิน พิมลแขนั่งลงด้านข้างนภสร “ครั้งแรกที่ฉันมางานเลี้ยงแบบนี้เลยนะเนี่ย น่าเบื่อมากเลย ไม่เข้าใจคนรวยอย่างพวกเธอ” “บ้าหรอ ฉันจนจะตาย” นภสรจ้องเขม็งไปที่เธอหลังจากปองพลเดินไปเธอก็รู้สึกว่าไม่สนุกแล้ว “เธอกับบอสปอง พวกเธอ...” พิมลแขพูดไปพรางเดินมาชนไหล่เธอเล็กน้อย และส่งสายตาอันแสนอบอุ่นให้เธอ หลังจากนั้นก็ยื่นแขนไปช่วยนภสรจับชุดไว้ “เธอดูงานเลี้ยงนี้สิ มีใครแต่งชุดแบบเธอบ้างเนี่ย ชุดปิดทั้งคือทั้งหน้าอกทั้งแขน ปิดมันทุกส่วนเลย จะว่าไปแล้วเป็นเพราะอยู่กับบอสปองเธอเลยแต่งตัวโชว์นั่นโชว์นี่หน่อยไม่ได้ใช่มั้ย?” นภสรยื่นขาออกมา “ไม่เห็นหรอว่าฉันโชว์ขา?” “เอ๊ะ ดูนี่สิอะไรอ่ะ?” พิมลแขชี้ไปยังคำแหน่งที่มีรอยเขียวม่วง ชุดของนภสรปกปิดทุกสัดส่วนมาก นอกจากขาของเธอแล้วก็ไม่โชว์ที่ไหนอีกเลย ความยาวของชุดจริงๆแล้วยาวถึงหัวเข่า แต่เมื่อเธอนั่งลง ชุดก็หดลงจึงเผยขายาวๆของเธอออกมา และตำแหน่งที่พิมลแขชี้อยู่นั้นก็คือผิวส่วนกระโปรงไม่ได้ปิดไว้ ที่ตรงนั้นมีรอยช้ำม่วงเขียวที่เห็นได้อย่างชัดเจน นภสรหน้าแดงก่ำแล้วรีบดึงกระโปรงลง พร้อมกับแสดงท่าทีหนักแน่น “ไม่มีอะไร” “ฉันไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้กับตัวเอง แต่ฉันก็พอจะรู้อยู่หรอกนะ เธอรีบไปเอากระจกมาส่องตัวเองสิว่าตอนนี้เธอเป็นยังไง” พิมลแขหัวเราะเยาะเธอ “โอเค เลิกพูดได้แล้ว” “ฉันรู้สึกว่าเป็นแบบนี้ก็ดีนะ บอสปองค่อนข้างดีกับเธอเลยทีเดียวแหละ อีกทั้งยังจดทะเบียนเพื่อปกป้องเธอทางกฎหมายอีก จะว่าไปถ้าหย่ากัน เงินค่าเลี้ยงดูที่แบ่งได้ก็ไม่ใช่น้อยๆเลยนะ พิมลแขพูดถึงค่าเลี้ยงดูนภมนก็คิดถึงคำพูดของปองพล เธอจึงกรอกตาใส่พิมลแข “ฝันไปเถอะ” พิมลแขยังอยากจะพูดอะไรอีกหน่อย ทว่านภสรก็ตบหัวเธอเบาๆ “เธอฝันไปเองก่อนนะ ฉันไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ” พิมลแขมุบมิบปาก “ฉันไปเป็นเพื่อน” นภสรเดินจากไปพร้อมเอ่ย “ฉันไปเองก็ได้” …… หลังจากที่นภสรออกมาจากห้องน้ำและกำลังล้างมืออยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงของปองพลดังเข้ามาในห้องน้ำ “คุณนท” “สวัสดีครับ” เป็นพ่อของนทจร เสียงของกำพลเอ่ยต่อ “ขอโทษครับ คุณคือ?” “ปองพล รองผู้จัดการบริษัทC.M.ครับ” น้ำเสียงของปองพลฟังดูแล้วต่างจากปกติ น้ำเสียงที่ทำให้คนอื่นต้องเกรงกลัวและเคารพ เดิมทีที่นภสรกำลังจะเดินออกไปก็ถอยหลังกลับแล้วหลบอยู่ด้านในเพื่อฟังพวกเขาคุยกัน ประโยคมีการพูดกันอย่างเป็นทางการ เสียงของพวกเขาทั้งสองคนก็เดินไปไกลแล้ว เมื่อรู้ว่าพวกเขาเดินไปแล้ว นภสรจึงเดินออกมา มองดูทางที่พวกเขาเดินไปสีหน้าก็แสดงอาการสงสัยขึ้นมา ทำไมปองพลถึงต้องซ้อนตัวตน แล้วทำไมต้องอยากผูกมิตรกับกัมพล ถ้าเขาเพียงแค่อยากจะรู้จักกับกัมพลจริงๆ ถ้าอย่างนั้นเขาเปิดเผยตัวตนจะไม่ง่ายกว่าหรอ? 
已经是最新一章了
加载中