บทที่ 100 ให้ชื่อเสียงของนรมนป่นปี้ไปด้วยตัวของเธอเอง   1/    
已经是第一章了
บทที่ 100 ให้ชื่อเสียงของนรมนป่นปี้ไปด้วยตัวของเธอเอง
บ๗ที่ 100 ให้ชื่อเสียงของนรมนป่นปี้ไปด้วยตัวของเธอเอง แม้ว่าครั้งที่แล้วหลังจากที่นภสรกลับไปถึงบริษัทและพูดว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับผู้บริหารLK ทว่านรมนกลับไม่เชื่อ ผู้บริหารของLK ไม่มีทางที่จะทำเรื่องที่ไม่ได้ผลประโยชน์ตอบแทนแน่ ธมกรต้องถูกเกลี้ยกล่อมตามคำพูดของนภสรเป็นแน่ ไม่อยากให้ใครรู้เรื่องนี้ ที่จริงแล้วในใจของพวกเขาคิดเหมือนกัน พวกเขารู้สึกว่านภสรและผู้บริหารLK ต้องมีความสัมพันธ์ที่ไม่สามารถบอกใครได้เป็นแน่ นภสรมุ่นคิ้วและอยากบอกกับปองพลว่าทำไมทุกคนถึงมองเธอเป็นผู้หญิงแบบนั้น เธอสวมเขาให้เขา? นาลีก็เป็น นรมนก็เป็น เธอกับผู้บริหารLK มีอะไรบางอย่างไม่ผิดหรอก แต่ผู้บริหารLK เป็นสามีที่ถูกต้องตามกฎหมายของเธอ ปองพลจ้องมองไปที่นรมน สายตาที่มองไปราวกับว่าจะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟแต่ทันใดนั้นเขาก็ยิ้มออกมาอย่างสดใสและน้ำเสียงที่นุ่มนวลก็เอ่ยขึ้น “ถึงแม้เธอจะสวมเขาให้ฉันก็ไม่เป็นไรเพราะแค่มีเธอที่อยู่ข้างๆฉันก็โอเคแล้ว” รอยยิ้มของปองพลชวนให้คนหลงใหล ทว่านภสรได้ยินคำพูดนั้นของเขาแล้วกลับรู้สึกขนลุก เธอจำได้ว่าครั้งที่แล้วนาลีก็พูดแบบนี้กับเขา เขาก็ตอบเธอเช่นนี้ การตอบสนองของนรมนและการตอบสนองของนาลีไม่ต่างกัน ในชั่วขณะนั้น บนใบหน้าก็แสดงอาการไม่รู้ว่าจะตอบสนองกลับอย่างไร ผ่านไปไม่กี่วินาทีนรมนก็เอ่ยขึ้น “เธอเป็นผู้หญิงแบบนี้ คุณก็ยังต้องการเธออีก คุณยังเป็นผู้ชายอยู่รึเปล่า?” สีหน้าของปองพลเปยถึงความไม่สนใจ “ฉันจะเป็นผู้ชายหรือไม่เกี่ยวอะไรกับเธอล่ะ? แค่สรของฉันรู้ก็พอแล้ว” สรของฉัน... นภสรเม้มปาก ที่จริงแล้วเป็นเธอกับนรมนที่กำลังทะเลาะกันอยู่ การที่ปองพลเข้ามาพูดแบบนี้ดูไม่ค่อยเข้าท่าเท่าไหร่ “คุณ...” คำพูดที่เขาพูดกับนรมนนั้นทำให้หน้าของเธอแดง เพราะที่จริงแล้วปองพลค่อนข้างหล่อทีเดียว “ไปเฝ้าหน้าประตูไว้ อย่าให้ใครเข้ามา” นภสรเตะเข้าที่ขาเขาเบาๆ เตะเบาๆเหมือนแค่พอคันๆ ปองพลหันกลับไปมองหน้าเธอ และมองไปยังนรมน สรหน้าก็เยือกเย็นขึ้น แล้วค่อยๆหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพรางเอ่ย “ไม่ว่าสรจะทำอะไรกับคุณก็ช่วยยอมรับอย่างเงียบๆนะครับ เพราะผมมีคลิปเสียงที่พวกคุณเพิ่งจะคุยกันไปเมื่อกี้” สิ้นเสียง เขาก็เดินไปท่ามกลางดวงตาที่หวาดกลัวของนรมน และปิดประตู ขณะที่ปองพลยืนอยู่ที่ระเบียง ก็มีเสียงเรียกเข้าจากพงศกร เสียงของเขามีความหอบนิดหน่อย “บอสครับ ผมส่งคนไปคุ้มกันชั้นสิบหกกับชั้นสิบแปดแล้วครับ ไม่มีใครเข้าไปทางชั้นสิบเจ็ดได้แน่ครับ” “อืม” นรมนตอบรับอย่างเย็นชาเตรียมจะวางสาย พงศกรอดไม่ไหวที่จะอยากรู้จึงถามอย่างระวังตัว “บอสครับ หน้าประตูทางบันไดไม่มีอะไรเลยนะครับ ยังไงก็ไม่สะดวกเท่าไหร่ ให้ผมส่งคนเอาเก้าอี้นอนไปให้มั้ยครับ?” ก่อนหน้านี้บอสเพียงแค่ให้เขาส่งคนมาคุ้มกันชั้นสิบหกและชั้นสิบแปดเท่านั้น เพื่อไม่ให้คนเข้ามายังชั้นสิบเจ็ด ส่วนเหตุผลนั้นบอสไม่ได้บอกว่าเพราะอะไร เขาคิดได้อีกว่า ความสัมพันธ์ของบอสกับนภสรก็ยังดีๆอยู่ พวกเขาก็พึ่งจะมีอะไรกัน แล้วยังยากที่จะควบคุมตัวเองแล้วยังมีอะไรกันในนั้นอีกก็เป็นไปได้ ปองพลฟังแล้วก็เพียงแค่หัวเราะขึ้นมา “วันหลังฉันจะหาแฟนให้นายสักคน นายก็ไปลองเองซะหน่อยก็แล้วกัน” พูดจบเขาก็วางสาย หน้าของพงศกรเต็มไปด้วยความงุนงง มองดูแล้วเขาน่าจะคิดผิด …… ในทางเดินชั้นนี้ นรมนที่ถูกคำตะคอกของนภสรเมื่อสักครู่ทำให้เธอหวาดกลัวไปหมด นภสรไม่ได้บีบคอเธอแล้ว หลังจากที่เธอคลายมือจากนรมนร่างของนรมนก็ทรุดลงพื้น “นรมน เธอรู้มั้ยว่าความหวาดกลัวมันเป็นยังไง?” นภสรจ้องเธอเขม็ง ความจริงแล้วภายใจของเธอก็กลัวอยู่ลึกๆเช่นกัน ถ้าหากคนเมื่อกี้ที่เดินเข้ามาไม่ใช่ปองพลแต่เป็นคนอื่นและเห็นเหตุการณ์เมื่อกี้ควจะคิดว่าเธอหาเรื่องนรมน อาจจะถูกนรมนกลับมาแว้งกัดเธอได้ โชคดีที่ปองพลเดินผ่านมา แต่ปองพลมาตั้งแต่ตอนไหน ทำไมถึงได้บันทึกเสียงไว้ถ้าเขามีคลิปเสียงนั้นจริงๆ คลิปเสียงนั้นจะสามารถเป็นอาวุธที่ทำให้ชีวิตและชื่อเสียงของนรมนพังลงก็เป็นได้ นรมนตกใจอยู่ครู่ทันใดนั้นก็คว้าแขนของนภสรไว้พร้อมเอ่ยด้วยเสียงที่สั่นเทา “สร ฉันเป็นลูกพี่ลูกน้องของเธอ ตอนที่เธอเป็นเด็กและเข้ามาอยู่ที่บ้านไชยกาลใหม่ๆ ก็มีแต่ฉันที่คอยนอนเป็นเพื่อนเธอ เธอให้เขาลบคลิปเสียงนั่นทิ้งเถอะ...” เธอเป็นคนที่มีชื่อเสียงในเมืองเมฆ เธอเป็นพี่สาวคนโตของบ้านไชยกาล เธอเป็นคุณผู้หญิงในอนาคตแห่งบ้านตุงคนาคร เธอไม่สามารถที่จะวางยาลูกพี่ลูกน้องของตัวเองได้ เป็นไปไม่ได้แน่ๆ ถ้าเรื่องนี้แดงขึ้นมา ชื่อเสียงของเธอป่นปี้ “ฉันขอร้องละ เธอจะให้ฉันทำอะไรฉันยอมทุกอย่าง” นรมนมองเธอด้วยสายตาอ้อนวอนและพูดอย่างกระวนกระวายใจ ในตอนนี้คุณสมบัติและท่าทางของพี่สาวคนโตแห่งบ้านไชยกาลของนรมนไม่มีเลยสักนิด ความรู้สึกของนภสรมีเพียงแค่ทั้งเกลียดทั้งเวทนา ในใจเยือกเย็นไม่มีการตอบสนองใดๆ นภสร คิดบางอย่างได้ก็เอ่ยขึ้น “เธอโทรหาคุณปู่สิแล้วบอกเรื่องที่ฉันทำแท้งตอนนั้นล้วนเป็นเพราะเธอหลอกให้ฉันไปทำ ทำให้ฉันบริสุทธิ์ แล้วฉันจะพิจารณาให้เขาลบคลิปเสียงนั้น” นรมนปฏิเสธขึ้นทันควัน “ไม่ได้!” “งั้นเธอก็รอให้ชื่อเสียงของเธอป่นปี้ไปเองก็แล้วกัน” นภสรถอยหลังมาหนึ่งก้าว ปล่อยมือออกและมองหน้าเธออย่างเย็นชา นรมนเงียบลงทันที เธอเงียบไปสักครู่ก่อนที่จะค่อยๆลุกขึ้นยืน ตอนที่มองไปยังนภสรอีกครั้งนั้น สายตาของเธอเปล่งประกายขึ้น “แม้ว่าฉันจะบอกว่าฉันทำ ปู่ก็ไม่เชื่อหรอก จรก็ไม่เชื่อเธอหรอก ไม่มีใครจะเชื่อเธออีกหรอก” พูดจบเธอก็ยื่นมือมาจัดผมและจัดชุดเดรสสีขาว เพียงชั่วพริบตาเธอก็เปลี่ยนตัวเองให้เป็นพี่สาวคนโตแห่งบ้านไชยกาลที่ใสบริสุทธิ์ดั่งดอกบัว คำพูดของนรมนทำให้เธอไม่มีข้อขัดแย้งใดๆ ที่เธอพูดก็ถูก แม้ว่าเธอจะยอมรับผิดว่าตอนนั้นเธอเป็นคนหลอกให้นภสรไปทำแท้ง ก็คงไม่มีใครจะเชื่อเธอ ท่าทางที่ใสซื่อบริสุทธิ์อย่างนรมนได้เข้าไปนั่งอยู่ในใจของผู้คนทั้งหลายแล้วล่ะ ถ้าหากนรมนเป็นคนยอมรับด้วยตนเอง ผู้คนก็จะรู้สึกกันก่อนเลยว่านี่คงเป็นเพราะนภสรต้องการจะล้างมลทินให้กับตนเองจึงบังคับลูกพี่ลูกน้องที่จิตใจดีมีเมตตาของตัวเองให้เธอยอมรับ ยากจะจินตนาการว่าคนพวกนั้นโดนหลอกมามากแค่ไหนแล้ว ทว่านภสรกลับรู้สึกไร้สาระขึ้นมาทันที เธอมักจะบอกว่าไม่สนใจเรื่องพวกนี้แล้ว แต่พอคิดถึงมันก็จะรู้สึกหงุดหงิดใจ หญิงสาวที่มีมลทิน ความจริงแล้วเป็นเพราะผู้หญิงที่มีชื่อเสียงที่เหม็นเน่าอยู่เบื้องหลังทั้งหมดกลับไม่ถูกตราหน้าอะไรเลย เธอมองหน้านรมนสักครู่ ท่าทีของเธอก็เยือกเย็นลง “แต่ทุกคนล้วนถูกเธอเสแสร้งแกล้งทำหลอกให้ทุกคนหลงเชื่อว่าดี แต่ถึงวันที่ความจริงเปิดเผยว่าเธอหลอกลวง มันจะน่าอนาถขนาดไหน ฉันล่ะรอไม่ไหวจริงๆ” นรมนได้ยินเช่นนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนทันที ทว่าไม่อาจแสดงความอ่อนแอออกไปได้ “ชื่อเสียงที่เหม็นเน่าไม่ว่าจะทำเรื่องที่ดีมามากเท่าไหร่ ก็ไม่สามารถลบล้างได้หรอก เหตุผลขอนี้เธอน่าจะเข้าใจดีนะ” 
已经是最新一章了
加载中