ตอนที่ 47 เธออยู่ได้อีกไม่นานนักหรอก   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 47 เธออยู่ได้อีกไม่นานนักหรอก
ตอนที่ 47 เธออยู่ได้อีกไม่นานนักหรอก ฉันหันไปหาจ้าวซิ้วแล้วยิ้มแบบฝืนๆแก่เธอ ไม่รู้เหมือนกันว่าจะต้องพูดอะไรดีในเวลานี้ จ้าวซิ้วดูเหมือนจะอ่านใจฉันออกอีกแล้ว และรีบพูดดักไว้ก่อนว่า “เธอไม่ต้องพูดอะไรหรอก แค่ทำตามที่ฉันบอกก็พอแล้วละ” “ตอนที่ฉันตายหน่ะตอนนั้นความแค้นฝังลึกมากๆเลย ฉันใช้ทุกวิธีทางเพื่อจะหยุดฉันอีกคนอย่างสุดความสามารถ แต่สุดท้ายก็พ่ายแพ้แก่เธอ เธอเลยกลายเป็นเธอในทุกวันนี้ไง และตอนนี้เธอก็เป็นบ้าไปแล้ว“ ในหนังสือหยิน จ้าวซิ้วคุยกับฉันเยอะแยะเต็มไปหมด คล้ายว่าเธอกำลังสืบคดีอยู่ก็มิปาน และฉันก็ดูเป็นคนโง่เหมือนเดิม อาจจะเป็นเพราะเธอพูดเกี่ยวกับอะไรที่น่ากลัวแล้วฉันรู้สึกเสียใจแทนก็เป็นได้ หรือไม่ก็ ถ้าจ้าวซิ้วเป็นพระเจ้าแล้วยืนดูพวกเราเฉยๆ เรื่องนี้ก็คงไม่มีใครที่จะสามารถหยุดมันเอาไว้ได้ จ้าวซิ้วบอกว่า อาจจะเป็นเพราะที่บ้านของจางเจียเย่นบังคับเธอเยอะเกินไป เมื่อเธอตายเรื่องนี้จึงต้องรีบปิดเงียบให้ได้มากที่สุด ดังนั้นศพของเธอจึงยังคงอยู่ที่บ่อน้ำนั้นอยู่ พูดมาถึงตรงนี้ จู่ๆจ้าวซิ้วก็สั่นไปทั้งร่างกาย “ตอนนี้ บ่อน้ำนั่นน้ำเริ่มทะลักเข้าไปแล้วเลยทำให้ฉันรู้สึกหนาวหน่ะ” เห็นจ้าวซิ้วเป็นเช่นนี้ฉันรู้สึกปวดใจเหลือเกิน เพราะจ้าวซิ้วตรงหน้าไม่ใช่คนผิดไม่ใช่วิญญาณอาฆาตตนนั้น แต่ทว่าต้องมารับโทษแทน “ไม่ ไม่นะ” จ้าวซิ้วตรงหน้าอยู่ดีๆก็คล้ายกับคนเสียสติก็ไม่ปาน เอามือทั้งสองปิดหู แล้วก็เริ่มตะโกนเสียงดังว่า “ในหูของฉันมีน้ำ น้ำมาจากไหนไม่รู้ ในจมูกก็เต็มไปด้วยน้ำ ตรงตา ทั้งตัวมีแต่น้ำ ..” จ้าวซิ้วทั้งร้องตะโกนออกมา ทั้งขยับไปนู้นมานี่ จนปิ่นปักผมที่สวยงามต่างร่วงลงพื้นหมดเลยไม่นานนักก็กลายเป็นเถ้าธุลี ไม่นานนักผมที่ถูกมวยเอาไว้อย่างดีกลับเป็นยุ่งเหยิงจนปิดหน้าเธอไปกว่าครึ่ง ฉันรีบลุกขึ้นเพื่อจะไปปลอบประโลมข้างๆเธอ แต่ทว่าชั่วพริบตาเดียวที่ฉันจับไหล่เธอ เธอกลับหัวเราะอย่างเยือกเย็นออกมา ฉันเห็นตาสีแดงของเธอ ปากสีแดงของเธอ ค่อยๆเปลี่ยนเป็นขาวซีดทั้งใบหน้า ฉันว่ามันต้องมีอะไรไม่ถูกต้องสักอย่าง จ้าวซิ้วตรงหน้าฉันไม่ใช่คนที่ฉันช่วยมานี่ แต่กลับเป็นวิญญาณร้ายตนนั้นแทน ฉันคิดจะหนีแต่ทว่า จ้าวซิ้วกลับใช้เล็บของเธอข่วนฉันแล้วพยายามที่จะคว้าคอฉันไว้ ด้วยความกลัว ฉันจึงรีบจับข้อมือของจ้าวซิ้วเอาไว้ แต่แค่แรงของฉันไม่สามารถที่จะทำอะไรเธอได้ จึงทำให้ฉันรู้สึกหมดหวังลงทีละนิดๆ ถ้าฉันมาตายทีนี่ ฉันไม่ต้องอยู่ที่นี่กับจ้าวซิ้วตลอดไปเลยเหรอเนี่ย “บอกฉันมาเดี๋ยวนี้นะ ! ไป๋เวยเวยมันอยู่ที่ไหน ! มันอยู่ที่ไหน ! ให้มันออกมาหาฉัน !” จ้าวซิ้วในตอนนี้บ้าไปแล้ว ตะโกนไปมาอยู่คนเดียว อีกทั้งฉันรู้สึกหน้ามืดจะไม่ไหวแล้ว จู่ๆแรงบีบที่คอก็คลายลง ฉันรีบสูดเอาอากาศเข้าปอดอย่างไว ขณะนั้น ฉันเห็นจิ้วซิ้วเดินถอยหลังไป ใบหน้าช่างหน้ากลัว “เฉินน่อ รีบหนีไปสะ เธอมาแล้ว !” ฉันที่มัวแต่กำลังไออยู่นั้น กำลังจะวิ่งหนีแต่ทว่าฉันไม่สามารถจะปล่อยจ้าวซิ้วไว้ที่นี่ได้ เขาไม่เคยทำร้ายใครแต่ทว่ากลับโดนอีกคนควบคุมเอาไว้ไม่มีใครบอกได้ว่าจะเป็นอย่างไรต่อ จ้าวซิ้วถอยไปได้ไม่กี่ก้าว ก็ยิ้มอย่างชั่วร้ายออกมา คล้ายกับคนเสียสติก็ไม่ปาน ฉันไม่รู้ว่าจะต้องรับมือยังไงกับคนแบบนี้ ฉันค่อยๆถอยหลังทีละก้าว จ้าวซิ้วก็ค่อยๆเดินมาหาฉันทีละก้าวๆ ช่วงวินาทีแห่งความเป็นความตาย ฉันก็นึกบางสิ่งออกฉันอาจจะฝันไปอยู่ก็ได้ แถวนี้ต้องมีอะไรที่ทำให้ฉันตื่นได้บ้างสิ ฉันหยุดอยู่กับที่ ไม่เดินถอยหลังแล้ว แล้วบอกกับจ้าวซิ้วที่มีท่าทีจะตะปบฉันอยู่ว่า “นี่ฉันช่วยเธอได้นะ ฉันไปช่วยตามหาศพเธอได้นะ!” ดูเหมือนว่าประโยคนี้จะได้ผล จ้าวซิ้วหยุดอยู่กับที่ พร้อมทั้งทำท่าคิดแต่จู่ๆ ใบหน้าหัวเราะแบบชั่วร้ายก็หายไปกลายเป็นใบหน้าที่อยากจะร้องออกมา “ฉันไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวฉันอยู่ที่ไหน ฉันอยู่ไหนกัน ..” ฉันไม่รู้ว่าทำไมฉันถึงคิดถึงตอนที่จ้าวซิ้วพาฉันไปที่สวนแห่งความฝัน ทันใดนั้นรอบๆก็เปลี่ยนเป็นสวนแห่งความฝัน รอบๆมีแต่ใบไม้แห้งเต็มไปหมด ที่พื้นก็กลายเป็นพื้นนิ่มๆเหมือนแช่น้ำมานาน จ้าวซิ้วหันไปมองรอบๆ คล้ายกับคิดอะไรออก ทันใดนั้นก็ลอยขึ้นบนอากาศแล้วสะบัดแขนเสื้อสีแดงไปมา จนแขนเสื้อหลุดลงกับพื้นแล้วสลายกลายเป็นผง ฉันพยายามหลบหลีกการโจมตีของจ้าวซิ้ว แต่ก็ไม่ลืมที่จะตะโกนถามว่า “จ้าวซิ้ว ที่นี่คือที่ที่เธอตายใช่ไหม !” พูดจบ ฉันเห็นด้านหน้าไม่ไกลนักมีบ่อน้ำอยู่ตรงนั้น ฉันพยายามจะเดินไปที่บ่อน้ำเพื่อสำรวจดู ทันใดนั้นจ้าวซิ้วที่อยู่ไกลมากๆก็พุ่งมาทางฉันอย่างเร็ว และดูเหมือนว่าเขาพยายามที่จะใช้เล็บที่แหลมคมเล็งมาที่หัวใจของฉัน รอบๆฉันตอนนี้ไม่มีที่ให้หลบอีกแล้ว ยืนตกใจมองจ้าวซิ้วอยู่ตรงนั้น จ้าวซิ้วห่างจากฉันไปไม่กี่นิ้วจนฉันได้กลิ่นศพเน่าที่ลอยแช่น้ำมาจากตัวเธอ ไม่ ! ฉันจะตายที่นี่ไม่ได้ ! ฉันยังมีท้องอยู่ อายุไขของฉันก็ยังไม่หมดแค่นี้ ! ในขณะที่ฉันกำลังตักสินใจอยู่นั้น จู่ๆ จ้าวซิ้วก็หยุดอยู่ตรงหน้าฉันนิ่งๆไม่ขยับเลย เหมือนเวลามันหยุดลงยังไงยังงั้น ฉันค่อยๆถอยหลังช้าๆจนกระทั่งห่างจากจ้าวซิ้วพอสมควรจึงเบาใจลงนิดนึง แต่ทว่า จ้าวซิ้วกลับกรีดร้องขึ้นมา แล้วระเบิดกลายเป็นชิ้นๆกระจัดกระจายไปทั่ว เวลานั้นฉันได้ยินเสียงจ้าวซิ้วดังขึ้นในหัวว่า “ฮ่าฮ่าฮ่า แกอยู่อีกไม่นานหรอก ไป๋เวยเวยก็เช่นกัน คนรอบตัวแกก็เช่นกัน !” ประโยคสุดท้ายของจ้าวซิ้วนั้น ฉันยังไม่ทันจะได้เบาใจกลับรู้สึกตึงเครียดขึ้นมาอีกครั้ง ทว่าจู่ๆ ฉันกลับตื่นขึ้นมา พบว่ามีผ้าห่มหนาคลุมโปงอยู่ ด้านนอกก็มีแสงแดดส่องเข้ามา ร่างกายฉันเต็มไปด้วยเหงื่อ เตียงชุ่มไปด้วยเหงื่ ฉันเห็นคนอื่นๆในห้องกำลังหลับลึกอยู่เลย ฉันเลยรีบลุกขึ้นจากเตียง แล้วเอาหนังสือหยินเดินออกไปจากห้องเบาๆ จนกลายเป็นวิ่งไปบ้านซูหลินอย่างว่องไว ในขณะที่วิ่งไปหอบๆไปนั้น ในหัวก็คิดเรื่องที่เทียนปูหยู่พูดเอาไว้ “จ้าวซิ้วใกล้จะหายดีแล้วนะ เรื่องระหว่างพวกเธอหน่ะฉันเข้าไปช่วยอะไรไม่ได้หรอกนะ ตอนนี้จะทำอะไรก็รีบทำสะ!” ทันใดนั้น ฉันรู้สึกว่าด้านหลังของฉันมีแรงมหาศาลผลักฉันอยู่ คล้ายกับมือใหญ่ที่มองไม่เห็น ผลักฉันที่หายใจหายคอไม่ทันวิ่งไปที่บ้านของซูหลิน หลังจากวิ่งเข้ามาในบ้านซูหลินแล้วนั้น ฉันก็ตะโกนเรียกซูหลิน “ซูหลิน ! ซูหลินออกมาเร็วเข้า เกิดเรื่องแล้ว !” ซูหลินที่เหมือนพึ่งตื่น สวมแค่เสื้อยืด ผมเพ้ายังยุ่งเหยิงอยู่เลยเปิดประตูห้องมา พร้อมทั้งดูเหมือนอารมณ์จะไม่ค่อยดีอีกด้วย ซูหลินเห็นสภาพของฉัน จึงรีบพาเข้าไปพักในห้อง แล้วรินน้ำให้ฉัน พร้อมทั้งมองหนังสือที่อยู่ในมือฉัน “นี่อะไรอะ” ซูหลินหยิบหนังสือไปจากมือฉัน พร้อมทั้งมองหน้าปกที่รูปร่างประหลาด แล้วก็ขมวดคิ้วคล้ายกับกำลังคิดอะไรอยู่ ไม่มีเวลาจะมาคิดโกรธเคืองเขา ฉันรีบดื่มน้ำจนหมดจนไอออกมาสองสามครั้ง แล้วก็กลับสู่สภาพปกติ หลินเวลานี้คล้ายกับคิดอะไรออก ตอนแรกท่าทางสะลึสะลือนั้นก็กลายเป็นตื่นตัว พร้อมทั้งหยิบเอาหนังสือเดินเข้าห้องหนังสือไปด้วย ฉันไม่รู้ว่าซูหลินกำลังจะทำอะไร ได้แต่มองตามเขาเดินเข้าห้องหนังสือไป หลังจากที่ฉันเดินเข้ามาในห้องหนังสือนั้น ซูหลินกำลังก้มหน้าก้มตาหาหนังสือเล่มเก่าจากชั้นหนังสืออยู่ แต่ในชั้นนั้นปกหนังสือต่างๆกลับบุบสลายเหมือนไม่สามารถนำมาใช้ได้อีก ในขณะที่กำลังหาอยู่นั้นเขาก็บอกฉันโดยไม่ได้หันมาทางฉันว่า “ปิดประตูสะ” ฉันได้แต่บ่นอุบ ขณะที่ซูหลินกำลังหาข้อมูลอยู่นั้น จู่ๆ เขาก็ส่งเสียงร้องออกมาเบาๆ เหมือนเจอสิ่งที่ตัวเองกำลังตามหาเจอแล้ว ฉันพยายามมองอย่างละเอียดว่าหนังสือเล่มนั้นคืออะไร หนังสือเล่มนั้นเก่ามาก หน้าปกก็หายไปครึ่งหนึ่ง ไม่มีแม้แต่ชื่อหนังสือ หนังสือก็บวมและหน้ากระดาษกลายเป็นสีเหลืองไปแล้ว ดูแลเหมือนหนังสือพันปีก็ไม่ปาน ซูหลินหันมาดูหน้าปกของหนังสือหยิน พร้อมทั้งหันไปเปิดหนังสือเล่มเก่านั้น ฉันจึงเข้าใจว่าเขากำลังทำอะไร หนังสือเก่าเล่มนั้น คือหนังสือที่อธิบายสิ่งที่อยู่ในโลกของยมโลก ขณะที่ซูหลินกำลังเปิดไปมาอยู่นั้น ฉันเห็นรูปของตาเฒ่าที่ให้หนังสือเล่มนี้กับฉันอยู่ในนั้นด้วย แต่ทว่าชื่อด้านล่างตัวเล็กมากๆ และยังเป็นภาษาโบราณอีก ทำให้ฉันมองไม่ชัดเห็นได้ไม่ชัดเจนนักแต่ฉันก็รับรู้ได้ว่า ตาเฒ่านั้นต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่ ฉันเลยแย่งเอาหนังสือคืนมา เอามากอดเอาไว้ที่อก พร้อมทั้งถามซูหลินว่า “ซูหลิน นายกำลังทำอะไรอยู่หน่ะ ฉันมาที่นี่เพราะมีธุระนะ !” ซูหลินหันมามองฉัน เหมือนมองทะลุเข้าไปในตัวฉันยังไงยังงั้น เหมือนตำรวจกำลังสืบสวนผู้ร้ายเลย “เฉินน่อ ฉันรู้ว่าเธอเองก็มีความลับที่แอบไว้อยู่มากมาย จริงๆไม่ควรจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เลยด้วยซ้ำ แต่ทว่าเรื่องนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับยมโลกนะ” ฉันตะลึงไปสักครู่เพราะสิ่งที่ซูหลินพูดเป็นความจริงหมดทุกอย่าง “เฉินน่อ พวกเราสืบคดีนี้มานานมากแล้วนะ เธอควรจะมีความเชื่อในใจตัวฉันไม่มากก็น้อยนะ” ฉัน.. ถ้าพูดกันตรงๆเลยนะ ฉันไม่เคยไม่เชื่อใจในซูหลินเลยนะ แต่ตอนนี้ฉันรู้สึกไม่มั่นใจในตัวเองอยู่เหมือนกัน โดยเฉพาะตอนที่เด็กในท้องนอนหลับไปทำให้ฉันรู้สึกเหมือนฝันไป ตอนนี้ฉันเลยไม่รู้จะพูดอะไรเลย ซูหลินเห็นฉันไม่พูดไม่จา ได้แต่ถอนหายใจ เลยพูดกับฉันว่า “เอามาเถอะ ฉันรู้แล้วว่ามันคืออะไร” พูดจบ ซูหลินวางหนังสือเก่าไว้บนโต๊ะ บนหน้าหนังสือนั้นกับหนังสือหยินเหมือนกันเลย ปรากฏต่อหน้าฉัน
已经是最新一章了
加载中