ตอนที่485 เริ่มความสัมพันดีๆกันใหม่   1/    
已经是第一章了
ตอนที่485 เริ่มความสัมพันดีๆกันใหม่
ตอนที่485 เริ่มความสัมพันดีๆกันใหม่ หลังจากลองชุดแต่งงาน นัชชาและเตชิตเห็นว่าเวลากำลังดี จึงขับรถไปรับธีมนต์ที่โรงเรียน รถจอดนิ่ง ทั้งๆที่สามารถรอในรถก็ได้ ส่วนใหญ่ผู้ปกครองก็จะรอกันในรถ แต่ทั้งสองลงจากรถ ยืนรออยู่หน้าโรงเรียน กลัวคนอื่นไม่รู้ว่าคุณพ่อของธีมนต์มารับแล้ว นัชชาอยู่ข้างๆเขา คิดว่าเด็กน้อยต้องประทับใจ ยังไงก็แยกจากกันมานาน เขากลัวว่าเด็กที่โรงเรียนจะดูถูกโดนล้อว่าไม่มีพ่อ ธีมนต์ต่อแถวเดินออกมาที่หน้าประตูโรงเรียนก็เห็นเตชิตที่ยืนอยู่ตรงข้าม เด็กน้อยตื่นเต้นสุดๆ วิ่งพุ่งมาจูงแขนทั้งสอง ตะโกนเรียกเสียงใส “พ่อครับแม่ครับ!” เตชิตอุ้มเขาขึ้นมา นัชชาที่ยืนอยู่ข้างๆก็ตกใจร้องออกมา “โตขนาดนี้แล้วยังอุ้มอีก คุณวางลูกลงเถอะ!” “ไม่เป็นไรหรอก ไม่หนัก จะโตแค่ไหนก็ลูกผมนี่หน่า” เขาไม่ได้รู้สึกว่าอาย แถมยังรู้สึกภาคภูมิใจ นัชชาจึงทำได้เพียงยอมแพ้ ตามเขาไป มองเห็นพ่อลูกขึ้นรถไป นัชชาขึ้นไปนั่งที่นั่งข้างคนขับเงียบๆ เห็นสีท้องฟ้ายังคงเช้าอยู่ เตชิตเอียงศีรษะมามองผู้หญิงตัวเล็กข้างๆ ทันใดนั้นก็แนะนำขึ้นมา “เดี๋ยวไปเยี่ยมคุณพ่อคุณแม่คุณดีไหม? หลังจากออกจากโรงพยาบาลก็มีแต่คุณที่ไป ผมยังไม่ได้ไปเยี่ยมอย่างเป็นทางการเลย” นัชชาคิดไม่ถึงว่าเขายังเป็นห่วงเมทนีอยู่ ค่อนข้างคาดไม่ถึง “คุณอยากไปหรอ?” ที่จริงตอนที่เขากับเมทนีอยู่ด้วยกัน มักจะค่อนข้างกระอักกระอ่วนกัน อาจจะเป็นเพราะเป็นผู้ชายทั้งคู่ เลยไม่รู้ว่าจะต้องแสดงออกอย่างไร คนหนึ่งก็เป็นเธอ อีกคนก็เป็นคุณพ่อเธอ ค่อนข้างกังวลกับสถานะนิดหน่อย ดังนั้นเมื่อเขาเป็นคนพูดขึ้นมา นัชชาจึงรู้สึกดีใจ “ไปเถอะ พาธีมนต์ไปด้วยกันพอดี” พูดจบ เขาก็มองลูกชายที่นั่งอยู่เบาะหลังผ่านกระจก “คิดถึงคุณตาคุณยายไหม” ธีมนต์กำลังเล่นรูบิคอยู่ในมือ แม้จะไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาแต่ปากกลับพูดอย่างไว “คิดถึงครับ ผมอยากทานเกี๊ยวที่คุณยายห่อให้ผม!” นัชชาฟังแล้วก็ขำอย่างอดไม่ได้ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเบอร์ณัชชนม์ “งั้นลูกบอกคุณยายเองนะ” ระหว่างทั้งคุยทั้งหัวเราะกันอย่างมีความสุข สี่สิบนาทีต่อมา รถก็จอดที่ชั้นล่างของหมู่บ้านมีสุข นัชชาจูงลูกชายเตรียมเดินเข้าหน้าประตู เตชิตจู่ก็เปิดประตูหลังรถ ขณะที่เธอกำลังไม่เข้าใจ ทันใดนั้นก็เห็นเขาถือยาบำรุงจำนวนหนึ่งออกมา “......” เธออึ้งไปสักพัก ปล่อยมือลูกชายแล้วเดินเข้าไป เขากวางอ่อนชั้นดี รังนก ถังเช่าและอื่นๆ มองอย่างตกตะลึงพูดไม่ออก “คุณเตรียมของพวกนี้ตอนไหนเนี่ย?” เตชิตไม่ได้ตอบ แต่หยิบกล่องที่เบาที่สุดให้เธอ “ช่วยผมถือหน่อย” พูดจบ เขาก็เดินตรงเข้าไป มองดูแผ่นหลังของผู้ชายร่างสูง แล้วหันมามองที่ยาบำรุงที่วางอยู่บนพื้นกล่องหนึ่ง นัชชาไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ช่วยเขาถืออะไรกันล่ะ เขาแค่คิดอยากจะเปลี่ยนเรื่องไม่ตอบคำถามเท่านั้นเอง นึกถึงที่เขาทำเป็นถามขึ้น ‘โดยบังเอิญ’ ตอนอยู่บนรถ ที่จริงเตรียมการไว้ตั้งนานแล้ว “ทำเป็นหยิ่ง” เธอยิ้มแล้วเม้มปาก ในใจก็รู้สึกมีความสุขเหลือล้น ทั้งสามขึ้นไปชั้นบน ธีมนต์อยู่หน้าสุด เมื่อไปถึงชั้นสี่ ยังไม่ทันได้เคาะประตู ณัชชนม์ก็ผลักประตูออกมาพอดี เห็นหลานชายคนโต ใบหน้าก็มีความสุข “โอ้ เข้ามาให้คุณตาดูเร็วว่าใครมาเอ่ย?” ธีมนต์ส่งเสียงเข้าไปในห้อง ตะโกนเสียงใส “คุณยาย คุณตา ผมมาแล้วครับ!” พูดเสียงดังมา กลัวว่าคนอื่นไม่รู้ว่าเขาเจอคุณตาคุณยาย นัชชาส่ายศีรษะอย่างช่วยไม่ได้ พาเตชิตเข้าไปในห้อง “พ่อคะ แม่คะ” ณัชชนม์มองเห็นในมือทั้งสองหอบของมา ก็รีบเข้าไปรับมาวางไว้ข้างกำแพง “มาก็มาสิ ทำไมต้องหอบอะไรมาด้วยล่ะ มองฉันกับพ่อเป็นคนอื่นคนไกลไปได้” นัชชาก็รีบให้เครดิตเตชิตทันที “หนูไม่ได้ซื้อนะคะ เขาเตรียมคนเดียวเลย” ณัชชนม์มองเตชิต “ฉันรู้ว่าเธอหาเงินได้มาก แต่ก็ใช้จ่ายแบบนี้ไม่ได้นะ ยาบำรุงที่ซื้อให้ก่อนหน้านี้ยังทานไม่หมดเลย ในบ้านมีเยอะอยู่แล้ว วันหลังก็มาอย่างเดียวไม่ต้องซื้อของมาแล้ว” เตชิตชอบความประหยัดของตระกูลแดนโพธิ์ จึงไม่สามารถพูดอะไรได้อยู่แล้ว ยังไงเขาก็เต็มใจ นอกนั้นก็ไม่เป็นไร ทั้งสองเดินมาถึงห้องนั่งเล่น บนโต๊ะมีชาที่แช่ไว้ก่อนหน้านี้และผลไม้นานาชนิด ธีมนต์เล่นอยู่รอบๆเมทนี ครึ่งบนทับอยู่บนตัวของเมทนี นัชชามองอย่างตกใจ “ธีมนต์ ท่าอะไรเนี่ย อย่าทับคุณตาสิ” เมทนียังไม่ปล่อยมือ มองดูหลานชายอย่างมีความสุข “ไม่เป็นไรๆ หนักเท่าไหร่เอง” “พ่อคะ สุขภาพเป็นยังไงบ้างคะ?” “ดีขึ้นมาเลย เหมือนกับตอนก่อนผ่าตัดไม่เท่าไหร่แล้ว เพราะตอนนี้อาหารการกินก็อ่อนลงเยอะเลย” นัชชาก็มาเยี่ยมอยู่สองสามครั้ง เห็นสีหน้าเขาดีขึ้นไม่น้อย ก็รู้สึกสบายใจ “นัชชา ฉันเพิ่งทำแป้งเสร็จ เลือกไส้เรียบร้อยแล้ว มีเนื้อแกะใส่แครอทกับเนื้อใส่ผักชีฝรั่ง มาช่วยฉันหน่อย” ณัชชนม์เรียกเธอจากในครัว นัชชายกแขนเสื้อขึ้นเดินเข้าไปทันที “ได้ค่า เดี๋ยวหนูช่วยห่อ” ทั้งสองยุ่งกันอยู่ในครัว ในห้องนั่งเล่นจึงเหลือธีมนต์ เมทนีและเตชิตสามคน บรรยากาศระหว่างผู้ใหญ่ทั้งสองเด็กนั้นเข้าไม่ถึง เลยสนใจกับรูบิคในมือ เตชิตจึงดูโทรทัศน์อยู่ตลอด ไม่ได้เริ่มบทสนทนากับเมทนีก่อน เขาแสดงออกไม่เป็น และไม่เก่งในการมีความสัมพันธ์กับผู้ใหญ่ เพราะเขาห่างจากครอบครัวตั้งแต่เด็ก และพ่อแม่ก็เลิกกัน เมทนีเล่นกับธีมนต์พักหนึ่ง แล้วลูบหัวเขา “หลานไปนอนเล่นที่ห้องตาสักพักนะ เดี๋ยวทานข้าวแล้วตาไปเรียก” ธีมนต์พยักหน้า แล้วก็รีบวิ่งเข้าไปในห้องทันที เมื่อเด็กไม่อยู่ เมทนีก็มองคนข้างๆที่ไม่พูดอะไรสักคำ ชี้ไปที่ถ้วยชาบนโต๊ะ “ดื่มสักคำสิ ชาเขียวที่เพื่อนส่งมาให้ ลองดูว่าเป็นยังไง” เตชิตยกขึ้นมาดื่มโดยไม่พูดอะไร “ไม่เลวเลยครับ” จากนั้น เมทนีก็ไอหนึ่งที สุดท้ายก็เข้าเรื่อง “ฉันได้ยินมาว่าเธอกำลังเตรียมแต่งงานกับนัชชาหรอ?” “ครับ แต่ว่ายังต้องเตรียมเรื่องอีกเยอะเลยครับ ตอนนี้ต้องเตรียมการสักพักหนึ่ง” เมทนีพึมพำกับตัวเองครู่หนึ่ง แล้วถามอีกครั้ง “เรื่องที่พวกเธอจะแต่งงานกับ ที่บ้านเธอรู้เรื่องไหม?” “พวกเขาเห็นด้วยครับ” เมื่อก่อนเตชิตเคยพูดความคิดเห็นนี้กับพ่อแม่เขาของตระกูลจิวะพงษ์ ทั้งสองท่านตั้งแต่เรื่องของประทิน หลังจากได้ผ่านเรื่องราวนั้นมา ก็ยิ่งประเมินนัชชาดีขึ้นมาก และไม่ได้อคติเหมือนแต่ก่อน ยังไงอายุก็ปูนนี้แล้ว หวังว่าเตชิตจะมีความสุขในชีวิตที่เหลืออยุ่ สายเลือดของตระกูลจิวะพงษ์จะได้ถูกหลักธรรมนองคลองธรรม “นี่เป็นเรื่องที่พวกเธอทั้งคู่วางแผนกันไว้ พวกผู้ใหญ่ไม่ยุ่งอยู่แล้ว แต่ก่อนแต่งงานทั้งสองบ้านน่าจะมาเจอหน้ากันหน่อย เธอว่างั้นไหม?” เมทนีคิดปิดมาก็พูดในสิ่งที่ควรพูดออกไป อีกฝ่ายต้องเข้าใจว่าไม่ควรให้นัชชาเป็นเหมือนแต่ก่อนแล้ว ที่จะแต่งงานอย่างสะเพร่า เตชิตไม่ได้คิดถึงประเด็นนี้ เมทนีได้พูดเตือนเขา “ก่อนหน้านี้ผมคิดเรื่องนี้น้อยเกินไป เพียงคุณพ่อยอม อาทิตย์นี้ผมจะเตรียมการเลยครับ” ได้รับการยืนยันจากเขา ในที่สุดเมทนีก็ไม่ได้หนักใจ “งั้นก็โอเค เรื่องนี้ก็ระวังหน่อยนะ” พูดจบ เขาก็ยืนขึ้นทันที เตชิตรีบยืนขึ้นตา เขาโบกมือ “ฉันจะไปเอาเหล้าดีๆที่ตู้ เย็นนี้ทานเกี๊ยวกันเธอกับฉันดื่มกันน้อยหน่อย” พูดจบไม่รอให้เตชิตตอบรับก็หันร่างเดินไปที่ตู้ทันที เตชิตมองแผ่นหลังที่อายุมาก ก็ก้มศีรษะลงเล็กน้อย สายตาบิดบังความสุขไม่มิด
已经是最新一章了
加载中