ตอนที่ 56 ตะลึง   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 56 ตะลึง
ต๭นที่ 56 ตะลึง นภสรอ้าปากค้าง:"ไม่เอา พรุ่งนี้ฉันยังมีเรียนอีกนะคะ" "หรือเธอจะให้จระเข้กินเธอดีล่ะ" นภสรน้ำตาแทบไหล มองดูสีหน้าร้อนรนของเธอ กมลภูไม่แกล้งนภสรอีก เขาเอ่ยถามว่า:"จะปิดเทอมเมื่อไหร่" "หลังจากอีกหนึ่งเดือนค่ะ" "อืม....." บรรยากาศเยือกเย็นพลันอบอุ่นขึ้นมา ฐากูรและจิรายุยังคงยืนนิ่งอยู่ด้านหลังไม่ไกลมาก แม้บรรยากาศจะดีขึ้นมาก แต่ก็ต้องมาดูฉากคู่รักจู๋จี๋ทิ่มตากันเเทน ชีวิตนี่มันช่างไม่ยุติธรรมเสียจริง นภสรพลันนึกไปถึงที่ฐากูรบอกเมื่อกี้ว่าสวนหิมะเลี้ยงจระเข้เพิ่มอีกสิบกว่าตัวอีกแล้ว เธอจึงเอ่ยถามว่า:"คุณเก้า อย่าเลี้ยงสัตว์น่ากลัวเยอะขนาดนั้นได้ไหม เลี้ยงสัตว์ตัวน้อยอย่างหมาน้อยไม่ก็แมวน้อยออกจะน่ารัก แถมยังกินน้อยด้วย" แต่ถึงจะเลี้ยงเยอะยังไง คุณเก้าก็เลี้ยงไหวอยู่ดี กมลภูช้อนคางเธอขึ้น:"สัตว์เลี้ยงตัวน้อยที่น่ารัก เลี้ยงเธอคนเดียวก็พอแล้ว" "ฉันไม่ใช่สัตว์เลี้ยงสักหน่อย!"นภสรท้วงเสียงเบา เห็นกมลภูอารมณ์ดีขึ้นไม่น้อย นภสรจึงจะกล้าเปิดปากพูด "คุณเก้า ต่อจากนี้ไปคุณอย่าโกรธเพราะคนอื่นชอบฉันได้ไหม เรื่องแบบนี้โทษฉันไม่ได้นะ คนอื่นชอบฉันก็ไม่ใช่ความผิดฉันสักหน่อย!" นภสรรู้สึกตัวเองน่าอนาถจริงๆนะ "เธอคิดว่าที่ฉันโกรธเพราะเจ้าเด็กนั่นเหรอ"กมลภูถามกลับ "งั้นจะเพราะอะไรล่ะ"นภสรจ้องเขา สายตาเฉียบคมของชายหนุ่มจ้องหญิงสาวไม่วางตา สักพัก เขาพูดด้วยสีหน้าหม่นหมองว่า:"คิดเอาเอง!" นภสร:"...." เขาจะไปโกรธเพราะเจ้าเด็กบ้าแบบนั้นได้ยังไง มันเพราะผู้หญิงซื่อบื้อที่ชื่อนภสรต่างหาก ที่ยังรู้สึกกับเขาแค่ผู้มีพระคุณ แม้ว่าเธอจะพูดต่อหน้าภากรว่าเธอชอบเขา แต่ตอนนี้ในสายตาเขาคำพูดนั้นมันกลับดูยังไงก็เต็มไปด้วยความหลอกลวง "ถ้าคิดไม่ออก วันนี้ฉันจะกลืนเธอทั้งเป็นแน่!"กมลภูขู่เสียงเหี้ยม ทันใดนั้นจิรายุก็รับสายพอดี ดูเหมือนว่าจะมีเรื่องอะไร เขาจึงเดินมาและยื่นมือถือให้กมลภู กมลภูรับมือถือมา ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายพูดอะไรมาบ้าง แต่ก็เห็นเขาตอบกลับแค่ว่า:"เข้าใจแล้ว" จากนั้นก็วางสาย กมลภูปล่อยนภสร:"กลับมาค่อยมาจัดการเธอต่อละกัน!" สิ้นเสียง นภสรทำหน้าน่าสงสาร แต่ในใจกลับดีใจจนแทบกระโดดโลดเต้น คุณเก้ากำลังจะออกไป จะกลับมาตอนไหนก็ไม่รู้ รอถึงตอนนั้นก็คงจะหายโกรธแล้วแหละ หลังจากที่กมลภูจากไป นภสรนอนแผ่บนเก้าอี้ เธอถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก สถานการณ์อันตรายถือว่าจบสิ้นไปแล้วหนึ่ง ฐากูรกำลังจะจากไป แต่นภสรกลับพูดขึ้นอย่างเอื่อยเฉื่อยก่อนว่า:"คุณฐากูร ช่วยเอาน้ำผลไม้มาให้ฉันหน่อยนะคะ ขอบคุณค่ะ" "ครับ คุณนภสร" สักพัก ฐากูรก็เอาน้ำพันช์มาเสิร์ฟให้นภสร นภสรรับเอาน้ำผลไม้มาดูด ดูดเเล้วก็ถอนหายใจพลางพูดว่า:"คุณฐากูร ไหนคุณลองว่ามาซิว่าทำไมคุณเก้าถึงชอบอารมณ์แปรปรวนขนาดนี้" ฐากูรพลันแอบด่าในใจว่า คุณเก้าอารมณ์แปรปรวนตรงไหนกัน มันเพราะเธอซื่อบื้อเกินไปต่างหาก นภสรวางแก้วน้ำผลไม้ลงบนโต๊ะ เธอเท้าคาง ใบหน้าเรียวเล็กหมดจรดอยู่เบื้องหน้าฐากูรและถามว่า:"ในสายตาของพวกผู้ชาย ฉันสวยขนาดนั้นเลยจริงๆเหรอ" เวลานี้เป็นเวลาค่ำแล้ว แสงไฟในเอ.เคสว่างขึ้น ภายใต้สายไฟ ใบหน้าขาวเรียวงามถูกไฟสาดส่อง มองใกล้ๆแล้วยิ่งสง่างามจนละสายตาไม่ได้ ฐากูรเผลอหน้าเเดงขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว ผู้หญิงคนนี้นี่มันร้ายกาจจริงๆ "สะสวยมากครับ!"ฐากูรพูดตะกุกตะกัก เขาหลบตาไม่กล้ามองนภสรอีก:"คุณนภสร ผมเพิ่งนึกได้ว่าผมยังมีงานต้องทำอีกน่ะครับ ผมขอตัวก่อนนะครับ" พูดเสร็จ ฐากูรก็รีบเดินหนีไปทันที นภสรทำหน้างง วิ่งเร็วขนาดนี้นี่หมายความว่ายังไงกัน! วันที่สองที่นภสรมาถึงโรงเรียน ที่นั่งของภากรนั้นว่าง เธอพลันนึกถึงคำพูดที่โยธินพูดเมื่อวานขึ้นได้ หรือว่าภากรจะโดนกักบริเวณจริงเหรอ! ปรากฏทั้งสามวันมานี้ ภากรก็ไม่มาเรียนสักวันเลย จนกระทั่งถึงวันที่สี่ บ้านคชวงศ์ถึงได้ปล่อยข่าวสุดแสนสะเทือนวงการออกมาว่าภากรจะเตรียมหมั้นกับลูกสาวเจ้าของธุรกิจเพชรพลอย เป็นข่าวที่กะทันหันจนนภสรเองก็ยังอดตะลึงไม่ได้ ไม่รู้ว่าเกี่ยวอะไรกับคุณเก้าหรือเปล่า แต่ถึงคุณเก้าจะเจ๋งขนาดไหน ก็คงไม่ถึงขนาดยุ่งเรื่องครอบครัวคนอื่นหรอกมั้ง หรือว่าจะเป็นเพราะโยธินต้องการให้เขาตัดใจจากเธอ เลยบังคับภากรให้หมั้นกับคนอื่นเหรอ คนหัวดื้อแบบภากรคงจะรับไม่ได้แน่ๆ ก็ไม่รู้ว่าต่อจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นอีก ทันทีที่ข่าวถูกแพร่สะพัดก็กลายเป็นหัวข้อมาแรงแซงโค้งไปทั่ว เสียงกระซิบกระซาบและวิพากย์วิจารย์ดังขึ้นทั่วทุกสารทิศ.... นภสรที่กำลังพิมพ์ข้อความหาลูกค้าคนหนึ่งก็พลันได้ยินพวกนักเรียนหญิงซุบซิบกันข้างๆ "นี่เรื่องจริงหรือเปล่า ภากรจะหมั้นกับผู้หญิงคนอื่นจริงเหรอ" "ก็ไม่มีอะไรให้น่าแปลกใจนี่ นภสรไม่ได้มีฐานันดรซะหน่อย นี่คิดจริงเหรอว่าจะได้แต่งเป็นสะใภ้บ้านคชวงศ์น่ะ!" "นั่นสิ ด้วยฐานะแบบนั้นเนี่ยนะ เคยคบกับบุคคลระดับนั้นก็ถือว่าบุญโขแล้ว!" "พวกเธอก็อย่าไปดูถูกคนอื่นให้มากสิ เป็นเมียน้อยก็ยังดีกว่าไม่ได้อะไรเลยนะ!" "จริง แค่บ้านคชวงศ์ใจบุญให้เงินนิดหน่อยก็พอเธอใช้ทั้งชีวิตแล้ว!" คำพูดที่พูดต่อหน้าเธอ ดูก็รู้ว่าจงใจพูดให้เธอได้ยิน นภสรขี้เกียจไปสนใจคนปัญญาอ่อนพวกนี้ ช่วงนี้เธอเพิ่งได้รับงานมา เอาเวลาไปตั้งใจหาเงินดีกว่า แต่ภูรีที่อยู่ข้างๆกลับทนฟังต่อไปไม่ได้อีก เธอจงใจพูดเสียงดังว่า:"คนบางคนนี่นะ หน้าตาขี้เหร่ไม่พอ จะไปประจบก็ไม่มีปัญญาทำให้เขาเหลือบมองด้วยซ้ำ ยังมีหน้ามาว่าคนอื่นอีก ตลก!" "ยัยภูรี นี่แกว่าใครกันแน่!"หนึ่งในนั้นถามอย่างโกรธเคือง ถ้าภูรีจำไม่ผิด ผู้หญิงคนนี้เองก็เคยสารภาพรักภากรด้วยนี่ "ใครพูดตอบฉันก็คนนั้นแหละ!"ภูรีเหลือบมองคนพวกนั้นแวบหนึ่งพลางพูดเย้นหยัน นภสรก็เข้ามาซัพพอร์ตด้วย เธอพูดขึ้นอย่างราบเรียบว่า:"ภูรี อย่าน่า หน้าตาขี้เหร่ก็ไม่ใช่ความผิดเขาสักหน่อย!" ภูรีหัวเราะร่วน แล้วพูดต่อว่า:"แต่ถ้าขี้เหร่แล้วยังไม่เจียมตัวอีกนี่ก็เป็นความผิดเขาแล้วนะ!" "แก!"เด็กสาวไม่พอใจ เธอเตรียมจะพุ่งตัวไปด้านหน้า แต่กลับมีคนปรามไว้ก่อน:"ช่างเถอะน่า อย่าไปเสียแรงกับคนต้อยต่ำพวกนี้เลย เขาก็มีคู่หมั้นตัวจริงแล้ว เดี๋ยวก็จะมีคนมาเก็บมันเองแหละ!" เพราะว่าเคยมีตัวอย่างในกรณีของกณิกาให้เห็นมาก่อน ทุกคนจึงยังเกรงกลัวนภสรอยู่ไม่น้อย ไม่มีใครอยากเอาเรื่องครอบครัวตัวเองมาเป็นเรื่องล้อเล่นหรอก "คนพวกนี้วันๆไม่ทำไรดีแต่พูดแท้ๆ เธอก็ยังอุตส่าห์ทนไปได้นะ"ภูรีมองนภสรและพูดด้วยน้ำเสียงทักท้วง "ทำไงได้ล่ะ ฉันจะเอาเข็มมาเย็บปากพวกเขาหมดก็ไม่ได้นี่"นภสรพูดอย่างไม่ยี่หระ "เธอคุยกับใครอยู่เนี่ย ท่าทางอารมณ์ดีเชียว"ภูรียื่นหน้าเข้ามา เธออยากรู้ว่านภสรคุยอยู่กับใคร นภสรรีบหลบทันที เธอพูดอย่างลับๆล่อๆว่า:"ความลับ ยังบอกเธอไม่ได้" ไม่ใช่ว่านภสรตั้งใจจะปิดบังภูรี แต่เรื่องมันยาว ต้องยอมรับเรื่องความสัมพันธ์กับคุณเก้าอีก แต่เธอไม่อยากบอกเรื่องนี้กับใครเลย เธอไม่อยากทำให้คุณเก้าเดือดร้อนเพราะเธอ ถ้าความสัมพันธ์ของเธอกับคุณเก้าถูกเปิดเผยเมื่อไหร่ คุณเก้าก็จะถูกวิพากย์วิจารย์ลับหลัง เธอไม่อยากให้คุณเก้าเจออะไรแบบนั้น นภสรหลบเร็วเกินไป ภูรีรู้สึกได้ลางๆว่าหมายเลขนั้นคุ้นเคยเหลือเกิน แต่น่าเสียดายที่นึกยังไงก็นึกไม่ออก
已经是最新一章了
加载中