ตอนที่18
ตนที่18
เซี่ยหลิงหลิงกล่าวไว้ว่าทานอาหารมื้อใหญ่ไม่ควรเสียดายเงินตอนแรกเธอกะว่าจะสั่งแค่เพียงไม่กี่อย่างแต่เธอเห็นว่าอันนั้นก็อร่อยอันนี้ก็อร่อยสุดท้ายก็สั่งอาหารไปเยอะแยะมากมายอย่างไม่รู้ตัว
พนักงานเสิร์ฟเดินถือไวน์แดงมาหนึ่งขวดก่อนจะเทให้เซี่ยหลิงหลิง
สภาพแวดล้อมภายในร้านดูดีมากๆเสียงไวโอลินบรรเลงเพราะไพเราะเสนาะหูแสงไฟสลัวๆการตกแต่งที่ละเอียดประณีตแขกในร้านแต่งตัวดูดียกแก้วไวน์ขึ้นชนและพูดคุยกันด้วยเสียงแผ่วเบาในร้านไม่ค่อยมีเสียงรบกวน
มองออกไปยังนอกหน้าต่างบานใหญ่สามารถมองเห็นวิวในเวลากลางคืนของเมืองที่นี่อยู่ติดแม่น้ำหากมองออกไปในมุมกว้างก็จะสามารถหลีกเลี่ยงการมองเห็นตึกใหญ่อาคารสูงได้เหมือนกำลังท่องแสงสว่างในกลางคืนแสงสียามราตรีเจิดจ้าแต่ก็มองได้ไม่ชัดซึ่งแตกต่างจากยามฟ้าสาง
ภาพฝนที่ตกลงสู่พื้นอย่างหนักแต่กลับไม่ได้ยินเสียงเลยแม้แต่น้อยมันสามารถสะกดเซี่ยหลิงหลิงไว้ได้ในทันที
เฉิงรุ่ยคงจะกลับถึงบ้านแล้วมั้ง
พนักงานยกอาหารออกมาเสริ์ฟเมื่อเซี่ยหลิงหลิงได้กลิ่นหอมๆของอาหารในหัวก็นึกเฉิงรุ่ยขึ้นมาทันทีเธอแอบคิดอยู่ในใจว่าถ้าอาหารในร้านนี้อร่อยคราวหน้าก็จะชวนเฉิงรุ่ยมากินด้วยกัน
เธอไม่ได้อยากมากินคนเดียวแต่มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้นี่นา
......
ในเวลาเดียวกันเฉิงรุ่ยและคนอีกจำนวนหนึ่งขึ้นลิฟท์มา
ถูหนานแสดงออกถึงความดีใจเจ้านายไม่ได้ทานข้าวกับพวกเขามานานแล้วมันทำให้กลุ่มชายโสดอย่างพวกเขารู้สึกแปลกๆเหมือนขาดอะไรไปเขาพูดไม่หยุดตลอดทางถามอย่างรู้สึกกังวลว่าช่วงนี้พี่สะใภ้ทำอะไรอยู่บ้างเกมสนุกหรือเปล่าหวังว่าพี่สะใภ้จะช่วยทำแบบสอบถามประเมิณเกมเป็นต้น
หยางหลิวรู้เรื่องที่เฉิงรุ่ยเข้าไปเล่นเกมแล้วสีหน้าของเธอเริ่มไม่ค่อยดีเธอรู้สึกได้ถึงความกังวลที่วนเวียนอยู่รอบตัว——ทำให้เฉิงรุ่ยสามารถทำอะไรแบบนี้ได้ผู้หญิงคนนั้นต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ
ในช่วงระยะเวลานี้เกิดอะไรขึ้นบ้าง?หยางหลิวหน้านิ่วคิ้วขมวดแสดงอาการไม่ค่อยพอใจออกมา
แต่ว่า......
คืนนี้ถือเป็นโอกาสที่ดีเธอควรจะคว้ามันไว้
จ้องมองฝนที่กำลังตกอยู่นอกหน้าต่างเธอแสยะยิ้มที่มุมปากเริ่มมีความมั่นใจขึ้นมาบ้างเป็นผู้ชายคนไหนก็คงจะไม่อยากปฎิเสธการกอดจากผู้หญิงสวยๆหรอกโดยเฉพาะดอกไม้ในบ้านที่หยาบและฉูดฉาดดอกนั้นมันสวยงามและแตกต่างจากคนอื่นๆเฉิงรุ่ยอาจะจะแค่รู้สึกประทับแต่เธอไม่รังเกียจหากเธอจะเป็นฝ่ายรุก
ถูหนาน:“ออกจากลิฟท์ได้แล้วหลิวหยางยืนเซ่ออยู่ทำไม”
เจียวฝังเป็นผู้ชายซื่อๆที่ไม่เคยมีความรักมาก่อนท่าทีทื่อๆมันงั้นคงมองออกตั้งนานแล้วว่าหลิวหยางจ้องจะจับเจ้านายของเรามองตาเยิ้มจนแทบเอามาบีบเป็นน้ำออกมาได้แล้วทำให้ถูหนานรู้สึกอึดอัดเธอไม่อยากให้หยางหลิวทำเรื่องที่นอกเหนือกฎเกณฑ์อย่างอื่นไม่ว่าหากไปแหย่จนเฉิงรุ่ยรู้สึกไม่ดีล่ะก็หากคิดจะรักษาตำแหน่งที่นั่งเดิมเอาไว้เกรงว่าคงจะไม่ใช่เรื่องง่าย
ถูหนานแอบถอนหายใจเรื่องน่าปวดหัวมีมาให้ได้ตลอดเลยสิน่า
โต๊ะนั่งภายในร้านถูกจองไว้ล่วงหน้าแล้วฝู่จื่อเฉิงติดธุระมาไม่ได้จริงๆแล้วควรจะมากันสี่คนแต่เพิ่มหยางหลิวเข้ามาอีกคนก็เลยต้องทำการย้ายโต๊ะใหม่
“ขอประทานโทษด้วยนะครับคุณผู้ชายตอนนี้ไม่มีโต๊ะนั่งสำหรับหกท่านแล้วครับ”
“แล้วจะทำยังไงดีล่ะ?”
เจียวฝันพูดขึ้น:“งั้นเราก็ขอเก้าอี้เพิ่มนั่งเบียดๆกันหน่อย”มองดูท่าทีอบอุ่นและสุภาพของเขาหยางหลิวไม่ได้ตอบว่าดีหรือไม่ดีเธอได้แต่อมยิ้มแล้วพูดว่าขอบคุณค่ะ
กู้โหยวรออยู่ที่โต๊ะเป็นเวลานานมากแล้ว
เขากวาดสายตาไปที่โต๊ะของเซี่ยหลิงหลิงเห็นกับข้าวที่เธอสั่งมาเต็มโต๊ะเห็นแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ช่วงนี้เขาพบเจอแต่ผู้หญิงที่น่าสนใจไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงตรงหน้าคนนี้หรือผู้หญิงที่อยู่ในเน็ตหลิงหลิงหลิง......คิดถึงชื่อนี้และการประทะกันกับลิซท์กู้โหยวก็เริ่มรู้สึกแย่ขึ้นมาอีกครั้ง
มันเป็นเพราะเขาทำอะไรไม่คิดถึงได้มานั่งรับกรรมแบบนี้
ผู้บริหารเจียเฉิงให้โอกาสเข้าได้มาสัมภาษณ์แบบตัวต่อตัวแบบนี้เขาหวังเพียงว่าจะสามารถแก้ไขอะไรได้บ้าง
ในขณะที่ก้มหน้าก้มตาคิดอยู่นั้นก็เห็นคนกลุ่มหนึ่งเดินตรงมาที่โต๊ะของเขาชายสามหญิงหนึ่งล้วนแล้วแต่ดูดีทั้งนั้นคนที่เดินนำหน้ามาคือผูบริหารบริษัทเจียเฉิงถูหนานเขาดูดีและยิ้มแย้มแจ่มใสสายตาของกู้โหยวจับจ้องไปร่างหนึ่งที่เดินตามหลังมาก่อนจะเกิดอาการอึ้งแม้จะเป็นผู้ชายเหมือนกันแต่ก็ต้องยอมนชรับว่าคนๆนั้นหน้าดีจริงๆเพียงแต่ว่าท่าทีของเขาดูไม่ค่อยจะสบอารมณ์เท่าไหร่นัก
เฉิงรุ่ยใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นมือข้างนึงของเขาล้วงกระเป๋ากางเกงกำลังครุ่นคิดว่าอีกเดี๋ยวจะกินอะไรดีในขณะที่กลับตัวหันไปมองข้างหลังนั้นก็เจอกับคนๆนึงที่มีความคุ้นเคยที่สุด
เฉิงรุ่ย:“......”
สาวสวยที่นั่งติดกับหน้าต่างนั้นดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษแม้แต่ดวงตาคู่นั้นยังเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
ตรงหน้าของเธอมีกับอาหารวางอยู่เจ็ดแปดอย่างเปิดไวน์ขวดนึงกลางโต๊ะมีดอกุหลายแดงตั้งอยู่ดอกไม้สวยกว่าคนอีกเธอกำลังตั้งอกตั้งใจลิ้มรสสปาเก็ตตี้ทะเลยตรงหน้าจนไม่ได้สังเกตุเห็นสายตาอาฆาตที่อยู่ใกล้ๆนี้
เฉิงรุ่ยยืนจ้องเซี่ยหลิงหลิงที่บอกว่า“กินอะไรง่ายๆ”แต่มานั่งกินอาหารหรูหราฮ่องเต้คนเดียว
นี่เรียกว่ากินง่ายๆเหรอ?
เขาถึงกับอึ้งไปเลย
อีกด้านหนึ่งถูหนานกำลังพูดคุยแนะนำตัวกับกู้โหยวอยู่พอพูดถึงเฉิงรุ่ยที่กำลังยืนเหม่ออยู่ถูหนานก็พูดแกมตลกว่า:“เขาเป็นพนักงานบริษัทชอบไปทัวร์กับพระเจ้าเดี๋ยวก็ชิน”
กู้โหยวรู้สึกประหราดใจแม้จะไม่ได้แสดงออกทางสีหน้าพวกเขาต่างเชิญให้อีกฝ่ายนั่งลงอย่างมีมารยาทและเกรงใจหยางหลิวเลือกนั่งตรงข้ามกับกู้โหยวอย่างมั่นใจเธอคิดคำนวนมาดีแล้วว่าเฉิงรุ่ยไม่มีทางไปนั่งข้างๆกู้โหยวอย่างแน่นอนเขาไม่ชอบนั่งใกล้คนแปลกหน้าเพราะฉะนั้นแล้วเขาต้องเลือกมานั่งข้างๆเธออย่างแน่นอน
ถูหนานตากระตุกคิดว่าเฉิงรุ่ยจะเลือกนั่งลงบนเก้าอี้ที่เกินออกมาตัวนั้นแต่คิดไม่ถึงว่าเขาเลือกนั่งลงข้างๆกู้โหยวโดยไม่มองกู้โหยวสักนิด
คนอื่นๆ:“......”
น่าแปลใจมากจริงๆ!หรือเจ้านายจะยอมรับกู้โหยวเข้าทำงานแล้ว?หรือกำลังเตือนว่าห้ามพวกเขาพูดอะไรไปเรื่อยกับกู้โหยว?
ทุกคนต่างพากันงงไม่เข้าใจว่าเฉิงรุ่ยกำลังคิดอะไรอยู่
พวกเขาไม่มีใครรู้เลยที่เฉิงรุ่ยนั่งตำแหน่งนี้มั่นง่ายต่อการนั่งมองเห็นการกระทำทุกอย่างของเซี่ยหลิงหลิง
กู้โหยว:“เอ่อ......คือว่ามีอะไรผิดปกติเหรอครับ?”
“ไม่มีอะไรไม่มีอะไร”
หลิงหยางกล่าว:“ถ้าอย่างนั้นฉันนั่งเก้าอี้ที่เลยมาก็ได้ค่ะฉันแค่มาเป็นเพื่อนเฉยๆพวกคุณจะได้คุยกันสะดวก”
เธอรีบย้ายตัวเองไปอยู่บนเก้าอี้ทันทีและก็ได้นั่ง“ข้างตัว”เฉิงรุ่ยโดยปริยาย
ขณะนั้นเองตำแหน่งในการนั่งของทุกคนเป็นแบบนี้
ถูหนาน**เจียวฝัน
————หยางหลิว
กู้โหยว**เฉิงรุ่ย
เธอนั่งตัวตรงแถมตั้งใจโชว์สรีระที่สวยงามของตัวเองเธอแอบสังเกตเห็นว่าเฉิงรุ่ยแวบมองมาทางฝั่งที่เธอนั่งก่อนจะละสายตาไปเธอแสดงท่าทีรู้สึกเขินอายออกมา
แต่สิ่งที่หยางหลิวไม่รู้ก็คือตำแหน่งที่เธอนั่งนั้นบังสายตาของเฉิงรุ่ยจากเซี่ยหลิงหลิงเอาไว้ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดจนเขาถอดใจนั่งเอนตัวพิงโซฟาด้วยท่าทีขี้เกียจหยิบมือถือขึ้นมาก่อนจะจิ้มหน้าจอด้วยคท่าทีรุนแรง
เมื่อได้ยินเสียงมือถือดังเซียหลิงหลิงรีบเช็ดปากหยิบมือถือขึ้นมาเห็นว่าเป็นข้อความจากเฉิงรุ่ย
เฉิงรุ่ย:เธอกินอะไรไปให้ฉันซื้อกลับไปให้มั้ย?
เซี่ยหลิงหลิงจ้องไปที่มือถือรู้สึกละอายใจสเต็กเนื้อที่เคี้ยวอยู่ในปากจะคายมันออกก็ไม่ได้จะกลืนก็ไม่ลง:“......”
เธอรู้สึกอึดอัดมากเฉิงรุ่ยกินข้าวยังนึกถึงเธอแถมยังจะซื้อกลับไปให้เธอแต่เธอกลับนั่งกินข้าวคนเดียวอยู่ที่นี่เหมือนว่า......จะเป็นเรื่องที่ดูไม่สมควรสักเท่าไหร่
แต่ตอนนี้เธอก็ไม่สามารถหลุดพูดออกไปได้ว่ากำลังกินอะไรอยู่ทำได้แค่รวบรวมความหน้าด้านแล้วส่งข้อความกลับไป:“ก็กินพวกสลัดผลไม้อะไรพวกนี้อ่ะไม่เป็นไรนายกินเลยช่วงนี้ฉันลดน้ำหนักอยู่ไม่หิว”
เสียงติ๊ดดังขึ้นเฉิงรุ่ยที่ได้รับข้อความมองไปที่หน้าจอมือถือแวบหนึ่งก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเซี่ยหลิงหลิงแวบนึง
ลดน้ำหนัก?ไม่หิว?ก็คงจะไม่หิวอยู่แล้วล่ะเธอสั่งทั้งสปาเก็ตตี้สเต็กเนื้อเค้กลาวา......เต็มโต๊ะไปหมดขนาดนั้นแถมยังดื่มไวน์ไปตั้งครึ่งขวดคาดว่าวันนี้ก็คงจะกินจนจุกกลับไปมีปัญหาแน่นอน
เซี่ยหลิงหลิงในตอนนี้ไม่มีเวลาเงยหน้ามองใครและแน่นอนว่าไม่ได้สังเกตเห็นสายตาพิฆาตของเฉิงรุ่ยเช่นกัน
เธอเร่งสปีดในการกินของเธอคิดเพียงแต่ว่าอยากรีบกินรีบกลับกินที่ติดอยู่บนตัวยังต้องกำจัดมันด้วยเพื่อไม่ให้เฉิงรุ่ยได้กลิ่น
“เจ้า......เออเจ้าเฉิงนายอยากกินอะไร?”
ถูหนานสังเกตเห็นสีหน้าที่ดูไม่พอใจของเฉิงรุ่ยแล้วเกือบหลุดเรียกเจ้านายออกไปเข้ารีบสงบปากลงทันทียื่นเมนูให้เฉิงรุ่ยแปลกจังปกติเจ้านายที่เอาให้ความสนใจกับการกินกินดื่มดื่มและทำงานตอนนี้กลับรู้สึกไม่สนใจอาหารแล้ว?ถูหนานรู้สึกว่ามันเป็นปัญหาที่ร้ายแรงมาก
แต่ในตอนนี้เขาทำได้แค่เก็บงำความสงสัยนั้นไว้รอให้เฉิงรุ่ยสั่งอาหาร
นิ้วเรียวยาวของเฉิงรุ่ยชี้ไปที่อาหารจำนวนนึงส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่เป็นอาหารที่เซี่ยหลิงหลิงสั่งมาทั้งนั้นสายตาที่ในวันปกติจะดูขี้เกียจแต่วันนี้กลับกันเขามองไปที่อาหารบนโต๊ะของเซี่ยหลิงหลิงอีกครั้ง:ยังมีอะไรอีกบ้างนะ?
หยางหลิวคิดว่าเขามองเธอเธอดูมีความเป็นผู้หญิงมากด้วยทรงผมสไลด์ปลายที่ถูกม้วนเป็นลอนอ่อนๆเพียงแค่เธอยกไหล่ขึ้นก็บดบังสายตาของเฉิงรุ่ยที่มีต่อคนโกหกที่นั่งกินข้าวคนเดียวตรงหน้าอีกครั้ง
ความอดทนของเขาใกล้จะหมดแล้วกล่าว:“รีบๆคุยเถอะ”
หากคุยกันช้าคนโกหกก็จะหนีไปได้
กู้โหยวเป็นคนที่มีการรับรู้ทางด้านอารมณ์ค่อนข้างสูงเขารู้สึกได้ในทันทีว่าชายผู้ที่พูดน้อยที่ชื่อ“เจ้าเฉิง”คนนี้ต้องมีตำแหน่งที่ไม่ธรรมดาแน่นอน
เขาเรียกวามมั่นใจให้ตัวเองนั่งหลังตรงปรับเสียงลงต่ำ:“เอาตรงๆเลยนะครับเป้าหมายของผมคือบริษัทเจียเฉิงมาโดยตลอดหวังว่าพวกคุณจะให้โอกาสผมสักครั้งผมเชื่อว่าสิ่งที่คนอื่นทำได้ผมเองก็ทำได้เหมือนกันครับ”
ถูหนานรู้สึกพึงพอใจกับกู้โหยวแต่อำนาจการตัดสินใจนั้นอยู่ที่เฉิงรุ่ยเฉิงรุ่ยไม่ได้พยักหน้าตกลงเขาก็ทำได้แค่พูดเฉไฉหาข้ออ้าง
“คุณกู้ครับก่อนหน้านี้คุณได้เกิดปัญหาที่ไม่ค่อยดีบางอย่างใน《หรูเมิ่งลิ่ง》เบื้องต้นทางเราไม่ได้เป็นโอกาสที่ดีที่จะสามารถรับคุณเข้ามาร่วมงานด้วยได้เราอยากจะให้คุณลองสร้างผลงานขึ้นมาสักนิดนิด”
กู้โหยวรู้สึกหดหู่ในทันทีใบหน้าไม่ได้แสดงสีหน้าอะไร:“ผมเข้าใจดีครับผมได้ลงสมัครการแข่งขันคัดเลือกผู้เล่นที่จัดโดยเจียเฉิงเรียบร้อยแล้วครับผมจะทำเต็มที่ครับ”
ถูหนานรู้สึกพอใจมากจริงๆ
เขาแอบมองเฉิงรุ่ยเล็กน้อยอยากให้เฉิงรุ่ยแสดงความคิดเห็นอะไรสักหน่อยเข้าสังเกตกู้โหยวมานานแล้วความสามารถในด้านต่างๆถือว่าใช้ได้เลยทีเดียวในอนาคตต้องรุ่งอย่างแน่นอน
ถูหนานชะงักไป
ดูหมือนว่าเฉิงรุ่ยใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเขามองตามสายตาของเฉิงรุ่ยไปพบหญิงสาวรูปงามที่นั่งทานข้าวคนเดียวอยู่โต๊ะใกล้ๆเธอกำลังเร่งสปีดในการกินอาหารตรงหน้าในตอนที่ถูหนานมองไปเธอกำลังสำลักอาหารพอดีใบน้าแดงก่ำก่อนจะรินไวน์แล้วดื่มแก้อาการสำลัก
เป็นสาวน้อยที่น่ารักมากจริงๆเขารู้สึกใจเต้นขึ้นมาก่อนจะนึกขึ้นได้——เดี๋ยวก่อนไม่ใช่สิทำไมเจ้านายถึงได้นั่งจ้องผู้หญิงที่ไม่เคยเห็นหน้าค่าตาคนนั้นได้ล่ะ?
“นายมองอะไร?”เจียวฝันถามอย่างสงสัย
เมื่อได้ยินคำถามนั้นหยางหลิวก็พูดออกมาแบบเขิลๆ:“ไม่เป็นไรหรอก”
ถูหนาน:“?”คุณหยางครับดูเหมือนจะหลงตัวเองเกินไปหน่อยแล้วนะ
เฉิงรุ่ยยังคงแสดงท่าทีไม่พอใจอยู่อย่างนั้นถูหนานหลับตาลงกัดฟันกรอด:“งั้นเรามาทานข้าวกันก่อนดีกว่าทานเสร็จค่อยคุยกันต่อ”
กู้โหยวรู้สึกโล่งอกใบหน้าของเขาดูนิ่งมากความตื่นเต้นที่ไม่เคยมีขนาดนี้มาก่อนจนแทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้เขาเกือบจะร้องไห้ออกมาแล้วคนอายุยี่สิบกว่าๆแต่ยังทำตัวเหมือนเด็กๆอยู่แบบนี้ไม่แปลกเลยที่พวกเขาจะคิดว่าประสบการณ์ยังไม่มากพอ
อาหารเลิศรสคู่กับไวน์แดงรสชาติเปรี้ยวๆที่ปลายลิ้นช่างทำให้ต่อมรับรสมันเปิดดีซะจริงๆ
มากันตั้งหลายคนมีเพียงเฉิงรุ่ยคนเดียวที่อาหารเยอะที่สุดท่าทีของพวกเขาดูคุ้นเคยกันมากทำให้กู้โหยวเริ่มหมดข้อสงสัยที่มีอยู่ภายในใจ
แงรุ่ยก้มหน้าก้มตาทานอาหารก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาส่งข้อความ
“สเต็กเนื้อยังไม่ค่อยเผ็ดที่เหลือก็พอใช้”
เซี่ยหลิงหลิงที่นั่งอยู่ตรงข้ามได้ยินเสียงมือถือดังเปิดดูก็ปรากฏว่าเป็นข้อความที่ส่งมาแบบไม่มีต้นไมมีหางเธอเริ่มรู้สึกแปลกๆก่อนจะถามกลับไป:“นายกำลังกินอาหารฝรั่งเหรอ?”
เฉิงรุ่ย:“อืม”
“ร้านไหนอ่ะ?ถ้าอร่อยครั้งหน้าเราไปกินด้วยกัน”
เฉิงรุ่ยตอบกลับอย่างรวดเร็วข้างบนเป็นโลเคชั่นของร้านมันคือร้านที่เซี่ยหลิงหลิงนั่งอยู่นั่นเองตอนที่เธอเปิดดูข้อความนั้นเป็นจังหวะที่เธอกำลังดื่มไวน์พอดีเธอตกใจจนไอสำลักขึ้นมาในทันทีเธอปิดปากไออย่างทรมานไอจนน้ำหูน้ำตาไหล
แม่เจ้า!นี่เฉิงรุ่ยนั่งอยู่ในร้านเดียวกับเธอเหรอเนี่ย?!
เสียไอของเซี่ยหลิงหลิงทำเอาโต๊ะของถูหนานหันไปมองกันทั้งโต๊ะเป้นจังหวะเดียวกับที่เธอกำลังมองหาเฉิงรุ่ยอยู่หลังจากนั้นทุกอย่างก็เข้าสู่โหมดอึดอัดท่ามกลางผู้คนมากมายทันใดนั้นสายตาก็เธอก็ประสานเข้ากับสายตาเรียวยาวคู่นั้นทันที
เขานั่งเอามือกอดอกสายตาดุดันก่อนจะใช้มือจิ้มไปที่มือถือสองสามที
เซี่ยหลิงหลิงมองไปที่มือถืออย่างรู้ตัว
เฉิงรุ่ย:“กินข้าวคนเดียวมีความสุขมั้ย?”
เซี่ยหลิงหลิง:“......”
ตอนแรกก็มีความสุขอยู่หรอก!แต่ตอนนี้!ไม่มีความสุขเลยสักนิด!
รุปร่างหน้าตาของเซี่ยหลิงหลิงสง่างามกว่าหยางหลิวแน่นอนแม้ว่าเธอจะนั่งสำลักอย่างน่าอนาถแต่ไม่สามารถบดบังความงามของเธอได้ถูหนานละสายตาจากเธอก่อนจะพูดยิ้มๆ:“เป็นผู้หญิงที่สวยมากจริงๆ”
เฉิงรุ่ยนั่งจ้องถูหนานเงียบๆความรู้สึกของเขาคงชัดเจนเกิดไปจนถูหนานเริ่มยิ้มไม่ค่อยออก
เฉิงรุ่ยถาม:“สวยมั้ย?”
ถูหนานตอบอย่างจริงใจไม่โกหก:“สวย”
เฉิงรุ่ย:“สวยมั้ย?”
ถูหนานเริ่มหาวิธีเอาตัวรอด:“......จริงๆแล้วก็งั้นๆแหละ”
ถูหนานชำเลืองมองเจ้านายเล็กน้อยรู้สึกเหมือนมีบางอย่างแปลกๆตั้งแต่เดินเข้าร้านมาเจ้านายก็เอาแต่จ้องผู้หญิงคนนั้นไม่หยุดท่าทีที่แสดงออกมาเมื่อกี๊......บ่งบอกได้ว่าไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่
ถูหนานรู้สึกตกใจขึ้นมาทันที
โอ๊ยเจ้านายเจ้านายจะทำเรื่องโง่ๆแบบนี้ไม่ได้นะ!เจ้านายมีครอบครัวแล้วนะ!
ถูหนานคิดเลยเถิดไปถึงว่าเฉิงรุ่ยหย่าร้างใช้ชีวิตโดดเดียวเดียวดายวันๆนั่งกินแต่มาม่าจนแก่ตายไปในบ้านม่มีคนเห็นน่าอนาถน่าอนาถที่สุด!
สายตาอาฆาตที่ส่งไปให้เซี่ยหลิงหลิงนั้นทำเอาเธอถึงกับไปไม่ถูกเริ่มนั่งไม่ติด
จิตใจกระวนกระวายเธอไม่กะว่าจะกินอะไรต่อแล้วด้วยซ้ำรีบเรียกพนักงานมาเก็บตังค์หวังจะชิ่งหนี
ทางออกต้องเดินผ่านโต๊ะเฉิงรุ่ยพอดีเซี่ยหลิงหลิงเดินอ้อมไม่ได้เธอเริ่มคิดหนักตัดสินแกล้งทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้นรีบยกเสื้อโค้ทขึ้นมาบังหน้าก้มหน้าก้มตาหิ้วถุงช็อปปิ้งเดินตรงไปยังทางออกอย่างเงียบๆ
ใกล้แล้วใกล้แล้ว!
กำลังเดินผ่านโต๊ะของเฉิงรุ่ยแล้วกำลังจะเดินเข้าสู่อ้อมกอดของประตูทางออกได้อย่างสำเร็จรุล่วงแล้ว!
เซี่ยหลิงหลิงขัยบขาที่ละก้าวสองก้าวเธอไม่ได้สังเกตเห็นว่าเฉิงรุ่ยได้วางช้อนซ่อมลงแล้วก่อนจะถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเนือยๆ:“ไม่กลับด้วยกันเหรอ?”
ท่ามกลางสายตาที่ตกตะลึงของทุกคนเซี่ยหลิงหลิงหยุดเท้าลงในทันที
เธอหันกลับไปอย่างไม่เต็มใจก่อนจะเผชิญกับสายตาตกตะลึงของทุกคนเธอถูมืออย่างคนทำตัวไม่ถูก:“ไฮ”
ถูหนานมีลางสังหรณ์แปลๆ:“ท่านนี้คือ——”