ตอนที่ 25
ตนที่ 25
ในฐานะที่เฉิงรุ่ยเป็นบอสของเจียเฉิง เขาทำอะไรก็ย่อมยุติธรรมและเป็นไปตามกฎ
เขารักษาหน้าและศักดิ์ศรีนิดหน่อยเป็นครั้งสุดท้าย ยังไง การที่ถูกเจียเฉิงไล่ออก พวกคนเก่งที่อยู่ในสายงานนี้จะต้องประเมินหยางหลิวใหม่แน่ๆ ข้างนอกล้วนแต่พูดว่าเป็นเพราะเหตุผลทางบ้าน หยางหลิวก็เลยไม่สามารถอยู่ในประเทศได้ ตอนก่อนที่จะไป เขาก็คิดเงินเดือนและโบนัสหนึ่งปีให้เธอ ถือเป็นการให้และชดใช้ที่เธอได้ทำประโยชน์ให้แก่บริษัท
กว่าเซี่ยหลิงหลิงรู้เรื่องนี้ หยางหลิวก็เช็คอินขึ้นเครื่องบินออกจากที่นี่ไปนานแล้ว
เซี่ยหลิงหลิงตกใจมาก
พอได้ยินข่าวว่าตัวเองจะต้องเข้าเจียเฉิง ก็รู้สึกอารมณ์ซับซ้อน
พักร้อนสามวันได้จบลง เพราะตอนนี้เจียเฉิงกำลังทำโครงการนึงอยู่ ก็เลยเรียกตัวเซี่ยหลิงหลิงไปเข้าอบรมเพิ่มเร่งด่วน ยุ่งจนหยุดไม่ได้
ตอนที่นั่งบนเครื่องบิน เซี่ยหลิงหลิงก็เพ่งมองเฉิงรุ่ยที่กำลังกินแก้วมังกร เรียกชื่อเขาด้วยเสียงเบา
“นี่ เฉิงรุ่ย”
“.....”เฉิงรุ่ยมองเธอแวบหนึ่ง
“ตำแหน่งในบริษัทนายสูงมากเลยนะ” หยางหลิวกับเฉิงรุ่ย ในสองเลือกหนึ่ง ยังไงก็มีคำสั่งให้หยางหลิวลาออก แต่เซี่ยหลิงหลิงรู้สึกจากใจว่าเจียเฉิงมีอำนาจมาก และเด็ดขาดมากเช่นกัน
เฉิงรุ่ยกินแก้วมังกรไปคำหนึ่ง แต่ไม่ได้พูดอะไร
เซี่ยหลิงหลิงรู้สึกเบื่อ ไม่สนุก นั่งตัวตรงอย่างเบื่อหน่าย
ทันใดนั้นเธอก็นึกขึ้นมาได้ ว่าพวกประธานบริษัทเจียเฉิงอย่างถูหนานกลับกันรึยัง ในชั้นเฟิร์สคลาสก็ไม่เห็นพวกเขาเลย หรือว่าพวกเขาจะพักร้อนกันต่อ
สามคนที่เซี่ยหลิงหลิงพูดถึง นั่งจามกันคนละทีสองทีอยู่ในเที่ยวบินชั้นประหยัด
พวกเขาก็อยากจะนั่งเฟิร์สคลาสเหมือนกัน แต่ไม่กล้า
บอสกำลังกระชับความสัมพันธ์กับพี่สะใภ้ ถ้าพวกเขาไปตอนนี้ จะต้องไปเป็น กขค อยู่กันสามคนแน่ๆ ถูหนานมองข้าวมันไก่ที่อยู่ตรงหน้า แล้วถอนหายใจครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ ไม่ข้าวไม่ไก่ ก็ข้าวหน้าปลา เปลี่ยนเมนูอาหารให้มันหลากหลายกว่านี้หน่อยไม่ได้หรือไง
เป็นการลาหยุดพักร้อนที่คิดจะแยกย้ายก็แยกย้าย
……
พอกลับถึงบ้าน เซี่ยหลิงหลิงก็วิ่งไปที่เตียงขนาดใหญ่ เธอเอาเท้าเหยียบพื้นแล้วกระโดดขึ้นไปบนเตียงที่นุ่มนิ่ม แล้วมุดตัวเข้าไปในผ้าห่มสุดที่รักของเธอ
พอเทียบกับโรงแรมหรูหราแล้ว บ้านรังหนูของเธอยังสุขสบายกว่าตั้งเยอะ
เซี่ยหลิงหลิงอารมณ์ดีเป็นอย่างมาก
ถูหนานทำการเตรียมการให้เธอมาสองวันแล้ว พอเซี่ยหลิงหลิงนึกถึงช่วงเวลาที่สุขสบายที่ต้องจากเธอไป เธอก็รู้สึกอาลัยอาวรณ์ แต่ไม่นานนัก เธอก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา เพราะนึกได้ว่าจะได้ไปบริษัทเจีนเฉิงที่โหญ่โตโอฬารแบบนั้น
เรื่องที่ต้องทำเป็นอย่างแรกก่อนเข้าทำงานคืออะไร?
ซื้อชุดทำงานไง
เหตุผลที่เซี่ยหลิงหลิงขอรับงาน ก็ตัดสินใจที่จะไปซื้อเสื้อผ้าที่ดูดีมากมายหลายตัว เมื่อก่อนในตู้เสื้อผ้าของเธอส่วนมากมีแต่เสื้ออยู่บ้านธรรมดาๆเป็นหลัก พอคิดว่าจะไปช้อปปิ้ง เซี่่ยหลิงหลิงก็กลับมามีชีวิตชีวิตชีวาอีกครั้งอย่างฉับพลันทันที จากนั้นก็ลุกไปแต่งหน้า เปลี่ยนชุด แล้วออกไปข้างนอก
เฉิงรุ่ยซึ่งเป็นพยานในเรื่องนี้ทั้งหมดก็รู้สึกว่าถ้าเธอมีจิตวิญญาณและความกล้าหาญในการทำงานแบบนั้น ก็เกรงว่าจากนี้ไปบริษัทเจียเฉิงจะกลายเป็นวัดขนาดย่อม
ในขณะเดียวกันกับในตอนที่เซี่ยหลิงหลิวกำลังซื้อเสื้อผ้า ก็หยิบก้อนหินเล็กๆสวยๆที่เธอเก็บสะสมมาจำนวนมากติดตัวไปด้วย ร้านขายเครื่องประดับมือสามารถช่วยขัดและเจาะรูได้ เซี่ยหลิงหลิงจึงไปที่ร้านนั้นเพียงเพื่อให้พวกเขาช่วยเจาะรู สำหรับรูปร่างแล้วตอนนี้ ยังคงรูปเดิมได้ก็ดูดีมากเลยทีเดียว
เซี่ยหลิงหลิงเดินช้อปปิ้งทั้งวันจนปวดหลัง เอวเคล็ด ปวดขาไปหมด
เธอหิิ้วถุงหิ้วสิบกว่าถุง จนในที่สุดก็นึกขึ้นได้ว่าลืมไปเอาหินก้อนเล็กๆของเธอจากที่ร้าน
ในตอนที่เธอไปถึงร้านแห่งนั้น ก็พบว่าเถ้าแก่รอเธออยู่นานแล้ว เถ้าแก่ยิ้มหัวเราะพลางพูดว่า “แม่หนู หินเล็กๆพวกนีดูดีมากเลย ให้ทำเป็นสร้อยข้อมือให้เอาไหม”
เซี่ยหลิงหลิงหยิบถุงเล็กๆที่ใส่หินเหล่านั้นขึ้นมา จากนั้นก็ขึ้นแท็กซี่กลับบ้านด้วยความพึงพอใจ
รถแท็กซี่แล่นอยู่บนท้องถนนอย่างราบรื่น
เซี่ยหลิงหลิงเปิดถุงผ้าออกมา แล้วหยิบก้อนหินเล็กๆที่อยู่ในถุงนั้นออกมาอย่างระมัดระวัง ทันใดนั้นก็มีหินสีดำก้อนหนึ่งที่สวยงามจนดึงดูดความสนใจของเซี่ยหลิงหลิง หินก้อนนั้นสวยมากจนทำให้เธอนึกถึงดวงตาที่ดูเย็นชา เบื่อหน่ายโลกของเฉิงรุ่ย หินก้อนนี้ทำให้คนที่มองรู้สึกถึงความบริสุทธิ์
เซี่ยหลิงหลิงตัดสินใจเอาหินก้อนเล็กๆนั่นให้เฉิงรุ่ยดู
เฉิงรุ่ยหมกตัวอยู่ในห้องหนังสือ ไม่ยอมออกมาตามเคย
เซี่ยหลิงหลิงกินข้าวมาจากข้างนอกแล้ว แต่ก็ไม่กล้าจะกินข้าวคนเดียว จึงออกตัวสั่งเดลิเวอรี่มาให้เขากิน ที่โรงแรมกินอาหารทะเลจนเอียนแล้ว เซี่ยหลิงหลิงสั่งข้าวหน้าเนื้อย่างกับโยเกิร์ตมา และยังมีของกินเล่นอีกสองสามอย่าง
...ไม่รู้จริงๆเลยว่าเธอที่ดูอ่อนแอแบบนี้จะหอบถุงช้อปปิ้งมากมายขนาดนี้กลับมาบ้านได้
เซี่ยหลิงหลิงเตือนเฉิงรุ่ย “ไม่ต้องพูดอะไรเลยนะ!”
เฉิงรุ่ยตอบรับทีหนึ่งอย่างเชื่องช้า
ในตอนที่เขากำลังกินข้าว เซี่ยหลิงหลิงก็นึกอะไรขึ้นมาได้ เธอกลับไปที่ห้องแล้วหยิบกระเป๋าใบเล็ก ๆ ออกมา ในที่สุดเธอก็หาก้อนหินเล็กๆสีดำก้อนนั้นพบ ในตอนที่เธอกลับมาที่ห้องนั่งเล่นก็พบว่าเฉิงรุ่ยกินข้าวย่างเนื้อหมดแล้ว และกำลังกินโยเกิร์ตอย่างเชื่องช้าอยู่
เซี่ยหลิงหลิง “.....” ตานี่คงไม่ได้มีสองปากใช่มั้ย แบบว่าข้างหน้ามีปากหนึ่งอัน ท้ายทอยมีอีกหนึ่งอัน
เธอทำหน้าเบ้ และลืมสิ่งที่ตัวเองจะทำไปแล้ว
เซี่ยหลิงหลิงนั่งอยู่ที่โต๊ะกินข้าว จากนั้นก็หยิบก้อนหินเล็กๆขึ้นมาให้เฉิงรุ่ยดู แล้วพูดว่า “นี่เป็นของขวัญที่ให้นายน่ะ!”
เฉิงรุ่ย “นี่คืออะไรน่ะ”
เซี่ยหลิงหลิงเอ่ย “เดาดูสิ”
สายตาที่นิ่งขรึมใช้สมาธิสูงของเขามองไปที่สายตาที่ลุ้นระทึกด้วยความตื่นเต้นของเซี่ยหลิงหลิง
“มูลแกะ?”
……
……
……
บรรยากาศในห้องเงียบไปชั่วขณะ
เซี่ยหลิงหลิงยิ้มฝืนๆ แล้วพูดออกมา “ทำไมไม่ทายว่าเป็นนิ่วในไตซะเลยล่ะ”ก้อนหินเล็กๆสวยๆแบบนี้ สำหรับเฉิงรุ่ย ถ้ามองไกลๆ ก็เหมือนเป็นแค่ก้อนมูลแกะ
นี่ทำให้เธอทำตัวไม่ถูก เซี่ยหลิงหลิงหายใจติดขัดจนพูดไม่ออก
“ช่างเหอะ ถ้าไม่เอา ฉันเก็บไว้เองก็ได้”
การเคลื่อนไหวของเฉิงรุ่ยเร็วกว่าเธอมาก แขนยาวๆของเขาเอื้อมไปหยิบก้อนหินเล็กๆในมือของเซี่ยหลิงหลิงได้อย่างง่ายดาย
เขาหยิบหินก้อนนั้นเข้าไปในกระเป๋าเสื้อแล้วกินข้าวต่ออย่างราบรื่น
เซี่ยหลิงหลิง: “???”
“ก็โอเค สวยดี” เขาคอมเม้นอย่างช้าๆแต่มีเหตุผล
เซี่ยหลิงหลิง: “.....”
มีบางคนที่รู้จริงๆว่าคำว่าเลียจมูกคืออะไร ตัวเองตัวเล็กๆที่อยู่ในใจตัวเองตอนนี้จับเฉิงรุ่ยมาตบๆเตะๆ
*
เซี่ยหลิงหลิงไปทำงานที่เจียเฉิง หมายความว่าเป็นการทำให้โอกาสที่ได้เจอกับเฉิงรุ่ยที่บริษัท
ถูหนานไม่เข้าใจการหลบหลบซ่อนซ่อนของสามีภรรยาคู่นี้เลยจริงๆ ผลัดกันหลบหน้ากัน สำหรับชายโสดอย่างเขาคิดว่านี่อาจจะเป็นรสนิยมของพวกเขา
ทำงานวันแรก
เซี่ยหลิงหลิงแต่งหน้า มัดผมเรียบร้อย เผยให้เห็นลำคอที่ขาวนวลและดูมีความสามารถ รองเท้าส้นเตี้ยลั่นดังเอี๊ยด ยุ่งมาตลอดตอนเช้า เตรียมตัวออกจากบ้านเป็นเวลานาน
ผ่านไปนานมาก เฉิงรุ่ยนวดระหว่างหัวคิ้ว ใบหน้าง่วงนอนสวมรองเท้าเดินในบ้านเดินออกมาจากห้องหนังสือ เขาหยิบขวดยาคูลท์เปิดออกอย่างเคยชิน แล้วเสียงมือถือก็ดังขึ้น ถูหนานส่งข้อความเข้ามาในกลุ่ม
“พี่สะใภ้ยังไม่มาอีกเหรอ ทำไงดีล่ะ ผมกังวลจริงๆเลยบอส!”
พอถูหนานที่ไม่เจียมตัวกลับไปที่ "แชทกลุ่ม" อีกครั้ง ยังคงรอให้เซี่ยหลิงหลิงมา
เจียวฝัน “ขอฟ้องๆ วันนี้ถูหนานใช้เยลทาผม"
ป๋อจึเฉิง “พร้อมกับเสื้อเชิ้ตที่ดูยั่วสวาท"
เจียวฝัน “ป๋อจึเฉิงเปลี่ยนเท้าใหม่ด้วยอ่า"
ป๋อจึเฉิง "....พวกนายจ้องจับผิดฉันเหรอ รองเท้าคู่เก่ากับคู่นี้ต่างกันแค่เส้นสีขาวเส้นเดียวเองทำไมพวกนายถึงดูออกกันอีก"
ในกลุ่มแชทพวกเขามีเสียงแชทเด้งเสียงดังเอะอะโวยวาย จนการแจ้งเตือนข้อความจะเด้งเกิน99ข้อความแล้ว
เฉิงรุ่ยเห็นพวกเขาคุยกันอย่างวุ่นวาย แต่ก็ไม่ได้พิมพ์ข้อความอะไรส่งไป
เมื่อมาถึงสุดท้าย เขาคิดอะไรบางอย่างครู่หนึ่ง พูดว่า “ไม่ต้องไปสนใจดูแลเธอเป็นพิเศษ” ถึงแม้ว่าเซี่ยหลิงหลิงดูผิวเผินจะเฮฮาปาจิโกะ ความจริงแล้วเธอเก่งมาก จะต้องมีสักวัยที่ความจริงถูกเปิดเผยออกมา ถ้าถึงเวลานั้นแล้ว ถ้าหากเธอเข้าใจผิดว่าผลงานที่ของเธอคือพึ่งความสัมพันธ์ มันจะเป็นการเข้าใจผิดที่แย่มาก
ถูหนานตอบเขาไม่ทันเพราะว่าพนักงานประชาสัมพันธ์ที่เคาน์เตอร์โทรมาบอกว่าคุณเซี่ยหลิงหลิงรออยู่ที่ชั้นล่างแล้ว
ในบริษัทมีคนบอกต่อกันมาว่ามีทหารพลร่มที่ไม่ค่อยจะโดดเด่นเท่าไหร่คนหนึ่งมาแทนตำแหน่งของหยางหลิว
จนกระทั่งเซี่ยหลิงหลิงเปิดประตูใหญ่เข้ามา พวกเขาก็จับจ้องไปที่เธอ นี่คือการคัดเลือกพนักงานหรือว่านางงามเนี่ย เดิมทีแล้ว บริษัทนั้นต้องการพนักงานเก่งๆจำนวนมาก พวกนักเขียนโปรแกรมเกือบจะโห่ร้องตะโกนออกมาอย่างตื่นเต้น ค่อยๆเข้ามาส่องประวัติของเซี่ยหลิงหลิง ทันใดนั้นทั้งออฟฟิศก็เสียงดัง เหมือนว่าจะผ่านไปนานเท่าไหร่เสียงก็ไม่สามารถเงียบลงได้
คนที่นำทางเซี่ยหลิงหลิงคือพนักงานออฟฟิศที่มีอายุมากและน่ารักคนหนึ่งก็คือคุณลุงเหล่าเมิ่ง ในห้องทำงานติดโปสเตอร์ของมิยาโนะ ชิโฮะจากเรื่องยอดนักสืบจิ๋วโคนันเต็มไปหมด
นิสัยของเขาดีมาก ตอนที่ชี้แจงอธิบายดูมีความอดทนมาก ตอนแรกเซี่ยหลิงหลิงตื่นเต้นนิดหน่อย จากนั้นก็ค่อยๆถูกเขานำทางเข้าไป มีคำถามอย่างไม่ขาดสาย
ถูหนานใจลอยมาทั้งวัน เขาต้องการคำวิจารณ์จากเหล่าเมิ่ง
ในตอนที่เซี่ยหลิงหลิงเรียนรู้งานอยู่ในออฟฟิศ เหล่าเมิ่งก็แอบเข้าไปในออฟฟิศของถูหนาน แล้วพูดว่า "ผมนึกว่าจะหาพนักงานกากๆมาซะอีก เทคนิคใช้ได้เหมือนกันนะเนี่ย
ถูหนานดีใจขึ้นมาทันที "ทำได้เหรอ"
“ไม่มีปัญหา ขอแค่ถ้าเธอยอมเหนื่อย งานจะต้องคืบหน้าเร็วแน่ๆ”
เซี่ยหลิงหลิงทุ่มเทกับงานมากกว่าที่พวกเขาคิดกันไว้ วันแรกก็ทำโอทีที่บริษัท เรียนรู้งานจนค่ำ เธอไม่กลับ ถูหนานก็ไม่กล้ากลับ เขายังจะต้องให้คนขับรถไปส่งพี่สะใภ้ที่บ้าน พอคิดแบบนี้ ถูหนานเหนื่อยยิ่งกว่า สามีภรรยาคู่นี้เป็นพวกบ้าทำโอที นี่ยังจะมีหนทางให้เขามีชีวิตอยู่อีกมั้ยเนี่ย
มือถือมีแสงวาบพร้อมเสียงดังออกมาทีหนึ่ง
เฉิงรุ่ย "ยังไม่เสร็จ?"
ถูหนานตอบกลับอย่างตัวสั่น “อีกแปปจะไปส่งเขาครับ” เขาไม่กล้าบอกเฉิงรุ่ย เพราะว่าการทำโอทีของเซี่ยหลิงหลิงในวันนี้ พวกผู้ชายที่มันโสดครึ่งบริษัทก็ทำโอทีด้วยกันอย่าขะมักเขม้นไม่กลัวตาย
นี่ถือว่าเป็นเรื่องดี ถ้าพวกเขาไม่จ้องภรรยาของบอสตาเป็นมันจะดียิ่งกว่า
เซี่ยหลิงหลิงยังยุ่งอยู่กับการดูแผนงาน จากฉากพื้นหลังในเกมทั้งหมด ไปจนถึงเรื่องราวและลักษณะที่โดดเด่นของตัวละคร เธอดูอย่างละเอียดหลายครั้งต่อหลายครั้ง ในแต่ละครั้งก็รู้สึกว่ามันเติมเต็มแรงบันดาลใจให้กับเธอ
ในตอนนั้นก็มีเสียงเคาะประตู เซี่ยหลิงหลิงยืดตัวบิดขี้เกียจ นึกว่าคนที่เข้ามาจะเป็นเหล่าเมิ่ง แต่กลับเป็นถูหนาน
"วันนี้ขั้นตอนการทำของเธอไม่เลวเลย กลับไปพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้ค่อยมาทำต่อ” ถูหนานหัวเราะแล้วชมไปหนึ่งที “ร่างกายคือต้นทุน เราจะต้องให้มันพัฒนาอย่างยั่งยืน จะให้มันใช้หมดไปอย่างรวดเร็วไม่ได้”
เซี่ยหลิงหลิงพยักหน้าอย่างเข้าใจ แล้วเธอก็ปวดแขนขึ้นมา
"ผมให้คนขับรถส่งคุณกลับเอามั้ย ผู้หญิงกลับบ้านคนเดียวดึกๆคงไม่ดี"
"เกรงใจเขาน่ะค่ะ…"
"ไม่เป็นไรๆ พนักงานหญิงของบริษัทเรามีน้อย ก็ดูแลเหมือนเป็นลูกทุกคน โดยเฉพาะพี่สะใภ้ จะให้น้อยกว่าคนอื่นได้ยังไง
เซี่ยหลิงหลิงพูดจากใจ "ไม่น่าละผลตอบแทนของเจียเฉิงถึงดีขนาดนี้"
ถูหนานยิ้มฝืนๆออกมาทีหนึ่ง ทันใดนั้นก็รู้สึกใจฝ่อ
เสียเพลงดังขึ้นมาระยะหนึ่ง เป็นโทรศัพท์ของถูหนาน เขาไม่ได้มองเซี่ยหลิงหลิงเป็นคนนอก รับมือถือแล้วถามอย่างตรงไปตรงมา “กู้โหยว?”
พอได้ยินชื่อของกู้โหยว เซี่ยหลิงหลิงก็รู้สึกเครียดขึ้นมา
ถ้าเธอจำไม่ผิด ตอนนี้กู้โหยวพ่ายแพ้ล้มเหลวอย่างมาก...
เสียงของกู้โหยวที่อยู่ปลายสายเงียบไป
"โทษที มือผมบาดเจ็บอยู่ เข้าร่วมการแข่งไม่ได้แล้ว"
อัพเดทครั้งหน้า วันที่ 2 พ.ย. 2019
จะมาในเร็วๆนี้ โปรดอดใจรอก่อน