ตอนที่ 26   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 26
ต๭นที่ 26 เซี่ยหลิงหลิงรู้สึกคุ้นเคยกับเค้าโครงเรื่องอยู่บ้าง เป็นเพราะว่าตอนแรกอ่านหนังสือจบ ล้วนแต่เป็นฉากสวีทหวานแว๋ว เกือบจะไม่มีเรื่องร้ายๆอะไรเกิดขึ้นเลย ตอนที่พระเอกเผชิญอยู่กับความลำบาก ผู้แต่งไม่ได้เขียนบทอะไรมาก แต่กลับให้เธอรู้สึกถึงความขมขื่นของพระเอกจริงๆจากใจ พวกขอบเขตอาชีพของอีปอร์ตนั้นมีจำกัด ต้องอาศัยความเป็นหนุ่มสาว แต่ก่อนหน้านี้ถึงแม้ว่ากู้โหยวจะมีความสามารถจริง แต่โชคก็ไม่เข้าข้าง สองสามครั้งที่เกือบจะสามารถเดินไปถึงจุดสูงสุดได้ จะต้องประสบกับอุบัติเหตุตลอด ครั้งนี้เป็นอุบัติเหตุที่รุนแรงที่สุด ถ้าเซี่ยหลิงหลิงจำไม่ผิด กู้โหยวเห็นการถูกปล้นบนถนน จึงเข้าไปช่วยแย่งของจากโจรด้วยความยุติธรรม แต่กลับทำให้มือของเขาบาดเจ็บ จนทำให้ต้องพักรักษาไปเดือนสองเดือน สำหรับเขาแล้ว วินาทีนี้คงไม่มีอะไรแย่ไปกว่านี้ ยังดีที่ไป๋เซวียนเซวียนนางเอกของเรื่องยังคอยอยู่เป็นเพื่อนและให้กำลังใจ คอยให้ความอบอุ่นในช่วงที่ชีวิตของเขาตอนที่อยู่ในความมืด กู้โหยวหลงรักตัวละครนางเอกอย่างบริสุทธิ์ จากนั้นก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน เขาได้ขึ้นไปบนจุดสูงสุดของชีวิตของเขาและแต่งงานกับนางเอก หลังจากแต่งงาน อยู่กินอย่างมีความสุขและดูดดื่มหวานชื่นมาได้สองปี กู้โหยวก็เปลี่ยนไปทำงานเบื้องหลัง กลายเป็นผู้ช่วยของเจียเฉิง เรื่องต่อจากนี้เซี่ยหลิงหลิงลืมไปแล้ว ตอนนั้นเธอติดตามนิยายจนอดหลับอดนอน ในใจแค่อยากจะแขวะโลจิกส์ และทัศนคติที่ต่อโลก ชีวิต คุณค่าที่คาดไม่ถึงต่างๆ ใครจะไปรู้ว่าลืมตาขึ้นมาอีกที ตัวเองกลับเข้ามาอยู่ในหนังสือด้วย ถูหนานแสดงสีหน้าท่าทางออกมาอย่างสง่าผ่าเผย เขาพูดตอบรับคำหนึ่ง แล้วถามสถานการณ์ที่แน่ชัดกับกู้โหยว ให้กู้โหยวพักป่วย ไม่ให้ต้องมือเจ็บอีกเป็นครั้งที่สอง จากนั้นจึงวางสาย "พี่สะ...คือว่า ไปเถอะ คนขับรถจอดรอคุณอยู่ที่จอดข้างล่างแล้ว เดี๋ยวผมจะไปส่งคุณด้วยพอดี” เซี่ยหลิงหลิงถอนหายใจอยู่ในใจอย่างเงียบๆ ไม่ว่าไป๋เซวียนเซวียนจะเกิดปัญหาอะไรขึ้น ตอนนี้ยาดีของเธอก็คือกู้โหยว เซี่ยหลิงหลิงหวังแค่ว่าเธอจะทำให้กู้โหยวหายดีได้เร็วขึ้นอีกหน่อย เธอเดินตามหลังถูหนานไป ก็ผ่านหูผ่านตาโปรแกรมเมอร์ไปแวบหนึ่ง อยู่ดีๆก็รู้สึกตัวว่าการแสดงออกของ CEO นั้นรุนแรงกว่าปกติเลยไม่กล้าเร่งเร้า เซี่ยหลิงหลิงไม่มีโอกาสจะรบกวนจึงกลับบ้าน เธอผลักประตูเข้ามาพบว่าห้องนั่งเล่นมืดสนิท ไฟไม่ได้เปิดไว้ คาดว่าเฉิงรุ่ยน่าจะหลับแล้ว เซี่ยหลิงหลิงค่อยๆย่องไปเปลี่ยนรองเท้า แล้วเปิดไฟ ทันใดนั้นเธอก็ร้องว๊ายพร้อมถอยหลังไปสองสามก้าวด้วยความโซเซ "นายนั่งทำอะไรเงียบๆบนโซฟาตรงนี้ห้ะ!" เธอพูดออกมาอย่างกระหืดกระหอบ ทันใดนั้นก็เห็นชายใส่ชุดดำคนหนึ่งนั่งอยู่บนโซฟา เซี่ยหลิงหลิงขนลุกชันไปหมด จนอีกนิดก็จะหยิบรองเท้าขึ้นมาปาใส่แล้ว เมื่อเปรียบเทียบกับความตื่นตระหนกของเธอ เฉิงรุ่ยกลับดูสุขุมและเงียบสงบมาก เขาใช้หลังนอนพิงโซฟานิ่งๆอย่างสงบเยือกเย็น โดยไม่ได้หลับตา เหมือนเป็นหุ่นเชิดที่หันหน้าไปมองทีวีติดผนัง เซี่ยหลิงหลิง "นาย...ทำอะไรอยู่" เขาทำแบบนี้แล้วมันน่ากลัวมาก เฉิงรุ่ยตอบด้วยน้ำเสียงเงียบๆ เหม่อๆ ลอยๆ “ถือศีลอด” เซี่ยหลิงหลิง "?" เขายังคงตอบกลับอย่างนิ่งๆ “ อยากลองกินเรียบๆง่ายๆดูสักหน่อย หิวจนมึนหมดแล้ว” “……” เซี่ยหลิงหลิงหวังไว้จริงๆว่าเฉิงรุ่ยจะถือศีลอดสำเร็จแล้วกลายร่างเป็นเทพลอยขึ้นฟ้าไป เซี่ยหลิงหลิงได้ช่วยชีวิตเฉิงรุ่ยด้วยการแปลงร่างเป็นแม่ครัวแล้วทำบะหมี่ไข่ลวกให้เขากิน เธอมองเฉิงรุ่ย กินบะหมี่ หลังจากผู้ชายคนนั้นกินอาหารที่เธอทำ ก็ตระหนักได้ว่าที่จริงแล้วเขาไม่ได้สนใจอาหารขยะเลย เขารอที่จะกินอาหารอร่อยๆมาตลอดทั้งวัน แบบนี้ถึงเรียกว่าสิ่งที่ได้มาโดยไม่เปลืองแรงเลยแม้แต่น้อยโดยไม่ได้คาดคิดมาก่อน เซี่ยหลิงหลิงพูดอย่างวางมาดขรึมเอาจริงเอาจัง “นายจะรอให้ฉันทำอาหารให้กินตลอดเวลาไม่ได้นะ ถ้าวันไหนฉันไม่อยู่ นายก็ต้องเรียนรู้ที่จะดูแลตัวเองให้ได้ด้วยนะ” จากนี้ไปคงมีปัจจัยที่ไม่แน่นอนเกิดขึ้นมากมาย ไม่แน่ว่าวันหนึ่งเธออาจลืมตาขึ้นมาแล้วกลับโลกเดิมของเธอได้ ถึงตอนนั้นเฉิงรุ่ยจะตามหาเธอยังไงก็ตามหาไม่เจอ พอคิดได้ดังนี้ เซี่ยหลิงหลิงก็รู้สึกเศร้าใจ กลัดกลุ้ม ใจคอแห้งเหี่ยวขึ้นมาทันที เธอพบว่าเธอเริ่มจะชอบโลกใบนี้มากขึ้นมากขึ้นทุกวันแล้ว ภาพที่เฉิงรุ่ยกินบะหมี่หยุดนิ่งไปชั่วขนณะ เขาพูดด้วยโทนเสียงที่อบอุ่น “ไม่มีทาง” เซี่ยหลิงหลิงเรียกสติที่หลุดไปกลับมา "ห้ะ อะไรไม่มีทาง" เฉิงรุ่ยก้มหน้าก้มตากินบะหมี่ต่อไป ไม่ได้ตอบคำถามของเซี่ยหลิงหลิง เซี่ยหลิงหลิงคิด บางทีก็ไม่เข้าใจความคิดของเฉิงรุ่ยเลยจริงๆ ไม่รู้ว่าเขาเป็นคนที่ฉลาดแต่ตีหน้าเซ่อหรือว่าจะฉลาดจริงๆ เพราะเขามักจะพูดอะไรที่ไม่สมเหตุสมผล พูดจากแปลกๆ ถามอย่างตอบอย่าง พูดจาไม่ค่อยรู้เรื่อง ทำงานมาทั้งวันเหนื่อยมาก เซี่่ยหลิงหลิงกลับถึงบ้านจึงมีอาการ...ง่วงนอน เธอขยี้ตา และบอกเฉิงรุ่ยว่ากินเสร็จก็ให้รีบไปนอน จากนั้นเธอก็ไป แล้วเธอก็ไปล้างมือล้างหน้า ผ่านไปไม่นานก็มีเสียงรดน้ำต้นไม้ดังซู่ๆขึ้นมา มีเพียงแค่เวลานี้ บ้านที่เงียบเหงาเยือกเย็นก็เหมือนกับว่าเริ่มมีบรรยากาศที่จุดพลุ คึกคักขึ้นมาจริงๆ วันต่อมา เซี่ยหลิงหลิงตื่นเช้ามาก เธอทำกับข้าวสองชุด และตักใส่กล่องใส่อาหารอย่างรวดเร็วแต่เบามือ ชุดหนึ่งทำไว้กินเอง อีกชุดหนึ่งวางไว้ในตู้เย็นในตำแหน่งที่มองเห็นได้ชัด พอรู้ว่าใกล้จะไปทำงานสาย เธอก็รีบขับรถออกไป ในตอนเที่ยง หลังจากที่เฉิงรุ่ยทำงานในห้องหนังสือเสร็จ เขาก็ลุกขึ้นยืนทั้งที่ยังใส่ชุดนอน แล้วเดินไปที่ตู้เย็นอย่างขี้เกียจและเชื่องช้า เพื่อจะหยิบนมขวดหนึ่งออกมาด้วยความเคยชิน ในตอนที่เปิดประตูตู้เย็น ก็เห็นว่ามีกล่องอาหารที่เพิ่งทำเสร็จอยู่ตรงหน้า เขาร้องออกมาช้าๆทีหนึ่ง พอเปิดฝากล่องออกมาก็เห็นว่าข้างในกล่องเต็มไปด้วยข้าว ผัก และเนื้อ แถมยังมีไข่ไก่ที่ผ่าไว้แล้วอีกสองซีก เฉิงรุ่ยรู้สึกลังเลใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ในตอนนั้นก๋มีเสียงข้อความเด้งจากมือถือ เซี่ยหลิงหลิงส่งข้อความมา เซี่ยหลิงหลิง "ลืมบอกนายน่ะ ข้าวจะต้องเอาไปอุ่นในไมโครเวฟก่อนนะ ต้องอุ่นก่อนนะ อุ่นด้วย!!!” “……” เขาก้มหน้ามองมือถือ ใบหน้าซีกหนึ่งของเขาที่โดนเข้ากับความเย็นจากตู้เย็นเป็นเวลานาน หน้าแทบไม่มีสีเลือดแล้ว …… เซี่ยหลิงหลิงที่เริ่มใช้ชีวิตแบบคนทำงานก็ปรับชีวิตให้เข้ากับบรรยากาศที่นี่ได้อย่างรวดเร็ว การแบ่งระดับตำแหน่งผู้บริหารกับพนักงานในบริษัทนี้ไม่ได้ชัดเจนเหมือนกับบริษัทอื่นๆ ถูหนานกับพวกๆสองสามคนเป็นบอสใหญ่ แต่ก็ไม่ได้มีอะไรที่ต่างจากเซี่ยหลิงหลิงมากนัก ตามที่ถูหนานพูดไว้ ในตอนเริ่มแรกที่เปิดกิจการ มีเพียงสองสามคนที่ร่วมหุ้นกันเปิดบริษัทนี้ด้วยกัน ตำแหน่งของพวกเขาจึงไม่ได้ต่างไปจากพนักงานธรรมดา นอกจากนี้ก็ยังมีหัวหน้าที่มีชีวิตชีวาและตลกเพราะพวกเขายังเป็นวัยรุ่น แต่ว่า เซี่ยหลิงหลิงรู้สึกได้อย่างเห็นได้ชัดว่าพวกเขาสนใจข้าวกล่องของเซี่ยหลิงหลิงมาก “....”เซี่ยหลิงหลิงอยากจะกินข้าวพลางถือกล่องข้าวของตัวเองจริงๆ แปลกมาก! บอสใหญ่ไม่เคยกินรึไง ทำไมถึงได้สนอกสนใจข้างกล่องของเธอขนาดนั้น ถูหนานอยากจะลองชิมฝีมือของพี่สะใภ้มาก แต่กลับไม่กล้าพูด คนที่ไม่รู้อาจจะเข้าใจผิดคิดว่าทำโก้ เขากดความอยากความต้องการโง่ๆเอาไว้ในใจ แล้วกินข้าวกะหรี่อย่างเงียบๆ อิจฉาชีวิตที่เพอร์เฟ็คของบอสสุดๆ ดูสีของอาหารที่เข้ากันสิ!มันดูมีประโยชน์เต็มไปด้วยโภชนาการมากๆ!ไอ้เจ้ากล่องข้าวเล็กๆที่น่าอบอุ่นนี่น่ะ! มันคือกล่องข้าวที่น่าอบอุ่นที่พ่อครัวเก่งๆกับนักโภชนาการก็ทำให้รู้สึกถึงความรักแบบนี้ไม่ได้! ในที่สุดคนโสดแบบถูหนานก็ได้รู้สึกถึงความเหงาแบบอ้างว้างอย่างหาที่สุดไม่ได้ เซี่ยหลิงหลิงเบิกตาดูเขากินข้าวก็ถอนหายใจ ช่วงนี้แรงกดดันในการทำงานสูงมาก แต่ดีที่เซี่ยหลิงหลิงมีพื้นฐานที่สอดคล้องกับค่านิยมของบริษัทเจียเฉิง แถมยังสามารถทำโอทีได้ตลอดเวลาด้วย ถูหนานที่เริ่มกลัดกลุ้มใจมาแต่แรกก็ยังคงกลุ้มใจต่อไป ไม่คิดว่าเซี่ยหลิงหลิงจะทำได้ดีกว่าที่เขาคิดเอาไว้มากขนาดนี้ ในที่สุดก็ไม่กังวลแล้วว่างานจะต้องถูกเลื่อนออกไป “รสชาติไม่เลว ไม่เลวจริงๆ” ถูหนานมองภาพที่ออกแบบ ตาก็เปล่งประกาย แล้วพูดชื่นชมเซี่ยหลิงหลิงโดยไม่กลัวดอกพิกุลจะร่วงเลยแม้แต่น้อย “คืบหน้าไปมากเลย ทำต่อไปนะ ไม่มีปัญหาเลย!” เซี่ยหลิงหลิงถูกชมก็รู้สึกกระด้างกระเดื่องเล็กน้อย เธอมองออกไปดูท้องฟ้าที่เงียบและใส ทันในนั้นก็นึกถึงกู้โหยว ผ่านไปครึ่งเดือนแล้ว ไม่รู้ว่าความรักของพระเอกนางเอกจะดำเนินเรื่องเปลี่ยนแปลงไปยังไงบ้างแล้ว ในขณะเดียวกันนั้นเอง ไป๋เซวียนเซวียนได้รับความไม่เป็นธรรมเป็นอย่างมาก ตั้งแต่ชาติก่อนจนชาตินี้ กู้โหยวไม่ได้เย็นชากับเธอแบบนี้มาก่อน เธอปลอบเขา ให้กำลังใจเขา แต่กลับได้ผลตอบแทนแบบนี้ นี่ทำให้ไป๋เซวียนเซวียนเริ่มสงสัยว่าสิ่งที่ตัวเองทำมันไม่ถูกรึเปล่า เธอคิดว่าชาติที่แล้วคงทำอะไรไว้ ชาตินี้เธอเลยต้องมารับกรรม ในเมื่อเลือกกู้โหยวแล้วก็ต้องรับผิดชอบในการเลือกครั้งนี้ จะยอมแพ้กลางทางไม่ได้ กู้โหยวไม่ได้ออกไปไหนมาสองสามวันแล้ว ไป๋เซวียนเซวียนอยู่ๆก็ใจลอย ไม่รู้ว่าควรจะไปต่อยังไง ในสมองของเธอสับสนมาก เพราะว่าปรากฏแต่ภาพเกี่ยวกับกู้โหยวที่ผ่านอะไรแปลกๆมาเยอะในชาติที่แล้ว เธอไม่ได้จำผิดไปอย่างแน่นอน ชาติที่แล้วในตอนนี้กู้โหยวเปิดกิจการใหม่ เป็นช่วงเวลาที่เขาเริ่มเจริญก้าวหน้า เขาทำให้เงินก้อนนี้งอกเงยได้อย่างแน่นอน เจียเฉิง...เหมือนเป็นที่ในความฝัน พอนึกถึงเจียเฉิง ก็นึกถึงเมืองที่เคยอาศัยอยู่สองสามปี ป๋ายเซวียนเซวียนนึกถึงใบหน้าที่ทำให้เธอตื่นจากความฝันไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง หลังจากที่เกิดใหม่ ป๋ายเซวียนเซวียนก็สาบายว่าจะไม่กลับไปคิดถึงเฉิงรุ่ย ผู้ชายคนนี้งานดีแต่เป็นคนที่ทำงานไม่เป็นโล้เป็นพาย นอกจากหล่ออย่างเดียว ก็ไม่มีอะไรดี เมื่อเปรียบเทียบกับกู้โหยวก็เหมือนฟ้ากับนรก ไม่มีอะไรดีจำเป็นต้องให้เธอไปนึกถึงเขา แค่ยิ่งคิดแบบนี้ ป๋ายเซวียนเซวียนก็ยิ่งนึกถึงความทรงจำของชาติที่แล้วที่ปวดร้าวใจ เธอคิดว่า ถ้ายึดตามเวลาของชาติที่แล้ว เฉิงรุ่ยในตอนนี้ก็ยังคงอยู่ในห้องเก่าๆห้องนั้นที่ขายไม่ออกและไม่ทำอะไร เงินถูกภรรยาคนเก่าเอาไปหมด ใช้ชีวิตที่ดูไม่มีอนาคตอยู่คนเดียวตามลำพัง ป๋ายเซวียนเซวียนอยากจะเห็นสภาพเขาในตอนที่ไม่มีอะไรเลย อยู่ดีๆ เธอก็ใจเต้นขึ้นมา คนเราทุกคน ยังไงในใจก็มีการเปรียบเทียบ ตอนที่เห็นเฉิงรุ่ยตกอับในสภาพนั้น ก็ทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองเลือกคนไม่ผิด หรือไม่ก็...มองเฉิงรุ่ยอยู่ไกลๆ จะได้ทำให้เธอตัดใจจากความคิดถึงนี้ได้อย่างเด็ดขาด 
已经是最新一章了
加载中