ตอนที่ 28   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 28
ต๭นที่ 28 รุ่งเช้า เซี่ยหลิงหลิงตื่นเช้าเตรียมตัวไปทำงาน เธอทำข้าวกล่องเสร็จเรียบร้อย กล่องหนึ่งเอาใส่ในกระเป๋า อีกกล่องหนึ่งเอาไปใส่ไว้ในตู้เย็น ไม่รู้ว่าเฉิงรุ่ยจะออกมาจากห้องหนังสือตั้งแต่ตอนไหน ขยี้ตาอย่างง่วงงัวเงีย มือล้วงกระเป๋ากางเกงแล้วเดินมาหน้าตู้เย็นเอายาคูลท์ออกมาหนึ่งขวด สายตาของเขามองไปยังเขียงที่เซี่ยหลิงหลิงย้ายไปวางไว้ข้างซ้าย จากนั้นก็ไปตามกล่องอาหารที่เธอย้ายไปข้างขวา ดูว่างสุดๆ สานตาของเซี่ยหลิงหลิงมองไปยังเฉิงรุ่ยที่ดูว่างการว่างงาน ทันใดนั้นก็รู้สึกงงๆ แล้วมักรู้สึกว่าตัวเองทำงานหาเงินหาเช้ากินค่ำเลี้ยงสามี และเฉิงรุ่ยก็คือคนที่ถูกภรรยาสาวสวยเลี้ยงไปวันๆ เซี่ยหลิงหลิง “....” แต่การใช้เงินเลี้ยงดูผู้ชายที่ดูดีแบบนี้อย่างเฉิงรุ่ย ก็ยังไม่ถือว่าขาดทุน ...ถ้าอีคิวของเขาดีกว่าสักหน่อยก็คงจะดีมากเลย พอนึกถึงก้อนมูลแกะของตน...เห้ย! หินก้อนเล็กๆสีดำ เซี่ยหลิงหลิงก็รู้สึกแค้นขึ้นมาชั่วคราว แล้วจ้องไปที่เขา เฉิงรุ่ยมองเธอราวกับตัวเองไม่มีความผิด ยังไม่เข้าใจว่าเซี่ยหลิงหลิงโกรธอะไรขนาดนั้นตั้งแต่ตอนเช้าสดใสแบบนี้ “ฉันจะไปทำงานแล้ว นายก็รอฉันอยู่ที่บ้าน ทำตัวดีดีล่ะ” เฉิงรุ่ยเชื่อฟังมาก “ได้” เขามองเซี่ยหลิงหลิงเปลี่ยนรองเท้า มองส่งเธอออกจากบ้าน เสียงประตูปิดสนิทดังขึ้น บ้านก็เงียบและว่างเปล่า เฉิงรุ่ยนั่งเดียวดายอยู่บนเก้าอี้ที่โต๊ะกินข้าว ทันใดนั้นก็รู้สึกได้ว่าการปิดบังสถานะของตัวเองไม่ใช่วิธีที่ดีเลยจริงๆ บ้านว่างเปล่าอ้างว้างทั้งวันอีกครั้ง เฉิงรุ่ยดื่มยาคูลท์ไปอึกหนึ่ง แล้วปิดเปลือกตาที่มีขนตาที่ยาวและหนา ผ่านไปนาน ก็มีเสียงถอนหายใจออกมาจากริมฝีปากของเขาเบาๆ “เย็นจัง” น่าจะต้องเอาออกไปวางไว้ข้างนอกก่อนสักพัก …… เซี่ยหลิงหลิงนั่งแท็กซี่เพื่อไปทำงานตามปกติ เธอไม่เคยเรียนขับรถเพื่อให้ได้ใบขับขี่มาก่อน ช่วงนี้เพราะว่าทำงานยุ่งมาก ทำให้เซี่ยหลิงหลิงคิดที่จะซื้อรถและสอบใบขับขี่ เมื่อก่อนตอนที่เธอไม่มีใบขับขี่ก็กลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ ตอนนี้อยากจะขับ จะเป็นจะตายยังไงฟ้ากำหนดอยู่แล้ว อยากจะมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้นานเท่าไหร่ ก็ใช่ว่าตัวเองจะสามารถกำหนดเองได้ วันนี้เซี่ยหลิงหลิงออกจากบ้านสายนิดหน่อย ก็เลยประสบกับสภาพรถติด ไม่ว่าลุงขับแท็กซี่จะอ้อมเส้นทางรถติดยังไง เซี่ยหลิงหลิงก็ไม่ถึงเวลาทำงานไม่ทันอยู่ดี เซี่ยหลิงหลิงบอกเหล่าเมิ่งไปแล้วล่วงหน้า สายก็ต้องสายอยู่แล้ว จะหักเงินเดือนก็สมควร เหล่าเมิ่งอารมณ์ดีมาก ส่งคลิปเสียงหัวเราะมาทำให้เซี่ยหลิงหลิงไม่ต้องรู้สึกรีบอร์นร้อนใจ ถ้ารีบออกมาตั้งแต่เช้าจนยังไม่ได้กินอาหารเช้าก็ให้หาอะไรกินก่อนแล้วค่อยมา เซี่ยหลิงหลิง “....” พวกพี่ๆที่บริษัทน่ารักมากๆ รอคอยถึงเวลาที่รีบไปถึงบริษัท เซี่ยหลิงหลิงทั้งเดินและวิ่ง โดยไม่สนใจรูปลักษณ์ภายนอกของตัวเองแล้ว เลี้ยวจากตึกใหญ่ไม่ไกลก็คือบริษัทเจียเฉิง เธอหิ้วถุงกล่องข้าว เสียงฝีเท้าอันรีบเร่งก็ดังขึ้นมา ต่อจากนั้น มีคนเกือบจะชนกับเซี่ยหลิงหลิง เซี่ยหลิงหลิงรีบพูดออกมา “ขอโทษค่ะ ขอโทษค่ะ!” ฝ่ายตรงข้ามพูดออกมาก่อน ทันใดนั้นก็ออกแรงดึงเซี่ยหลิงหลิงไว้อย่างไม่น่าเชื่อ “ทำไมเธอถึงมาที่นี่” ที่แท้ก็คือไป๋เซวียนเซวียน ทางนี้คือทางที่จะมุ่งไปยังเจียเฉิง ไป๋เซวียนเซวียนตกใจทำสีหน้าไม่ถูก ไม่เข้าใจว่าทำไมเซี่ยหลิงหลิงถึงเข้าเจียเฉิงได้ เซี่ยหลิงหลิงเริ่มเกิดความสงสัย “แล้วทำไมฉันจะมาอยู่ที่นี่ไม่ได้ล่ะ” มือของไป๋เซวียนเซวียนเย็นมาก เธอดึงเซี่ยหลิงหลิงไว้แน่น เซี่ยหลิงหลิงออกแรงดึงมือกลับ สักพักก็ดึงกลับได้ เธอขมวดคิ้ว ไม่ชอบพฤติกรรมที่ไร้มารยาทแบบนี้ของไป๋เซวียนเซวียนเลยจริงๆ “ฉันใกล้จะไปทำงานสายแล้ว รบกวนช่วยหลีกทางหน่อย” “ทำงาน?!” ไป๋เซวียนเซวียนยิ่งไม่เชื่อ “อย่างเธอเนี่ยนะ” คนอย่างเซี่ยหลิงหลิงแบบนี้สามารถมาถึงเจียเฉิง โลกนี้ช่างตลกยิ่งนัก เซี่ยหลิงหลิงไม่ได้อยากจะสนใจเธออยู่แล้ว ดูเหมือนว่าไป๋เซวียนเซวียนจะกินปูนร้อนท้อง ไป๋เซวียนเซียนยิ้มอย่างเยือกเย็น “มิน่าล่ะวันนี้แต่งหน้าอีกแบบ ที่แท้ก็พึ่งสารรูปตัวเอง” เซี่ยหลิงหลิงนิ่งไปสักพัก ทันใดนั้นก็ทั้งทำเชิดและหัวเราะ พอคิดถึงว่าไป๋เซวียนเซวียนยอมรับว่าเธอสวยจริงๆ เธอก็ไม่โกรธแล้ว เคยมีไม่กี่ครั้ง ที่เซี่ยหลิงหลิงอยากให้มีคนด่าแบบนี้สักวัน [แค่เธอมีเงิน ก็ดูโก้ขนาดนั้นเลยเหรอ] [หน้าตาดีก็ดีหนิ!] ... เซี่ยหลิงหลิงแสดงอาการออกมาว่ายังไงก็สุดยอด เธอยิ้มเหมือนไม่ยิ้มแล้วพูดว่า “ถูกต้อง ฉันพึ่งหนังหน้าตัวเอง หรือว่า เธออยากจะลองดูมั้ยล่ะ” ไป๋เซวียนเซวียนกลับเอาคำพูดล้อเล่นของเธอมาจริงจังว่าเป็นเรื่องจริง ไป๋เซวียนเซวียนกัดฟัน “ฉันไม่ได้ด้อยกว่าเธอนะ!” เธอแอบตั้งตัวเป็นศัตรูลับๆกับเซี่ยหลิงหลิงมาตั้งแต่ชาติที่แล้ว ถ้าเปรียบความสวยนั้นเปรียบไม่ชนะ แต่ถ้าเปรียบเทียบนิสัย ความสามารถ ไป๋เซวียนเซวียนสรุปออกมาได้อย่างพอใจว่าเซี่ยหลิงหลิงนั้นดูดีแค่เปลือกนอก แต่ข้างในก็มีแต่หญ้า เมื่อเปรียบกับเธอนั้นด้อยกว่ามาก ตอนนี้ไป๋เซวียนเซวียนรู้สึกว่าเธอมีความรู้สึกด้อยกว่าเธอ ทำให้เธอรู้สึกกลัดกลุ้มเป็นอย่างมาก ไป๋เซวียนเซวียนมองเซี่ยหลิงหลิงที่ดูเป๊ะทุกอย่างอย่างไร้ที่ติเดินผ่านข้างๆเธอไป เบิกตากว้างมองเธอเดินเข้าประตูใหญ่ของเจียเฉิงอย่างมั่นใจ แม้แต่ยามก็ยังดูเคารพและเกรงใจเธอ จากนั้นเธอก็หายไปในที่ที่ไป๋เซวียนเซวียนไม่มีวันจะเข้าไปเหยียบได้ “……” เธอกำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว ไป๋เซวียนเซวียนอิจฉาเซี่ยหลิงหลิง เธอทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะได้เกาะกู้โหยว แค่เพื่อที่ว่าจะทำให้กู้โหยวได้เข้าทำงานในเจียเฉิง ทำให้เขาได้มีอนาคตที่สดใส แต่ตอนนี้ กลับเห็นเซี่ยหลิงหลิงชิวๆแบบนี้ ทำให้ไป๋เซวียนเซวียนรู้สึกรับไม่ได้นิดหน่อย ในตอนที่ไป๋เซวียนเซวียนเสียขวัญหนีดีฝ่อกลับบ้าน ก็ได้นัดเจอกับกู้โหยว เธอนั่งอยู่ในร้านกาแฟ มองกู้โหยวที่นั่งอยู่ตรงข้ามด้วยสีหน้าเหี่ยวแห้ง มือขวาของเขาพันด้วยผ้าพันแผลหนึ่งชั้น ยังไม่ได้แกะออก คางช้ำ ไม่ได้โกนหนวดให้สะอาด และยังมีรอยแผลอยู่บางๆ สภาพเขาที่ตกอยู่ในที่นั่งลำบากตอนนี้เหมือนฮีโร่ซะที่ไหน เขาเป็นพระอาทิตย์ในยามเย็นที่กำลังจะตก เหมือนจะลงไปในน้ำทะเลที่เยือกเย็น ที่ไม่มีวันจะได้เห็นอีก ไป๋เซวียนเซวียนกำหมัดแน่น “พี่โหยว ฉันหวังว่าพี่จะลุกขึ้นมานะ” กู้โหยวเม้มปากแน่น หลับตาและพูดว่า “ขอบคุณ” ไป๋เซวียนเซวียนถูกบาดแผลความตกต่ำของเขาแทงหัวใจ อารมณ์ด้านลบของเขาถูกครอบงำอย่างหนาแน่น ทำให้เธอหายใจไม่ออก เธอยิ่งสงสัยกู้โหยวว่าจะสามารถพลิกร่างนี้ได้หรือไม่ ยังไงชาติที่แล้วกับชาตินี้ก็เปลี่ยนแปลงไปเยอะ แต่โอกาสที่ภรรยาในอนาคตของกู้โหยวจะปรากฏตัวขึ้นมานั้น ถูกเธอทำลายอยู่ในเปล ลมที่เหมือนผีเสื้อที่บินอยู่ตลอดเวลาสามารถเปลี่ยนแปลงหลายสิ่งหลายอย่างได้ ไป๋เซวียนเซวียนจ้องเขา แล้วพูดอย่างนุ่มนวล “ถ้าพี่ยังเป็นแบบนี้ต่อไป แม้แต่ฉันก็จะต้องทิ้งพี่นะ” กู้โหยวกระพริบตาไปสองสามที แล้วก็นิ่งไม่ขยับ ไป๋เซวียนเซวียนถูกความเย็นชาของเขาทำให้ยิ่งโกรธขึ้น พูดออกมาอย่างไม่ได้คิด “ได้ ดีมาก ถ้าพี่คิดอยากจะเป็นขยะ ก็เชิญเลย ชาตินี้พี่ก็คงเป็นได้แค่นี้ ฉันดูคนผิดจริงๆ คิดว่าพี่จะประสบความสำเร็จได้!” ตอนนั้นปากไวไปหน่อย เซี่ยหลิงหลิงก็รู้สึกเสียใจขึ้นมา เพราะเขาที่อยู่ตรงหน้ารู้จักมาสิบกว่าปี ตอนที่สายตาคู่นั้นที่ดูอบอุ่นและอาลัยรักมองไปที่เธอ ในที่สุดก็สูญเสียความคล้อยตามสุดท้าย เขาจ้องเธอ จ้องเหมือนกับเป็นคนแปลกหน้า กู้โหยวเอ่ย “ถ้าเธออยากซื้อหุ้นก็...ขอโทษด้วย หุ้นนั้นราคาตกและแค่จะขายทิ้ง มันจะไม่มีปาฏิหาริย์อีกแล้ว” ไป๋เซวียนเซวียนเย็นสันหลังวูบ และรีบอธิบายอย่างเหมือนคนติดอ่าง “ไม่ ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ฉัน…” กู้โหยวพูดออกมาอีกหนึ่งประโยคที่ดูเย็นชาและผิดปกติ “ถ้ามีเพียงแค่ชื่อที่ประสบความสำเร็จ นั่นมันไม่ใช่ฉันที่แท้จริง เธอไปหาคนอื่นเถอะ” เมื่อพูดจบ เขาก้าวยาวหันตัวออกจากที่นั่งไป และไม่หันกลับมา …… เวลาผ่านไปเร็วมาก เพียงพริบตาเดียวก็ผ่านไปครึ่งเดือน เซี่ยหลิงหลิงค่อยๆชินกับชีวิตที่บริษัท และยังมีความสุขกับมันอีกด้วย นอกจากพวกพนักงานที่คิดอยากจะหาโอกาสมาเต๊าะเธอ อย่างอื่นนั้นราบรื่นมาก เซี่ยหลิงหลิงคำนวณเวลาและเงินเดือนอย่างแฮปปี้ คิดว่าต่อไปจะเป็นสาวสวยตัวน้อยๆ จากนั้นอยากแต่งงานก็แต่งงาน ไม่อยากแต่งงานก็แค่คบๆไปก่อนก็โอเค นี่มันเป็นความฝันเมื่อก่อนที่อยากมีชีวิตที่ดี ช่วงนี้ถูหนานออกไปทำงานที่ต่างจังหวัด ในบริษัทเหลือแค่เหล่าเมิ้งที่สามารถพูดคุยได้ เหล่าเมิ้งเป็นลุงคนหนึ่งที่เหมือนอาศัยอยู่ในโลกแห่งการ์ตูน เมื่อคุยถึงประวัติศาสตร์การพัฒนาของการ์ตูนญี่ปุ่นสามารถเล่าได้เป็นตุเป็นตะ เขายังเคยอวดว่าไม่เคยล้างมือหนึ่งอาทิตย์เพราะว่าได้จับมือกับฮายาโอะ มิยาซากิ เขาล้างไม่ลง เซี่ยหลิงหลิง “...” พอเขาคิดถึงเหล่าเมิ่งผู้ชายคนนี้ และผู้ชายเข้าห้องน้ำ… ขอโทษที่มารบกวน เหล่าเมิ้งที่อยู่ในใจของเธอเปลี่ยนเป็รคุณลุงคนนึงที่สกปรก มอมแมม เหล่าเมิ้งแซะการ์ตูนในทีวี ว่าไม่อยากให้ไฮบาระ ไอ กับโคนันมามีความสัมพันธ์ด้านความรู้สึกกัน ฟังจนเซี่ยหลิงหลิงรู้สึกว่าสมองชา เธอหาข้ออ้างออกไปเดินเล่น ถึงจะเลี่ยงเหล่าเมิ่งที่กำลังจะล้างสมองเธอได้ ในตอนบ่ายก็ยังมีงานอีกไม่น้อย เซี่ยหลิงหลิงมัวแต่คิดที่จะกลับไปอาบแดด แดดข้างนอดกำลังดี เซี่ยหลิงหลิงหรี่ตา แต่กลับมองเห็นเงาของคนที่คุ้นเคย ไม่นึกว่าจะเป็นกู้โหยว เขายืนอยู่หน้าประตูใหญ่ ร่างค่อนข้างผอม เหมือนกับมองไม่เห็นเซี่ยหลิงหลิงที่อยู่ตรงนั้น เซี่ยหลิงหลิงตกใจ แปลกละ สองคนนี้ผลัดกันมารึไงนะ คนหนึ่งไปคนหนึ่งกลับมา เฝ้าดูอยู่หน้าประตูเจียเฉิงอย่างโง่ๆ เซี่ยหลิงหลิงเดินไปข้างหน้า “กู้โหยว” เดิมทีสายตาของกู้โหยวที่งุนงงก็เปลี่ยนเป็นแข็งทื่อ เขายืนขึ้น หันไป เห็นเซี่ยหลิงหลิงที่กำลังยิ้มอยู่ไม่รู้มายืนอยู่ข้างเขาตั้งแต่ตอนไหน “คุณคือ…” เซี่ยหลิงหลิงร้องอ้อออกมาคำหนึ่ง แล้วชี้ไปที่ตึกใหญ่ที่อยู่ข้างหลัง “ฉันทำงานฝ่ายวาดรูปที่นี่ค่ะ” เขารู้สึกแปลกใจเล็กน้อย ทันใดนั้นสีหน้าก็เหมือนดูมีสติมากขึ้น “ครั้งที่แล้วที่รวบรวมนักวาดซีจี หมายเลข223ได้อันดับที่หนึ่งก็คุณใช่มั้ย” "ไม่นึกเลยว่าคุณจะจำได้ เป็นเกียรติกับฉันจริงๆค่ะ” เซี่ยหลิงหลิงนึกว่ากู้โหยวมีสติคิดได้แล้ว ก็ยิ้มตาตี่ให้เขา “เป็นไงคะ อยากจะเขาไปมั้ยคะ แต่วันนี้ผู้จัดการถูหนานไม่อยู่นะคะ” “……” กู้โหยวเงียบไป ที่จริงวันนี้เขามาดูเจียเฉิงเป็นครั้งสุดท้าย หลังจากนั้นจะบอกลาในครึ่งชีวิตก่อนของตัวเองที่เหลวไหลและระหกระเหิน แต่ตอนนี้ที่เหมือนเซี่ยหลิงหลิงยิ้มแบบนี้ น้ำเสียงอ่อนหวานถามไถ่เขา เขากลับพูดไม่ออก เซี่ยหลิงหลิงคิดว่าเขาแกร่ง ทั้งที่ตัวเขาเองไม่เคยคิดแบบนั้นมาก่อน เมื่อเห็นท่าทางของเซี่ยหลิงหลิงที่ดูจิตใจฮึกเหิม กู้โหยวก็นึกถึงลิซท์ ผู้ชายแบบนั้นจะมีจิตใจแน่วแน่ประดุจเหล็กยังไง แต่เขาเกิดมาแค่ยี่สิบปี ก็คิดที่จะละทิ้งความหมายและคุณค่าของชีวิต ช่างเป็นการขายหน้าที่พูดออกมาไม่ได้ซะจริง “มีอะไรรึเปล่าคะ” เซี่ยหลิงหลิงถาม “เปล่า” เสียงในลำคอของเขาแหบแห้ง ไม่เหมือนน้ำเสียงเหมือนวันปกติที่ฟังดูชุ่มชื่นรื่นหู แต่ตอนที่หันขึ้นมาอีกครั้ง ใบหน้าของเขาแสดงอารมณ์บางอย่างออกมามากขึ้น “ผมไม่ยอมแพ้หรอก” กู้โหยวพูดซ้ำอีกครั้ง เหมือนกับเป็นการกล่าวคำสาบานต่อตัวเอง 
已经是最新一章了
加载中