ตอนที่ 29   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 29
ต๭นที่ 29 กู้โหยวกลับไปหลังจากพูดประโยคนั้น เซี่ยหลิงหลิงรู้สึกมาตลอดว่าเขาไม่เหมือนเมื่อก่อน บางทีอาจเพราะผ่านอะไรมาเยอะ ภายใต้ความคึกคะนองก็มีความสุขุมเยือกเย็นมั่นคงหนักแน่น สำหรับกู้โหยวแล้วถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมากๆ มื้อเย็น เซี่ยหลิงหลิงนั่งกินข้าวบนโต๊ะตรงข้ามกับเฉิงรุ่ย พูดคุยกันเหมือนแสร้งกันเป็นสามีภรรยาที่คุยสัพเพเหระในชีวิตประจำวัน เซี่ยหลิงหลิงเอ่ย “รอให้เงินเดือนออก ฉันจะเลี้ยงข้าวนายมื้อใหญ่เลย” ตอบแทนซึ่งกันและกัน เซี่ยหลิงหลิงแสดงออกมาว่าเป็นคนจิตใจดีงาม เฉิงรุ่ยรู้ดีที่สุดว่าเธอได้เงินเดือนเท่าไหร่ จำนวนเงินเดือนของทุกคนในบริษัทถูกกำหนดโดยเขา เฉิงรุ่ยก้มหน้าดื่มซุปไปคำหนึ่ง แล้วพูดออกมาอย่างเชื่องช้า "อื้ม" “จริงสิ” เซี่ยหลิงหลิง “ฉันคิดว่าฉันต้องเรียนขับรถ ไม่งั้นก็จะไปทำงานไม่สะดวก” เฉิงรุ่ย “แท้กซี่” เขาพูดขึ้นมาขัดคอเซี่ยหลิงหลิง เซี่ยหลิงหลิงพูดด้วยคำพูดที่เต็มไปด้วยสัจธรรม “ถึงจะมีเงิน แต่เงินก็มีวันลดค่าลง ต้องประหยัดค่าน้ำมันรถ” ยิ่งไปกว่านั้นบางทีก็เอาชนะไม่ได้ “ไม่อย่างนั้นให้รับคนขับรถประจำตัวสักคนไหม แต่นายบอกว่าจะออกให้ทุกเดือนได้ ไม่ได้ใช่ไหม” เฉิงรุ่ยหลับตาลง ที่จริงแล้วได้ แม้ว่าเธออยากจ้างคนคุ้มกันบนรถระหว่างเดินทางไปทำงานก็ทำให้ได้ เพียงแต่เฉิงรุ่ยพูดออกมาไม่ได้ งานยุ่งขนาดนั้น ช่วงนี้ยุ่งจนเจียดเวลาไปโรงเรียนสอนขับรถไม่ได้เลย ฤดูหนาวก็มืดเร็ว ตอนค่ำฝึกขับรถคนเดียวก็อันตราย เซี่ยหลิงหลิงคิดว่าเธออาจทำอย่างอื่นเพื่อเป็นการฝึกฝนแทนได้ อย่างเช่นหาเกมอะไรสักอย่างที่ฝึกเทคนิคและทักษะในการขับรถ …… เซี่ยหลิงหลิงนั่งมองมือถืออยู่บนโซฟาอย่างจริงจัง คนที่ไม่รู้เรื่องก็อาจเข้าใจผิดว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นได้ หลังของเธอพิงเบาะตรงตระหง่าน ปากพึมพำขั้นตอนในการถอยรถเข้าซองทีละขั้นตอนอย่างเคร่งเครียดและจริงจัง พอเห็นสายตาเฉิงรุ่ยแบบผ่านๆ เธอก็เงียบไปแบบแปลกๆ เขามองเซี่ยหลิงหลิงเล่นเกมลูกเจี๊ยบขับรถอย่างทำอะไรไม่ถูก เธอเลี้ยวรถอย่างช้าๆ แล้วหยุด แล้วขับถอยหลัง แล้วก็หยุด เซี่ยหลิงหลิงไม่ได้เปิดเสียง แต่เพื่อนร่วมทีมของเธอเปิดเสียงอยู่ "ยัยนี่มันขับยังไงของมันวะ” …… …… “แม่งเอ้ย!เข้ามาเล่นเกมแต่มาถอยรถเข้าซองอะไรวะเนี่ย!” “ฉันละศรัทธาจริงๆ คราวก่อนเห็นผู้หญิงคนนึงใช้ตัวละครMiracle Nikkiเล่น ฉันคิดว่าต้องเมพมากแน่ๆ หรือว่าตอนนี้ยังมีคนหัดขับรถในเกมอีกเหรอเนี่ย??” “เธออยากเรียนขับรถก็ไปเล่นเกมGarena Speed Drifters ซะสิ!” เซี่ยหลิงหลิงที่ไม่ได้เปิดไมค์มานานก็งง ทันใดนั้นก็คิดขึ้นมาได้ว่าที่พวกเขาพูดมาก็ดูมีเหตุมีผล หลิงหลิงหลิง “ขอบคุณสำหรับเคล็ดลับค่ะ” พูดจบ เธอก็ขับรถไปโหม่งชนกับกำแพงเพื่อฆ่าตัวตายและออกจากเกมไป เพื่อนร่วมทีม “...” ไม่เคยเห็นลูกน้องที่โหดขนาดนี้มาก่อนเลยจริงๆ ดังนั้น สิบนาทีต่อมา เซี่ยหลิงหลิงก็ไปปรากฏตัวอยู่ในเกมGarena Speed Drifters คนอื่นในเกมต่างมุ่งหน้าขับรถไปตามแผนที่ แต่เธอกลับรถและขับถอยหลังคนเดียว เธอขับไปขับมาอยู่อย่างนั้น ขับได้ไม่กี่นาทีก็ถูกส่งมาที่จุดเริ่มต้นใหม่ เซี่ยหลิงหลิงรู้สึกได้ว่าตัวเองเป็นคนที่มีความอดทนและพยายาม นั่นทำให้วันต่อมาเธอเกือบจะตื่นไม่รอด ที่ขอบตาของเธอมีรอยดำๆเป็นวงข้างละหนึ่งวง ใบหน้าเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า อ่อนระโหยโรยแรง เธอสาบานกับตัวเองว่าเธอจะไม่ใช้เกมในการฝึกประสบการณ์ตัวเองอีก เมื่อคืนเธอฝึกเล่นขับรถจนฟ้าสว่าง ตอนนี้เซี่ยหลิงหลิงเฉื่อยชา ไร้จิตวิญญาณ ไม่มีชีวิตชีวา เธอรู้สึกแค่ว่าอยากจะนอนต่ออีกสักรอบ เธอหาวออกมาทีหนึ่ง เหล่าเมิ่งนิ่งไปสักพัก แล้วพูดว่า "เมื่อก่อนผมคิดว่าคุณไม่เหมาะกับที่นี่ ในที่สุดตอนนี้ได้เจอที่ที่เข้ากับคุณได้เป็นอย่างดีแล้ว เซี่ยหลิงหลิง "ที่ไหนเหรอคะ" "ขอบตาดำ" “……” เหล่าเมิ่งพูดออกมาอย่างใจดี "จะพูดอะไร จะหาพาร์ทเน่อร์ก็ต้องหาโปรแกรมเมอร์ อาจจะตายเร็วกว่าเดิมนะ อย่าลืมไปซื้อประกันชีวิตไว้ด้วยนะ” เซี่ยหลิงหลิงพูดไม่ออกเลยจริงๆ เธอถูกยั่วให้ขำ จึงส่ายหัวและยิ้มออกมาทีหนึ่ง “สามีฉันก็เป็นโปรแกรมเมอร์นะคะ” ผู้เล่น E-sports กับโปรแกรมเมอร์มีความต่างกันมาก เห็นได้ชัดว่าเฉิงรุ่ยใช้ชีวิตว่างๆอยู่บ้านอย่างสุขสบายทุกวัน จะตายเร็วได้ยังไง แต่ความตายก็มาเยือนได้เช่นกัน เหล่าเมิ่งมองเธอไปทีหนึ่ง เขาไม่คิดว่าเซี่ยหลิงหลิงจะพูดถึง...เฉิงรุ่ย เพื่อเลี่ยงไม่ให้คนพูดเรื่องความสัมพันธ์ในครอบครัว เหล่าเมิ่ง "ได้ๆๆ เธอบอกไม่ใช่ก็คือไม่ใช่” เซี่ยหลิงหลิง "???" ทำไมถึงรู้สึกว่าสองคนนี้ไม่ได้อยู่บนโลกใบเดียวกัน “จริงสิ วันนี้ประธานถูหนานกลับมาแล้ว แต่เดี๋ยวก็ต้องไปพบกับคนอื่นก่อน” เซี่ยหลิงหลิงมองข้อมูลพลางเอ่ยถามด้วยจิตใจที่เหม่อลอย “ใครคะ” “รู้สึกว่า...ชื่ออะไรนะ กู้โหยวมั้ยนะ เขามาเชิญท่านประธานไป น่าจะเรื่องเกี่ยวกับสโมสรนี่แหละ” เวลาลงทะเบียนได้ผ่านไปแล้วการแข่งขันเบื้องต้นได้รับการคัดเลือกแล้ว ไม่รู้ว่าเขาอยากจะแทรกกลางเข้าไปได้มั้ย จะมีโอกาสแบบนี้หรือไม่ เค้าโครงละครในช่วงนี้ยังอยู่ในความจำของเซี่ยหลิงหลิง เธอจำได้ว่าถูหนานให้โอกาสกู้โหยวครั้งหนึ่ง กู้โหยวเจอกับปัญหาในตอนที่แข่งขัน แต่โดยรวมแล้วก็ดำเนินมาอย่างไม่มีข้อผิดพลาดจนถึงสุดท้าย สาดแสงออกไป และในที่สุดก็พลิกมาชนะอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนว่าไป๋เซวียนเซวียนจะเป็นตัวสำคัญ เซี่ยหลิงหลิงคิด แม้ว่าไป๋เซวียนเซวียนจะไม่ได้ดีอะไรมาก แต่ก็ช่วยประคับประคองกู้โหยวในช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดได้ นับได้ว่าผ่านร้อนผ่านหนาวมาด้วยกัน กู้โหยววก็ไม่มีทางปฏิบัติต่อเธออย่างไม่ยุติธรรม เพียงแต่หวังว่าเธอจะรักษาทะนุถนอมทุกสิ่งที่มีอยู่ในตอนนี้ และไม่ต้องไปสนใจเฉิงรุ่ยอีกต่อไป สายตาที่ไป๋เซวียนเซวียนจับจ้องเฉิงรุ่ยไม่สามารถเอาคำใดๆมาบรรยายได้ พูดง่ายๆคือเหมือนหมาที่ดุร้ายที่กำลังมองชิ้นเนื้อ อีกนิดก็เหมือนกับเสือโคร่งแล้ว เซี่ยหลิงหลิงนึกขึ้นมาได้ก็รู้สึกไม่สบายใจไปด้วย อีกด้านหนึ่ง พอคุยกับถูหนานเสร็จ เขาก็เดินตรงไปที่ห้องออฟฟิศ ที่น่าแปลกใจก็คือกู้โหยว ผู้ช่วยของถูหนานที่อยู่ข้างๆก็พากู้โหยวไปส่งถึงหน้าประตูพอดี กู้โหยวเดินมาได้สองสามก้าว ก็รีบเอ่ยถามไปว่า “ฝ่ายออกแบบการ์ตูนของพวกคุณอยู่ตรงไหนเหรอครับ” ผู้ช่วยตอบว่า “ต้องลงไปอีกชั้นค่ะ มีอะไรรึเปล่าคะ” “เปล่าครับ” เขายิ้มออกมาเล็กน้อย พอคิดถึงเรื่องที่จะต้องแต่งงาน สีหน้าของเขาก็หดหู่ขึ้นมาทันที “มีคนที่รู้จักอยู่ที่นั่นน่ะครับ” * เซี่ยหลิงหลิงกลับมาถึงบ้านก็ฟ้ามืดแล้ว เฉิงรุ่ยไม่ออกมาจากห้องหนังสือ เซี่ยหลิงหลิงจึงไปเปลี่ยนเสื้อก่อน จากนั้นก็เอนพิงโซฟานุ่มๆอย่างสบายใจ เธอเอาหัวพิงหมอนพลางแกะเปลือกส้ม ขาทั้งสองของเธอกระดิกไปมา ดูเหมือนว่าเธอจะอารมณ์ดีมาก เฉิงรุ่ยผลักประตูห้องหนังสือออกมา เซี่ยหลิงหลิงเงยหน้าขึ้นทักทาย “โอ้ส สวัสดีค่ะ” เฉิงรุ่ยร้องอืมออกมาทีหนึ่ง แล้วนั่งที่โซฟาเดียวที่อยู่ข้างๆ เซี่ยหลิงหลิงแกะผลส้มพลางเอ่ยถามเขาออกมาอย่างประหลาด “นายคิดว่าความสามารถของกู้โหยวเป็นยังไง” งานของเขาไม่เหมือนกับงานของเฉิงรุ่ย ดังนั้นทำให้เธอไม่ค่อยรู้ความสามารถที่แท้จริงของกู้โหยวว่าเป็นยังไง เฉิงรุ่ยมองเธอ ส่อเห็นได้ชัดว่าเขาไม่อยากที่จะสนใจเธอ “ก็พอใช้ได้” ก็พอใช้ได้ของเขา ก็คือเป็นคำชมที่มีอิทธิพลมาก เซี่ยหลิงหลิงถอนหายใจอย่างโล่งใจ “งั้นก็ขอให้เขาสำเร็จเถอะ” เฉิงรุ่ยเข้าใจคำพูดที่เซี่ยหลิงหลิงพูดออกมาอย่างชัดเจน เธอรู้ข่าวว่ากู้โหยวจะได้เข้าร่วมการแข่งขันต่อไปอย่างแน่นอน ถึงขั้นว่าจะรู้ข้อมูลที่ละเอียดยังไง ระหว่างทั้งสองคนมีปฏิกิริยาต่อกันยังไง ที่เป็นเรื่องที่เฉิงรุ่ยไม่รู้มาก่อน ในช่วงเวลาแบบนี้เซี่ยหลิงหลิงก็ยังคงแสดงท่าทางตื่นเต้นดีอกดีใจ เหมือนกับวันนี้อารมณ์ดีเพราะกู้โหยว ปากของเธอพูดชื่อกู้โหยว อารมณ์ขึ้นๆลงๆก็เพื่อกู้โหยว เธอขี้เกียจที่จะถามอดีตของเฉิงรุ่ย แต่กลับเปิดปากพูดชื่อของกู้โหยว นั่นก็เพราะอยากรู้ความสามารถของกู้โหยวให้แน่ชัด กู้โหยว กู้โหยว อะไรก็กู้โหยว สายตาที่ดูขี้เกียจและเบื่อต่อโลกของเฉิงรุ่ยดูผิดแผกไปจากปกติ เขาไม่มีความยินยอมที่จะหันไปมองใบหน้าที่มีรอยยิ้มของเซี่ยหลิงหลิง รู้สึกได้ถึงสายตาที่เสียงแทง ทันใดนั้นเขาก็ลุกขึ้นยืน แล้วเดินตรงไปที่ห้องหนังสือ เซี่ยหลิงหลิงที่อยู่ข้างหลังเอ่ยถามออกมาอย่างตกอกตกใจ “เฮ้ นายไม่กินข้าวเหรอ” “……” “นายเป็นอะไร” สิ่งที่ตอบกลับเซี่ยหลิงหลิงมา มีเพียงเสียงปิดประตู เขาเป็นอะไรนะ? ก็แค่ทำพฤติกรรมที่ต่ำทรามแปลกๆขึ้นมา แล้วก็อารมณ์ที่น่าตลกเพื่อมาควบคุมชั่วคราว เซี่ยหลิงหลิงก็นึกว่าเฉิงรุ่ยก็แค่เป็นคนแปลกๆ อารมณ์ขึ้นหัว แต่ไม่นึกว่าเฉิงรุ่ยจะไม่ออกจากห้องมานานขนาดนี้ เซี่ยหลิงหลิงก็เริ่มโกรธแล้วเหมือนกัน เธอโกรธฟุดฟิดแล้วเดินกลับไปที่ห้องตัวเอง ปิดประตู จุดประสงค์คือเพื่อที่จะบ่งบอกให้เฉิงรุ่ยรู้ว่าตัวเองก็โมโหเหมือนกัน เซี่ยหลิงหลิงนอนเล่นมือถืออยู่บนเตียง คิดว่าเดี๋ยวผ่านไปสักพักจะดีกับเฉิงรุ่ย รอไปรอมาแต่กลับไม่มีความเคลื่อนไหวเลย เธอหลับไปบนเตียงโดยไม่รู้ตัว ตื่นมาอย่างสะลึมสะลือ เธอหิวมากๆ เซี่ยหลิงหลิงค่อยๆผลักประตู แล้วก็เห็นว่าห้องหนังสือของเฉิงรุ่ยยังคงถูกปิดไว้แน่น แล้วเธอก็ปิดประตูอย่างโกรธเคือง คิดว่าวันนี้จะไม่ทำกับข้าวแล้ว ให้เฉิงรุ่ยหิวไปเลย เสียงท้องร้องโครกครากทำให้เซี่ยหลิงหลิงลูบท้องไม่หยุด เซี่ยหลิงหลิง “....” เธอแอบสั่งข้าวจากเหม่ยถวนเงียบๆ ตกลงว่าอยากจะกินข้าวมื้อดีดี ก็เลยจะเสียเงินเยอะสั่งกุ้งมังกรหม่าล่ามาหนึ่งชุด และยังมีเคบับ เซี่ยหลิงหลิงเริ่มกลืนน้ำลายแล้ว เซี่ยหลิงหลิงกำลังจะกดชำระเงิน ทันในนั้นก็นึกขึ้นได้ว่าถ้าตัวเองสั่งอาหารมา เฉิงรุ่ยจะต้องได้ยิน ถ้าถึงตอนนี้เขาจะต้องเอาเรื่องนี้ที่ว่าเธอกินคนเดียวแล้วไม่แบ่งไปไว้ในเหตุการณ์เลวร้ายอีกแน่ๆ ดังนั้น เซี่ยหลิงหลิงก็คิดวิธีฉลาดๆออกมาได้อย่างหนึ่ง ในช่องหมายเหตุเธอเขียนว่า -อย่าเอามาส่งที่ประตูหลัก ให้มาตรงหน้าต่างข้างทิศใต้ จะมีเชือกห้อยลงมา แล้วก็เอาของผูกกับเชือกให้แน่น- เซี่ยหลิงหลิงคลิกปุ่มชำระเงินอย่างดีอกดีใจ เซี่ยหลิงหลิงเรียนมาจากในโทรทัศน์ เอาผ้าปูที่นอนสองผืนมามัดแน่นๆด้วยกัน อดใจเขาเอาข้าวมาส่ง วันนี้คนที่มาส่งข้าวคือเสียวหลี่ ถือได้ว่าโชคร้ายมากๆ เขาอ่านหมายเหตุสามสี่รอบ ถึงจะเข้าใจวิธีการส่งอาหารแปลกๆของฝ่ายตรงข้าม ลูกค้าบอกว่าจะให้ค่าเหนื่อยต่างหาก เขากัดฟัน แล้วขี่รถไปอีกทางหนึ่ง ในบรรยากาศความมืดไม่มีไฟ เหมือนมาเป็นโจร ค่อยๆถือถุงอาหารแล้วเดินไปยังจุดที่คุยกันไว้ หน้าต่างบานหนึ่งเปิดออก เชือกเส้นหนึ่งลอยลงมาและสั่นมายังคนส่งข้าว เขาไม่เข้าใจว่าทำไมต้องทำแบบนี้ แต่ก็ทำตามที่ลูกค้าบอก เสียวหลี่ หนุ่มเดลิเวอรีมัดเชือกแน่นตามที่ลูกค้าบอก เพื่อไม่ให้มันหลุดออกจากกัน เขายุ่งและเหงื่อออกมาก ในที่สุดก็ถอนหายใจ เงยหน้าขึ้นไปมองและรอให้ลูกค้าดึงขึ้นมา หลังจากนั้น…. เสี่ยวหลี่มองเห็นหน้าต่างอีกบานเปิดอยู่อย่างช่วยไม่ได้ เชือกที่อยู่ห้อยติดกับหน้าต่าง มีผู้ชายคนหนึ่งยืนมองเชือกที่กำแพงห้องข้างๆอย่างเงียบๆอยู่หน้าหน้าต่าง หนุ่มเดลิเวอรี่ดูงงๆ “...” จะเตือนหรือว่าไม่เตือนดีนะ? อัพเดทครั้งหน้า วันที่6 พ.ย. 2019 จะมาในเร็วๆนี้ โปรดอดใจรอก่อน 
已经是最新一章了
加载中