ตอนที่ 30   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 30
ต๭นที่ 30 ลมหนาวเย็นยะเยือกพัดเข้ามาทางหน้าต่างจนทำให้เซี่ยหลิงหลิงหนาวจนตัวสั่น เธอรู้สึกคัดจมูกเล็กน้อย อีกนิดก็จะจาม แต่เธอก็ห้ามตัวเองเอาไว้ก่อน เธออยากให้เฉิงรุ่ยรู้ว่าเธอแอบสั่งเดลิเวอรี่มา พอคิดได้ดังนี้ เธอก็เคลื่อนไหวในแต่ละย่างก้าวด้วยความระมัดระวัง เซี่ยหลิงหลิงในตอนนั้นไม่รู้ว่ามีคนแอบมองดูการกระทำของเธอที่คิดว่าไม่มีใครรู้ด้วยความสงสัยอยู่หลังกำแพงที่อยู่ห่างไปสองสามเมตร “โครกคราก…” เสียงท้องร้องอย่างโอดครวญดังขึ้น เซี่ยหลิงหลิงกลืนน้ำลายดังเอื้อก ตอนนี้เธอมโนภาพว่าตัวเองดูละครหลังข่าวไปกินกุ้งมังกรเผารสเผ็ดไปอย่างมีความสุขอยู่ เธออดทนรออยู่ไม่นาน หนุ่มเดลิเวอร์ที่อยู่ชั้นล่างก็ยังไม่สั่นเชือก แต่เธอรู้สึกว่าเชือกในมือของเธอกำลังจะตกลงมา “...”แปลก แบบนี้มันดีรึว่าไม่ดี เซี่ยหลิงหลิงดึงเชือกไว้มือหนึ่ง อีกมือหนึ่งเปิดหน้าต่างออกมาครึ่งหนึ่ง ตอนแรกก็ไม่มีลมแรง แต่จู่ๆก็เหมือนมีลมแรงลูกหนึ่งมา ลมแรงและหนาวจนเซี่ยหลิงหลิงหน้าเกือบจะเบี้ยว เธอหดคอเข้ามาแล้วกลับมาคิดว่าตัวเองควรเอาเสื้อกันหนาวมาคลุม ฉวยโอกาสตอนที่เฉิงรุ่ยไม่เห็น เซี่ยหลิงหลิงก็ค่อยๆยื่นตัวออกไปที่หน้าต่าง เสี่ยวหลี่หนุ่มเดลิเวอรี่ยังยืนงงอยู่ที่เดิม ยังคงคิดอยู่ว่าจะเตือนหรือว่าไม่เตือนดี เขาก็มีจรรยาบรรณในอาชีพ ถ้าไม่เตือน แล้วไม่ได้ทิปจะทำไงล่ะ มองจากมุมของเซี่ยหลิงหลิง เห็นแค่หนุ่มเดลิเวอรี่ที่ยืนอยู่ที่เดิมยืนเงยหน้ามองเซี่ยหลิงหลิง เซี่ยหลิงหลิงทำไม้ทำมือว่าโอเคให้กับเขา เธอสำรวจเชือกดูอย่างไม่มั่นใจ และพบว่าอีกฝ่ายผูกเชือกไว้แน่นมาก ดังนั้นเซี่ยหลิงหลิงจึงโยนเชือกขึ้นไปโดยตรงเลย การเคลื่อนไหวของเธอเชื่องช้านุ่มนวลมาก เธอพยายามรักษาความเร็วสม่ำเสมอในแนวตั้งเพื่อให้โยนเชือกไปถึงที่หมายได้สำเร็จ อย่าให้พูดเลย มันค่อนข้างหนักอยู่เหมือนกัน ไม่ทันไรเซี่ยหลิงหลิงก็มองอย่างงงๆ อาหารมันไปติดกับลูกกรง “……” เซี่ยหลิงหลิงโกรธจนหน้าแดง เธอยืดแขนออกมาจนสุด อยากจะโยนกล่องข้าวออกมา อาหารที่สั่งมาก็ไม่ใช่เบาๆ เซี่ยหลิงหลิงเหงื่อท่วมหน้า แขนก็สั่นไปหมด ในตอนนี้เธอเศร้าโศกเสียใจมาก ทำไมแค่อยากจะกินข้าวคนเดียวถึงได้ยากเย็นขนาดนี้ หนุ่นเดลิเวอรี่ขี่รถหลบหนีไป แสงไฟสีเหลืองในความมืดวิ่งผ่านไป และหายไปอย่างรวดเร็ว มือถือของเซี่ยหลิงหลิงมีเสียงดัง “ติ๊ดๆๆ” มีคนโทรมา เธอกลัวว่าจะคุยเสียงดังจนเฉิงรุ่ยได้ยิน เธอจึงรีบใช้มือที่โยนเชือกกดรับสายมือถือ “ฮัลโหล” เซี่ยหลิงหลิงกดเสียงให้ต่ำที่สุด “เดี๋ยวฉันจะโอนเงินไปให้เดี๋ยวนี้แหละค่ะ…” “ไม่ใช่ ไม่ใช่เรื่องเงิน ผมก็เป็นคนที่มีกฏในการทำงานนะครับ”น้ำเสียงของเสี่ยวหลี่ดูสุขุมและใจเย็น “คือว่า….คุณผู้หญิงครับ ผมก็มีความละอายต่อบาปนะครับ ผมแนะนำให้คุณชะโงกหน้าออกมามองหน้าต่างฝั่งตะวันออกของคุณ ผมช่วยได้เท่านี้แหละครับ จากนี้ถ้าเจอกันก็ถือว่าไม่เคยรู้จักกันนะครับ” “ตู๊ดๆๆๆ….” ฝ่ายคู่สนทนากดตัดสาย เซี่ยหลิงหลิง : “???” เธอสงสัยในคำพูดของหนุ่มเดลิเวอรี่ที่บอกให้ชะโงกหน้าออกมา เธอจึงเดินไปที่หน้าต่างทางด้านซ้ายมือ หลังจากนั้น... รู้สึกเหมือนว่าถ้าหันไปจะต้องเจออะไรแน่ๆ ทั้งสองคนสบตากัน เฉิงรุ่ยยืนอยู่ตรงหน้าหน้าต่าง ไม่รู้ว่ายืนดูนานเท่าไหร่แล้ว สายตาที่มองเธอนั้นดูเบาๆ เหมือนกับวันนั้นที่เจอที่ห้องอาหารแล้วทำตัวไม่ถูก “……” “……” เซี่ยหลิงหลิงยืนนิ่งเป็นก้อนหิน แรงจากมือของเธอก็ผ่อนลง ทำได้แค่มองถุงอาหารดึงเชือกลงไป เซี่ยหลิงหลิงถึงสติกลับมา คิดว่าควรเอาชนะวิกฤตนี้ยังไง เธอรีบยื่นมือออกไปดึงสายที่หล่นลงไปบนพื้น แต่เสียดายที่ไม่ทัน เซี่ยหลิงหลิงเบิกตากว้างมองถุงอาหารตกลงไปอย่างแรง เสียงดังตุบ แล้วก็กระแทบกับพื้นหญ้า ถุงอาหารแตก อาหารไหลทะลักออกมาจากในถุง เมื่อเห็นฉากนี้ เซี่ยหลิงหลิงกุบขมับอย่างช่วยไม่ได้ เกือบจะร้องโฮออกมา เดลิเวอรี่ของเธอล่ะ! เงินของเธอล่ะ! กุ้งมังกรของเธอล่ะ! ไม่เห็นจะมีอะไรเลย! …… สิบนาทีต่อมา เซี่ยหลิงหลิงใส่เสื้อกันหนาวหนาสีดำ เดินคอตกลงมาด้านล่าง เฉิงรุ่ยเดินตามมาด้านหลัง ทั้งสองคนไม่ได้พูดอะไร ทำให้เซี่ยหลิงหลิงทำตัวไม่ถูกมาก เธอเปิดไฟฉาย แล้วส่องไปบนพื้นหญ้า ค่อยๆหาซาก เฉิงรุ่ยหิ้วถุงพลาสติกเปล่า อีกมือหนึ่งถือม้วนทิชชู่ ไปเก็บซากเป็นเพื่อนเซี่ยหลิงหลิง บนพื้นหญ้าเต็มไปด้วยซากอาหาร เซี่ยหลิงหลิงรู้สึกไม่ค่อยดี เพราะว่าที่นี่คือที่สาธารณะ เซี่ยหลิงหลิงยิ่งหงอย ใครจะเอาขยะที่มีราคาหนึ่งพันมาทิ้งบนพื้นหญ้ากันล่ะ! เธอสามารถฟุ่มเฟื่อยผลาญเงินได้มากกว่านี้อีกมั้ย ทั้งสองคนไปที่ข้างซากกุ้งมังกร นั่งยองๆ มองหน้ากันโดยไม่พูดอะไร เพื่อที่จะทำให้บรรยากาศดีขึ้น เซี่ยหลิงหลิงพูดเล่นว่า “ได้ยินมาว่าของตกพื้นแค่ไม่กี่วินาทีก็ยังเอามากินได้ นี่ก็เพิ่งตกได้แค่ไม่กี่นาที จะยังเอามากินได้มั้ยนะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ” เมื่อฟังคำพูดของเซี่ยหลิงหลิง เฉิงรุ่ยที่นั่งยองๆอยู่ข้างๆก็เข้าสู่โหมดเงียบ เขานั่งมองกุ้งมังกรอย่างเยือกเย็น “...” เซี่ยหลิงหลิง: “หยุด! มันกินไม่ได้แล้ว” จัดการซากอาหารพวกนี้มอบให้เฉิงรุ่ยมาเป็นคนจัดการ เขาใส่ถุงมือพลาสติก เก็บเศษอาหารใส่ถุง แล้วก็ใช้ทิชชู่เช็ดสองสามรอบ เซี่ยหลิงหลิงใช้แฟลชจากมือถือส่องให้เขา ในตอนที่ปฏิบัติการเฉิงรุ่ยไม่ได้พูดอะไรสักประโยค เขาเก็บกุ้งมังกรตัวใหญ่ขึ้นมา และเงียบ เซี่ยหลิงหลิงก้มหัวแล้วพูดว่า “ฉันขอโทษ” เขาหยิบเนื้อเสียบไม้ย่างแช่แข็งออกมา และนิ่งเงียบ เซี่ยหลิงหลิงจึงก้มโค้งลงไปให้ต่ำกว่าเดิม “ขอโทษ” ถ้าพูดว่าแอบสั่งเดลิเวอรี่แล้วถูกจับได้รู้สึกทำตัวไม่ถูก ตอนนี้มีหลักฐานว่าเซี่ยหลิงหลิงจะแอบกินคนเดียว รู้สึกเหมือนจะถูกประหาร ณ สถานที่นี้ ทำให้เซี่ยหลิงหลิงเกือบจะร้องออกมา พระเจ้า เธอสาบานได้ว่าเธอจะไม่แอบเฉิงรุ่ยกินอะไรอีกแล้ว! เซี่ยหลิงหลิงถามอย่างคอตก “นายรู้ได้ไงว่าฉันสั่งเดลิเวอรี่มา” เธอกำลังสงสัยว่าเฉิงรุ่ยมีจมูกที่เหมือนหมา ไกลขนาดนี้ยังสามารถดมกลิ่นไดเ เฉิงรุ่ยตอบอย่างเรียบๆ “เปิดหน้าต่างระบายอากาศพอดี” เซี่ยหลิงหลิง: “...” ไม่มีใครที่จะโชคแบบนี้เหมือนเธอแล้ว ที่จริงแล้วเฉิงรุ่ยยืนพิงหน้าต่างมาตลอด ยืนอยู่ตั้งแต่ตอนก่อนที่เซี่ยหลิงหลิงจะหลับจนถึงตอนนี้ มองไปยังที่ที่ไม่มีคน จนมองเห็นเงาของคนส่งเดลิเวอรี่เดินมายังชั้นล่าง เฉิงรุ่ยเปิดหน้าต่างอย่างไร้เสียง ยิ่งทำให้เห็นหน้าต่างของห้องข้างๆเปิดอยู่ กำลังเหวี่ยง “เชือก” ลงไปข้างล่าง เซี่ยหลิงหลิงถอนหายใจทีหนึง ท้องร้องเสียงโครกครากขึ้นมา เซี่ยหลิงหลิงหน้าแดง เฉิงรุ่ยลุกขึ้นยืน หยิบถุงขยะขึ้นมาโดยไม่รังเกียจและเดินไปข้างหน้า เสียงเรียบดังมากับลม “ไปกันเถอะ ไปหาอะไรประทังชีวิตสักหน่อย” เซี่ยหลิงหลิงไม่มีเหตุผล ก็เลยทำเป็นไม่ได้ยิน อะไรประทังชีวิตของเฉิงรุ่ยมันไม่ใช่แค่ประทังชีวิต ทั้งสองคนไปนั่งอยู่ในร้านอาหารเจียงหู สั่งอาหารมาเต็มโต๊ะ มีกุ้งมังกร มีปิ้งย่าง สีสันชวนน่ากิน กลิ่นหอม มองแล้วทำให้น้ำลายไหล เซี่ยหลิงหลิงไม่เกรงใจเขา หยิบกุ้งตัวสีแดงมาปลอก เธอกินอย่างเอร็ดอร่อย เผ็ดสุดๆ สักพักหน้าเริ่มแดง กินไปกินไป เซี่ยหลิงหลิงก็นึกถึงเรื่องวันนี้ที่งอนกันขึ้นมา เธอถามออกมาอย่างกังวล “วันนี้นายเป็นอะไร ทำไมอยู่ดีๆเมินฉันล่ะ” เฉิงรุ่ยฟังคำพูดของเธอ แล้วหยุดแกะกุ้ง “เหตุผลเป็นเพราะฉัน ไม่เกี่ยวกับเธอ ขอโทษนะ” “นายเป็นอะไร มีอะไรไม่สบายใจเหรอ คุยกับฉันก็ได้นะ เซี่ยหลิงหลิงหัวเราะแหะๆ “ฉันจะช่วยชีวิตนายในตอนที่นายเหี่ยวอยู่แล้ว” เฉิงรุ่ยพูดออกมาอย่างช้าๆ "มีความสุขกว่าการกินคนเดียวมั้ย” เซี่ยหลิงหลิง "...นายยังไม่มีความสุขอีกเหรอ" เฉิงรุ่ยไม่มีทีท่าว่าจะเปิดปาก เซี่ยหลิงหลิงไม่รู้จะทำยังไงกับเขาดีแล้ว เธอก็เลยไม่ถามอีก กินของตัวเองไป แต่ก็เหมือนกับมาร่วมมือกัน เซี่ยหลิงหลิงกินอิ่มแล้ว นอนเอนลาอยู่บนเก้าอี้ ไม่อยากขยับ เธอถามอย่างเศร้าๆ “ถ้าฉันยังกินแบบนี้ต่อไป ฉันจะอ้วนขึ้นมั้ยเนี่ย” เฉิงรุ่ยตอบตามหลักวิทยาศาสตร์อย่างช้าๆ “การเปลี่ยนแปลงในร่างกายขั้นพื้นฐานของเธอในหนึ่งวันคือแค่หนึ่งพันสองงร้อยกิโลแคลอรี่ ตอนเย็นยังกินอาหารขยะ รสเค็มและคาร์โบไฮเดรต มันไม่ใช่แค่อ้วน มันยัง…” "อยากตายมั้ย" เซี่ยหลิงหลิงพูดออกมาขัดเขา “ที่ผู้หญิงอยากฟังก็คือ ไม่อ้วนหรอก” เฉิงรุ่ยที่ถูกบังคับให้ปิดปากพูดว่า ที่แท้ผู้หญิงชอบพูดคำโกหกกับตัวเอง …… เฉิงรุ่ยเช็คบิลจ่ายเงิน เซี่ยหลิงหลิงยืนรอเอามือทั้งสองวางพาดไว้หลังตัวเอง ความหน้าตาดีของทั้งสองคนทำให้เป็นที่จับจ้องของคนในร้าน แม้แต่พนักงานแคชเชียร์ก็ไม่เกรงใจที่จะมอง พูดอะไรก็ลดราคาให้ แล้วยังแถวบัตรวีไอพีหนึ่งใบ หวังว่าพวกเขาจะมาอีก เซี่ยหลิงหลิงสวมฮู้ตของเสื้อกันหนาว ลองปิดบังใบหน้าของตัวเองครึ่งหนึ่ง ดีที่เฉิงรุ่ยทำอะไรเร็ว พอคิดเงินเสร็จก็พาเซี่ยหลิงหลิงออกจากร้าน ฟ้าข้างนอกมืดมาก หนาวจนเซี่ยหลิงหลิงจาม เธอเดินพร้อมไปกับฝีเก้าเฉิงรุ่ย ทั้งสองเดินไปไม่กี่ก้าว ทันใดนั้นก็มีรถคันหนึ่งขับมาอย่างเร็ว เกือบจะขึ้นมาบนทางเดินฟุตบาท เซี่ยหลิงหลิงกำลังตาลายเลยตกใจไม่ทัน ก็ถูกดึงกลับมาอย่างแรง เธอเซไปอีกทางสองสามก้าว แต่โชคดีที่เฉิงรุ่ยจับไว้นิ่ง เธอถึงไม่ได้ล้มลงไป จากนั้นเธอก็ชนกับร่างเฉิงรุ่ย เฉิงรุ่ยจับศรีษระที่ยุ่งเหยิงของเธอ ถามว่า “เจ็บตรงไหนมั้ย” เขาก้มลงไป ทั้งสองใกล้กันมาก ภายใต้แสงไฟสีเหลือง ขนตาของเขาขยันเหมือนขนหางนกยูง สายตาที่มองไปยังเซี่ยหลิงหลิงไม่เหมือนวันปกติที่ไม่ได้แคร์ ลูกตาทำของเขาดำมาก อารมณ์หลายโหมดแบบนี้ทำให้เซี่ยหลิงหลิงมองไม่ชัด ไม่ต้องถามหรอกว่าได้รับบาดเจ็บรึเปล่า เฉิงรุ่ยปฏิกริยาเร็วขนาดนั้น แถมรถก็ยังห่างตั้งไกล เซี่ยหลิงหลิงก็ค่อยๆเริ่มมีสติขึ้นมา รู้สึกกลัว สีหน้าขาวซีด “ไม่มีอะไรหรอก กลับบ้านเถอะ” เฉิงรุ่ยตอบรับคำหนึ่ง แต่กลับไม่ปล่อยมือ เขาดึงแขนของเธอกลับบ้าน เดินเร็วนิดหน่อย ทำให้เซี่ยหลิงหลิงต้องวิ่งตามเล็กน้อย เหมือนเฉิงรุ่ยรู้ว่าเธอตามไม่ทัน เขาก็เลยเดินช้าหน่อย เซี่ยหลิงหลิงจะได้เดินตามทันขึ้น ทันใดนั้นเซี่ยหลิงหลิงก็รู้สึกว่าเฉิงรุ่ยมีเสน่ห์มากกว่าปกติ รูปหล่อในตอนนั้น แม้แต่เธอก็ยังหวั่นไหว ทั้งสองคนเดินไปด้วยกันโดยไม่พูดอะไร มีแต่เสียงฝีเท้าของทั้งคู่ เซี่ยหลิงหลิงถูกเขาลากแขนแต่ก็ไม่ได้รู้สึกไม่ชินอะไร เธอเดินไปสองสามก้าว แล้วพูดเบาๆ “ขอบคุณนะ” แม้ว่าจะแค่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามี แต่เฉิงรุ่ยก็พึ่งพาได้มากอยู่เหมือนกัน เฉิงรุ่ยตอบอืมออกมาคำหนึ่ง เสื้อโค้ทขนเป็ดสีดำตัวยาวที่เขาสวมอยู่ ร่างสูง หุ่นดี มองเซี่ยหลิงหลิงด้วยสีหน้าเหมือนวันปกติที่ดูขี้เกียจและไม่สนใจ เหมือนกับไม่ได้รู้สึกอะไรกับคำขอบคุณของเซี่ยหลิงหลิง และยังทำหล่อใส่อีก เซี่ยหลิงหลิงชำเลืองมองเขา และหันไปมองเขาอีกรอบ “อืม….” เซี่ยหลิงหลิงรู้สึกลังเล “ทำไมนายเดินขากับแขนไปพร้อมกันล่ะ” เฉิงรุ่ย “....” 
已经是最新一章了
加载中