ตอนที่ 37
ตนที่ 37
ในตอนเย็นนั่งรถกลับบ้านไปกับเฉิงรุ่ย เซี่ยหลิงหลิงก็พูดเรื่องสมัครเรียนขับรถเพื่อสอบใบขับขี่ขึ้นมา
เฉิงรุ่ยตอบเสียงเรียบ “ใช้Garena Speed Driftersเหรอ”
เซี่ยหลิงหลิง “มันจะไปได้ยังไง แบบนั้นมันจะไปมีคุณค่าอะไร เลิกพูดเรื่องการใช้เกม Grand Theft Auto หรือเกมแข่งรถมาฝึกขับรถเถอะ”
“……”
เซี่ยหลิงหลิงสาบานด้วยภาษาจีนกลางที่เธอใช้ได้ไม่ดีเท่าภาษากวางตุ้ง “ไม่ช้าก็เร็วฉันก็ต้องไปได้เอ้อระเหยอยู่ในลานจอดรถและกลายเป็นเจ้าของรถที่น่าอึดอัดใจที่สุดที่เคยมีมา”
“……”
เย็นวันนั้น เซี่ยหลิงหลิงนอนหลับฝันหวาน
เธอฝันว่าเธอกลายเป็นนักแข่งรถที่แข็งแกร่งเปี่ยมไปด้วยความสามารถในเรื่อง Fast&Furious เธอเพลิดเพลินไปกับการบังคับพวงมาลัยและการเหยียบคันเร่ง
ในห้องที่เงียบสงัด อยู่ดีๆก็มีเสียงดังขึ้นมา มันเป็นเสียงเท้าของเธอที่กระทืบบนเตียงอย่างแรง
นั่งในห้องนั่งเล่น เฉิงรุ่ยที่ฉีกห่อขนม Mylikes อย่างเงียบเชียบได้ยินเสียงดัง เขาก็สะดุ้งโหยง จนขนม Mylikes ที่อยู่ในห่อร่วงลงมาที่พื้นหมด เหมือนกับว่าขนมของเขาได้ตายจากไปในสนามรบหมดแล้ว
“......” เขานั่งเงียบๆอยู่บนโซฟา
การที่คิดจะแอบกินคงไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ
ในบริษัทมีเรื่องอื้อฉาวเกิดขึ้น….เซี่ยหลิงหลิงก็ไม่ได้ใส่ใจเลยแม้แต่น้อย
เธอคิดไว้แล้วว่าผ่านไปสักปีสองปีค่อยทำใบขับขี่ ได้ใบขับขี่แล้วก็จะซื้อรถได้ เซี่ยหลิงหลิงคำนวณแล้ว ซื้อรถถูกๆสักคันน่าจะไหวอยู่
รอให้เงินเดือนออก เธอก็จะเลี้ยงข้าวเฉิงรุ่ยมื้อใหญ่
เซี่ยหลิงหลิงยังมีความลับอยู่อีกอย่าง
ในตอนที่คุยกับพวกถูหนาน เธอก็ได้รู้โดยบังเอิญว่าเฉิงรุ่ยเกิดวันปีใหม่ พอเงินเดือนเดือนนี้ของเธอออกแล้ว เธอก็จะจัดงานวันเกิดที่ลืมไม่ลงให้กับเฉิงรุ่ยได้
เซี่ยหลิงหลิงมีความรู้สึกเป็นทางการต่อเทศกาลอย่างแปลกๆ
ที่จริงแล้วเธอเกิดวันที่ 29 กุมภาพันธ์ สี่ปีจัดงานวันเกิดครั้งนึง เธอชอบบรรยากาศในการฉลองวันเกิด เธอเสียดายที่ตัวเองไม่ได้จัดงานบ่อย น้อยครั้งมากที่จะมีคนจำวันเกิดเธอได้
เซี่ยหลิงหลิงคิดว่าถือเป็นการฉลองการเริ่มชีวิตใหม่ในโลกนี้กับเฉิงรุ่ย เธอจึงต้องวางแผนให้เพอร์เฟคที่สุด
วันนี้เลิกงานเร็ว เฉิงรุ่ยไม่อยู่บริษัท เซี่ยหลิงหลิงวางแผนจะไปช้อปปิ้ง
เธอสวมชุดกระโปรงยาว ใส่ผ้าปิดปากและผ้าพันคอ แล้วเดินฝ่าลมหนาวไปอย่างรวดเร็ว
บางทีอาจเป็นเพราะว่าใกล้จะถึงวันหยุด เซี่ยหลิงหลิงอยากกินของหวานมากๆ โดยเฉพาะ Half Baked Cheese Cake เธอจำได้ว่าในละแวกนี้มีร้านขนมหวานที่รสชาติอร่อยอยู่ร้านหนึ่ง เธอจึงรีบมุ่งไปที่นั่นทันที
เซี่ยหลิงหลิงเดินเร็วมาก ร้านเค้กร้านนั้นอยู่ห่างออกไปไม่เกินสองสามร้อยเมตร ไม่ถึงสิบนาทีก็ถึง เธอคิดไว้ดีแล้วว่าอยากจะกินอะไร แล้วเธอก็จะซื้ออะไรสักอย่างกลับไปฝากเฉิงรุ่ยสักชุด
ในตอนนั้น อยู่ดีๆก็มีคนที่อยู่ข้างหลังเรียกชื่อเธอ
“เซี่ยหลิงหลิง”
เซี่ยหลิงหลิงหันไปทันที
คนที่ยืนอยู่ข้างหลังคือผู้ชายวัยกลางคนที่ดูท่าทางจริงจัง เขาสวมเสื้อโค้ตขนสัตว์ รูปร่างอ้วนเตี้ยตุ๊ต๊ะ สายตาดูเป็นมิตรและใจดี
เซี่ยหลิงหลิงงุนงง “คุณคือ?”
ฝ่ายตรงข้ามยิ้มเล็กน้อยแต่ดูลึกลับ “ผมอยากจะมาคุยกับคุณเกี่ยวกับบริษัทเจียเฉิงน่ะ”
เซี่ยหลิงหลิง "อะไร? ถ้าจะมาคุยเรื่องธุรกิจ แล้วคุณจะมาหาฉันทำไม"
"ไม่ใช่ๆ" ผู้ชายคนนั้นโบกมือ “ผมมาจากบริษัทคู่แข่งของเจียเฉิง”
เซี่ยหลิงหลิง “???”
“พวกเรามาคุยกันหน่อยดีกว่า มีมูลค่าร้อยล้านหยวน คุณสนใจมั้ย”
เซี่ยหลิงหลิงงงไปสักพักใหญ่ๆ
ด้านหนึ่งเธอตกตะลึงกับราคาที่ฝ่ายตรงข้ามเสนอมา แค่ปริปากพูดก็ได้ร้อยล้านหยวน อีกด้านหนึ่งเธอก็นึกไม่ถึงว่าจะมีคนวิ่งเต้นมาหาภรรยาของบอสเพื่อจะคุยธุรกิจ ดูท่าแล้วน่าจะจริงจัง แต่เหมือนจะเป็นการหาเรื่องใส่ตัวเสียมากกว่า
เซี่ยหลิงหลิงมองอยู่แวบหนึ่ง เธอตัดสินใจแล้วพูดกับเขาอย่างผ่อนคลายว่า “เอาสิ ข้างหน้านี้มีร้านขนมหวานอยู่ร้านนึง พวกเราไปนั่งคุยกันที่นั่นกันเถอะ”
ผู้ชายคนนี้แซ่หลิน ชื่อว่าหลินลี่ เขาแนะนำตัวให้เธอรู้สถานะของเขาก่อน
เซี่ยหลิงหลิงเอ่ยถาม “คุณมาจากบริษัทรุ่ยฟาง?”
“ไม่นึกเลยว่าคุณจะรู้เยอะขนาดนี้!” หลินลี่ชูนิ้วโป้งขึ้นมา เขารู้สึกภาคภูมิใจที่บริษัทของพวกเขาดังระดับโลกจริงๆ พอพูดถึงบริษัทอันดับหนึ่งก็ต้องนึกถึงบริษัทเขาเป็นที่แรก
ที่จริงแล้ว เซี่ยหลิงหลิงก็แค่เคยได้ยินถูหนานพูดออกมาครั้งหนึ่ง
บริษัทนี้มักจะใช้มุกตลกในเกม คุณภาพไม่ค่อยจะดี มีประวัติไม่ขาวสะอาด เมื่อก่อนเคยเป็นบริษัทที่ล้มละลาย เคยมีชื่อเสียงฉาวโฉ่มาก่อน
แต่ถ้าเอามาเทียบกับเจียเฉิง ยังคงห่างกันอีกไกล
เซี่ยหลิงหลิงพูดพลางจิบคาปูชิโน่ไปคำหนึ่ง “ว่ามาเลยค่ะ”
“ผมขอพูดตรงๆเลยนะครับ สิบล้านหยวน แลกกับรูปต้นแบบสองสามใบ คุณรู้ใช่มั้ยว่าผมต้องการอะไร เกมของเจียเฉิงยังไม่ได้มีภาพที่ใช้จริงเลยใช้มั้ย คนที่สำคัญที่สุดคือคนออกแบบพื้นหลัง เรื่องนี้น่าจะยังไม่ได้เผยแพร่ออกสู่สังคม”
เซี่ยหลิงหลิงเหมือนกับว่าเห็นแสงสว่าง “พวกคุณจะก้อปปี้เจียเฉิงเหรอคะ?”
“ฉลาดหลักแหลม!”
เพียงแค่พวกเขาได้ภาพร่างเก่าของเจียเฉิง ก็สามารถเปิดตัวเกมได้เร็วกว่าเจียเฉิงได้ ครั้งนี้เจียเฉิงลงทุนกับเกมไม่น้อย ถ้าไม่ได้มีอะไรผิดพลาด ครั้งนี้ก็ต้องเจ็บหนักอย่างแน่นอน
“เพื่อเป็นการแสดงความจริงใจ พวกเราอยากจะให้คุณก่อนสามล้านหวยน ส่วนเงินที่เหลือ… เงินมาของไป คุณมีความเห็นว่ายังไงครับ” เขาพูดเสริมขึ้นมาโดยที่ไม่รอให้เซี่ยหลิงหลิงคิดไตร่ตรองก่อน “ไม่ต้องกังวลนะครับ ถ้ากลัวว่าบริษัทจะกดดัน พวกเราก็ยินดีจะช่วยทำกรีนการ์ดให้คุณหนีไปใช้ชีวิตที่ต่างได้สบายๆได้สักระยะหนึ่งครับ”
หรือว่าในสองสามปีให้หลังนี้เจียเฉิงจะล่มสลายไปจริงๆ
เซี่ยหลิงหลิงหลับตาและพูดว่า “ให้ฉันคิดดูอีกทีก่อนเถอะค่ะ”
“ผมนึกว่าคุณจะเป็นคนฉลาด”
เซี่ยหลิงหลิงยิ้มอย่างกวนประสาท “ฉันก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน”
ดังนั้น เธอจึงลองคิดไตร่ตรองดูก่อน เพราะเธอจะได้รายได้เสริมตั้งสองสามล้าน
“จริงสิ มาเล่นกับฉันแบบนี้ ไม่กลัวว่าฉันจะเป็นกบฏเหรอคะ?”
“คุณวางใจเถอะ พวกเรามีวิธีการของพวกเราอยู่แล้ว” หลินลี่ทำเหมือนว่าควบคุมสถานการณ์ทุกอย่างไว้ในมือได้
ที่จริงแล้วไม่กี่วันก่อนหน้านี้ ภรรยาของรองประธานเคยพูดขึ้นมาว่าเพื่อนสนิทของเธอรู้จักกับคนที่ทำงานในเจียเฉิง จะมีอยู่คนหนึ่งที่เป็นคนมีความสามารถมาก และคนคนนั้นก็มีความสัมพันธ์ที่ไม่แน่ชัดกับคนระดับสูงในเจียเฉิง
พอได้ยินหล่อนพูดเช่นนั้น รองประธานก็จริงจังจนลืมกินลืมนอน รีบติดต่อเพื่อนสนิทของภรรยาตนด้วยความตื่นเต้นดีใจทันที
พวกเขาสองคนเคยประชุมกันอย่างเป็นความลับครั้งหนึ่ง ฝ่ายนั้นพูดรายละเอียดเยอะมาก เรียกได้ว่ารู้เยอะรู้จริงมากๆ คีย์เวิร์ดสำคัญที่ผู้หญิงคนนี้พูดก็คือคนที่มีความสามารถที่ชื่อเซี่ยหลิงหลิงหลงเงินและโลภมากซะจนแต่งงานกับสามีที่เฉยชาไร้ความรู้สึกเพื่อเงิน และคิดว่าเธอน่าจะยอมทำให้ธุรกิจของตระกูลสามีล้มละลายเพื่อซื้อบ้านอยู่เองได้เช่นกัน
ผู้หญิงที่หลงในเงินทองแบบนี้ ถ้าให้สักสิบล้าน จะไม่หวั่นไหวได้ยังไง
เพื่อที่จะตะล่อมเซี่ยหลิงหลิงที่ละโมบโลภมาก พวกเขาเตรียมการนานมาก เป้าหมายก็คือการที่จะได้ภาพต้นแบบของเจียเฉิง
เพื่อเงินแล้วผู้หญิงก็พร้อมที่จะหักหลัง และแน่นอนว่าต้องยอมหักหลังคนที่หนุนหลังเธออยู่ได้อย่างแน่นอน
พอคิดถึงตรงนี้ หลินลี่พยายามที่จะไม่พูดออกมา ใบหน้าอ้วนๆที่เหมือนกับหม่านโถวมองเซี่ยหลิงหลิงอย่างขำๆ
“คือว่า...ผมอยากจะถามคำถามที่ละลาบละล้วงสักหน่อย คนที่หนุนหลังคุณอยู่คือบอสของเจียเฉิงใช่มั้ย”
เซี่ยหลิงหลิงงงงันกับการที่ถูกเขาถาม
เธอหัวหมุนไปหมด เซี่ยหลิงหลิงคิดไปคิดมา ไม่นึกเลยว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นจริงๆ คนที่หนุนหลังเธออยู่ตอนนี้ก็คือเฉิงรุ่ยจริงๆ เฉิงรุ่ยก็คือบอสของเจียเฉิงไม่ใช่เหรอ
เซี่ยหลิงหลิงพยักหน้าอย่างจริงจัง “ใช่ แต่คุณอย่าไปเปิดเผยต่อภายนอกนะ เขาไม่อยากให้คนอื่นรู้”
“ครับๆ ผมเข้าใจครับ” หลินลี่ชูมือขึ้นเป็นนัยว่า OK
“ฉันอยากจะของไตร่ตรองให้ดีก่อน เงินมากขนาดนั้นคงจะซื้อบ้านได้
เซี่ยหลิงหลิงพยักหน้า
“วางใจได้ค่ะ ฉันรับรองเลย จะไปคิดทบทวนให้ดีก่อนนะคะ” เพื่อจะได้รับเงินก้อนนี้
เซี่ยหลิงหลิงตอบอย่างเสียงดังฟังชัด แววตาแน่วแน่มั่นคง หลินลี่คิดว่าเธอน่าจะติดกับเสียแล้ว เขาจึงยกแก้วกาแฟขึ้น แล้วหันไปทางเซี่ยหลิงหลิง กินกาแฟเพื่อมิตรภาพกับคู่แข่ง....ไม่สิ เพื่อผลประโยชน์กับทั้งสองฝ่ายต่างหาก!
หลินลี่ดื่มเข้าไปอึกใหญ่ ทันใดนั้น เขาก็ขมวดคิ้วด้วยความขมขื่น
ทำไมถึงได้ขมขนาดนี้นะ
…..เขาลืมใส่น้ำตาล!
……
ทั้งสองเจรจาร่วมมือกันด้วยความเป็นมิตร เซี่ยหลิงหลิงรับปากเขาตลอด เธอมองตามเขาที่เดินลับตาไป ผู้ชายคนนั้นนัดเวลาที่จะเจอกันครั้งหน้าเอาไว้แล้ว
ไม่นึกเลยว่าสุดท้ายแล้วสถานการณ์จะฉุกเฉินขนาดนี้ พวกเขาจะต้องทำทุกวิถีทางให้เจียเฉิงล่มสลายไปแน่ๆ
เซี่ยหลิงหลิงฮัมเพลงอย่างสบายใจ พอกลับถึงบ้าน เปิดประตูแล้วเธอก็เรียกชื่อของเฉิงรุ่ย “รุ่ย รุ่ยรุ่ย นายอยู่ไหน ออกมาเร็ว ฉันมีเรื่องจะคุยกับนายหน่อย!”
พอเซี่ยหลิงหลิงพูดจบ ประตูห้องอาบน้ำก็ถูกเปิดออก
ตรงหน้าคือเฉิงรุ่ยที่ดูเซื่องซึมสวมชุดนอนที่มีฉากหลังเป็นห้องอาบน้ำ ผิวดูเปียกชุ่ม ผมชื้นแฉะที่มีหยดน้ำไหลลงมาถูกเขาใช้ผ้าขนหนูเช็ดจนเกลี้ยง ผิวสีขาวน้ำนมของเขาโดนความร้อนน้ำอุ่นๆจนแดงเล็กน้อย ปกคอเสื้อของเขาเปิดกว้าง เผยให้เห็นไหปลาร้าที่ดูสวยงามของเขาอย่างชัดเจน
การที่มีเทพบุตรรูปงามอยู่ตรงหน้า ที่ให้เซี่ยหลิงหลิงใจลอยกลืนน้ำลายลงคอไปอึกใหญ่
ใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดง
แม้ว่าเธอจะเห็นเฉิงรุ่ยจนชินแล้ว แต่ไอ้หมอนี่มันดูดีจริงๆ
เฉิงรุ่ยเดินมาข้างหน้า เขามองสำรวจเซี่ยหลิงหลิงอย่างใกล้ชิดด้วยดวงตาสีดำที่ดูลึกลับ เขาก้มลงมาทั้งสองอยู่ใกล้กันมากจนเธอเกือบจะได้กลิ่นไอน้ำร้อนและชื้นบนร่างกายของเขา
เซี่ยหลิงหลิงพูดติดอ่างเล็กน้อย “นาย...จะ...ทำไร”
เขาพูดอย่างจริงจัง “ไม่สบายเหรอ?”
เซี่ยหลิงหลิง “....นายอย่าแช่งฉันได้มั้ย!”
...
เธอถูกเฉิงรุ่ยทำให้ใจปั่นป่วนจนเกือบลืมว่าจะพูดอะไร พอได้สติกลับมา เธอก็จ้องเขา แล้วพูดต่อว่า “คืองี้ วันนี้มีคนมาหาฉัน บอกว่อยากจะให้ฉันขโมยภาพร่างเก่าๆของเจียเฉิงไปให้เขา”
เฉิงรุ่ยหยุดการเช็ดผมที่เชื่องช้าของเขา และพูดว่า “ห้ะ?”
“นายคิดว่าพวกเราทำธุรกิจนี้กันดีมั้ย” เซี่ยหลิงหลิงกระพริบตาปริบๆด้วยสายตาที่เจ้าเล่ห์
สองสามีภรรยาสายตาเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
ดูๆไปแล้ว..
น่าจะสำเร็จนะ!
อัพเดทครั้งหน้า วันที่18 พ.ย. 2019
จะมาในเร็วๆนี้ โปรดอดใจรอก่อน