ตอนที่ 42
ตนที่ 42
ตามคำร้องขอของบริษัท เซี่ยหลิงหลิงได้เปิดบัญชีWeiboในชื่อของบริษัท คิดให้ตายยังไงก็คิดชื่อที่ไม่มีคำว่า “หลิง” อยู่ในชื่อบัญชีWeiboของตัวเองไม่ได้ ใช้เวลาเนิ่นนานไปทั้งวันจนทำให้เธอคิดว่าอาจจะเป็นคนแรกที่ตายเพราะคิดชื่อบัญชีWeiboไม่ออก
ตามที่พวกเลขานินทากันว่าในตอนนั้นบอสถูหนานได้ยินชื่อของเซี่ยหลิงหลิง กล้ามเนื้อหน้าของเขาก็หน้าหงิกเหมือนถูกตะคริวกินไปพักหนึ่ง ถูหนานมีสายตาที่เหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เขาก็กลืนคำพูดที่อยากจะพูดของตัวเองลงคอไป
เขาเอามือเคาะโต๊ะ และพูดว่า “อืม….นกอ้วนบินก่อน...ชื่่อนี้ ฟังดูค่อนข้างโอเค”
เซี่ยหลิงหลิงเริ่มเข้าใจในท่าทีที่อยากหัวเราะแต่หัวเราะไม่ได้
ไม่คิดว่าชื่อนี้น่ารักดีหรอกเหรอ
เซี่ยหลิงหลิงแสดงออกมาชัดเจนว่าเธอพึงพอใจเป็นอย่างมาก
บัญชีWeiboชื่อว่า“นกอ้วนบินก่อน”ถูกสร้างขึ้น และถูกลิงก์ไว้กับชื่อศิลปินผู้ออกแบบ เกม “Legend of knight” และยังถูกเพิ่มไว้ในอินสตาแกรมบัญชีทางการของบริษัทด้วย กลายเป็นว่าดึงดูดคนมากมายที่ไม่ได้สนอกสนใจเรื่องนี้มากลุ่มใหญ่ พวกเขา
นกอ้วนบินก่อน “ฮาโลวว มื้อเย็นกินอะไรกัน? แนะนำให้ฉันหน่อยสิ”
ดังนั้น เดิมทีชาวเน็ตที่รีบมาสารภาพก็ลืมความโกรธแค้นในตอนแรกไปโดยพริบตา ค่อยๆเม้นตอบโพสต์มื้อเย็นของตัวเอง และมีคนไม่น้อยที่ยังแนบรูปถ่ายทำให้ไปอยู่บนเม้นยอดฮิต การโต้ตอบที่ดีแบบนี้กลายเป็นพื้นที่ใหญ่ที่แลกเปลี่ยนไอเดียมื้อเย็น
สองชั่วโมงต่อมา นกอ้วนบินก่อนได้โพสข้อความใหม่ในWeibo เนื้อหามีแค่คำง่ายๆสองคำ “ข้าวเย็น”
ภาพที่โพสเป็นภาพถ่ายของอาหารที่ไม่ได้ปรับสีรูปด้วยแอพใดๆทั้งสิ้น บนโต๊ะมีอาหารทำเองอยู่สองสามอย่าง มีทั้งเนื้อและผัก มีสีเป็นสีแดงๆเขียวๆดูน่าทาน เข้าคู่กับข้าวสวยสองชาม คนที่มองภาพเห็นแล้วก็ต้องรู้สึกอยากอาหารจนอยากจะกินด้วยสักสองสามคำ
“ว้าว ทำเป็นบล็อกเหรอ วาดรูปก็ได้ ทำอาหารก็เป็น ช่างเป็นเทพธิดาจริงๆเลย”
“คนที่อยู่ข้างๆคือใครอ่ะ?”
“น่าอิจฉาจริง ฉันก็อยากกิน”
“ชีวิตแบบเทพธิดานี่น่าอิจฉาจุงเบย!”
คนที่ไม่รู้ ก็คิดว่าเป็นบล็อกทำอาหาร บนWeiboเต็มไปด้วยเรื่องที่ไม่ได้เกี่ยวกับบริษัท คอมเม้นมีเพียงแค่เกี่ยวกับแสดงความขอโทษและคุยกันเรื่องกิน
ในชาติที่แล้วตอนที่เซี่ยหลิงหลิงสร้างบัญชีWeiboของตัวเอง แต่ก็มีแฟนคลับติดตามน้อยกว่าตอนนี้เยอะมาก เธอในตอนนั้นก็ไม่ได้พสต์อะไรมากมาย แต่โพสต์รูปที่ตัวเองวาด บางทีก็โพสต์รูปที่ถ่ายวิวตอนไปเที่ยว จำนวนผู้ติดตามที่คึกคักมีไม่มาก แต่ก็เหมือนมีความชอบที่คล้ายคลึงกัน
ในตอนนี้ มีจำนวนผู้ติดตามจำนวนมากแล้ว แต่ทุกเย็นเธอก็จะได้รับข้อความส่วนตัวจากWeiboและอินสตาแกรม จนทำให้เซี่ยหลิงหลิงกังวลใจเล็กน้อย แต่ก็ดีคนที่คิดจะหาเรื่องมีน้อยลง คนส่วนใหญ่เป็นพวกจิตใจดีและน่ารัก เซี่ยหลิงหลิงโพสต์ต้นฉบับที่ร่างไว้เสร็จลงตามคำขอของบริษัท เมื่อเบิกตามองก็เห็นยอดติดตามที่พุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ และเวลาอันสั้นๆไม่กี่วันนี้ ยอดติดตามก็ทะลุแสน
เซี่ยหลิงหลิงรู้สึกตกใจ “ไม่นึกเลยจริงๆว่าจะมีคนติดตามเยอะขนาดนี้”
ปกติเธอไม่ค่อยอัพสตอรี่ และก็จัดการบัญชีไม่ค่อยเป็น บัญชีจะต้องเงียบแน่ๆ
“ที่เป็นเรื่องที่เกินความคาดหมายละสิ” เหล่าเมิ่งพูดขึ้นมา และยิ้มตาตี่มองไปที่เซี่ยหลิงหลิง “ไม่ต้องไปสนใจพวกเค้าหรอก ฉันดูWeiboของเธอ รู้สึกอบอุ่นดี อ้อ แล้วก็ เธอสอนฉันทำมะเขือทอดได้มั้ย ภรรยาฉันเห็นแล้วตาเยิ้มเชียว ท่าทางเค้าจะอยากกินมาก
เหล่าเมิ่งพูดพลางนำถุงใส่พุทราวางไว้บนโต๊ะของเซี่ยหลิงหลิง
“นี่เป็นขนมท้องถิ่นของบ้านภรรยาฉัน เค้าบอกว่าให้เธอหนึ่งชุด มันอาจจะดูหน้าตาไม่น่ากิน มันคือลูกท้อกรอบหวาน รสชาติไม่เลว”
เซี่ยหลิงหลิงรีบร้อนขอบอกขอบใจอย่างจริงจัง
ช่วงนี้พวกพนักงานในบริษัทปฏิบัติตัวกับเซี่ยหลิงหลิงเปลี่ยนไปจากเดิมมาก ไม่เพียงแค่เคารพ แต่ถึงขนาดที่ว่าไม่กล้ามองตา เพราะแค่มองตาเธอก็เหมือนกับมองตาบอสใหญ๋ แม้แต่ท่านประธานถูหนานยังเคารพนอบน้อมเซี่ยหลิงหลิงเลย พวกเขาจึงไม่กล้าที่จะหยอกล้อ พูดจาล้อเล่น หรือหาเรื่องอะไรเซี่ยหลิงหลิงอีกเลย
เซี่ยหลิงหลิงเริ่มแรกอยากจะเข้ามาปรับตัวเป็นพนักงานธรรมดาๆ แต่สุดท้ายก็รู้และเข้าใจ ว่าตัวเองไม่มีความจำเป็นต้องปรับตัวเข้าหาทุกคน เธอมีจุดยืนเป็นคนตัวเองตั้งแต่แรก ตำแหน่งไม่ได้ต่ำต้อย ตอนนี้กลายเป็นพนักงานหลัก และไม่มีวิธีที่จะปรับตัวเขาหาพวกเขา สำหรับทุกคนแล้วมันคือหน้าที่
คำพูดของเซี่ยหลิงหลิงทำให้เหล่าเมิ่งหัวเราะ บอกว่าถ้าเธอคิดได้และเข้าใจก็ดีแล้ว
บนเวทีงานเลี้ยงประจำปีกู้โหยวพูดได้ดี ช่วงนี้เขากำลังเฉิดฉาย มีคนจากหลายสำนักมาสัมภาษณ์ มีสื่อมวลชนจากบนโลกโซเชียลไม่น้อยที่เห็นถึงใบหน้าที่หล่อเหลาของเขา ทั้งรูปลักษณ์ภายนอกและจิตใจข้างในล้วนดีไปหมด คนแบบนี้จะไม่อยากเรียกเรตติ้งฐานแฟนคลับได้ยังไง
เซี่ยหลิงหลิงเคยเจอเขาที่บริษัทครั้งหนึ่ง กู้โหยวสุภาพและมีมารยาท มีบุคลิกดี มีกิริยาที่งดงาม ทั้งสองคนร่วมมือกันหลบหลีกเรื่องในวันนั้น
ไม่รู้ว่ากู้โหยวโดนใครวางยา และไม่รู้ว่าระหว่างพวกเขาเคยเกิดเรื่องอะไรขึ้นแล้วบ้าง
ก็แค่ ตอนที่เซี่ยหลิงหลิงเห็นสัมภาษณ์ สื่อมวลชนเคยถามเขาว่าเขากำลังคบหาดูใจกับใครอยู่หรือไม่ เขาตอบออกมาว่าตัวเองโสด เซี่ยหลิงหลิงก็รู้เลยว่า แผนการนี้ของไป๋เซวียนเซวียนท่าทางจะไม่ได้ง่ายดายเหมือนในนิยาย
ในหนังสือช่วงเวลานี้จะเป็นตอนที่กู้โหยวได้ออกมาตอบคำถามให้กับสื่อมวลชน แจกรอยยิ้มที่อ่อยโยนให้กับทุกคน และเปิดตัวคู่หมั้นของตัวเองอย่างสบายใจ ไม่มีท่าทีว่ารังเกียจเลยแม้แต่นิดเดียว
การกระทำของเขาแบบนี้ยิ่งทำให้เกิดเรื่องเข้าไปอีก
ผ่านพ้นปีใหม่ เริ่มเดือนแรก เขาอยากจะเข้าร่วมการแข่งขันในฐานะพนักงานเอนเตอร์เทนของเจียเฉิง นี่เป็นการแข่งขันครั้งสุดท้ายของกู้โหยว และจะเป็นการแข่งขันที่เจิดจรัสที่สุดในชีวิตของเขา หลังจากที่เขาได้แชมป์ เขาก็สมปรารถนา จากนั้นก็เปลี่ยนจากการทำงานเบื้องหน้าไปทำงานเบื้องหลัง เป็นการเปลี่ยนแปลงในชีวิตเป็นครั้งที่สองของเขา
ไม่พูดไม่ได้เลยว่า ไม่ว่าจะในหนังสือหรือนอกหนังสือ เซี่ยหลิงหลิงก็ชื่นชอบในความอบอุ่นและแข็งแกร่งแบบผู้ชายของกู้โหยวเอามากๆ
เรื่องราวพัฒนามาจนถึงตอนนี้ เซี่ยหลิงหลิงก็ยังไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้วกู้โหยวจะได้คู่กับใคร ไม่แน่ว่าบทอาจจะพลิกก็ได้ อาจจะรักกับภรรยาในภพก่อนก็ได้ เป็นเรื่องที่เอาแน่เอานอนไม่ได้
“คุณเซี่ย ถึงบ้านแล้วครับ”
คนขับรถเตือนเซี่ยหลิงหลิง พอได้สติ เธอก็พูดว่าขอบคุณ ถือลูกท้อกลับบ้าน ศีรษะของเธอปกปิดไว้ในหมวก หนาวจนมือแข็งไปหมด โผล่ออกมาแค่สองนิ้วที่หิ้วถุงลูกท้อ ตัวสั่นกลับบ้านไป
ห้องนั่งเล่นเปิดไฟดวงเล็กๆไว้แค่ดวงเดียว ผ้าม่านก็ปิดอยู่ จนมืดอึมครึม เซี่ยหลิงหลิงนิ่งไปสักพัก และพูดออกมาว่า “เฉิงรุ่ย?”
ประตูห้องอาบน้ำถูกเปิดออก
เฉิงรุ่ยเช็ดผมสั้นๆที่เปียกชื้น และพูดออกมาด้วยความเชื่องช้า “ครับผม”
เซี่ยหลิงหลิงเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย “ป่านนี้แล้วนายยังจะอาบน้ำอีก”
สายตาของเฉิงรุ่ยเหม่อลอย แต่ท่าทางยังคงเรียบเฉยเหมือนเก่า “อยากอาบน้ำ”
เซี่ยหลิงหลิง “....” เธอไม่มีคำโต้แย้งใดๆที่จะมาเถียงเหตุผลของเขาเลย
ครั้งนี้เป็นครั้งที่สี่แล้วที่เวลาเซี่ยหลิงหลิงตามหาเฉิงรุ่ย ก็จะต้องเห็นเขาเปิดประตูออกมาจากห้องอาบน้ำแบบนี้ ตามปกติแล้วเขาไม่ค่อยทำอะไรแบบนี้ ถ้าตอนที่ตื่นมาแล้วไม่เห็นเขาในตอนเช้าหรือตอนกลางดึก ก็จะได้ยินเสียงเฉิงร่ยล้างมือในห้องน้ำ เซี่ยหลิงหลิงเกือบจะคิดว่าอีตาบ้านี่ไม่เคยอาบน้ำมาก่อน
ทั้งสองคนมองกันไปมา
เซี่ยหลิงหลิงเดินไปข้างหน้าโดยไม่รู้ตัว จากนั้นเธอก็ดึงแขนของเฉิงรุ่ย แล้วดมกลิ่นบนร่างกายของเขา
“……”
“……”
พวกเขาทั้งสองจ้องมองกันภายใต้แสงไฟสีเหลืองที่สลัวๆ บรรยากาศสวยมาก นิ้วที่เย็นยะเยือกและนุ่มนวลของเซี่ยหลิงหลิงแตะไปบนไหล่ที่ดูแข็งแกร่งอันอบอุ่นของเขา เธอได้กลิ่นไอร้อนหลังอาบน้ำที่ออกมาจากผิวหนัง และยังได้กลิ่นครีมอาบน้ำอีกด้วย
เธอเงยหน้า สายตาที่หางตายกขึ้นได้รูปเป็นเหมือนตาลูกท้อ ริมฝีปากโค้งที่แดงชุ่มชื่นยิ้มขึ้น ทำให้เห็นฟันเขี้ยวเล็กๆที่แหลมทั้งสองข้าง
เธอหน้าแดงเล็กน้อย ดวงตาเป็นประกายเหมือนกับดวงดาวนับล้านในกาแล็กซี่
หลังจากนั้น
เธอพูดออกมาขำๆว่า “ทำไมอาบน้ำเสร็จต้องฉีดน้ำหอมด้วย”
เฉิงรุ่ย “เธอได้กลิ่นผิดแล้ว”
เซี่ยหลิงหลิง “ฉันเคยได้กลิ่นเมื่อสองวันก่อน เป็นกลิ่นน้ำหอมกุชชี่ของผู้ชายใช่รึเปล่า”
เฉิงรุ่ย “เธอได้กลิ่นผิดแล้ว”
เซี่ยหลิงหลิง “ราคาพันกว่าหยวน”
เฉิงรุ่ยยังคงพูดเหมือนเดิม “เธอได้กลิ่นผิดแล้ว”
จับได้ขนาดนี้แล้วยังจะไม่ยอมรับอีก
เดิมทีเซี่ยหลิงหลิงคิดจะเอาน้ำหอมมาเป็นของขวัญวันเกิดให้เฉิงรุ่ย แต่หลังจากลองน้ำหอมหลายครั้ง เธอก็พบว่ากลิ่นเหล่านั้นไม่หอมเท่ากับร่างกายที่สะอาดและสดชื่นหลังการอาบน้ำของเฉิงรุ่ย จะพูดอีกอย่างก็คือ เขาไม่ได้มีโอกาสที่จะใช้น้ำหอมบ่อยนัก ซื้อขนมห่อใหญ่ๆให้น่าจะทำให้เขามีความสุขและตื่นเต้นดีใจได้มากกว่า
ตอนนีดูเหมือนว่าเฉิงรุ่ยจะยังชอบน้ำหอม?
ดังนั้นเซี่ยหลิงหลิง
เซี่ยหลิงหลิเอ่ย “ฉันไปล้างลูกท้อก่อนนะ” พูดจบเธอก็เดินไปที่ห้องครัว ทิ้งให้เฉิงรุ่ยยืนอยู่ที่เดิม
มีลมเย็นๆพัดมา เขาคิดอย่างเงียบๆ
“อ้อ จริงสิ ช่วงที่หยุดวันปีใหม่ นายวางแผนจะทำอะไร”
คำตอบของเฉิงรุ่ยเกินสิ่งที่เซี่ยหลิงหลิงคาดการณ์เอาไว้มาก เขาตอบมาอย่างเชื่องช้าว่าไปทำงานนอกสถานที่
เดินทางไปทำงานนอกสถานที่?!
เซี่ยหลิงหลิงทำหน้างุนงง “ทำไมช่วงปีใหม่ถึงต้องไปทำงานนอกสถานที่ด้วย ใครเขาทำงานกัน”
เฉิงรุ่ยเช็ดหยดน้ำบนหัว “มีเรื่องส่วนตัวต้องทำ”
ในตอนนั้นเซี่ยหลิงหลิงกลุ้มใจเล็กน้อย
งั้นแผนของเธอก็ จะต้องล่มอีกแล้วงั้นหรือ