บทที่ 46
บ๗ที่ 46
เธอหันหน้ากลับไปดู ก็เห็นเป็นเฉิงรุ่ยที่ยืนหน้านิ่งอยู่ด้านหลัง ไม่รู้ว่ามันคือการเซอร์ไพรส์หรือการทำให้ตกใจ เซี่ยหลิงหลิงจ้องไปที่เขาด้วยสายตาโกรธเคือง : “มันเกิดอะไรขึ้น? ทำไมนายถึงไม่บินไปดูงาน?”
ดวงตาของเฉิงรุ่ยเริ่มล่อกแล่ก : “สภาพอากาศไม่ดี ไฟล์ทยกเลิก”
เซี่ยหลิงหลิง : “......นายบินช่วงเช้าไม่ใช่เหรอ?”
“อื้ม มันยกเลิก”
แม้ว่าเฉิงรุ่ยจะตอบกลับมาด้วยท่าทีนิ่งๆ แต่เซนส์ของเซี่ยหลิงหลิงก็บอกเธอว่า เฉิงรุ่ยกำลังพูดโกหกอยู่แน่ๆ
แต่ว่า......ช่างมันเถอะ ตอนแรกก็กะไว้ว่าจะฉลองวันเกิดให้เขาอยู่แล้ว เรื่องแบบนี้ไม่มีใครคาดถึงอยู่แล้ว
เซี่ยหลิงหลิงถอนหายใจ : “กลับบ้านกันเถอะ”
ทั้งสองคนเดินเพียงไม่กี่ก้าว เซี่ยหลิงหลิงก็หันไปมองเฉิงรุ่ยแวบนึง แล้วก็ดูอีกแวบนึง และมันก็ทำให้เฉิงรุ่ยถึงกับต้องสำรวจร่างกายตัวเองว่ามีอะไรผิดปกติหรือเปล่า
“นี่”
เซี่ยหลิงหลิงถาม : “ตอนมานี่นายรีบมากเลยเหรอ?”
น้อยครั้งที่เฉิงรุ่ยจะอยู่ในสภาพเหงื่อเปียกโชกแบบนี้ แต่ในขณะนี้ ผมของเขามีรอบเปียก เหงื่อไหลผ่านมาทางลำคอ จนเสื้อช่วงแผงอกนั้นเปียกชุ่มไปหมด ตอนเขาเดินก็ดูเงียบๆ เหมือนปกติในทุกๆวัน แต่สภาพร่างกายของเขาในตอนนี้มันบอกกับเซี่ยหลิงหลิงว่า เมื่อสักครู่เขาได้ผ่านการออกกำลังกายอย่างดุเดือดมา
เฉิงรุ่ยเงียบไปครู่เดียว ก่อนจะตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงนุ่มๆ : “ข้างนอกหิมะตกไง”
“งั้นเหรอ”
เซี่ยหลิงหลิงฉุกคิด ก็จริง คนอย่างเฉิงรุ่ยไม่มีทางรีบถ่อมาถึงที่นี่เพื่อเธอได้หรอก เขาทำอะไรก็เชื่องช้าไปหมดทุกอย่าง แม้แต่ตอนแข่งยังลุกเดินไปดื่มน้ำได้ อย่าไปอะไรมากกับผู้ที่มีบุคลิกเชื่องช้าแบบนี้เลย
ทั้งสองเดินออกมาจากสนามบิน เกล็ดหิมะถาโถมลงมา
ตอนที่มาสนามบินยังไม่มีท่าทีว่าหิมะจะตกได้เลย แค่เพียงเวลาสั้นๆ ถนนทั้งสายก็ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวแล้ว
เฉิงรุ่ยเรียกแท็กซี่ ทั้งสองขึ้นรถนั่งที่เบาะหลัง ต่างก็ไม่มีใครเริ่มเอ่ยปากพูดอะไรออกมาก่อน
เซี่ยหลิงหลิงจิกตามมองไปที่เขา : “ไม่อยากรู้เหรอว่าฉันจะบินไปหานายทำไม?”
“เธออยากไปเที่ยว” เขาให้คำตอบที่พอจะมีความเป็นไปได้มากที่สุด
เฉิงรุ่ยตัดเรื่องความเป็นไปได้ที่เซี่ยหลิงหลิงจะตามไปหาเขาถึงอีกเมืองได้ออกก่อนเป็นอันดับแรก
“นายทายผิดแล้วล่ะ”
คนขับรถเปิดวิทยุขึ้นมา ดีเจกำลังนับถอยหลัง เตรียมตัวอวยพรวันปีใหม่ให้กับทุกๆคน เพื่อเริ่มต้นปีใหม่กัน
เมื่อเวลานี้จะดูไม่ค่อยเหมาะสมสักเท่าไหร่ ไม่มีเค้ก ไม่มีบรรยากาศดีๆ ไม่มีเพลงอวยพรใดๆ แถมนอกหน้าต่างยังมีหิมะที่ตกลงมาอย่างหนัก
มันส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของเซี่ยหลิงหลิงเล็กน้อย
ในขณะที่ดีเจนับถอยหลังเคาท์ดาวน์มาจนถึงเลขสุดท้าย เธอก็หยิบก้อนเค้กที่ถูกแช่แข็งจนห่อตัวเป็นก้อนออกมาจากกระเป๋าเสื้อ ยื่นไปตรงหน้าเฉิงรุ่ยแล้วพูดออกมาว่า : “สุขสันต์วันเกิดนะ”
“......”
เสียงเพลงเฉลิมฉลองดังออกมาจากวิทยุ คนขับเปิดวิทยุเสียงค่อนข้างดัง แทบจะกลบเสียงของเซี่ยหลิงหลิง จากนัยน์ตาที่นิ่งขรึมของเฉิงรุ่ย เมื่อได้ยินคำพูดของเซี่ยหลิงหลิงแล้ว ก็เกิดอาการตกใจตื่นเต้นขึ้นมาในทันที สายตาเรียวสวยคู่นั้นจ้องมองมาที่เซี่ยหลิงหลิงนิ่ง ไม่มีคำพูดใดๆ
ดวงตาที่ดำของเขาเมื่อตั้งใจมองไปที่ใครแล้ว ก็ทำให้คนๆนั้นรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาได้เช่นกัน เซี่ยหลิงหลิงเองก็รู้สึก
เซี่ยหลิงหลิงกระแอม : “กะจะไม่พูดอะไรหน่อยเลยหรือไง? คุณเฉิง?”
“......”
“หรือว่านายรังเกียจหาว่าเค้กที่ฉันให้มันรูปร่างน่าเกลียดเกินไปใช่มั้ยล่ะ?” เซี่ยหลิงหลิงก้มหน้ามองเค้กที่เละเทะในมือ อืม น่าเกลียดจริงด้วย
เธอกะจะเก็บมันเข้ากระเป๋าเสื้อ
แต่อยู่ๆเฉิงรุ่ยก็รีบรับมันไปถือไว้ เหมือนก่อนหน้านี้ที่เคยแย่ง “ขี้แกะ”ของเซี่ยหลิงหลิงไปในคราวนั้นไม่มีผิด เขากุมมันไว้ในมือ เปิดฝาออกแล้วใช้ซ้อมที่ติดมาตักเค้กเข้าปากไปหนึ่งคำ
“ห้ามพูดว่ามันไม่อร่อยนะ แม้ในร้านจะเหลือเค้กไม่กี่ชิ้น แต่ชิ้นนี้ก่อนที่มันจะเละเทะแบบนี้มันเคยเป็นชิ้นที่ขายดีที่สุด เพราะฉะนั้น......”
“อร่อย”
สายตาของเขาเต็มไปด้วยความอิ่มเอม น้ำเสียงต่ำ พูดเสร็จก็ตักกินอีกคำใหญ่ เซี่ยหลิงหลิงกลัวเขาจะติดคอ
แต่สิ่งที่เธอไม่ร็ก็คือ นับตั้งแต่วันที่แม่ของเขาเสียไป เฉิงรุ่ยก็ไม่เคยฉลองวันเกิดอีกเลย หากพูดถึงเค้กมันถือเป็นความทรงจำที่ผ่านไปนานมากๆแล้วของเฉิงรุ่ย รสสัมผัสที่หวานหอมจนเลี่ยนนี้ช่างคุ้นเคยแต่ก็เหินห่าง
เซี่ยหลิงหลิงรู้สึกโล่งอก แม้จะรู้ดีว่าเฉิงรุ่ยเป็นพวกชอบกิน แต่เรื่องเค้กวันเกิด มันมีความหมายมากกว่านั้น
เธอพูดขึ้นมา : “นายรู้มั้ย ตอนแรกฉันจองตั๋วหนังและร้านอาหารเอาไว้ ก็ต้องมายกเลิกไปหมดเลย น่าโมโหจริงๆ หากไม่ใช่เพราะนายต้องมาบังเอิญยกเลิกเที่ยวบิน ฉันคงโมโหจนทุบนายให้ตายคามือไปแล้วล่ะ”
“แค๊กแค๊กแค๊ก......” เฉิงรุ่ยสำลักไอขึ้นมา
เฉิงรุ่ยที่กำลังกินเค้กอยู่ก็นึกขึ้นได้ หากเซี่ยหลิงหลิงไปเห็นมื้อค่ำที่เขาเตรียมไว้ให้เต็มโต๊ะที่บ้านแล้ว ก็คงจะต้องพบเจอกับมหันตภัยอันใหญ่หลวงเข้าแน่ๆ
เซี่ยหลิงหลิง : “? ? ? เป็นอะไรเหรอ?”
เฉิงรุ่ย : “มันติดคอฉัน ไปโรงพยาบาลเถอะ เข้าแผนกฉุกเฉิน”
คำตอบที่ได้กลับมาคือสายตาอาฆาตของเซี่ยหลิงหลิง
“......นายเห็นว่าฉันโง่เหรอ”